(8/10) The Hunger Games: The Ballad of Songbirds & Snakes
หนังเป็นเรื่องราวของคอริโอเลนัส สโนว์ เมื่อยังเป็นวัยรุ่น ก่อนก้าวเท้าเข้าสู่ตำแหน่งประธานาธิบดีเผด็จการผู้ทรงอำนาจแห่งพาเน็มในไตรภาค The Hunger Games กับลูซี่ เกรย์ บรรณาการสาวรุ่นจากเขต 10 ในการแข่งขันเกมล่าชีวิตครั้งที่ 10 ซึ่งเป็นการแข่งขันครั้งแรกที่มีการเริ่มใช้ระบบพี่เลี้ยง สำหรับเรา เรามีความรู้สึกว่าตัวละครสโนว์ในภาคหลักเป็นตัวละครที่มีมิติแต่ไม่ได้มีความน่าสนใจถึงขั้นที่จะทำเรื่องแยกขนาดนั้น (ส่วนตัวเราสนใจตัวละคร นิก โอแดร์ค่ะ) อย่างไรก็ดี ภาคนี้ก็ถือว่าเป็นภาคแยกที่ดีเลยทีเดียว ซึ่งตัวหนังก็จะแยกเป็นสามองก์เหมือนหนังสือ ซึ่งเราก็จะลำดับความคิดได้ง่ายขึ้นค่ะว่าตอนนี้เหตุการณ์เป็นอย่างไร อีกทั้งบรรยากาศในเรื่องก็ชวนให้เล่าเรื่องแบบละครเวทีได้ไม่ขัดเขิน และเราก็รู้สึกว่าบรรยากาศในเรื่องที่อ้างอิงจากช่วงยุคปฏิวัติอุตสาหกรรมเป็นบรรยากาศที่เหมาะสมมากที่สุดที่จะขับเน้นคาร์แรกเตอร์ของตัวละครสโนว์ ตั้งแต่เขายังเป็นเด็กหนุ่มทะเยอทะยานไร้พิษสง จนถึงจอมวายร้ายแห่งพาเต็มค่ะ
ข้อดี
-นักแสดงเล่นดี สมบทบาททุกคนค่ะ ส่วนตัวเราชอบศ.กอลซึ่งเป็นผู้คุมเกมล่าชีวิตค่ะ นักแสดงคนนี้เล่นได้ดูติสต์แบบสยองขวัญหน่อยๆ ระทึกขวัญเรามากค่ะ อีกคนที่ชอบมากเช่นกันคือไทกริส เป็นตัวละครที่ออกมาน้อยมากแต่นักแสดงเล่นได้สง่า ตราตรึงใจมากค่ะ โดยเฉพาะฉากที่เธอไปให้กำลังใจสโนว์ คือสวยสะกดตามากจริงๆค่ะ ไม่น่าเชื่อเลยว่านักแสดงตัวจริงเป็นทรานส์
-ฉากคือสวยมากค่ะ อลังการ และทำให้เราเชื่อว่านี่คือเกมล่าชีวิตยุคบุกเบิกจริงๆ
-ชอบกับการเล่นคำนกมอกกิ้งเจย์ กับอสรพิษสีรุ้งมากๆค่ะ แทนความหมายถึงลูซี่ และคอริโอเลนัสได้ตรงเลยทีเดียว
-ลูซี่ เสียงร้องเพราะมากค่ะ เราเชื่อจริงๆว่าเธอคือลูกซี่ แต่ละเพลงเราฟังแล้วอินมาก หวังว่าราเชลจะรู้จักใช้สื่อมากกว่านี้นะคะเพราะผลงานน้องดีจริงๆ แต่ใีปากน้องนี่สิ..อันตราย
-เอฟเฟกต์อลังการ ฉากระเบิดยิ่งใหญ่ ควรอย่างยิ่งแก่การดูในระบบไอแมกซ์ค่ะ
ข้อเสีย
-เรารู้สึกว่าตอนจบมันไม่ค่อยชัดเจนในบางประเด็นค่ะ ซึ่งเราพอเข้าใจได้ว่าหนังที่สร้างจากหนังสือไม่สามารถเก็บรายละเอียดทุกอย่างของหนังสือได้ครบถ้วนสมบูรณ์อยู่แล้วเนื่องจากข้อจำกัดหลายๆอย่าง แต่เรารู้สึกว่าก็ควรมีฉากที่ขยายเหตุผลของการกระทำตัวละครมากกว่าการยัดใส่บทพูดตัวละครซึ่งบางครั้งต้องอาศัยการตีความให้ทันค่ะ
-เรารู้สึกซับไทยค่อนข้างประดักประเดิด แต่ก็โอเคค่ะ อยู่ในมาตรฐาน
สรุป
ถือเป็นหนังที่ดีค่ะ มีความอลังการและเสียดสีระบบการปกครองเผด็จการได้แสบทรวงไม่แพ้ภาคหลักค่ะ
