สวัสดีทุกคนที่หลงเข้ามาอ่านนะครับ ผมไม่เคยตั้งกระทู้มาก่อนเลย ถ้าตรงไหนติดขัดยังไงผมขอโทษด้วย
ผมมีเรื่องความรักของผมมาเล่าให้ฟัง มันอาจจะยาวหน่อยแต่ถ้า ใครพร้อมรับฟังจนจบผมก็ขอบคุณมาก
เกี่ยวกับตัวผม ผมเป็นคนกรุงเทพ อายุ 27 ตอนนี้ทำงานช่วยค้าขายที่บ้าน ผมเรียนจบนิเทศ เคยทำงานเป็นพนักงาน7 ตัดต่อ ช่างภาพ (แต่ชอบโดนจิกหัวใช้งานหนักเลยลาออก)
ท้าวความไปตอนที่ผมจบมัธยมใหม่ๆ ด้วยความที่เป็นช่วงรอเข้ามหาลัยผมเลยมีเวลาว่างมาก ผมเล่นแร็คทั้งวี่ทั้งวันและได้เจอผู้หญิงคนนึง เธอชื่อจูน เธออายุน้อยกว่าผม (เธอก็เรียกผมว่าพี่ๆนี่แหละ) เราคุยกันถูกคอมาก เธอน่ารักไปหมดทั้งการแต่งตัวละครเอย ทั้งคำพูดคำจาเอย (เธอเป็นคนชอบพิมพ์อิโมติค่อนลงท้ายประโยคมาก) ตอนแรกผมคิดว่าเธอเฮฮาบ้าบอ แต่เธอก็ใส่ใจมากเช่นกัน เธอไม่เคยคุยเรื่อง18+ แต่จะคุยเรื่องของผมว่าพี่วันนี้เป็นยังไงบ้าง พี่คิดยังไงกับสิ่งนั้นสิ่งนี้ แล้วก็เรื่องตลกขบขันทั่วๆไป เธอสามารถยกเรื่องนั้นเรื่องนี้มาคุยกันได้เสมอๆ เป็นคนที่ทำให้แชทไม่เงียบ เป็นคนที่ทำให้บทสนทนาเดินต่อไปเรื่อยๆ (และบางทีก็บ่นๆเรื่องของตัวเองเช่นกัน)
เธอบอกว่าตัวเองเป็นเด็กต่างจังหวัด พ่อแม่แยกทางกันตั้งแต่ยังเล็กๆ เลยต้องอาศัยอยู่กับญาติทางฝั่งแม่ โรงเรียนที่เรียนก็เป็นโรงเรียนเล็กๆ ระดับแค่ร้อยกว่าคน การเรียนการสอนก็ไม่เคร่งครัดมากเท่าไหร่ เธอเลยมีเวลาเล่นคอมเล่นเกมเยอะ (เธอเก่งภาษาอังกฤษใช้ได้เลยครับ)
เราเล่นด้วยกันทุกวันตลอดหลายเดือน จนผมเข้ามหาลัยแล้วถึงผมจะว่างน้อยลงแต่เราก็แวะเข้าไปเจอกันทุกวัน ผมแอบชอบเธอ แต่ผมไม่เคยมีแฟนเป็นตัวเป็นตนมาก่อนเลย ตอนนั้นรูปร่างหน้าตาผมไม่ค่อยดีด้วย ผมเลยไม่กล้าบอกชอบออกไป (มารู้ทีหลังว่าเธอก็แอบชอบผมเหมือนกัน)
จากนั้นช่วงปีสองผมติดเพื่อนติดฝูงมาก ใครชวนไปเที่ยวไหนก็ไป ใครชวนกินเหล้าก็ไป ชวนเล่นเกมตีดอทก็ไป เราเลยเริ่มห่างเหิน จากคุยกันทุกวัน กลายเป็นสองสามวันครั้ง หนักสุดก็สองอาทิตย์ครั้ง เราเลยเริ่มห่างเหิน แต่ทุกครั้งที่เข้าไปเจอกัน เธอก็เหมือนเดิมและรอผมอยู่ทุกครั้ง แต่เธอก็เริ่มดูเศร้าๆขึ้นเช่นกัน
ผมก็รู้สึกเสียดายเหมือนกันถ้าจะต้องเสียความสัมพันธ์นี้ไป ผมรวบรวมความกล้าอยู่นานเลย จนวันนึงผมก็บอกชอบเธอและขอเป็นแฟน แล้วผมก็อึ้งมาก เพราะเธอบอกว่าเธอไม่ใช่ผู้หญิง ผมยังจำคำข้อความนั้นได้ว่า "ขอโทษนะ จูนดีใจมากที่พี่มาบอก จูนก็ชอบพี่เหมือนกัน แต่จูนไม่ใช่ผู้หญิงหรอกนะ ขอโทษนะที่ไม่เคยบอก" แค่นี้แล้วเธอก็เงียบเลย
