คดีพิศวงคดีฆาตกรรมในเรือดำน้ำปิดตาย
.
.
.
เรือดำน้ำ ยูซีทรีนอติลุส (UC3- Nautilus)
1 ในเรือดำน้ำที่ได้รับความสนใจจากสื่อมวลชนทั่วโลก
เพราะเป็นเรือดำน้ำที่ประกอบขึ้นโดยนักต่อเรือมือสมัครเล่นลำใหญ่ที่สุดของโลก ?
เปล่าค่ะ !!! แต่เป็นเพราะ เกิดคดีฆาตกรรมในห้องปิดตาย ในเรือดำน้ำ !!
ที่มี คนอยู่ 2 คนในเรือขณะเกิดเหตุที่กำลัง อยู่ใต้น้ำ
คนนึงเสียชีวิต อีกคนปฎิเสธและยืนยันว่า ตัวเองบริสุทธิ์
ถ้าฆาตกร ไม่ใช่คนที่ยังอยู่ แล้วใครทำ เกิดอะไรขึ้น
คินดะอิจิ, โคนัน, โทมะ โซ ต่างถูกใจสิ่งนี้ ........
ผมขอเดิมพันด้วยชื่อเสียงของคุณปู่~ความจริงมีเพียงหนึ่งเดียว~ซึ่งต้องพิสูจน์
ถ้าคุณปักใจแล้ว ว่าฆาตกรก็คนที่ยังเหลืออยู่นั่นแหละ ก็มีกัน 2 คน ในเรือดำน้ำ
ใครจะเข้าออกได้ มันก็ต้องคนที่รอดป่ะ !!
หยุดอ่านตั้งแต่บรรทัดนี้เลยค่ะ

.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
~ไม่หยุดงั้นอ่านต่อ~
.
.
.
.
.
เรื่องราวเริ่มขึ้นที่
ปีเตอร์ แมดเซน(Peter Madsen) หนุ่มชาวเดนมาร์กวัย 46 ปี ผู้สร้างเรือดำน้ำนอติลูส (UC3- Nautilus)
ด้วยตนเอง โดยตัวเรือมีความยาว 18 ม. น้ำหนักรวมประมาณ 40 ตันกรอส

หากมันสามารถดำได้จริง ก็จะเป็นอีกสถิติที่ต้องบันทึกลงสถิติของโลก
ในหมวด เรือดำน้ำที่ผลิตโดนคนคนเดียว และดำน้ำจริงได้สำเร็จ
ส่วนนึงที่มีผู้สนใจข่าวนี้เพราะเรือดำน้ำ มีความซับซ้อนมากกว่าเรือทั่วไป
ทั้งพลังงาน การขับเคลื่อน การดำน้ำ การลอยตัว ขีดจำกัด ความปลอดภัย อากาศ
คำถามที่คนสนใจคร่าว ๆ คือ
มันสามารถดำได้จริงไหม ?
ดำได้นานเท่าไหร่ ?
ได้มาตรฐานหรือไม่ ?
ชีวิตในเรือดำน้ำเป็นอย่างไร ?

คำถามที่คนสนใจมีมากมาย จึงเป็นโอกาสที่ดี หากจะมีผู้สื่อข่าวติกตามข่าวอย่างใกล้ชิด
ยิ่งในยุคข่าวสาร Live & Social Media จึงเป็นโอกาสที่การทำข่าวแบบเจาะลึก
เพราะเป็นที่สนใจไปทั่วโลก
คิม วอลล์ ผู้สื่อข่าวอิสระสาว วัย 30 ปี ซึ่งขณะนั้นทำงานให้กับหนังสือพิมพ์เดอะการ์เดียน
และนิวยอร์กไทมส์ ให้ความสนใจข่าวนี้และตัดสินใจ นำเสนอแบบรายงานข่าวต่อเนื่อง และสกู๊ปพิเศษ
จากการติดต่อกัน ของคิม และ ปีเตอร์ ในการให้สัมภาษณ์เพื่อเขียนข่าว
ด้วยผลประโยชน์ร่วมกัน จึงทำให้ทั้ง 2 ได้พูดคุยกันมากขึ้นจนสนิทสนมกันในระดับนึง
จนปีเตอร์ได้เสนอให้คิม ได้ร่วมเป็นสักขีพยานในความสำเร็จของ เรือดำน้ำสร้างเองที่ใหญ่ที่สุดในโลก
ด้วยการเชิญเธอลงไปในวันทดสอบด้วย และให้ทางคิม ประสานกับสื่อต้นสังกัด
ทำสกู๊ปใหญ่ มีการกำหนดเส้นทาง ที่จะลอยลำขึ้น มีการเลือกโลเคชั่น เซทติ้งการข่าว
คิม พิจารณาด้วยตนเองก่อนนำเสนอ หัวหน้าของเธอ ซึ่งทุกอย่างผ่านฉลุย
ถ้าทุกอย่างราบรื่น
ปีเตอร์ จะกลายเป็นคนดัง ที่ ต่อยอดได้อีกมาก โอกาสที่นายทุนใหญ่จะเข้ามาสนับสนุน ก็เช่นกัน
คิม ได้ข่าวใหญ่ ได้กล่อง เส้นทางสื่อสารมวลชน ยิ่งดีขึ้น WIN~WIN SOLUTION
โดยในการทดสอบการใช้งาน จะทดสอบโดยแล่นเรือจากท่าเรือ ไปยังอ่าวทางตอนใต้ของกรุงโคเปนเฮเกน
โดยมี คิม นักข่าวสาวร่วมเป็นลูกเรือและผู้สังเกตการณ์ ในความสำเร็จนี้
XX ส.ค. 2560
เรือดำน้ำยูซีทรีนอติลุส เริ่มออกเดินทาง
10 ส.ค. 2560
มีข่าวว่า เรือประสบอุบัติเหตุ
ระหว่างดำน้ำ รายงานข่าวช่วงแรกรายงานเพียง "เกิดอุบัติเหตุบางประการ โดยนายแมดเซน
ขอความช่วยเหลือจากหน่วยกู้ภัย ให้มาช่วยนำเขาออกไป
เจ้าหน้าที่ยามฝั่งท่านนึง จำข่าวได้ จึงทวนคำถามกลับไปทางวิทยุ
"คุณใช้คำว่า ช่วยผมด้วย ไม่ใช่ช่วยพวกเราด้วย" "ในเรือมีคนกี่คน ?"
