[CR] พาไปล่องเรือที่ Geibikei Gorge พร้อมกับทดสอบความแม่นที่หน้าผาแห่งอัญมณี และฟังเรื่องเล่าจากคุณลุงไกด์ญี่ปุ่น

สวัสดีครับ

มาต่อจาก กระทู้ชวนเที่ยว Hiraizumi นะครับ 

>> > ไปครับ ไปเที่ยวด้วยกันต่อเลยครับ 



วันนี้ เป็นวันที่ 3 ของการเดินทาง

ช่วงเช้าผม ตื่นเช้ามากๆ เพื่อวางแผนไปเก็บแสงเช้าที่ Hiraizumi อีกรอบครับ 
เลยรีบขึ้นรถไฟ ขบวนแรกไป ที่ฮิราอิซุมิครับ
แต่ปรากฏว่า พอถึงสถานีรถไฟ ฝนตกลงมาอีกแล้ว ตั้งแต่เช้า 
เลยได้เพียงถ่ายรูป ที่ Muryoko-in Temple Remains เพียงนิดหน่อย



ต้นไม้แดง ที่เล็งไว้ว่า พรุ่งนี้ ถ้ามีแสงเช้าน่าจะสวย
ก็ใบไม้แดงล่วงหล่นไปเยอะมากครับ T-T
หลังจากนั้น เลยเปลี่ยนแผนนั่งรถไฟกลับมาที่ Ichinoseki ครับ 

และวางแผนเดินทางไปล่องเรือ และทดสอบความแม่นที่ Geibikei Gorge แทนครับ 
เกบิเค เป็นอีกสถานที่ท่องเที่ยวที่สวยงามมากๆ อยู่ใกล้ๆ เมือง Hiraizumi และ Ichinoseki ครับ

การเดินทางไป Geibikei จาก Ichinoseki ก็สะดวกมากครับ
เราสามารถเลือกนั่งรถบัส จากหน้าสถานีรถไฟ
หรือ นั่งรถไฟ JR Ofunato Line ไปลง ที่ Geibikei Station ได้โดยตรงเลยครับ

1. รูปรถไฟสาย JR Ofunato Line 



สำหรับคนที่มี JR Pass สามารถ ใช้นั่ง JR Ofunato Line ได้ฟรีเลยครับ ไม่ต้องเสียเงินเพิ่มเติม
โดยการนั่งรถไฟใช้เวลาประมาณ  37 นาทีครับ 

2. รูปสถานีรถไฟ Geibikei Station 



(สำหรับคนไม่มี JR Pass สามารถซื้อตั๋วที่สถานีได้เลยครับ ราคา 510 เยนครับ)
หลังจากถึงสถานี Geibikei Station ก็เดินต่อไปที่จุด ขึ้นเรือประมาณ 550 เมตรครับ

โดยจะมีเรือออกทุกๆ 1 ขั่วโมง หรือ 1.30 ชั่วโมง จากเวลา 8.30 - 15.00 ของทุกวัน ครับ 
ค่าเรือ ท่านละ 1,800 เยน ต่อคนครับ

3. บรรยากาศที่ท่าเรือ




4. บรรยากาศ 2 ข้างทางจากจุดขึ้นเรือครับ 





5. ผมโชคดีได้เรือที่คุณลุงไกด์ญี่ปุ่น ที่ถ่อเรือให้เรานั่ง และมีเรื่องเล่า สนุกๆ ตลอดทางเลยครับ





เลยขอนุญาตนำเรื่องเล่าของคุณลุง ที่เล่าตลอดทางมาแชร์ ให้เพื่อนๆ พร้อมๆ กับรูปประกอบครับ 

1. วิญญาณผู้พิทักษ์แห่งเกบิเค:



กล่าวกันว่าเมื่อนานมาแล้ว 
ช่องเขาเกบิเคได้รับการดูแลโดยวิญญาณ "ผู้พิทักษ์ผู้ใจดี"
สิ่งมีชีวิตลึกลับที่รู้จักกันในชื่อ "คาวา โนะ เมกามิ" หรือเทพธิดาแห่งแม่น้ำ 
เชื่อกันว่าวิญญาณนี้ปรากฏอยู่ในเสียงใบไม้ที่พลิ้วไหวอย่างอ่อนโยน 
กระแสน้ำที่ผ่อนคลาย และเสียงกระซิบของลมที่พัดผ่านหน้าผา