ผมรู้สึกหน้าชามาก ผมอึ้ง ผมสับสนไปหมด (ด้วยความที่ตอนนั้นการเหยียดเพศมันยังเป็นเรื่องปกติ) ผมปิดเกมหนีออกมาแล้วก็ไม่เข้าไปเจอกันอีกเลยเป็นเดือน ระหว่างนั้นผมก็ได้คิดทบทวนหลายๆอย่างกับตัวเอง สรุปคือผมไม่ได้รังเกียจเธอ แต่ถ้าให้คบกันผมคงยังทำใจไม่ได้
ผมเลยเข้าแร็คไปขอโทษเค้า(ต่อจากนี้ขอใช้คำว่า เค้า ละกันนะครับ) ปรากฏว่าเค้าบอกว่าไม่ได้โกรธ แต่ก็เสียใจอยู่ เค้านอนร้องให้อยู่หลายวันและอยากขอโทษผม แต่เค้าไม่มีช่องทางติดต่ออื่นแล้ว เค้าเลยรอผมออนเกมอยู่เป็นเดือนจนเค้ากลัวว่าจะไม่ได้เจอกันอีกแล้ว หรือผมจะลบเพื่อนหรือบล็อคเค้าไปแล้ว ทำเอาผมโครตรู้สึกผิดเลยตอนนั้น พอเคลียกันเสร็จสรรพผมก็บอกว่าผมคงคบกับเค้าไม่ได้หรอกนะ เรากลับมาคุยกันแบบพี่น้องกันเหมือนเดิมเถอะ เค้าก็ตอบตกลง
แต่ถึงจะว่าแบบนั้นแต่ผมก็รู้สึกได้เลยว่าทุกอย่างมันไม่เหมือนเดิม เค้าดูเงียบขึ้น ไม่สดใส ไม่ตลกโปกฮาเหมือนแต่ก่อน ซึ่งสาเหตุมันมาจากผม ผมคุยกับเค้าจนเค้าชอบ แล้วผมก็รู้ความลับของเค้า แล้วผมก็หักอกเค้า ผมทำเค้าพังซะแล้ว
หลังจากนั้นเราก็ห่างเหินกันกว่าเดิม กลายเป็นเดือนนึงคุยกันที สองเดือนคุยที บางทีก็สี่ห้าเดือน บางทีปีนึงทักเฟสมาถามสารทุกข์สุขดิบกันแล้วก็แล้วไป เป็นอย่างนั้นมานานจนผมจบมหาลัย ผมเริ่มทำงาน ผมเริ่มมีภาระ มีความเครียด จนผมเริ่มลืมไปแล้วว่าเราเคยสนุกด้วยกันขนาดไหน
จนเมื่อไม่กี่ปีก่อนผมเห็นเค้าอัพรูปปกเฟสเป็นรูปตัวเองครั้งแรก (ก่อนหน้านี้เค้าใช้รูปอนิเมะมาตลอด) เป็นช่วงที่เค้าจบมหาลัยแล้ว ซึ่งเค้าตาสวยใช้ได้เลย ผมโดนเค้าตกเข้าอีกรอบ ผมเลยทักไปคุยกัน เค้าก็ตอบแชททันทีแล้วก็ยาวเลย เค้าถามว่าชีวิตรักผมเป็นไงบ้าง พอผมบอกว่าผมก็ยังไม่มีแฟนอยู่วันยังค่ำเหมือนเดิม เค้าก็ดูใจนิดหน่อยนะ
เค้าบอกว่าเค้าเอาตังที่เก็บระหว่างเรียนมาดูแลตัวเองทีละนิดๆ(เค้าเรียนรามครับ ตอนจบมัธยมเค้าย้ายมาเช่าห้องอยู่กรุงเทพแล้วก็ทำงานระหว่างเรียนไปด้วย) เค้าบอกว่าเหนื่อยแทบตายกว่าจะมาถึงจุดนี้ และประโยคสำคัญเลยคือเค้าบอกว่าทำไปเพื่อเผื่อผมจะหันไปเหลียวแลเค้าซักนิด เหมือนคำนี้มันไปจุดประกายอะไรซักอย่างในตัวผมขึ้นมาอีกครั้งเลย (ตอนนั้นคนไทยเริ่มเปิดกว้างเรื่องเพศแล้วด้วย)
ผมเริ่มไม่สนใจแล้วว่าเค้าเคยเป็นผู้ชายมาก่อนหรืออะไรก็ตาม ผมขอเค้าคอลเปิดกล้องเค้าก็ยอมทำ (แบบว่าหน้าตาน่ารักจิ้มลิ้มตรงปกมากกก) และเค้าทำเสียงผู้หญิงได้ด้วย ถึงจะไม่เหมือนจนสมบูรณ์แบบแต่ถ้าไม่จับผิดจริงๆไม่มีทางรู้แน่นอน และหลังจากนั้นผมก็ชวนเค้าไปกินข้าวบ้าง ไปดูหนังบ้าง ไปเที่ยวนั่นเที่ยวนี่บ้าง