#ทั้งเรือมีผมคนเดียว
ทางกู้ภัยเมื่อไปถึง เรือมีสถานที่ไม่อันตรายเกินไป จึงพยายามทำการสำรวจในเรือ
ซึ่งไม่พบ น.ส. คิม ผู้สื่อข่าวอิสระชาวสวีเดน วัย 30 ปี ในเรือ
แต่ มีพยานยืนยันว่า พบเห็น คิมครั้งสุดท้ายขณะ กำลังลงเรือดำน้ำไปกับนายแมดเซน
ซึ่งเป็นการลงเรือไปทำข่าวตามที่เกริ่นมาข้างต้น
ทันทีที่เป็นข่าว ทุกสายตาก็จับตาไปที่ นายแมดเซน และคดีนี้ทันที
โดยหลังจากช่วยเหลือนายแมดเซนสำเร็จ เขาตอบกับเจ้าหน้าที่กู้ภัยที่เข้าไปช่วยเหลือว่า
"ได้แอบส่ง น.ส.คิม ขึ้นฝั่งแถวเมืองโคเปนเฮเกนแล้ว เธอไม่ได้อยู่ในเรือดำน้ำ มีผมคนเดียว"
11 ส.ค. 2560
ทางตำรวจได้ทำการควบคุมตัวนายแมดเซนไว้ แต่ยังไม่สามารถตั้งข้อหาฆาตกรรมหรือลักพาตัวได้
เนื่องจากไม่พบร่างหรือตัวของนักข่าวสาว ทางอัยการจึงให้ควบคุมตัวนายแมดเซนไว้ 24 วัน
โดยไม่ตั้งข้อหาฆาตกรรม แต่อยู่ในการดูแลของเจ้าหน้าที่ตำรวจ
13 ส.ค. 2560
เรื่องเริ่มเป็นข่าว ทั้งแนวหลัก และแนวก๊อสซิปไวรัลโซเชี่ยลเม้าส์ แบบ ข่าวลุงพ้ง แห่งบ้านหกศอก
ช่างภาพท่านนึง ได้มอบหลักฐานสำคัญให้ตำรวจ เป็นภาพนางสาวคิม กำลังลงเรือดำน้ำ ลำดังกล่าวของนายแมดเซน
ซึ่งเป็นหลักฐานหลักชิ้นแรกในการยืนยันว่า "มีผู้พบเห็นนักข่าวสาว ครั้งสุดท้ายขณะลงเรือดำน้ำ"
14 ส.ค. 2560
ตำรวจเดนมาร์กตั้งข้อหาฆ่าคนตายโดยเจตนาต่อ ปีเตอร์ แมดเซน
แม้จะยังไม่พบร่าง ชิ้นส่วน หรือหลักฐานวัตถุใดใด ของนางสาวคิม
15 ส.ค. 2560
แมดเซน ปฎิเสธทุกข้อกล่าวหา และอ้างว่า ได้ส่ง น.ส. คิม ขึ้นฝั่งแถวเมืองโคเปนเฮเกนแล้ว
โดนไม่บอกสาเหตุชัดเจน บางคำให้การ ก็บอกทำนอง เพื่อความปลอดภัย
บางทำนองก็เป็นความต้องการของ นางสาวคิม เอง
แต่ ไม่มีใครปักใจเชื่อเลย
เพราะเรือดำน้ำ การเทียบท่า ลอยลำ เป็นที่สะดุดตา แลพสามารถตรวจจับได้ด้วยระบบทางทะเลมากมาย
อาทิ เรดาร์ AIS VTMS ฯลฯ และสภานที่ วิธีการส่งตัว ก็คลุมเครือ
21 ส.ค. 2560
มีผู้พบชิ้นส่วนลำตัวมนุษย์ลอยไปเกยตื้นที่หาดแห่งหนึ่งทางตอนใต้ของกรุงโคเปนเฮเกน ในเดนมาร์ก
24 ส.ค. 2560
จากการตรวจสอบทางนิติเวชยืนยันว่าร่างดังกล่าวเป็นของ นางสาวคิม จริง ๆ
โดยสภาพศพของคิมมีบาดแผลถูกอาวุธมีดแทงที่อวัยวะเพศและบริเวณซี่โครง
ฟลายส่วนถูกตัด ชำแหละ
ซึ่งเชื่อว่าเป็นบาดแผลที่เกิดขึ้นหลังจากเธอเสียชีวิตได้ไม่นาน
จากนั้นนักประดาน้ำ พบชิ้นส่วนศีรษะ ขา และเสื้อผ้าของเธอบรรจุอยู่ในถุงบริเวณอ่าวทางตอนใต้ของกรุงโคเปนเฮเกน
