เทวรูปสุดประหลาดชิ้นนี้คือ เทพีนมดก เอ๊ยเทพี อาร์เทมิส (Artemis) เวอร์ชั่นเฉพาะตัวที่พบในเมืองเอเฟซัส (Ephesus) ซึ่งรูปลักษณ์แบบนี้ใครเห็นก็ต้องคิดสงสัยว่าแม่นางคือใคร และเหตุไฉนจึงได้มีสภาพกลายเป็นแบบนี้ไปได้ ลองมาทายกันดูไหมฮะ
ใครบางคนอาจคิดว่านี่คงเป็นคำสาบของเทพีองค์หนึ่ง ซึ่งคงไปทำผิดอะไรก็เลยกลายมาเป็นแบบนี้ บางคนอาจคิดว่าเธอคงเป็นเทพีที่ต้องเลี้ยงดูบุตรจำนวนมาก (ซึ่งก็น่าจะเป็นชาวเมืองนะแหละ) ก็เลยต้องมีนมเป็นพวงผลิตน้ำนมเลี้ยงลูกๆ นั่นทำให้เธอเป็นเทพีแห่งความอุดมสมบูรณ์ด้วยไง อันนี้ก็มีเหตุผลดี
หรือบางคนอาจคิดเธอเป็นเทพที่แสดงอภินิหาร ฉีดน้ำนมไล่หมู่มาร แบบแม่นางธรณีบีบมวยผมรึเปล่า แต่นี่ก็เป็นไอเดียที่ไม่ค่อยเข้าท่าเท่าไรสำหรับแม่นางคนนี้ แต่จะมีใครคิดบ้างไหมหนอ
หรือจะมีใครสร้างไอเดียอื่นๆก็บอกกันมาได้นะ
หลายคนคงบอกว่าเฉลยมาสักทีเถอะ แต่เราก็ยังไม่เฉลย คริคริ ขอเล่าอะไรเรื่อยเปื่อยไปก่อน
ก่อนอื่นขอบอกว่าเทพีที่มีชื่อว่าอาร์เตมิส หรือเทพีไดอาร่าซึ่งเป็นพี่สาวของอะพอลโล พระองค์เป็นเทพีแห่งการล่าสัตว์ พรหมจรรย์ ผู้พิทักษ์หญิงสาว ศิลปินผู้สร้างงานก็มักสร้างเธอให้เป็นพรานหญิงถือธนู บางทีก็มีกวางและต้นไซปรัสอยู่เคียงข้าง และเธอก็ยังเป็นเทพีแห่งดวงจันทร์อีกด้วย ซึ่งตามตำนานก็อธิบายว่าปรากฏารณ์จันทรุปราคามันเกิดขึ้นตอนที่เกิดแม่นางเกิดการสู้กับเทพีแห่งความมืดแล้วแพ้พ่าย
เห็นแล้วก็คงจะงงใช่ไหม ว่าทำไมอาร์เตมิส (Artemis) สาวสวยกลายสภาพมาเป็นตัวประหลาดแบบนี้ได้ยังไง อันที่จริงโดยปกติเธอไม่ได้มีรูปลักษณ์แบบนี้ไปทุกหนแห่งหรอกนะ แต่รูปแบบที่มีพวงนมเป็นเวอร์ชั่นพิเศษของชาวเมืองเอเฟซัส (Ephesus) โดยเฉพาะ ซึ่งก็คืออาร์เทมิสองค์เดียวกันแต่ปรากฏรูปคนละแบบ ทำนองเดียวกันพระอุมาที่กลายมาเป็นนางทุรคาเพื่อสยบอสูร
ถ้าจะถามว่าตกลงเทพีนี้กลาบมาเป็นรายนี้มีรูปลักษณ์พิเศษเหมือนอวตาลมาเป็นภาคพระแม่ลูกดก มีเต้านมรอบตัวได้ยังไง คำตอบก็คือ มันเป็นสิ่งที่พวกนักประวัติศาสตร์ ประวัติศาสตร์ศิลปะ เทววิทยา พยายามจะหาคำตอบอยู่เหมือนกัน แบบนี้พวกเราก็สงสัยกันอยู่ เพราะมันไม่มีบันทึกแน่นอนก็เลยต้องสันนิษฐานกันไป โดยบางคนก็คิดว่าเป็นเทพที่แสดงความอุดมสมบูรณ์ (ก็แน่ละคงผลิตน้ำนมมาแจกจ่ายชาวเมืองได้เยอะ) แต่กระนั้นก็ยังมีคนเสนอแนวคิดใหม่อีกว่าเห็นเป็นถุงนมน่ะ จริงๆมันต้องถุงอัณฑะ!!! โดยของดั้งเดิมเป็นรูปเทพเจ้าที่ทำจากไม้แล้วมีเครื่องบูชามาแขวนเต็มไปหมด โดยเครื่องบูชานั้นคงเป็นไข่หรือถุงอัณฑะวัว (โอ๊ย บ้าไปแล้ว)