ตามตำนานพื้นบ้าน เทพธิดาแห่งแม่น้ำมีความสามารถที่จะแปลงร่าง
เป็นหญิงสาวสวยที่มีผมสลวยเหมือนสายน้ำพริ้วไหว 
เธอเป็นผู้พิทักษ์ช่องเขาและผู้มาเยือน ทำให้มั่นใจว่า
ผู้ที่เข้ามาที่ เกบิเค ด้วยใจบริสุทธิ์จะได้รับโชคลาภและความรู้สึกสงบ

วันหนึ่ง นักเดินทางผู้เหนื่อยล้าหลงทางในป่าทึบรอบๆ ช่องเขาเกบิเค ได้พบกับเทพธิดาแห่งแม่น้ำ 
นักเดินทางที่เหนื่อยล้าและสับสน ได้รับการชี้นำโดยการปรากฏตัวของเทพธิดาเพื่อความปลอดภัย 
เพื่อแสดงความขอบคุณ นักเดินทางได้มอบหินเล็กๆ ที่แกะสลักอย่างวิจิตรบรรจงเพื่อเป็นสัญลักษณ์แสดงความขอบคุณ 
เทพธิดาสัมผัสได้ถึงความจริงใจของนักเดินทางจึงรับของขวัญดังกล่าว

ตำนานเล่าว่าหินแกะสลักนั้นเต็มไปด้วยวิญญาณของเทพธิดาแห่งแม่น้ำ 
ซึ่งทำหน้าที่เป็นเครื่องรางสำหรับปกป้องผู้ที่มาเยือนช่องเขาเกบิเค 
กล่าวกันว่าจนถึงทุกวันนี้ ผู้มาเยือนจะพบหินรูปหัวใจเล็กๆ ริมฝั่งแม่น้ำเป็นครั้งคราว 
โดยเชื่อว่าเป็นของขวัญจากวิญญาณผู้พิทักษ์นั่นเอง

ขณะที่คุณลงเรือไปตามช่องเขา ให้ฟังเสียงกระซิบของสายลมและเสียงแม่น้ำที่กระทบกับเรืออย่างใกล้ชิด 
บางคนบอกว่าเทพธิดาแห่งแม่น้ำอาจยังคงเฝ้าดูเกบิเคอยู่ 
เพื่อให้แน่ใจว่าผู้ที่ชื่นชมความงามของมันจะได้รับพรอย่างเงียบๆ ของเธอ

ระหว่างนั้น เราก็ถึงจุดที่น้ำในแม่น้ำใสมาก
จนสามารถมองเห็นหินในแม่น้ำต่างๆ ที่วางตัวเรียงรายอยู่ในแม่น้ำ
ทุกคนก็มองหา หินรูปหัวใจ ตาทที่คุณลุงบอกกันใหญ่ครับ ยิ้ม ยิ้ม 

ระหว่างนั้น คุณลุง ก็พาหยุด เรือ บริเวณ ถ้ำเล็ก ข้างๆ แม่น้ำ 
และแนะนำให้นักท่องเที่ยวโยนเหรียญ ที่เพื่อศักการะเทพเจ้า อีกท่านหนึ่งครับ 
จุดนี้ เรียกว่า Bishamon-Kutsu 





2. ทะเลสาบกระจกแสงจันทร์:

หลังจากนั้นคุณลุง ก็พาเรือไม่อีกจุดหนึ่ง ของหุบเขาครับ 
โดยคุณลุงอธิบายว่า 

ลึกเข้าไปในใจกลางช่องเขาเกบิเค 
มีบริเวณอันเงียบสงบที่เรียกว่าคากามิอิเคะหรือทะเลสาบกระจก 
ว่ากันว่าคากามิอิเคะเป็นสถานที่ศักดิ์สิทธิ์ที่ดวงวิญญาณของช่องเขามารวมตัวกันใต้แสงจันทร์ที่ส่องแสงระยิบระยับ