25 ส.ค. 2560
ตำรวจระบุว่าถุงบรรจุชิ้นส่วนศพถูกถ่วงไว้ด้วยโลหะ และจะเพิ่มข้อหาล่วงละเมิดทางเพศต่อศพ
กับนายแมดเซนก่อนหน้านี้เขาถูกตั้งข้อหาฆาตกรรมและชำแหละศพ ซึ่งนายมัดเซนปฏิเสธข้อหาฆาตกรรม
XX ตุลาคม 2560
อัยการเดนมาร์กล่าวต่อศาลว่า เมื่อต้นเดือน ต.ค. นี้ จนท. พบคลิปวิดีโอของผู้หญิงคนนึง
กำลังถูกตัดศีรษะทั้งเป็นอยู่ในฮาร์ดดิสก์ของนายแมดเซน
แต่เจ้าตัวบอกว่าหลักฐานดังกล่าวไม่ใช่ของเขา เขาถูกจัดฉาก
31 ตุลาคม 2017
จุดสรุปของเรื่องราว
ปีเตอร์ แมดเซน นักต่อเรือดำน้ำมือสมัครเล่นชาวเดนมาร์กแจ้งต่อศาล
ตามคำแนะนำของทนาย ขอกลับคำให้การ
โดยแมดเซนสารภาพว่าเขาเป็นคนลงมือหั่นศพ นางสาวคิม วาลล์ ผู้สื่อข่าวชาวสวีเดน จริง
แต่ แมดเซน ระบุอย่างชัดเจนว่า ไม่ได้ลงมือฆ่าเธอ เพียงแค่หั่นศพเท่านั้น
4 พ.ย. 2560
ตำรวจเดนมาร์ก แถลงว่า นายแมดเซน รับสารภาพว่าได้หั่นร่างและทิ้งชิ้นส่วนศพของเธอลงทะเล
พร้อมอ้างว่าเขาไม่ได้สังหาร น.ส. คิม แต่เธอเสียชีวิตจากภาวะคาร์บอนมอนอกไซด์เป็นพิษภายในเรือดำน้ำของเขา
โดยที่ขณะเกิดเหตุเขาอยู่บนดาดฟ้าเรือ ดำน้ำยูซีทรีนอติลุส (UC3 Nautilus) ของเขา
.
.
.
.
เรื่องราวการฆาตกรรมในเรือดำน้ำปิดตาย หลายฝ่ายวิเคราะห์ตรงกันว่า เป็นการฆาตกรรม ที่ไม่ได้เตรียมการมาแต่แรก เพราะ แมดเซน ก็ต้องพึ่ง คิม ในการจะประสบความสำเร็จ และเมื่อเกิดเหตุ เรือดำน้ำดำไม่ได้จริง ไม่ว่าสาเหตุจะเพราะอะไร เช่น จริง ๆ เรือไม่มีเครื่องยนต์ แต่ใช้เรืออีกลำลากจูง หรือสาเหตุใดก็ตาม นางสาวคิม คือ พยานยืนยัน ซึ่งแม้เธอจะเสียข่าวนี้ไป แต่ในมุมกลับ เธอก็เป็นผู้แฉข่าวนี้ได้เช่นกัน เพราะเธอคือผู้อยู่ในเหตุการณ์
แต่ แมดเซน ไม่
หากความผิดพลาดนี้ ไม่ว่าจะอุบัติเหตุ หรือระบบของเรือดำน้ำลวงโลกก็ตาม ถูกเผยแพร่ออกไป
แมดเซน ความฝันของเขาจะพังพินาศทันที หมดโอกาส และการคิดค้น ออกแบบ มายาวนาน จะไม่มีค่าทันที
"ในยามวิกฤติ ความกลัวที่จะสูญเสียทุกสิ่งที่มีอยู่ และสิ่งที่จะได้มาในอนาคต
จิตใจของเราจะสร้างมารร้าย ที่กำเนิดจากในจิตใจของเราเอง"
ทฤษฎีแรก ขอตั้งชื่อว่า ทฤษฎี คินดะอิจิ
มีความเป็นไปได้ว่า แมดเซน พูดคุย กับ คิม ให้ปิดบังเรื่องที่เป็นสาเหตุให้เรือดำน้ำไม่ได้ตามแผนที่วางไว้
แต่ คิม คือนักข่าวสาวไฟแรง และจรรยาบรรณของนักข่าวคือ ตีแผ่ข้อเท็จจริง
เมื่อเจรจาไม่สำเร็จ แมดเซน อาจเผลอคิดว่า
"ถ้าคิม พยานปากเอก หายไป ล่ะ ?"
