=จากที่ผมเคยโพสท์และมองว่า ช่วงกลางปี 66 ไปจนถึง ปลายปี 2566 ตลาด เป็นช่วงที่ hard money
ฉะนั้นแล้วช่วงปี 2566 ที่ผ่านมานี้ การลดความเสี่ยง การที่พอร์ตว่าง หรือการไม่ลงทุน ดีที่สุดในมุมมองของผม
แต่กระนั้นก็คันมือ55 จึงลงเงินจำนวนไม่มาก จนถึงปัจจุบัน พอร์ตรวม + 25.26 % ( 31 / 12 /66)
ในสภาวะตลาดที่ ปี 2566 ดัชนี SET ปิดที่ 1,415.85 จุด ลดลง 252.81จุด หรือ 15.15% จากต้นปี
ในสภาวะที่ นักลงทุนต่างประเทศกระหน่ำขายตลอดทาง
ในสภาวะที่ หุ้นใน set 100 มีถึง 80 กว่าตัวที่ราคาหุ้นลดลงจากต้นปี
ในสภาวะที่ เกิดสถาวะสงครามจากหลายภูมิภาค
แต่ไม่ว่าสภาวะใดๆก็ตาม ผมเชื่อว่าการ
ลงทุนก็ยังมีโอกาสเสมอ เพียงแต่หลักการสำคัญที่สุดคือการนึกถึง
ความเสี่ยง
พอร์ตผมเองก็เช่นกัน การลดน้ำหนักการลงทุน เก็บเงินสดและอดทนรอ เป็นสิ่งที่ผมให้ความสำคัญ
แต่ก็ยังแบ่งทุนส่วนนึงมาลงในตลาด
โดยใช้หลักการลงทุนตามแนวทางของตัวเอง ปรากฎว่าผลตอบแทนก็ยังเป็นที่น่าพอใจ
= จากต้นปี มีอยู่ 1 ตัว ที่ผมเข้าซื้อ และขายได้กำไรประมาณ 60 % ไป 1 รอบ และ ก็เข้าใหม่อีกรอบ ปัจจุบันก็ บวกประมาณ 21 % คือหุ้น TITLE

ส่วน ตัวอื่นๆก็เข้าช่วงกลางๆปี ส่วนใหญ่ ก็ เป็น + ตั้งแต่ 20 - 60 % แต่ก็ยังมีติดลบ อยู่ 1 ตัว ประมาณ 3 % คือ susco

ทั้งหมดนี้เป็นพอร์ตการลงทุนในปี 2566 สำหรับผม
อาจจะถูกจะผิด สำหรับมุมมองของท่านก็สุดแท้แต่สไตล์การลงทุนนะครับ
แต่ผมเชื่อเสมอว่าหลักการลงทุนใดๆก็ตามที่สร้างความมั่นคงและมีผลตอบแทนที่ดีในระยะยาว(5-10 ปี)
และเหมาะกับ mindset ของเราเองเราก็ควรเลือกทางนั้น
เมื่อเขายังสร้างผลตอบแทนที่ดีและมีประสิทธิภาพ ก็เพียงพอแล้วที่เราจะใช้แนวทางนี้
ปี 2567 ก็เป็นปีที่ท้าทายสำหรับนักลงทุน แต่ผมเชื่อเสมอว่าทุกวิกฤติย่อมมีโอกาศเสมอ ที่สำคัญเราต้องเชื่อมั่นในบางสิ่งและต้องนึกถึงความเสี่ยงใว้เสมอ
ขอบคุณครับ
ทุ่งหญ้าแห่งความสุข 31 /12 / 66

= กระทู้โชว์พอร์ต ไม่โฟโต้ช็อป สิ้นปี 66 กับผลตอบแทนรวม 25 %
ฉะนั้นแล้วช่วงปี 2566 ที่ผ่านมานี้ การลดความเสี่ยง การที่พอร์ตว่าง หรือการไม่ลงทุน ดีที่สุดในมุมมองของผม
แต่กระนั้นก็คันมือ55 จึงลงเงินจำนวนไม่มาก จนถึงปัจจุบัน พอร์ตรวม + 25.26 % ( 31 / 12 /66)
ในสภาวะตลาดที่ ปี 2566 ดัชนี SET ปิดที่ 1,415.85 จุด ลดลง 252.81จุด หรือ 15.15% จากต้นปี
ในสภาวะที่ นักลงทุนต่างประเทศกระหน่ำขายตลอดทาง
ในสภาวะที่ หุ้นใน set 100 มีถึง 80 กว่าตัวที่ราคาหุ้นลดลงจากต้นปี
ในสภาวะที่ เกิดสถาวะสงครามจากหลายภูมิภาค
แต่ไม่ว่าสภาวะใดๆก็ตาม ผมเชื่อว่าการลงทุนก็ยังมีโอกาสเสมอ เพียงแต่หลักการสำคัญที่สุดคือการนึกถึงความเสี่ยง
พอร์ตผมเองก็เช่นกัน การลดน้ำหนักการลงทุน เก็บเงินสดและอดทนรอ เป็นสิ่งที่ผมให้ความสำคัญ
แต่ก็ยังแบ่งทุนส่วนนึงมาลงในตลาด โดยใช้หลักการลงทุนตามแนวทางของตัวเอง ปรากฎว่าผลตอบแทนก็ยังเป็นที่น่าพอใจ
= จากต้นปี มีอยู่ 1 ตัว ที่ผมเข้าซื้อ และขายได้กำไรประมาณ 60 % ไป 1 รอบ และ ก็เข้าใหม่อีกรอบ ปัจจุบันก็ บวกประมาณ 21 % คือหุ้น TITLE
ส่วน ตัวอื่นๆก็เข้าช่วงกลางๆปี ส่วนใหญ่ ก็ เป็น + ตั้งแต่ 20 - 60 % แต่ก็ยังมีติดลบ อยู่ 1 ตัว ประมาณ 3 % คือ susco
ทั้งหมดนี้เป็นพอร์ตการลงทุนในปี 2566 สำหรับผม
อาจจะถูกจะผิด สำหรับมุมมองของท่านก็สุดแท้แต่สไตล์การลงทุนนะครับ
แต่ผมเชื่อเสมอว่าหลักการลงทุนใดๆก็ตามที่สร้างความมั่นคงและมีผลตอบแทนที่ดีในระยะยาว(5-10 ปี)
และเหมาะกับ mindset ของเราเองเราก็ควรเลือกทางนั้น
เมื่อเขายังสร้างผลตอบแทนที่ดีและมีประสิทธิภาพ ก็เพียงพอแล้วที่เราจะใช้แนวทางนี้
ปี 2567 ก็เป็นปีที่ท้าทายสำหรับนักลงทุน แต่ผมเชื่อเสมอว่าทุกวิกฤติย่อมมีโอกาศเสมอ ที่สำคัญเราต้องเชื่อมั่นในบางสิ่งและต้องนึกถึงความเสี่ยงใว้เสมอ
ขอบคุณครับ
ทุ่งหญ้าแห่งความสุข 31 /12 / 66