รีวิว The Hunger Games: The Ballad of Songbirds & Snakes
หนังเป็นเรื่องราวของคอริโอเลนัส สโนว์ เมื่อยังเป็นวัยรุ่น ก่อนก้าวเท้าเข้าสู่ตำแหน่งประธานาธิบดีเผด็จการผู้ทรงอำนาจแห่งพาเน็มในไตรภาค The Hunger Games กับลูซี่ เกรย์ บรรณาการสาวรุ่นจากเขต 10 ในการแข่งขันเกมล่าชีวิตครั้งที่ 10 ซึ่งเป็นการแข่งขันครั้งแรกที่มีการเริ่มใช้ระบบพี่เลี้ยง สำหรับเรา เรามีความรู้สึกว่าตัวละครสโนว์ในภาคหลักเป็นตัวละครที่มีมิติแต่ไม่ได้มีความน่าสนใจถึงขั้นที่จะทำเรื่องแยกขนาดนั้น (ส่วนตัวเราสนใจตัวละคร นิก โอแดร์ค่ะ) อย่างไรก็ดี ภาคนี้ก็ถือว่าเป็นภาคแยกที่ดีเลยทีเดียว ซึ่งตัวหนังก็จะแยกเป็นสามองก์เหมือนหนังสือ ซึ่งเราก็จะลำดับความคิดได้ง่ายขึ้นค่ะว่าตอนนี้เหตุการณ์เป็นอย่างไร อีกทั้งบรรยากาศในเรื่องก็ชวนให้เล่าเรื่องแบบละครเวทีได้ไม่ขัดเขิน และเราก็รู้สึกว่าบรรยากาศในเรื่องที่อ้างอิงจากช่วงยุคปฏิวัติอุตสาหกรรมเป็นบรรยากาศที่เหมาะสมมากที่สุดที่จะขับเน้นคาร์แรกเตอร์ของตัวละครสโนว์ ตั้งแต่เขายังเป็นเด็กหนุ่มทะเยอทะยานไร้พิษสง จนถึงจอมวายร้ายแห่งพาเต็มค่ะ
ข้อดี
-นักแสดงเล่นดี สมบทบาททุกคนค่ะ ส่วนตัวเราชอบศ.กอลซึ่งเป็นผู้คุมเกมล่าชีวิตค่ะ นักแสดงคนนี้เล่นได้ดูติสต์แบบสยองขวัญหน่อยๆ ระทึกขวัญเรามากค่ะ อีกคนที่ชอบมากเช่นกันคือไทกริส เป็นตัวละครที่ออกมาน้อยมากแต่นักแสดงเล่นได้สง่า ตราตรึงใจมากค่ะ โดยเฉพาะฉากที่เธอไปให้กำลังใจสโนว์ คือสวยสะกดตามากจริงๆค่ะ ไม่น่าเชื่อเลยว่านักแสดงตัวจริงเป็นทรานส์
-ฉากคือสวยมากค่ะ อลังการ และทำให้เราเชื่อว่านี่คือเกมล่าชีวิตยุคบุกเบิกจริงๆ
-ชอบกับการเล่นคำนกมอกกิ้งเจย์ กับอสรพิษสีรุ้งมากๆค่ะ แทนความหมายถึงลูซี่ และคอริโอเลนัสได้ตรงเลยทีเดียว
-ลูซี่ เสียงร้องเพราะมากค่ะ เราเชื่อจริงๆว่าเธอคือลูกซี่ แต่ละเพลงเราฟังแล้วอินมาก หวังว่าราเชลจะรู้จักใช้สื่อมากกว่านี้นะคะเพราะผลงานน้องดีจริงๆ แต่ใีปากน้องนี่สิ..อันตราย
-เอฟเฟกต์อลังการ ฉากระเบิดยิ่งใหญ่ ควรอย่างยิ่งแก่การดูในระบบไอแมกซ์ค่ะ
ข้อเสีย
-เรารู้สึกว่าตอนจบมันไม่ค่อยชัดเจนในบางประเด็นค่ะ ซึ่งเราพอเข้าใจได้ว่าหนังที่สร้างจากหนังสือไม่สามารถเก็บรายละเอียดทุกอย่างของหนังสือได้ครบถ้วนสมบูรณ์อยู่แล้วเนื่องจากข้อจำกัดหลายๆอย่าง แต่เรารู้สึกว่าก็ควรมีฉากที่ขยายเหตุผลของการกระทำตัวละครมากกว่าการยัดใส่บทพูดตัวละครซึ่งบางครั้งต้องอาศัยการตีความให้ทันค่ะ
-เรารู้สึกซับไทยค่อนข้างประดักประเดิด แต่ก็โอเคค่ะ อยู่ในมาตรฐาน
สรุป
ถือเป็นหนังที่ดีค่ะ มีความอลังการและเสียดสีระบบการปกครองเผด็จการได้แสบทรวงไม่แพ้ภาคหลักค่ะ