จึงจัดการฆาตกรรมเธอ เพื่อปิดปาก
แม้จะฟังดูสมเหตุผล แต่ ความไม่สมเหตุผลก็มีมากมาย อาทิ
- แมดเซนไม่มีแรงจูงใจ หรือความแค้นใดใด มาก่อน
- ความสัมพันธ์เป็นปกติ
- แมดเซน กับคิม เหมือนน้ำพึ่งเรือ เสือพึ่งป่า มีผลประโยชน์ร่วมกัน
- แมดเซน ไม่ใช่คนมีประวัติอาชญากรรมร้ายแรง
และ ผลพิสูจน์ทางนิติวิทยาศาสตร์ ระบุว่า บาดแผลเกิดขึ้นหลังนางสาวคิมเสียชีวิตแล้ว
จึงเกิดทฤษฎีที่ 2 (ตั้งชื่อว่า โทมะ โซ)
นางสาวคิม เสียชีวิต เพราะ คาบอนมอนนอคไซด์ จริง ๆ แมดเซนไม่ได้ฆาตกรรมเธอ
แต่ ถ้าสื่อรู้ โลกรู้ แมดเซน ก็ จบเห่ไปด้วย เพราะเมื่อพิสูจน์ร่าง จะพบสาเหตุซึ่งแมดเซน
หนีความผิดข้อนี้ไม่พ้น ในวินาทีนึง แมดเซนอาจคิดว่า
ไหน ๆ คิมก็เสียชีวิตแล้ว ถ้าเราสร้างเรื่องรองรับ และจัดการกับศพล่ะ ?
ขอเพียงเธอหายไปพร้อมหลักฐานในร่างของเธอ ถึงจะถูกตั้งข้อหาฆาตกรรม ก็ยังดีกว่า
พบร่างนักข่าวสาว พร้อมสาเหตุ ก็น่าคิดตาม
ทฤษฎี ที่ 3 โคนัน
เมื่อความจริงมีเพีนงหนึ่งเดียว จึงมีหลายความเป็นไปได้
ถ้าเกิดเหตุผิดพลาดกับอุปกรณ์ผลิตอ๊อกซิเจน และเรือยังไม่สามารถลอยลำได้
ในพื้นที่ปิดใต้ทะเล อากาศ(อ๊อกซิเจน) จะลดลงเรื่อย ๆ จากการสูดเข้าร่างกาย และคาบอนฯ
จะเพิ่มขึ้นจากร่างกายเราเอง คำนวนแล้วถ้ามี 2 คน ไม่รอดทั้งคู่ ถ้ามีคนเดียว อากาศ(อ๊อกซิเจน) พอ
ก็แปลว่า ต้องมีใครคนใดคนนึง.......
.
.
.
.
.
.
ไม่ว่าความจริงของเรื่องนี้ จะเป็นแบบไหน แต่คดีนี้ คือคดีฆาตกรรม? ที่ไม่มีเค้าลาง
ไม่มีแนวโน้มมาก่อน และไม่มีใครคาดถึง
หากไม่พบหลักฐานสำคัญ ที่มัดตัวแมดเซน ว่าเป็นผู้หั่นร่าง (อุปกรณ์ถ่วงศพ และถุง ตรงกับอุปกรณ์ในเรือนอติลุส)
เรื่องราวจะแตกแขนงออกไปอีกหลายทฤษฎี เป็นอีก 1 คดีดังที่เกิดขึ้นบนโลกใบนี้ โดยมีฉากฆาตกรรม
บนเรือดำน้ำ ซึ่งน่าจะครั้งแรกของโลกเลยก็ว่าได้
บทสรุป แมดเซน ถูกตัดสินจำคุกตลอดชีวิตข้อหา ฆาตกรรมและ อนาจารศพ
หลังจากรับโทษจำคุกได้ 2 ปี ปีเตอร์ แมดเซนได้ทำการแหกคุก
โดยจับเจ้าหน้าที่ในเรือนจำเป็นตัวประกัน แต่สุดท้ายหนีไปได้เพียง 473 หลา
หากใครสนใจรอดูซีรีย์ทาง netflix
Into The Deep: The Submarine Murder Case
รายละเอียดทั้งหมดอยู่ในนั้น
จ ญ น ห อ ด ม
เรียบเรียง & เสริมจินตนาการจากข่าว
พิศวงคดีฆาตกรรมในเรือดำน้ำปิดตาย UC3- Nautilus
.
