JJNY : 5in1 อิสราเอลจัดลอยกระทง│อิหร่านซัดอิสราเอล│รอมฎอนชวนจับตาทหาร│สภาพัฒน์เผยหนี้ครัวเรือนพุ่ง│กระทงรักษ์โลกขายไม่ดี

สถานเอกอัครราชทูตอิสราเอลประจำประเทศไทย จัดกิจกรรมลอยกระทง
https://tna.mcot.net/world-1279437
 
 
กรุงเทพฯ 27 พ.ย. – นางออร์นา ซากิฟ เอกอัครราชทูตอิสราเอลประจำประเทศไทย ร่วมสืบสานประเพณีไทย ด้วยการลอยกระทง ณ อุทยานเบญจสิริ ร่วมกับคณะสื่อมวลชนในประเทศไทย โดยสถานเอกอัครราชทูตอิสราเอลได้เตรียมกระทงรักษ์โลกที่ทำจากขนมปัง รวม 180 กระทง มีทั้งกระทงที่เป็นสีฟ้า-ขาว ซึ่งเป็นสีของธงชาติอิสราเอล จำนวน 165 กระทง และอีก 15 กระทงเป็นสีธงชาติไทย
 
การจัดกิจกรรมครั้งนี้ของสถานเอกอัครราชทูตอิสราเอลประจำประเทศไทย นอกจากจะเป็นการร่วมสืบสานประเพณีอันดีงามของไทยแล้ว ยังเพื่อเป็นการสร้างความตระหนักร่วมถึงความสำคัญของชีวิตคนไทย และประชาชนสัญชาติต่างๆ ที่ถูกกลุ่มฮามาสจับเป็นตัวประกัน ในเหตุการณ์การโจมตีดินแดนอิสราเอล เมื่อวันที่ 7 ตุลาคม ที่ผ่านมาด้วย
 
เอกอัครราชทูตอิสราเอลเผยว่า ปีนี้ สถานทูตตัดสินใจจัดกิจกรรมลอยกระทงเพื่อรำลึกถึงคนไทยจำนวนหนึ่งซึ่งไม่สามารถร่วมเทศกาลกับครอบครัวได้ ดังนั้นกระทงที่นำมาในวันนี้ จึงเป็นสัญลักษณ์สื่อถึงตัวประกันชาวอิสราเอลและคนไทย โดยกระทงสีฟ้า-ขาว 165 กระทงแทนจำนวนตัวประกันชาวอิสราเอล ส่วนกระทงสีขาวแดงน้ำเงิน 15 กระทง แทนจำนวนคนไทย ในโอกาสนี้เอกอัครราชทูตอิสราเอลและเจ้าหน้าที่สถานทูตอิสราเอลทุกคนขอภาวนาให้ผู้ที่ถูกจับเป็นตัวประกันได้รับอิสรภาพ กลับสู่อ้อมอกของครอบครัวในเร็ววัน นอกจากนี้ ยังกล่าวว่ากระทงของสถานทูตทำจากขนมปังที่ย่อยสลายได้ ปลากินได้ ไม่ทำลายสิ่งแวดล้อม.-สำนักข่าวไทย
 

 
อิหร่านซัดอิสราเอลไม่อยากหยุดยิงถาวร เพราะต้องการ “ชัยชนะที่จับต้องได้”
https://www.dailynews.co.th/news/2941590/
 
รัฐบาลเตหะรานประณามอิสราเอล "ก่ออาชญากรรม" ในฉนวนกาซา และไม่ต้องการหยุดยิงถาวร เพราะยังคงแสวงหา "ชัยชนะที่จับต้องได้"

สำนักข่าวต่างประเทศรายงานจากกรุงเตหะราน ประเทศอิหร่าน เมื่อวันที่ 27 พ.ย.ว่านายนาสเซอร์ คานานี โฆษกกระทรวงการต่างประเทศอิหร่าน กล่าวว่า รัฐบาลเตหะรานจับตาสถานการณ์พักรบในฉนวนกาซาอย่างใกล้ขิด ร่วมกับพันธมิตรในภูมิภาค คือ กาตาร์ และหวังเป็นอย่างยิ่งว่า “อาชญากรรมสงคราม” ที่รัฐไซออนิสต์ก่อขึ้นกับชาวปาเลสไตน์ “จะยุติอย่างสมบูรณ์แบบ” 