เค้ายืนยันจะหารค่าข้าวกับค่าตั๋วตลอด ทั้งๆที่ผมจะจ่ายเอง แต่ถ้าเป็นเรื่องช็อปปิ้งทุกครั้งที่ผมชวนไปเค้าจะไม่ค่อยซื้ออะไรเลย แล้วบอกว่าไม่มีตังอยู่ตลอดๆ (ซึ่งผมควรจะเลี้ยงเค้าด้วยซ้ำ แต่ผมเคยคิดด้วยว่าเค้าอยากหลอกใช้เงินผมรึป่าว เค้าแค่ประหยัดอดออม ผมมันเป็นคนที่แย่จริงๆ)
เราเจอคุยกัน เจอกันบ่อยขึ้น เป็นอย่างนั้นอยู่ปีกว่าๆ จนผมมั่นใจแล้วว่าผมชอบเค้าอีกครั้งจริงๆโดยไม่มีกำแพงเรื่องเพศมาเกี่ยว ผมเลยนัดเค้าออกไปเที่ยวกันแล้วขอคบในตอนนั้น ซึ่งเค้าดีใจมากจนร้องให้และตอบตกลงทั้งน้ำตา ผมยังจำภาพวันนั้นได้ดีเลย
หลังจากคบกันสักพัก ผมขอให้เค้าออกจากห้องเช่าแล้วย้ายมาอยู่ที่บ้านผม ซึ่งมันเป็นการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่มาก (ผมมีบ้านสองหลัง หลังแรกคือที่ผมอยู่คนเดียวที่กรุงเทพ เป็นบ้านที่ผมผ่อนต่อจากพ่อแม่ อีกหลังคือบ้านที่พ่อแม่ผมที่อยู่ที่ต่างจังหวัด)
หลังจากเค้าย้ายเข้ามา จากบ้านผมที่รกๆ ห้องนอนที่เหมือนรังหนู (ห้องนอนผู้ชาย น่าจะเข้าใจกันดีนะครับ) เค้าทำการปัดกวาดเช็ดถูจนเหมือนบ้านใหม่เอี่ยมเลย ข้าวของเกะกะ จานชามไม่ได้ล้าง ไม่มีอีกแล้ว แถมเค้ายังทำกับข้าวได้ด้วย จนผมตะลึงมาก
ชีวิตคู่ของเราก็ดำเนินไปราบรื่นมาก เค้าเป็นคนที่ค่อนข้างโรแมนติกและค่อนข้างเขินอายด้วย เวลาทำกับข้าวเสร็จก็จะเรียกผมตลอด และเค้าขอว่าห้ามเล่นมือถือเวลากิน เพื่อให้เราได้ใช้เวลาด้วยกัน เวลาอาบน้ำเค้าชอบเรียกผมไปอาบด้วย เค้าก็ใส่กางเกงตัวเดียวอาบด้วยแล้วก็ถูสบู่ให้อะไรประมาณนั้น ไม่รู้ว่าคู่อื่นจะมองว่าแปลกมั้ยนะครับ (เค้าไม่ได้แปลงเพศนะครับ แค่เทคฮอร์โมน) เวลาแปรงฟัน เวลาเข้านอนให้บอกรักกัน เค้าอยากให้ทำพร้อมกันทุกวัน บางวันผมเล่นเกมดึกจนเค้าง่วง ทำเอารู้สึกผิดเลย
ตลอดเวลาที่อยู่ด้วยกันเค้าขยันมาก ทั้งงานบ้าน ซักผ้า อาหาร ทุกอย่างไม่ให้ผมทำเลย แบ่งเบาภาระให้ผมทุกอย่าง ปลุกผมตามเวลาที่ผมต้องการตลอดทั้งๆที่เค้าเองก็ยังต้องไปสอนพิเศษอยู่แล้ว แถมยังนวดหลังเก่งด้วย (เค้าบอกว่าเคยไปเข้าคอร์สระยะสั้นอะไรซักอย่างนี่แหละ)
เค้าทำตัวดีมาก ไม่เคยชวนเทลาะ ไม่เคยงี่เง่า ไม่เคยฟุ่มเฟือย ขอออกไปไหนเค้าไม่เคยห้าม(ถึงจะมีเงื่อนไขอะไรนิดหน่อยก็เถอะ) เค้าเหมือนภรรยาในฝันของใครหลายๆคน แต่คนที่ไม่ดีกลับเป็นผมเอง