.
.
เรือดำน้ำ ยูซีทรีนอติลุส (UC3- Nautilus)
1 ในเรือดำน้ำที่ได้รับความสนใจจากสื่อมวลชนทั่วโลก
เพราะเป็นเรือดำน้ำที่ประกอบขึ้นโดยนักต่อเรือมือสมัครเล่นลำใหญ่ที่สุดของโลก ?
เปล่าค่ะ !!! แต่เป็นเพราะ เกิดคดีฆาตกรรมในห้องปิดตาย ในเรือดำน้ำ !!
ที่มี คนอยู่ 2 คนในเรือขณะเกิดเหตุที่กำลัง อยู่ใต้น้ำ
คนนึงเสียชีวิต อีกคนปฎิเสธและยืนยันว่า ตัวเองบริสุทธิ์
ถ้าฆาตกร ไม่ใช่คนที่ยังอยู่ แล้วใครทำ เกิดอะไรขึ้น
คินดะอิจิ, โคนัน, โทมะ โซ ต่างถูกใจสิ่งนี้ ........
ผมขอเดิมพันด้วยชื่อเสียงของคุณปู่~ความจริงมีเพียงหนึ่งเดียว~ซึ่งต้องพิสูจน์
ถ้าคุณปักใจแล้ว ว่าฆาตกรก็คนที่ยังเหลืออยู่นั่นแหละ ก็มีกัน 2 คน ในเรือดำน้ำ
ใครจะเข้าออกได้ มันก็ต้องคนที่รอดป่ะ !!
หยุดอ่านตั้งแต่บรรทัดนี้เลยค่ะ
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
~ไม่หยุดงั้นอ่านต่อ~
.
.
.
.
.
เรื่องราวเริ่มขึ้นที่
ปีเตอร์ แมดเซน(Peter Madsen) หนุ่มชาวเดนมาร์กวัย 46 ปี ผู้สร้างเรือดำน้ำนอติลูส (UC3- Nautilus)
ด้วยตนเอง โดยตัวเรือมีความยาว 18 ม. น้ำหนักรวมประมาณ 40 ตันกรอส
หากมันสามารถดำได้จริง ก็จะเป็นอีกสถิติที่ต้องบันทึกลงสถิติของโลก
ในหมวด เรือดำน้ำที่ผลิตโดนคนคนเดียว และดำน้ำจริงได้สำเร็จ
ส่วนนึงที่มีผู้สนใจข่าวนี้เพราะเรือดำน้ำ มีความซับซ้อนมากกว่าเรือทั่วไป
ทั้งพลังงาน การขับเคลื่อน การดำน้ำ การลอยตัว ขีดจำกัด ความปลอดภัย อากาศ
คำถามที่คนสนใจคร่าว ๆ คือ
มันสามารถดำได้จริงไหม ?
ดำได้นานเท่าไหร่ ?
ได้มาตรฐานหรือไม่ ?
ชีวิตในเรือดำน้ำเป็นอย่างไร ?
คำถามที่คนสนใจมีมากมาย จึงเป็นโอกาสที่ดี หากจะมีผู้สื่อข่าวติกตามข่าวอย่างใกล้ชิด
ยิ่งในยุคข่าวสาร Live & Social Media จึงเป็นโอกาสที่การทำข่าวแบบเจาะลึก
เพราะเป็นที่สนใจไปทั่วโลก
คิม วอลล์ ผู้สื่อข่าวอิสระสาว วัย 30 ปี ซึ่งขณะนั้นทำงานให้กับหนังสือพิมพ์เดอะการ์เดียน
และนิวยอร์กไทมส์ ให้ความสนใจข่าวนี้และตัดสินใจ นำเสนอแบบรายงานข่าวต่อเนื่อง และสกู๊ปพิเศษ
จากการติดต่อกัน ของคิม และ ปีเตอร์ ในการให้สัมภาษณ์เพื่อเขียนข่าว
ด้วยผลประโยชน์ร่วมกัน จึงทำให้ทั้ง 2 ได้พูดคุยกันมากขึ้นจนสนิทสนมกันในระดับนึง
จนปีเตอร์ได้เสนอให้คิม ได้ร่วมเป็นสักขีพยานในความสำเร็จของ เรือดำน้ำสร้างเองที่ใหญ่ที่สุดในโลก
ด้วยการเชิญเธอลงไปในวันทดสอบด้วย และให้ทางคิม ประสานกับสื่อต้นสังกัด
ทำสกู๊ปใหญ่ มีการกำหนดเส้นทาง ที่จะลอยลำขึ้น มีการเลือกโลเคชั่น เซทติ้งการข่าว
คิม พิจารณาด้วยตนเองก่อนนำเสนอ หัวหน้าของเธอ ซึ่งทุกอย่างผ่านฉลุย
ถ้าทุกอย่างราบรื่น
ปีเตอร์ จะกลายเป็นคนดัง ที่ ต่อยอดได้อีกมาก โอกาสที่นายทุนใหญ่จะเข้ามาสนับสนุน ก็เช่นกัน
คิม ได้ข่าวใหญ่ ได้กล่อง เส้นทางสื่อสารมวลชน ยิ่งดีขึ้น WIN~WIN SOLUTION
โดยในการทดสอบการใช้งาน จะทดสอบโดยแล่นเรือจากท่าเรือ ไปยังอ่าวทางตอนใต้ของกรุงโคเปนเฮเกน
โดยมี คิม นักข่าวสาวร่วมเป็นลูกเรือและผู้สังเกตการณ์ ในความสำเร็จนี้
XX ส.ค. 2560
เรือดำน้ำยูซีทรีนอติลุส เริ่มออกเดินทาง
10 ส.ค. 2560
มีข่าวว่า เรือประสบอุบัติเหตุ
ระหว่างดำน้ำ รายงานข่าวช่วงแรกรายงานเพียง "เกิดอุบัติเหตุบางประการ โดยนายแมดเซน
ขอความช่วยเหลือจากหน่วยกู้ภัย ให้มาช่วยนำเขาออกไป
เจ้าหน้าที่ยามฝั่งท่านนึง จำข่าวได้ จึงทวนคำถามกลับไปทางวิทยุ
"คุณใช้คำว่า ช่วยผมด้วย ไม่ใช่ช่วยพวกเราด้วย" "ในเรือมีคนกี่คน ?"