ตำนานเล่าว่าในคืนพระจันทร์เต็มดวงปีละครั้ง 
คากามิ อิเกะจะต้องเผชิญกับการเปลี่ยนแปลงทางเวทมนตร์ 
น้ำนิ่งของทะเลสาบกลายเป็นกระจกเงาที่สมบูรณ์แบบ 
สะท้อนไม่เพียงแต่หน้าผาและต้นไม้โดยรอบเท่านั้น 
แต่ยังสะท้อนความฝันและความปรารถนาของผู้มาเยือนอีกด้วย

นานมาแล้ว ศิลปินหนุ่มผู้หลงใหลในความงามของเกบิเคได้เดินทางไปที่คากามิ อิเกะ 
ด้วยแรงบันดาลใจจากสภาพแวดล้อมอันเงียบสงบ 
ศิลปินได้สร้างผลงานชิ้นเอกบนพื้นผิวของทะเลสาบโดยใช้แสงสะท้อนจากแสงจันทร์เป็นผืนผ้าใบ 
งานศิลปะนี้บรรยายฉากแห่งความงามเหนือโลก 
โดยรวบรวมแก่นแท้ของช่องเขาเกบิเคในรูปแบบที่น่าหลงใหลที่สุด
จิตวิญญาณแห่งช่องเขาซึ่งขับเคลื่อนโดยความคิดสร้างสรรค์ของศิลปิน
และความเชื่อมโยงอย่างลึกซึ้งกับโลกธรรมชาติ ทำให้งานศิลปะมีชีวิตในตัวเอง
 กล่าวกันว่าในทุกคืนพระจันทร์เต็มดวง 
ภาพวาดจะมีชีวิตชีวาด้วยสีสันที่สดใสและฉากที่เคลื่อนไหวได้ 
ซึ่งแสดงให้เห็นความงามที่เปลี่ยนแปลงตลอดเวลาของช่องเขา

ว่ากันว่าผู้มาเยือนที่มีโอกาสพบกับคากามิ อิเคะ
ในช่วงพระจันทร์เต็มดวงจะมองเห็นผลงานศิลปะที่มีชีวิต 
ซึ่งเป็นข้อพิสูจน์ถึงความผูกพันที่ยั่งยืนระหว่างศิลปะ ธรรมชาติ และพลังอันลึกลับของช่องเขาเกบิเค

ขณะที่คุณลงเรือผ่านช่องเขา ใช้เวลาสักครู่เพื่อจ้องมองคากามิอิเกะภายใต้แสงพระจันทร์เต็มดวง 
คุณอาจพบว่าตัวเองหลงใหลไปกับแสงสะท้อนบนพื้นผิวที่เหมือนกระจก 
และใครจะรู้ คุณอาจได้เห็นผลงานชิ้นเอกที่มีชีวิตซึ่งสะท้อนถึงศิลปะแห่งค่ำคืนที่ถูกลืมไปนาน



3. ตำนานแห่งซากุระแห่งสวรรค์:

อีกซักพักคุณลุง ก็พาเรา มาอยู่บริเวณหน้าผาอีกช่วง ที่มีต้นไม้ ที่น่าจะเป็นต้นซากุระ อยู่หลายต้น
แล้ว ก็เริ่มเล่า ถึงเรือง ตำนานแห่งซากุระแห่งสวรรค์



ในใจกลางช่องเขาเกบิเค ซึ่งมีหน้าผาตั้งตระหง่านและแม่น้ำส่งเสียงพึมพำ ตามท่วงทำนองโบราณ 
มีป่าละเมาะที่ซ่อนอยู่ในหุบเขา ซึ่งเรียกว่าโฮชิ โนะ ซากุระ หรือซากุระแห่งสวรรค์ 

ตำนานเล่าว่าต้นซากุระลึกลับนี้จะเบ่งบานภายใต้แสงดาวตกเท่านั้น 
ทำให้เกิดดอกไม้ที่ดึงดูดความปรารถนาของผู้ที่จ้องมอง