หลังจากนั้นงานของผมซบเซา ผมเริ่มกลายเป็นฟรีแลนซ์ไส้แห้งขึ้นทุกวัน รายได้ต่อเดือนผมเริ่มไม่พอ จนบางทีผมต้องยืมเงินเค้ามาโปะ (เราแยกเงินของใครของมันและมีกองกลางเป็นค่าใช้จ่ายในบ้านน่ะครับ แต่ก่อนหน้านั้นส่วนใหญ่ผมจะเป็นคนให้เค้าเผื่อให้ไปซื้อของส่วนตัว) พอการเงินเริ่มไม่คล่องผมเริ่มเครียดสะสม ไม่กล้าโทรไปขอพ่อกับแม่ด้วย เพราะพ่อแม่ผมดุมาก (ผมไม่ได้บอกเรื่องเค้ากับพ่อแม่ผมด้วย) ผมเริ่มกินเหล้าเยอะขึ้น ไปสังสรรค์กับเพื่อนเยอะขึ้น กลับบ้านไม่ตรงเวลา ไม่รับโทรศัพท์ พอเค้าท้วงผมก็เหวี่ยงใส่ เป็นอย่างนั้นสักพักจนบรรยากาศในบ้านเริ่มไม่ดี
พอเป็นอย่างนั้นนานเข้าเราก็เทลาะกันครั้งแรกตั้งแต่คบกันมา วันหนึ่งผมเอาเบียร์มากินที่บ้านจนกรึ่มๆพอสมควร พอเค้าบอกว่าพอก่อนมั้ย พี่กินเยอะแล้วนะ ผมก็อารมณ์ขึ้น วันนั้นในห้องนอนผมขึ้นเสียง เค้าพูดดีๆ แต่ผมใส่อารมณ์ จนเค้าเริ่มร้องให้ ผมก็ตะโกนว่าร้องให้ทำไม แล้วผลักเค้าลงเตียง(ผมก็หวังอย่างนั้น) แต่ท้องเค้าไปกระแทกกับขาเตียงที่ยื่นขึ้นมาเป็นมุม มีเสียงออกมาดังแอ๊กเลย เค้าน่าจะจุกมากเลยล้มตัวลงนอนอยู่อย่างนั้น ผมก็ด่าเค้าสารพัดว่าสมน้ำหน้า ว่าเค้าอ่อนแอ ว่าเค้าสำออย บลาๆๆ
เค้าร้องให้สะอึกสะอื้นไม่หยุดจนตาแดง แถมเลือดกำเดาไหล แต่ผมก็ยังไล่เค้าไปให้พ้นซะ ไม่อยากเห็นหน้าแล้วอย่างงั้น แล้วผมก็ไปกินเบียร์ต่อ ตั้งแต่วันนั้นผมก็ไม่เห็นเค้าเลย ผมตั้งสติได้แล้วก็ไปตามหาที่บ้านเพื่อนเค้าก็ไม่เจอ จนสองวันแล้วก็ยังไม่กลับบ้าน ผมเป็นห่วงจริงๆเพราะเค้าไม่ได้เอาอะไรไปด้วยเลยทั้งกระเป๋าทั้งโทรศัพท์ ผมตระเวนไปถามที่พักๆแถวรอบๆว่ามีคนชื่อนี้มาพักที่นี่มั้ยแต่ก็ไม่เจอ จนอีกวันหนึ่งเพื่อนเค้าก็มาบอกว่าให้เงินเค้านั่งกลับต่างจังหวัดไปแล้ว ผมวิ้งเลยเพราะไม่รู้ที่อยู่เค้าด้วย เพื่อนเค้าก็บอกว่าไม่รู้
ผมตามไปดูทั้งเฟสทั้งเอกสารที่เค้าทิ้งไว้ เผื่อจะหาที่อยู่ของเค้า หรืออย่างน้อยก็ญาติๆของเค้าได้ แต่ถามไปถามมายังไงก็ไม่เจอ แต่ผมบังเอิญเจอบัญชีธนาคารเก่าของผมด้วย ปรากฏว่าเงินที่ผมให้เค้าเป็นส่วนตัว เค้าแทบไม่เอาไปใช้เลย แต่เค้าฝากเข้าบัญชีให้ผมแล้วปิดบังไว้ เงินเกือบแสนพอที่จะเลี้ยงบ้านเราได้อีกนาน
ผมท้อมาก ผมเริ่มเขียนกระทู้ ตอนนี้ผมนั่งพิมพ์ทั้งน้ำตา ผมอยากบอกเค้าว่า
ถ้าเราได้อ่านพี่อยากบอกว่าพี่ขอโทษ พี่ผิดเอง พี่มันโคตรสารเลว พี่อยากให้เรากลับมาจริงๆ พี่สำนึกผิดแล้ว พี่ขอโอกาสแก้ตัว จะฟังที่เราพูด พี่จะทำตัวให้ดีขึ้น พี่ขอร้องช่วยติดต่อกลับมาที พี่รักจูนนะ