#ทั้งเรือมีผมคนเดียว
ทางกู้ภัยเมื่อไปถึง เรือมีสถานที่ไม่อันตรายเกินไป จึงพยายามทำการสำรวจในเรือ
ซึ่งไม่พบ น.ส. คิม ผู้สื่อข่าวอิสระชาวสวีเดน วัย 30 ปี ในเรือ
แต่ มีพยานยืนยันว่า พบเห็น คิมครั้งสุดท้ายขณะ กำลังลงเรือดำน้ำไปกับนายแมดเซน
ซึ่งเป็นการลงเรือไปทำข่าวตามที่เกริ่นมาข้างต้น
ทันทีที่เป็นข่าว ทุกสายตาก็จับตาไปที่ นายแมดเซน และคดีนี้ทันที
โดยหลังจากช่วยเหลือนายแมดเซนสำเร็จ เขาตอบกับเจ้าหน้าที่กู้ภัยที่เข้าไปช่วยเหลือว่า
"ได้แอบส่ง น.ส.คิม ขึ้นฝั่งแถวเมืองโคเปนเฮเกนแล้ว เธอไม่ได้อยู่ในเรือดำน้ำ มีผมคนเดียว"
11 ส.ค. 2560
ทางตำรวจได้ทำการควบคุมตัวนายแมดเซนไว้ แต่ยังไม่สามารถตั้งข้อหาฆาตกรรมหรือลักพาตัวได้
เนื่องจากไม่พบร่างหรือตัวของนักข่าวสาว ทางอัยการจึงให้ควบคุมตัวนายแมดเซนไว้ 24 วัน
โดยไม่ตั้งข้อหาฆาตกรรม แต่อยู่ในการดูแลของเจ้าหน้าที่ตำรวจ
13 ส.ค. 2560
เรื่องเริ่มเป็นข่าว ทั้งแนวหลัก และแนวก๊อสซิปไวรัลโซเชี่ยลเม้าส์ แบบ ข่าวลุงพ้ง แห่งบ้านหกศอก
ช่างภาพท่านนึง ได้มอบหลักฐานสำคัญให้ตำรวจ เป็นภาพนางสาวคิม กำลังลงเรือดำน้ำ ลำดังกล่าวของนายแมดเซน
ซึ่งเป็นหลักฐานหลักชิ้นแรกในการยืนยันว่า "มีผู้พบเห็นนักข่าวสาว ครั้งสุดท้ายขณะลงเรือดำน้ำ"
14 ส.ค. 2560
ตำรวจเดนมาร์กตั้งข้อหาฆ่าคนตายโดยเจตนาต่อ ปีเตอร์ แมดเซน
แม้จะยังไม่พบร่าง ชิ้นส่วน หรือหลักฐานวัตถุใดใด ของนางสาวคิม
15 ส.ค. 2560
แมดเซน ปฎิเสธทุกข้อกล่าวหา และอ้างว่า ได้ส่ง น.ส. คิม ขึ้นฝั่งแถวเมืองโคเปนเฮเกนแล้ว
โดนไม่บอกสาเหตุชัดเจน บางคำให้การ ก็บอกทำนอง เพื่อความปลอดภัย
บางทำนองก็เป็นความต้องการของ นางสาวคิม เอง
แต่ ไม่มีใครปักใจเชื่อเลย
เพราะเรือดำน้ำ การเทียบท่า ลอยลำ เป็นที่สะดุดตา แลพสามารถตรวจจับได้ด้วยระบบทางทะเลมากมาย
อาทิ เรดาร์ AIS VTMS ฯลฯ และสภานที่ วิธีการส่งตัว ก็คลุมเครือ
21 ส.ค. 2560
มีผู้พบชิ้นส่วนลำตัวมนุษย์ลอยไปเกยตื้นที่หาดแห่งหนึ่งทางตอนใต้ของกรุงโคเปนเฮเกน ในเดนมาร์ก
24 ส.ค. 2560
จากการตรวจสอบทางนิติเวชยืนยันว่าร่างดังกล่าวเป็นของ นางสาวคิม จริง ๆ
โดยสภาพศพของคิมมีบาดแผลถูกอาวุธมีดแทงที่อวัยวะเพศและบริเวณซี่โครง
ฟลายส่วนถูกตัด ชำแหละ
ซึ่งเชื่อว่าเป็นบาดแผลที่เกิดขึ้นหลังจากเธอเสียชีวิตได้ไม่นาน
จากนั้นนักประดาน้ำ พบชิ้นส่วนศีรษะ ขา และเสื้อผ้าของเธอบรรจุอยู่ในถุงบริเวณอ่าวทางตอนใต้ของกรุงโคเปนเฮเกน