นานมาแล้ว ในคืนหนึ่งที่ท้องฟ้าสว่างไสวด้วยความอัศจรรย์แห่งสวรรค์ 
กวีผู้หนึ่ง ชื่อว่า  ฮิคาริ  ได้ไปหลบภัยในหุบเขา 
ฮิคาริได้หลับไหลไป ด้วยความฝันและได้รับแรงบันดาลใจจากความงามอันบริสุทธิ์ของเกบิเค 

โดยแต่งบทกลอนที่พูดถึงการเต้นรำที่กลมกลืนกันระหว่างธรรมชาติและจักรวาล
ขณะที่คำพูดของฮิคาริดังก้องไปทั่วหุบเขา ดาวตกก็พุ่งทะลุท้องฟ้า 

ในช่วงเวลาเพียงชั่วครู่นั้น พลังงานสวรรค์ได้แทรกซึมเข้าไปในต้นซากุระใน Hoshi no Sakura 
ทำให้มันบานสะพรั่งไปด้วยดอกไม้ที่เปล่งประกายด้วยแสงจากนอกโลก

ตำนานเล่าถึงกลีบของซากุระสวรรค์ที่นำพาความฝันและความปรารถนาของผู้ที่เห็นการเบ่งบานที่หายากของมัน 
ว่ากันว่าความปรารถนาเหล่านี้ได้รับจากวิญญาณของเกบิเค ซึ่งเชื่อมโยงโลกมนุษย์เข้ากับอาณาจักรสวรรค์

ตลอดหลายศตวรรษที่ผ่านมา นักเดินทางและนักกวี เดินทางตามหาโฮชิ โนะ ซากุระ 
โดยหวังว่าจะได้เห็นปรากฏการณ์ท้องฟ้าและนำความปรารถนาของพวกเขาไปสู่ดวงดาว 

ป่าแห่งนี้กลายเป็นพื้นที่ศักดิ์สิทธิ์ที่แรงบันดาลใจโบยบินไปพร้อมกับกลีบซากุระที่ไม่ธรรมดา
จนถึงทุกวันนี้ ในช่วงกลางคืนที่มีดาวตก 
คนในพื้นที่และผู้มาเยือนก็มารวมตัวกันใกล้ช่องเขาเกบิเค 
โดยหวังว่าจะได้เห็นดอกไม้บานสะพรั่งของโฮชิ โนะ ซากุระ ตำนานยังคงอยู่ 
และต้นซากุระยังคงสานต่อความฝันของผู้ที่พบว่าตนเองอยู่ภายใต้อ้อมกอดแห่งสวรรค์

ขณะที่คุณเดินผ่าน หรือ ล่องเรือ ช่องเขาโบราณ ในหุบเขาเกบิเค ให้จับตาดูท้องฟ้ายามค่ำคืน 
และบางทีคุณอาจได้เห็นเซเลสเชียลซากุระ ดอกไม้ที่บานสะพรั่งไปด้วยความหวัง
และความฝันของทุกคนที่ประหลาดใจในความมหัศจรรย์ของเกบิเค

ระหว่างที่คุณลุงเล่า ก็จะมีน้องเป็ด มาทักทายเราอยู่ตลอดทางครับ



4. เสียงหัวเราะของกัปปะจอมซน

หลังจากนั้น เราก็เดินทางมาถึงบริเวณ ช่องเขาแคบๆ 
แล้วคุณลุง ก็เริ่มเล่าเกี่ยวกับ เสียงหัวเราะของกัปปะ

ในใจกลางช่องเขาเกบิเค 
เคยมีคัปปะจอมซนชื่อ กิโกะ อาศัยอยู่ 
กิโกะเป็นที่รู้จักจากความรักในเสียงหัวเราะและการแกล้งเล่นที่สนุกสนาน 
ซึ่งนำความสุขมาสู่ผู้ที่พบเขาตามริมฝั่งแม่น้ำ
โดยในตำนานเล่าว่าเจ้ากัปปะกิโกะมีความสามารถพิเศษ 
เขาสามารถเลียนแบบเสียงหัวเราะของใครก็ตามที่เขาได้ยินได้ 