คนเราชอบละเลยคนสำคัญเวลายังอยู่กับเรา แล้วมาเสียใจเอาตอนที่เค้าไม่อยู่แล้ว ว่ามั้ยครับ
ผมมีเรื่องความรักของผมมาเล่าให้ฟัง มันอาจจะยาวหน่อยแต่ถ้า ใครพร้อมรับฟังจนจบผมก็ขอบคุณมาก
เกี่ยวกับตัวผม ผมเป็นคนกรุงเทพ อายุ 27 ตอนนี้ทำงานช่วยค้าขายที่บ้าน ผมเรียนจบนิเทศ เคยทำงานเป็นพนักงาน7 ตัดต่อ ช่างภาพ (แต่ชอบโดนจิกหัวใช้งานหนักเลยลาออก)
ท้าวความไปตอนที่ผมจบมัธยมใหม่ๆ ด้วยความที่เป็นช่วงรอเข้ามหาลัยผมเลยมีเวลาว่างมาก ผมเล่นแร็คทั้งวี่ทั้งวันและได้เจอผู้หญิงคนนึง เธอชื่อจูน เธออายุน้อยกว่าผม (เธอก็เรียกผมว่าพี่ๆนี่แหละ) เราคุยกันถูกคอมาก เธอน่ารักไปหมดทั้งการแต่งตัวละครเอย ทั้งคำพูดคำจาเอย (เธอเป็นคนชอบพิมพ์อิโมติค่อนลงท้ายประโยคมาก) ตอนแรกผมคิดว่าเธอเฮฮาบ้าบอ แต่เธอก็ใส่ใจมากเช่นกัน เธอไม่เคยคุยเรื่อง18+ แต่จะคุยเรื่องของผมว่าพี่วันนี้เป็นยังไงบ้าง พี่คิดยังไงกับสิ่งนั้นสิ่งนี้ แล้วก็เรื่องตลกขบขันทั่วๆไป เธอสามารถยกเรื่องนั้นเรื่องนี้มาคุยกันได้เสมอๆ เป็นคนที่ทำให้แชทไม่เงียบ เป็นคนที่ทำให้บทสนทนาเดินต่อไปเรื่อยๆ (และบางทีก็บ่นๆเรื่องของตัวเองเช่นกัน)
เธอบอกว่าตัวเองเป็นเด็กต่างจังหวัด พ่อแม่แยกทางกันตั้งแต่ยังเล็กๆ เลยต้องอาศัยอยู่กับญาติทางฝั่งแม่ โรงเรียนที่เรียนก็เป็นโรงเรียนเล็กๆ ระดับแค่ร้อยกว่าคน การเรียนการสอนก็ไม่เคร่งครัดมากเท่าไหร่ เธอเลยมีเวลาเล่นคอมเล่นเกมเยอะ (เธอเก่งภาษาอังกฤษใช้ได้เลยครับ)
เราเล่นด้วยกันทุกวันตลอดหลายเดือน จนผมเข้ามหาลัยแล้วถึงผมจะว่างน้อยลงแต่เราก็แวะเข้าไปเจอกันทุกวัน ผมแอบชอบเธอ แต่ผมไม่เคยมีแฟนเป็นตัวเป็นตนมาก่อนเลย ตอนนั้นรูปร่างหน้าตาผมไม่ค่อยดีด้วย ผมเลยไม่กล้าบอกชอบออกไป (มารู้ทีหลังว่าเธอก็แอบชอบผมเหมือนกัน)
จากนั้นช่วงปีสองผมติดเพื่อนติดฝูงมาก ใครชวนไปเที่ยวไหนก็ไป ใครชวนกินเหล้าก็ไป ชวนเล่นเกมตีดอทก็ไป เราเลยเริ่มห่างเหิน จากคุยกันทุกวัน กลายเป็นสองสามวันครั้ง หนักสุดก็สองอาทิตย์ครั้ง เราเลยเริ่มห่างเหิน แต่ทุกครั้งที่เข้าไปเจอกัน เธอก็เหมือนเดิมและรอผมอยู่ทุกครั้ง แต่เธอก็เริ่มดูเศร้าๆขึ้นเช่นกัน
ผมก็รู้สึกเสียดายเหมือนกันถ้าจะต้องเสียความสัมพันธ์นี้ไป ผมรวบรวมความกล้าอยู่นานเลย จนวันนึงผมก็บอกชอบเธอและขอเป็นแฟน แล้วผมก็อึ้งมาก เพราะเธอบอกว่าเธอไม่ใช่ผู้หญิง ผมยังจำคำข้อความนั้นได้ว่า "ขอโทษนะ จูนดีใจมากที่พี่มาบอก จูนก็ชอบพี่เหมือนกัน แต่จูนไม่ใช่ผู้หญิงหรอกนะ ขอโทษนะที่ไม่เคยบอก" แค่นี้แล้วเธอก็เงียบเลย