25 ส.ค. 2560
ตำรวจระบุว่าถุงบรรจุชิ้นส่วนศพถูกถ่วงไว้ด้วยโลหะ และจะเพิ่มข้อหาล่วงละเมิดทางเพศต่อศพ
กับนายแมดเซนก่อนหน้านี้เขาถูกตั้งข้อหาฆาตกรรมและชำแหละศพ ซึ่งนายมัดเซนปฏิเสธข้อหาฆาตกรรม
XX ตุลาคม 2560
อัยการเดนมาร์กล่าวต่อศาลว่า เมื่อต้นเดือน ต.ค. นี้ จนท. พบคลิปวิดีโอของผู้หญิงคนนึง
กำลังถูกตัดศีรษะทั้งเป็นอยู่ในฮาร์ดดิสก์ของนายแมดเซน
แต่เจ้าตัวบอกว่าหลักฐานดังกล่าวไม่ใช่ของเขา เขาถูกจัดฉาก
31 ตุลาคม 2017
จุดสรุปของเรื่องราว
ปีเตอร์ แมดเซน นักต่อเรือดำน้ำมือสมัครเล่นชาวเดนมาร์กแจ้งต่อศาล
ตามคำแนะนำของทนาย ขอกลับคำให้การ
โดยแมดเซนสารภาพว่าเขาเป็นคนลงมือหั่นศพ นางสาวคิม วาลล์ ผู้สื่อข่าวชาวสวีเดน จริง
แต่ แมดเซน ระบุอย่างชัดเจนว่า ไม่ได้ลงมือฆ่าเธอ เพียงแค่หั่นศพเท่านั้น
4 พ.ย. 2560
ตำรวจเดนมาร์ก แถลงว่า นายแมดเซน รับสารภาพว่าได้หั่นร่างและทิ้งชิ้นส่วนศพของเธอลงทะเล
พร้อมอ้างว่าเขาไม่ได้สังหาร น.ส. คิม แต่เธอเสียชีวิตจากภาวะคาร์บอนมอนอกไซด์เป็นพิษภายในเรือดำน้ำของเขา
โดยที่ขณะเกิดเหตุเขาอยู่บนดาดฟ้าเรือ ดำน้ำยูซีทรีนอติลุส (UC3 Nautilus) ของเขา
.
.
.
.
เรื่องราวการฆาตกรรมในเรือดำน้ำปิดตาย หลายฝ่ายวิเคราะห์ตรงกันว่า เป็นการฆาตกรรม ที่ไม่ได้เตรียมการมาแต่แรก เพราะ แมดเซน ก็ต้องพึ่ง คิม ในการจะประสบความสำเร็จ และเมื่อเกิดเหตุ เรือดำน้ำดำไม่ได้จริง ไม่ว่าสาเหตุจะเพราะอะไร เช่น จริง ๆ เรือไม่มีเครื่องยนต์ แต่ใช้เรืออีกลำลากจูง หรือสาเหตุใดก็ตาม นางสาวคิม คือ พยานยืนยัน ซึ่งแม้เธอจะเสียข่าวนี้ไป แต่ในมุมกลับ เธอก็เป็นผู้แฉข่าวนี้ได้เช่นกัน เพราะเธอคือผู้อยู่ในเหตุการณ์
แต่ แมดเซน ไม่
หากความผิดพลาดนี้ ไม่ว่าจะอุบัติเหตุ หรือระบบของเรือดำน้ำลวงโลกก็ตาม ถูกเผยแพร่ออกไป
แมดเซน ความฝันของเขาจะพังพินาศทันที หมดโอกาส และการคิดค้น ออกแบบ มายาวนาน จะไม่มีค่าทันที
"ในยามวิกฤติ ความกลัวที่จะสูญเสียทุกสิ่งที่มีอยู่ และสิ่งที่จะได้มาในอนาคต
จิตใจของเราจะสร้างมารร้าย ที่กำเนิดจากในจิตใจของเราเอง"
ทฤษฎีแรก ขอตั้งชื่อว่า ทฤษฎี คินดะอิจิ
มีความเป็นไปได้ว่า แมดเซน พูดคุย กับ คิม ให้ปิดบังเรื่องที่เป็นสาเหตุให้เรือดำน้ำไม่ได้ตามแผนที่วางไว้
แต่ คิม คือนักข่าวสาวไฟแรง และจรรยาบรรณของนักข่าวคือ ตีแผ่ข้อเท็จจริง
เมื่อเจรจาไม่สำเร็จ แมดเซน อาจเผลอคิดว่า
"ถ้าคิม พยานปากเอก หายไป ล่ะ ?"