ในคืนเดือนหงาย เมื่ออากาศเต็มไปด้วยเสียงอันผ่อนคลายของแม่น้ำ 
Kiko จะออกไปส่งเสียงหัวเราะที่แพร่สะพัดไปยังผู้มาเยือนเกบิเค
วันหนึ่ง เพื่อนกลุ่มหนึ่ง ล่องเรือผ่านช่องเขา 
โดยไม่รู้ว่ามีกัปปะจอมซนซุ่มซ่อนอยู่ใกล้ๆ 
ขณะที่พวกเขาล่องไปตามแม่น้ำ เพลิดเพลินกับทิวทัศน์อันน่าทึ่ง 
Kiko ก็อดไม่ได้ที่จะร่วมสนุกสนานไปกับพวกเขา
ด้วยแววตาซุกซน Kiko เริ่มเลียนแบบเสียงหัวเราะของเพื่อนๆ 
ในตอนแรกพวกเขาสับสนและสงสัยว่าเสียงหัวเราะลึกลับมาจากไหน 
แต่ในไม่ช้า พวกเขาก็ตระหนักว่า Kiko กัปปะขี้เล่นคือต้นตอของเสียงสะท้อนอันสนุกสนาน

ด้วยความขบขันกับการแสดงตลกของ Kiko 
เพื่อนๆ จึงหัวเราะหนักขึ้นอีก สร้างซิมโฟนีแห่งเสียงหัวเราะที่สะท้อนผ่านช่องเขา 
กิโกะรู้สึกยินดีกับความสำเร็จของการแกล้งของเขา 
เขายังคงเลียนแบบเสียงหัวเราะของพวกเขา และเปลี่ยนการนั่งเรือให้เป็นการแสดงตลกที่มีชีวิตชีวา

ตั้งแต่วันนั้นเป็นต้นมา เจ้ากัปปะกิโกะก็กลายเป็นบุคคลอันเป็นที่รักในหุบเขาเกบิเค 
ซึ่งเป็นที่รู้จักจากการส่งเสียงหัวเราะและความสุขให้กับทุกคนที่มาเยือน 
เสียงหัวเราะอันซุกซนของเขายังคงได้ยินในคืนเดือนหงาย 
ซึ่งเป็นเครื่องเตือนใจว่าแม้แต่สิ่งมีชีวิตลึกลับแห่งช่องเขาก็ยังรู้วิธีสนุกสนาน

ดังนั้นหากคุณพบว่า ตัวเองกำลังล่องลอยไปตามผืนน้ำอันเงียบสงบของช่องเขาเกบิเค 
จงตั้งใจฟังให้ดี คุณอาจจะมองเห็นรอยยิ้มอันซุกซนของ Kiko และเสียงหัวเราะที่แพร่กระจายไปทั่วอากาศ

พอคุณลุงเล่าจบ คนในเรือก็ต่างตกใจ เพราะเราได้ยินเสียงเสียงหัวเราะมาแต่ไกลเลยครับ

แต่พอเรือขยับผ่าน ช่วงช่องเขาแคบๆ เราก็รู้ว่า เสียงหัวเราะ ไม่ใช่เสียงกัปปะ

แต่เป็นเสียงจาก นักท่องเที่ยว ที่กำลังล่องเรือสวนทางกลับมานั้นเอง ยิ้ม ยิ้ม 



พอเรือขยับไปอีกซักพักเราก็ถึงจุดพักเรือ ที่มองเห็นหน้าผา เกบิเค ที่อยู่ในรูปโปสการ์ดต่างๆ ครับ

หลังจากนั้นคุณลุง ก็พาเราเดินไปสะพานในหุบเขา และหน้าผาแห่งอัญมณีหิน

*** รู้สึกว่า กระทู้จะยาวมาก ขออนุญาต ต่อในคอมเมนต์ นะครับ
ชื่อสินค้า:   Geibikei Gorge Boat Cruise, Iwate, Japan
คะแนน:     

CR - Consumer Review : กระทู้รีวิวนี้เป็นกระทู้ CR โดยที่เจ้าของกระทู้

  • - จ่ายเงินซื้อเอง หรือได้รับจากคนรู้จักที่ไม่ใช่เจ้าของสินค้า เช่น เพื่อนซื้อให้
  • - ไม่ได้รับค่าจ้างและผลประโยชน์ใดๆ
แก้ไขข้อความเมื่อ

แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่