ผมรู้สึกหน้าชามาก ผมอึ้ง ผมสับสนไปหมด (ด้วยความที่ตอนนั้นการเหยียดเพศมันยังเป็นเรื่องปกติ) ผมปิดเกมหนีออกมาแล้วก็ไม่เข้าไปเจอกันอีกเลยเป็นเดือน ระหว่างนั้นผมก็ได้คิดทบทวนหลายๆอย่างกับตัวเอง สรุปคือผมไม่ได้รังเกียจเธอ แต่ถ้าให้คบกันผมคงยังทำใจไม่ได้
ผมเลยเข้าแร็คไปขอโทษเค้า(ต่อจากนี้ขอใช้คำว่า เค้า ละกันนะครับ) ปรากฏว่าเค้าบอกว่าไม่ได้โกรธ แต่ก็เสียใจอยู่ เค้านอนร้องให้อยู่หลายวันและอยากขอโทษผม แต่เค้าไม่มีช่องทางติดต่ออื่นแล้ว เค้าเลยรอผมออนเกมอยู่เป็นเดือนจนเค้ากลัวว่าจะไม่ได้เจอกันอีกแล้ว หรือผมจะลบเพื่อนหรือบล็อคเค้าไปแล้ว ทำเอาผมโครตรู้สึกผิดเลยตอนนั้น พอเคลียกันเสร็จสรรพผมก็บอกว่าผมคงคบกับเค้าไม่ได้หรอกนะ เรากลับมาคุยกันแบบพี่น้องกันเหมือนเดิมเถอะ เค้าก็ตอบตกลง
แต่ถึงจะว่าแบบนั้นแต่ผมก็รู้สึกได้เลยว่าทุกอย่างมันไม่เหมือนเดิม เค้าดูเงียบขึ้น ไม่สดใส ไม่ตลกโปกฮาเหมือนแต่ก่อน ซึ่งสาเหตุมันมาจากผม ผมคุยกับเค้าจนเค้าชอบ แล้วผมก็รู้ความลับของเค้า แล้วผมก็หักอกเค้า ผมทำเค้าพังซะแล้ว
หลังจากนั้นเราก็ห่างเหินกันกว่าเดิม กลายเป็นเดือนนึงคุยกันที สองเดือนคุยที บางทีก็สี่ห้าเดือน บางทีปีนึงทักเฟสมาถามสารทุกข์สุขดิบกันแล้วก็แล้วไป เป็นอย่างนั้นมานานจนผมจบมหาลัย ผมเริ่มทำงาน ผมเริ่มมีภาระ มีความเครียด จนผมเริ่มลืมไปแล้วว่าเราเคยสนุกด้วยกันขนาดไหน
จนเมื่อไม่กี่ปีก่อนผมเห็นเค้าอัพรูปปกเฟสเป็นรูปตัวเองครั้งแรก (ก่อนหน้านี้เค้าใช้รูปอนิเมะมาตลอด) เป็นช่วงที่เค้าจบมหาลัยแล้ว ซึ่งเค้าตาสวยใช้ได้เลย ผมโดนเค้าตกเข้าอีกรอบ ผมเลยทักไปคุยกัน เค้าก็ตอบแชททันทีแล้วก็ยาวเลย เค้าถามว่าชีวิตรักผมเป็นไงบ้าง พอผมบอกว่าผมก็ยังไม่มีแฟนอยู่วันยังค่ำเหมือนเดิม เค้าก็ดูใจนิดหน่อยนะ
เค้าบอกว่าเค้าเอาตังที่เก็บระหว่างเรียนมาดูแลตัวเองทีละนิดๆ(เค้าเรียนรามครับ ตอนจบมัธยมเค้าย้ายมาเช่าห้องอยู่กรุงเทพแล้วก็ทำงานระหว่างเรียนไปด้วย) เค้าบอกว่าเหนื่อยแทบตายกว่าจะมาถึงจุดนี้ และประโยคสำคัญเลยคือเค้าบอกว่าทำไปเพื่อเผื่อผมจะหันไปเหลียวแลเค้าซักนิด เหมือนคำนี้มันไปจุดประกายอะไรซักอย่างในตัวผมขึ้นมาอีกครั้งเลย (ตอนนั้นคนไทยเริ่มเปิดกว้างเรื่องเพศแล้วด้วย)
ผมเริ่มไม่สนใจแล้วว่าเค้าเคยเป็นผู้ชายมาก่อนหรืออะไรก็ตาม ผมขอเค้าคอลเปิดกล้องเค้าก็ยอมทำ (แบบว่าหน้าตาน่ารักจิ้มลิ้มตรงปกมากกก) และเค้าทำเสียงผู้หญิงได้ด้วย ถึงจะไม่เหมือนจนสมบูรณ์แบบแต่ถ้าไม่จับผิดจริงๆไม่มีทางรู้แน่นอน และหลังจากนั้นผมก็ชวนเค้าไปกินข้าวบ้าง ไปดูหนังบ้าง ไปเที่ยวนั่นเที่ยวนี่บ้าง