อย่างไรก็ตาม อิหร่านเชื่อมั่น ว่าอิสราเอลจะกลับมาเดินหน้าปฏิบัติการทางทหารในฉนวนกาซาอย่างแน่นอน เมื่อครบกำหนดเวลาของการหยุดยิง 4 วัน ซึ่งจะครบกำหนดในวันที่ 27 พ.ย. หลังมีผลตั้งแต่วันศุกร์ที่ผ่านมา เนื่องจากอิสราเอล “ต้องการชัยชนะที่เป็นรูปธรรม”

ทั้งนี้ สงครามในฉนวนกาซาปะทุ เมื่อวันที่ 7 ต.ค. ที่ผ่านมา มีชาวปาเลสไตน์เสียชีวิตแล้วเกือบ 15,000 ราย ส่วนในอิสราเอลมีผู้เสียชีวิตประมาณ 1,200 ราย ขณะที่กลุ่มฮามาสและกองกำลังเครือข่ายควบคุมตัวพลเมืองหลายชาติไปเป็นตัวประกันมากกว่า 200 คน รวมถึงแรงงานชาวไทย

อนึ่ง โฆษกกระทรวงการต่างประเทศอิหร่าน กล่าวถึงการที่กลุ่มฮามาสปล่อยตัวประกันที่เป็นคนไทยออกมาอย่างต่อเนื่อง เป็นผลจากความพยายาม และการประสานงานร่วมกัน ระหว่างอิหร่านกับกาตาร์ โดยรัฐบาลเตหะรานส่งรายชื่อพลเมืองไทยทั้งหมดซึ่งถูกจับเป็นตัวประกัน ให้กลุ่มฮามาสพิจารณาและช่วยเหลือ บนหลักการของมนุษยธรรม.
 


รอมฎอน ชี้องค์ประกอบ คณะดับไฟใต้ ยุคเศรษฐา น่าสนใจ ชวนจับตาทหาร ส่งใครมาร่วม
https://www.matichon.co.th/politics/news_4303166
 
รอมฎอน ชี้องค์ประกอบ คณะดับไฟใต้ยุคเศรษฐา น่าสนใจ ชวนจับตาทหาร ส่งใครมาร่วม
 
จากกรณีที่ นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง ลงนามในคำสั่งนายกรัฐมนตรี ที่ 344/2566 เรื่อง แต่งตั้งคณะพูดคุยสันติสุขจังหวัดชายแดนใต้ โดยมี นายฉัตรชัย บางชวด รองเลขาธิการสภาความมั่นคงแห่งชาติ (สมช.) เป็นหัวหน้าคณะพูดคุย และมีคณะพูดคุย ประกอบด้วย เลขาธิการ ศอ.บต., ผู้แทนกระทรวงการต่างประเทศ, ผู้แทนกระทรวงยุติธรรม, และผู้แทนสำนักงาน สมช., ผู้แทน กอ.รมน.ภาค 4 เป็นคณะพูดคุย และเลขานุการร่วมนั้น
 
ล่าสุด วันที่ 27 พฤศจิกายน นายรอมฎอน ปันจอร์ ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคก้าวไกล รองประธานคณะกรรมาธิการ (กมธ.) วิสามัญเพื่อพิจารณาศึกษาและเสนอแนวทางการส่งเสริมกระบวนการสร้างสันติภาพ เพื่อแก้ไขปัญหาความขัดแย้งในพื้นที่สามจังหวัดชายแดนภาคใต้ สภาผู้แทนราษฎร ได้โพสต์ผ่านเฟซบุ๊กแสดงความคิดเห็นถึงโครงการของคณะพูดคุยสันติสุขจังหวัดชายแดนใต้ ตามคำสั่งดังกล่าว โดยระบุว่า
 