จะเห็นได้ว่า ข้อสันนิษฐานนั้นมีหลายความเห็นที่คิดว่าเดิมที่แม่นางคงเป็นเทพท้องถิ่นยุคโบราณ ทำนองเดียวกับเจ้าแม่ทับทิม เจ้าพ่อเจ้าแม่บ้านเราที่มีคนแถวๆนั้นมากราบไหว้บูชา สร้างรูปประติมากรรมอะไรตามความเชื่อหรือเรื่องราวที่เล่ากันมา แต่หลังจากนั้นเมื่อได้รับศาสนาจากกรีกแล้วชาวพื้นเมืองที่นี่ก็ยังคงผูกพันกับเทพองค์เดิมที่ยึดถือมาหลายชั่วอายุคน ถ้าจะให้เลิกนับถือไปเลยก็ไม่ได้ เลยทำการปรับเปลี่ยนให้กลายมาเป็นเทพเจ้ากรีกซะเลย ทุกสิ่งทุกอย่างจะได้จบลงลงตัวแบบบัวไม่ให้ซ้ำน้ำไม่ให้ขุ่น แต่ก็สงสัยอยู่ว่าทำไมถึงเจาะจงเอาตำแหน่งนี้มามอบให้กับ อาร์เทมิส ก็ไม่รู้ หากได้ทราบคงจะภาคภูมิใจไม่มากก็น้อยนะ

ซ้ายและกลาง เทพีที่พิพิธภัณธ์เอเฟซัส ขวา ที่พิพิธภัณฑ์เนเปิล
เทพีพวงนมนั้น ชาวเอเฟซัสมีตำนานว่าตกลงมาจากฟากฟ้าหลังจากนั้นก็ได้รับการบูชาในฐานะเทพีแห่งการผดุงครรภ์ ช่วยผู้หญิงให้ปลอดภัยในการคลอดลูก และช่วยในด้านความอุดมสมบูรณ์ มีวิหารใหญ่โตในเมืองเอเฟซัส ซึ่งจะมีการปฏิบัติบูชาโดยใช้เทวทาสีสร้างความบันเทิงพระนาง แต่อย่านึกว่านางเหล่านั้นจะทำการร่ายรำถวายแบบเมืองไทยนะ คำว่าเทวทาสีในที่นี้หมายถึงหญิงผู้ทำ”กามพลี" ซึ่งก็คือการร่วมเพศให้เจ้าแม่ เอ๊ย พระเทพีได้ดูชมเพื่อความสำราญใจ ใครที่อ่านอยู่อาจคิดว่านี่คือความบัดสี แต่ขอบอกว่านี่คือวัฒนธรรมโบร่ำโบราณนะจ๊ะ เรียกว่า Cult Prostitute ซึ่งคนยุคโบราณหลายถิ่นใช้กันเพื่อบูชาความอุดมสมบูรณ์ (เอ๊ แล้วอย่างนี้จะบอกว่าเป็นองค์เดียวกับเทพีพรมจรรย์อาร์เทมิสไปได้ยังไง เห็นมะฮะ ว่ามันเวอร์ชันใครก็เวอร์ชันมัน)