เค้ายืนยันจะหารค่าข้าวกับค่าตั๋วตลอด ทั้งๆที่ผมจะจ่ายเอง แต่ถ้าเป็นเรื่องช็อปปิ้งทุกครั้งที่ผมชวนไปเค้าจะไม่ค่อยซื้ออะไรเลย แล้วบอกว่าไม่มีตังอยู่ตลอดๆ (ซึ่งผมควรจะเลี้ยงเค้าด้วยซ้ำ แต่ผมเคยคิดด้วยว่าเค้าอยากหลอกใช้เงินผมรึป่าว เค้าแค่ประหยัดอดออม ผมมันเป็นคนที่แย่จริงๆ)
เราเจอคุยกัน เจอกันบ่อยขึ้น เป็นอย่างนั้นอยู่ปีกว่าๆ จนผมมั่นใจแล้วว่าผมชอบเค้าอีกครั้งจริงๆโดยไม่มีกำแพงเรื่องเพศมาเกี่ยว ผมเลยนัดเค้าออกไปเที่ยวกันแล้วขอคบในตอนนั้น ซึ่งเค้าดีใจมากจนร้องให้และตอบตกลงทั้งน้ำตา ผมยังจำภาพวันนั้นได้ดีเลย
หลังจากคบกันสักพัก ผมขอให้เค้าออกจากห้องเช่าแล้วย้ายมาอยู่ที่บ้านผม ซึ่งมันเป็นการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่มาก (ผมมีบ้านสองหลัง หลังแรกคือที่ผมอยู่คนเดียวที่กรุงเทพ เป็นบ้านที่ผมผ่อนต่อจากพ่อแม่ อีกหลังคือบ้านที่พ่อแม่ผมที่อยู่ที่ต่างจังหวัด)
หลังจากเค้าย้ายเข้ามา จากบ้านผมที่รกๆ ห้องนอนที่เหมือนรังหนู (ห้องนอนผู้ชาย น่าจะเข้าใจกันดีนะครับ) เค้าทำการปัดกวาดเช็ดถูจนเหมือนบ้านใหม่เอี่ยมเลย ข้าวของเกะกะ จานชามไม่ได้ล้าง ไม่มีอีกแล้ว แถมเค้ายังทำกับข้าวได้ด้วย จนผมตะลึงมาก
ชีวิตคู่ของเราก็ดำเนินไปราบรื่นมาก เค้าเป็นคนที่ค่อนข้างโรแมนติกและค่อนข้างเขินอายด้วย เวลาทำกับข้าวเสร็จก็จะเรียกผมตลอด และเค้าขอว่าห้ามเล่นมือถือเวลากิน เพื่อให้เราได้ใช้เวลาด้วยกัน เวลาอาบน้ำเค้าชอบเรียกผมไปอาบด้วย เค้าก็ใส่กางเกงตัวเดียวอาบด้วยแล้วก็ถูสบู่ให้อะไรประมาณนั้น ไม่รู้ว่าคู่อื่นจะมองว่าแปลกมั้ยนะครับ (เค้าไม่ได้แปลงเพศนะครับ แค่เทคฮอร์โมน) เวลาแปรงฟัน เวลาเข้านอนให้บอกรักกัน เค้าอยากให้ทำพร้อมกันทุกวัน บางวันผมเล่นเกมดึกจนเค้าง่วง ทำเอารู้สึกผิดเลย
ตลอดเวลาที่อยู่ด้วยกันเค้าขยันมาก ทั้งงานบ้าน ซักผ้า อาหาร ทุกอย่างไม่ให้ผมทำเลย แบ่งเบาภาระให้ผมทุกอย่าง ปลุกผมตามเวลาที่ผมต้องการตลอดทั้งๆที่เค้าเองก็ยังต้องไปสอนพิเศษอยู่แล้ว แถมยังนวดหลังเก่งด้วย (เค้าบอกว่าเคยไปเข้าคอร์สระยะสั้นอะไรซักอย่างนี่แหละ)
เค้าทำตัวดีมาก ไม่เคยชวนเทลาะ ไม่เคยงี่เง่า ไม่เคยฟุ่มเฟือย ขอออกไปไหนเค้าไม่เคยห้าม(ถึงจะมีเงื่อนไขอะไรนิดหน่อยก็เถอะ) เค้าเหมือนภรรยาในฝันของใครหลายๆคน แต่คนที่ไม่ดีกลับเป็นผมเอง