จึงจัดการฆาตกรรมเธอ เพื่อปิดปาก
แม้จะฟังดูสมเหตุผล แต่ ความไม่สมเหตุผลก็มีมากมาย อาทิ
- แมดเซนไม่มีแรงจูงใจ หรือความแค้นใดใด มาก่อน
- ความสัมพันธ์เป็นปกติ
- แมดเซน กับคิม เหมือนน้ำพึ่งเรือ เสือพึ่งป่า มีผลประโยชน์ร่วมกัน
- แมดเซน ไม่ใช่คนมีประวัติอาชญากรรมร้ายแรง
และ ผลพิสูจน์ทางนิติวิทยาศาสตร์ ระบุว่า บาดแผลเกิดขึ้นหลังนางสาวคิมเสียชีวิตแล้ว
จึงเกิดทฤษฎีที่ 2 (ตั้งชื่อว่า โทมะ โซ)
นางสาวคิม เสียชีวิต เพราะ คาบอนมอนนอคไซด์ จริง ๆ แมดเซนไม่ได้ฆาตกรรมเธอ
แต่ ถ้าสื่อรู้ โลกรู้ แมดเซน ก็ จบเห่ไปด้วย เพราะเมื่อพิสูจน์ร่าง จะพบสาเหตุซึ่งแมดเซน
หนีความผิดข้อนี้ไม่พ้น ในวินาทีนึง แมดเซนอาจคิดว่า
ไหน ๆ คิมก็เสียชีวิตแล้ว ถ้าเราสร้างเรื่องรองรับ และจัดการกับศพล่ะ ?
ขอเพียงเธอหายไปพร้อมหลักฐานในร่างของเธอ ถึงจะถูกตั้งข้อหาฆาตกรรม ก็ยังดีกว่า
พบร่างนักข่าวสาว พร้อมสาเหตุ ก็น่าคิดตาม
ทฤษฎี ที่ 3 โคนัน
เมื่อความจริงมีเพีนงหนึ่งเดียว จึงมีหลายความเป็นไปได้
ถ้าเกิดเหตุผิดพลาดกับอุปกรณ์ผลิตอ๊อกซิเจน และเรือยังไม่สามารถลอยลำได้
ในพื้นที่ปิดใต้ทะเล อากาศ(อ๊อกซิเจน) จะลดลงเรื่อย ๆ จากการสูดเข้าร่างกาย และคาบอนฯ
จะเพิ่มขึ้นจากร่างกายเราเอง คำนวนแล้วถ้ามี 2 คน ไม่รอดทั้งคู่ ถ้ามีคนเดียว อากาศ(อ๊อกซิเจน) พอ
ก็แปลว่า ต้องมีใครคนใดคนนึง.......
.
.
.
.
.
.
ไม่ว่าความจริงของเรื่องนี้ จะเป็นแบบไหน แต่คดีนี้ คือคดีฆาตกรรม? ที่ไม่มีเค้าลาง
ไม่มีแนวโน้มมาก่อน และไม่มีใครคาดถึง
หากไม่พบหลักฐานสำคัญ ที่มัดตัวแมดเซน ว่าเป็นผู้หั่นร่าง (อุปกรณ์ถ่วงศพ และถุง ตรงกับอุปกรณ์ในเรือนอติลุส)
เรื่องราวจะแตกแขนงออกไปอีกหลายทฤษฎี เป็นอีก 1 คดีดังที่เกิดขึ้นบนโลกใบนี้ โดยมีฉากฆาตกรรม
บนเรือดำน้ำ ซึ่งน่าจะครั้งแรกของโลกเลยก็ว่าได้
บทสรุป แมดเซน ถูกตัดสินจำคุกตลอดชีวิตข้อหา ฆาตกรรมและ อนาจารศพ
หลังจากรับโทษจำคุกได้ 2 ปี ปีเตอร์ แมดเซนได้ทำการแหกคุก
โดยจับเจ้าหน้าที่ในเรือนจำเป็นตัวประกัน แต่สุดท้ายหนีไปได้เพียง 473 หลา
หากใครสนใจรอดูซีรีย์ทาง netflix
Into The Deep: The Submarine Murder Case
รายละเอียดทั้งหมดอยู่ในนั้น
จ ญ น ห อ ด ม
เรียบเรียง & เสริมจินตนาการจากข่าว