อ้อ สิ่งสำคัญอีกอย่างก็คือวิหารแห่งนี้ถือว่าเป็น 1 ใน 7 สิ่งมหัศจรรย์ในโลกยุคโบราณอีกด้วยนะเออ ยิ่งใหญ่ไม่ใช่เล่น โดยในช่วงประมาณปี 560 ถึง 547 ก่อนคริสตกาล กษัตริย์ครีซุส (Croesus) ได้สร้างวิหารใหญ่โตมาก มากกว่าวิหารพาร์เธนอนในกรุงเอเทนส์หลายเท่า เพื่อติดตั้งรูปพระแม่เอาไว้ในเมืองโบราณเอเฟซัส ใกล้กับเมืองเซลชุกในตุรกีในปัจจุบัน กล่าวกันว่ามีเสาสูงตระหง่านกว่า 127 เสา แต่ละเสาสูง 60 ฟุต ประดับด้วยประติมากรรมวิจิตร ส่วนเทพีอาร์เทมิสทำจากไม้มะเกลือและทองคำ มีเทพีนมหลายชิ้นหลายอัน แต่ก็พังทลายไปในปีคริสตศักราช 401 เมื่อถูกทำลายโดยกลุ่มนักบุญคริสเตียน ส่วนหนึ่งที่ทำลายไปเพราะทนกับพิธีกรรมบัดสีของเหล่าเทวทาสีไม่ได้ ทำให้ในปัจจุบันมีเพียงเสาที่สร้างขึ้นใหม่เพียงเสาเดียวเท่านั้น
ขอบอกอีกอย่างว่าภาพประติมากรรมเทพีพวงนมที่เราเห็นองค์นี้เป็นของก๊อปปี้มา เช่นเดียวกับงานประติมากรรมกรีกโรมันอีกหลายๆชิ้นที่เราได้พบเห็น แต่ก็มีคุณค่าที่สุดเพราะต้นแบบนั้นไม่รู้ไปอยู่ไหนแล้ว ก็อย่าแปลกใจที่เราจะเจอเทพีพวงนมอยู่อีกหลายแห่ง อย่างเช่นที่เมืองเอเฟซัลเอง และ......................ซี่งแต่ละก๊อปปี้ก็มีอะไรต่างกันบ้าง แต่โดยหลักแล้วก็จะมีลักษณะที่ทรงมงกุฎ มีรูปสัตว์ต่างๆเช่น สิงโต กริฟฟิน ม้า วัวกระทิง และผึ้ง บนกระโปรง มีมาลัยรอบคอ
ตอนสมัยยุคหลังจากนั้น เทพีมีฟังก์ชันพิเศษอีกอย่างคือถูกนำมาใช้ตกแต่งสวน แถมยังมีน้ำพุพุ่งออกจากเต้าอักด้วย ครีเอทีฟดีมากและก็สวยไปอีกแบบ
เทพีนมดกแห่งเอเฟซัส : พระแม่แห่งความอุดมสมบูรณ์
ใครบางคนอาจคิดว่านี่คงเป็นคำสาบของเทพีองค์หนึ่ง ซึ่งคงไปทำผิดอะไรก็เลยกลายมาเป็นแบบนี้ บางคนอาจคิดว่าเธอคงเป็นเทพีที่ต้องเลี้ยงดูบุตรจำนวนมาก (ซึ่งก็น่าจะเป็นชาวเมืองนะแหละ) ก็เลยต้องมีนมเป็นพวงผลิตน้ำนมเลี้ยงลูกๆ นั่นทำให้เธอเป็นเทพีแห่งความอุดมสมบูรณ์ด้วยไง อันนี้ก็มีเหตุผลดี
หรือบางคนอาจคิดเธอเป็นเทพที่แสดงอภินิหาร ฉีดน้ำนมไล่หมู่มาร แบบแม่นางธรณีบีบมวยผมรึเปล่า แต่นี่ก็เป็นไอเดียที่ไม่ค่อยเข้าท่าเท่าไรสำหรับแม่นางคนนี้ แต่จะมีใครคิดบ้างไหมหนอ
หรือจะมีใครสร้างไอเดียอื่นๆก็บอกกันมาได้นะ
หลายคนคงบอกว่าเฉลยมาสักทีเถอะ แต่เราก็ยังไม่เฉลย คริคริ ขอเล่าอะไรเรื่อยเปื่อยไปก่อน
ก่อนอื่นขอบอกว่าเทพีที่มีชื่อว่าอาร์เตมิส หรือเทพีไดอาร่าซึ่งเป็นพี่สาวของอะพอลโล พระองค์เป็นเทพีแห่งการล่าสัตว์ พรหมจรรย์ ผู้พิทักษ์หญิงสาว ศิลปินผู้สร้างงานก็มักสร้างเธอให้เป็นพรานหญิงถือธนู บางทีก็มีกวางและต้นไซปรัสอยู่เคียงข้าง และเธอก็ยังเป็นเทพีแห่งดวงจันทร์อีกด้วย ซึ่งตามตำนานก็อธิบายว่าปรากฏารณ์จันทรุปราคามันเกิดขึ้นตอนที่เกิดแม่นางเกิดการสู้กับเทพีแห่งความมืดแล้วแพ้พ่าย