หลังจากนั้นงานของผมซบเซา ผมเริ่มกลายเป็นฟรีแลนซ์ไส้แห้งขึ้นทุกวัน รายได้ต่อเดือนผมเริ่มไม่พอ จนบางทีผมต้องยืมเงินเค้ามาโปะ (เราแยกเงินของใครของมันและมีกองกลางเป็นค่าใช้จ่ายในบ้านน่ะครับ แต่ก่อนหน้านั้นส่วนใหญ่ผมจะเป็นคนให้เค้าเผื่อให้ไปซื้อของส่วนตัว) พอการเงินเริ่มไม่คล่องผมเริ่มเครียดสะสม ไม่กล้าโทรไปขอพ่อกับแม่ด้วย เพราะพ่อแม่ผมดุมาก (ผมไม่ได้บอกเรื่องเค้ากับพ่อแม่ผมด้วย) ผมเริ่มกินเหล้าเยอะขึ้น ไปสังสรรค์กับเพื่อนเยอะขึ้น กลับบ้านไม่ตรงเวลา ไม่รับโทรศัพท์ พอเค้าท้วงผมก็เหวี่ยงใส่ เป็นอย่างนั้นสักพักจนบรรยากาศในบ้านเริ่มไม่ดี
พอเป็นอย่างนั้นนานเข้าเราก็เทลาะกันครั้งแรกตั้งแต่คบกันมา วันหนึ่งผมเอาเบียร์มากินที่บ้านจนกรึ่มๆพอสมควร พอเค้าบอกว่าพอก่อนมั้ย พี่กินเยอะแล้วนะ ผมก็อารมณ์ขึ้น วันนั้นในห้องนอนผมขึ้นเสียง เค้าพูดดีๆ แต่ผมใส่อารมณ์ จนเค้าเริ่มร้องให้ ผมก็ตะโกนว่าร้องให้ทำไม แล้วผลักเค้าลงเตียง(ผมก็หวังอย่างนั้น) แต่ท้องเค้าไปกระแทกกับขาเตียงที่ยื่นขึ้นมาเป็นมุม มีเสียงออกมาดังแอ๊กเลย เค้าน่าจะจุกมากเลยล้มตัวลงนอนอยู่อย่างนั้น ผมก็ด่าเค้าสารพัดว่าสมน้ำหน้า ว่าเค้าอ่อนแอ ว่าเค้าสำออย บลาๆๆ
เค้าร้องให้สะอึกสะอื้นไม่หยุดจนตาแดง แถมเลือดกำเดาไหล แต่ผมก็ยังไล่เค้าไปให้พ้นซะ ไม่อยากเห็นหน้าแล้วอย่างงั้น แล้วผมก็ไปกินเบียร์ต่อ ตั้งแต่วันนั้นผมก็ไม่เห็นเค้าเลย ผมตั้งสติได้แล้วก็ไปตามหาที่บ้านเพื่อนเค้าก็ไม่เจอ จนสองวันแล้วก็ยังไม่กลับบ้าน ผมเป็นห่วงจริงๆเพราะเค้าไม่ได้เอาอะไรไปด้วยเลยทั้งกระเป๋าทั้งโทรศัพท์ ผมตระเวนไปถามที่พักๆแถวรอบๆว่ามีคนชื่อนี้มาพักที่นี่มั้ยแต่ก็ไม่เจอ จนอีกวันหนึ่งเพื่อนเค้าก็มาบอกว่าให้เงินเค้านั่งกลับต่างจังหวัดไปแล้ว ผมวิ้งเลยเพราะไม่รู้ที่อยู่เค้าด้วย เพื่อนเค้าก็บอกว่าไม่รู้
ผมตามไปดูทั้งเฟสทั้งเอกสารที่เค้าทิ้งไว้ เผื่อจะหาที่อยู่ของเค้า หรืออย่างน้อยก็ญาติๆของเค้าได้ แต่ถามไปถามมายังไงก็ไม่เจอ แต่ผมบังเอิญเจอบัญชีธนาคารเก่าของผมด้วย ปรากฏว่าเงินที่ผมให้เค้าเป็นส่วนตัว เค้าแทบไม่เอาไปใช้เลย แต่เค้าฝากเข้าบัญชีให้ผมแล้วปิดบังไว้ เงินเกือบแสนพอที่จะเลี้ยงบ้านเราได้อีกนาน
ผมท้อมาก ผมเริ่มเขียนกระทู้ ตอนนี้ผมนั่งพิมพ์ทั้งน้ำตา ผมอยากบอกเค้าว่า
ถ้าเราได้อ่านพี่อยากบอกว่าพี่ขอโทษ พี่ผิดเอง พี่มันโคตรสารเลว พี่อยากให้เรากลับมาจริงๆ พี่สำนึกผิดแล้ว พี่ขอโอกาสแก้ตัว จะฟังที่เราพูด พี่จะทำตัวให้ดีขึ้น พี่ขอร้องช่วยติดต่อกลับมาที พี่รักจูนนะ