เห็นแล้วก็คงจะงงใช่ไหม ว่าทำไมอาร์เตมิส (Artemis) สาวสวยกลายสภาพมาเป็นตัวประหลาดแบบนี้ได้ยังไง อันที่จริงโดยปกติเธอไม่ได้มีรูปลักษณ์แบบนี้ไปทุกหนแห่งหรอกนะ แต่รูปแบบที่มีพวงนมเป็นเวอร์ชั่นพิเศษของชาวเมืองเอเฟซัส (Ephesus) โดยเฉพาะ ซึ่งก็คืออาร์เทมิสองค์เดียวกันแต่ปรากฏรูปคนละแบบ ทำนองเดียวกันพระอุมาที่กลายมาเป็นนางทุรคาเพื่อสยบอสูร
ถ้าจะถามว่าตกลงเทพีนี้กลาบมาเป็นรายนี้มีรูปลักษณ์พิเศษเหมือนอวตาลมาเป็นภาคพระแม่ลูกดก มีเต้านมรอบตัวได้ยังไง คำตอบก็คือ มันเป็นสิ่งที่พวกนักประวัติศาสตร์ ประวัติศาสตร์ศิลปะ เทววิทยา พยายามจะหาคำตอบอยู่เหมือนกัน แบบนี้พวกเราก็สงสัยกันอยู่ เพราะมันไม่มีบันทึกแน่นอนก็เลยต้องสันนิษฐานกันไป โดยบางคนก็คิดว่าเป็นเทพที่แสดงความอุดมสมบูรณ์ (ก็แน่ละคงผลิตน้ำนมมาแจกจ่ายชาวเมืองได้เยอะ) แต่กระนั้นก็ยังมีคนเสนอแนวคิดใหม่อีกว่าเห็นเป็นถุงนมน่ะ จริงๆมันต้องถุงอัณฑะ!!! โดยของดั้งเดิมเป็นรูปเทพเจ้าที่ทำจากไม้แล้วมีเครื่องบูชามาแขวนเต็มไปหมด โดยเครื่องบูชานั้นคงเป็นไข่หรือถุงอัณฑะวัว (โอ๊ย บ้าไปแล้ว)
จะเห็นได้ว่า ข้อสันนิษฐานนั้นมีหลายความเห็นที่คิดว่าเดิมที่แม่นางคงเป็นเทพท้องถิ่นยุคโบราณ ทำนองเดียวกับเจ้าแม่ทับทิม เจ้าพ่อเจ้าแม่บ้านเราที่มีคนแถวๆนั้นมากราบไหว้บูชา สร้างรูปประติมากรรมอะไรตามความเชื่อหรือเรื่องราวที่เล่ากันมา แต่หลังจากนั้นเมื่อได้รับศาสนาจากกรีกแล้วชาวพื้นเมืองที่นี่ก็ยังคงผูกพันกับเทพองค์เดิมที่ยึดถือมาหลายชั่วอายุคน ถ้าจะให้เลิกนับถือไปเลยก็ไม่ได้ เลยทำการปรับเปลี่ยนให้กลายมาเป็นเทพเจ้ากรีกซะเลย ทุกสิ่งทุกอย่างจะได้จบลงลงตัวแบบบัวไม่ให้ซ้ำน้ำไม่ให้ขุ่น แต่ก็สงสัยอยู่ว่าทำไมถึงเจาะจงเอาตำแหน่งนี้มามอบให้กับ อาร์เทมิส ก็ไม่รู้ หากได้ทราบคงจะภาคภูมิใจไม่มากก็น้อยนะ
ซ้ายและกลาง เทพีที่พิพิธภัณธ์เอเฟซัส ขวา ที่พิพิธภัณฑ์เนเปิล
เทพีพวงนมนั้น ชาวเอเฟซัสมีตำนานว่าตกลงมาจากฟากฟ้าหลังจากนั้นก็ได้รับการบูชาในฐานะเทพีแห่งการผดุงครรภ์ ช่วยผู้หญิงให้ปลอดภัยในการคลอดลูก และช่วยในด้านความอุดมสมบูรณ์ มีวิหารใหญ่โตในเมืองเอเฟซัส ซึ่งจะมีการปฏิบัติบูชาโดยใช้เทวทาสีสร้างความบันเทิงพระนาง แต่อย่านึกว่านางเหล่านั้นจะทำการร่ายรำถวายแบบเมืองไทยนะ คำว่าเทวทาสีในที่นี้หมายถึงหญิงผู้ทำ”กามพลี" ซึ่งก็คือการร่วมเพศให้เจ้าแม่ เอ๊ย พระเทพีได้ดูชมเพื่อความสำราญใจ ใครที่อ่านอยู่อาจคิดว่านี่คือความบัดสี แต่ขอบอกว่านี่คือวัฒนธรรมโบร่ำโบราณนะจ๊ะ เรียกว่า Cult Prostitute ซึ่งคนยุคโบราณหลายถิ่นใช้กันเพื่อบูชาความอุดมสมบูรณ์ (เอ๊ แล้วอย่างนี้จะบอกว่าเป็นองค์เดียวกับเทพีพรมจรรย์อาร์เทมิสไปได้ยังไง เห็นมะฮะ ว่ามันเวอร์ชันใครก็เวอร์ชันมัน)
อ้อ สิ่งสำคัญอีกอย่างก็คือวิหารแห่งนี้ถือว่าเป็น 1 ใน 7 สิ่งมหัศจรรย์ในโลกยุคโบราณอีกด้วยนะเออ ยิ่งใหญ่ไม่ใช่เล่น โดยในช่วงประมาณปี 560 ถึง 547 ก่อนคริสตกาล กษัตริย์ครีซุส (Croesus) ได้สร้างวิหารใหญ่โตมาก มากกว่าวิหารพาร์เธนอนในกรุงเอเทนส์หลายเท่า เพื่อติดตั้งรูปพระแม่เอาไว้ในเมืองโบราณเอเฟซัส ใกล้กับเมืองเซลชุกในตุรกีในปัจจุบัน กล่าวกันว่ามีเสาสูงตระหง่านกว่า 127 เสา แต่ละเสาสูง 60 ฟุต ประดับด้วยประติมากรรมวิจิตร ส่วนเทพีอาร์เทมิสทำจากไม้มะเกลือและทองคำ มีเทพีนมหลายชิ้นหลายอัน แต่ก็พังทลายไปในปีคริสตศักราช 401 เมื่อถูกทำลายโดยกลุ่มนักบุญคริสเตียน ส่วนหนึ่งที่ทำลายไปเพราะทนกับพิธีกรรมบัดสีของเหล่าเทวทาสีไม่ได้ ทำให้ในปัจจุบันมีเพียงเสาที่สร้างขึ้นใหม่เพียงเสาเดียวเท่านั้น
ขอบอกอีกอย่างว่าภาพประติมากรรมเทพีพวงนมที่เราเห็นองค์นี้เป็นของก๊อปปี้มา เช่นเดียวกับงานประติมากรรมกรีกโรมันอีกหลายๆชิ้นที่เราได้พบเห็น แต่ก็มีคุณค่าที่สุดเพราะต้นแบบนั้นไม่รู้ไปอยู่ไหนแล้ว ก็อย่าแปลกใจที่เราจะเจอเทพีพวงนมอยู่อีกหลายแห่ง อย่างเช่นที่เมืองเอเฟซัลเอง และ......................ซี่งแต่ละก๊อปปี้ก็มีอะไรต่างกันบ้าง แต่โดยหลักแล้วก็จะมีลักษณะที่ทรงมงกุฎ มีรูปสัตว์ต่างๆเช่น สิงโต กริฟฟิน ม้า วัวกระทิง และผึ้ง บนกระโปรง มีมาลัยรอบคอ
ตอนสมัยยุคหลังจากนั้น เทพีมีฟังก์ชันพิเศษอีกอย่างคือถูกนำมาใช้ตกแต่งสวน แถมยังมีน้ำพุพุ่งออกจากเต้าอักด้วย ครีเอทีฟดีมากและก็สวยไปอีกแบบ