“คำสั่งแต่งตั้งคณะพูดคุยสันติสุขของทางการไทยครับ นายกฯเศรษฐาเพิ่งลงนามเมื่อเช้า นอกจากจะตั้ง ฉัตรชัย บางชวด เป็นหัวหน้าแล้ว องค์ประกอบก็น่าสนใจครับ นี่คือการกลับมาอีกครั้งของ เลขาธิการ ศอ.บต. ในทีมพูดคุยครับ เห็นได้ชัดว่า นอกจาก หน่วยงานเจ้าภาพ ในแผนงานบูรณาการดับไฟใต้แล้ว (สมช. กอ.รมน. และ ศอ.บต.) จะมีกระทรวงการต่างประเทศและกระทรวงยุติธรรม อยู่ในลิสต์ด้วย
 
หน่วยงานที่ถูกตัดออกไป หลักๆ คือสำนักข่าวกรองฯ ตำรวจสันติบาล และ กอ.รมน.ส่วนกลาง
 
ต้องติดตามครับว่า กอ.รมน.ภาค 4 จะส่งนายทหารคนไหนมานั่งกุมอยู่ในทีม เราอาจอ่านทิศทางของ ทหาร ได้จากคนคนนี้ครับ
ส่วนอำนาจหน้าที่ของคณะพูดคุยฯ ก็เบา เหมือนเดิม คือคุยกันไป แต่ไม่มีเป้าหมายให้บรรลุ ข้อตกลงสันติภาพ อย่างชัดเจนแต่อย่างใดครับ สะท้อนกรอบคิด สันติสุข สันติสุกสุกดิบดิบ เหมือนเดิมครับ”

https://www.facebook.com/romadonity/posts/pfbid0pyprtJTWKMftQ3hXX2DzghenSKZpktRXo7pqLjGRd6fQ2r3zfqMuYYNUvnb13A3el
 


สภาพัฒน์ เผยหนี้ครัวเรือนพุ่ง 16.07 ล้านล้าน สูงกว่า 90% ของ GDP
https://www.matichon.co.th/economy/news_4303598
 
สภาพัฒน์ เผยหนี้ครัวเรือนพุ่ง 16.07 ล้านล้าน สูงกว่า 90% ของ GDP
 
เมื่อวันที่ 27 พฤศจิกายน นายดนุชา พิชยนันท์ เลขาธิการสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ (สศช.) หรือสภาพัฒน์ ระบุว่า หนี้สินครัวเรือนไตรมาส 2 ปี 2566 มีมูลค่า 16.07 ล้านล้านบาท ขยายตัว 3.6% เพิ่มขึ้นจากไตรมาสเดียวกันของปีก่อน ขณะนี้ไทยมีสัดส่วนหนี้ครัวเรือนต่อจีดีพีอยู่ที่ 90.7% คงที่ เมื่อเทียบกับไตรมาสก่อนหน้า
  
ขณะที่ความสามารถในการชำระหนี้ของครัวเรือนปรับลดลงเล็กน้อย โดยสินเชื่อส่วนบุคคลขยายตัวเร่งขึ้น สินเชื่อบัตรเครดิตไม่ได้ปรับตัวเพิ่มขึ้นมากนัก และมีแนวโน้มลดลง ซึ่งต้องให้ความสำคัญกับสินเชื่อส่วนบุคคลที่มีการปรับตัวเร่งขึ้นมาก หนี้เสียหรือเอ็นพีแอลต่อสินเชื่อรวมอยู่ที่ 2.71% ทำให้หนี้สินครัวเรือนเป็นประเด็นต้องให้ความสำคัญมากๆ ซึ่งที่ผ่านมารัฐบาลได้มีมาตรการช่วยเหลือ อาทิ การพักหนี้เกษตรกร รวมถึงควรมีมาตรการควบคู่ด้วยในการยกระดับรายได้เกษตรกร ผ่านการช่วยเรื่องกระบวนการผลิตและสร้างตลาดให้มีรายได้เพิ่มขึ้น ทำควบคู่กันอย่างจริงจังต่อเนื่อง เพื่อให้หลุดออกจากกับดักหนี้ได้
 
นายดนุชากล่าวต่อว่า เอ็นพีแอลภาคธุรกิจ การแก้ไขปัญหาหนี้เสียจากภาวะโควิด-19 ที่ผ่านมา เพราะเดิมเป็นลูกหนี้ดีมาตลอด แต่ต้องกลายเป็นหนี้เสียช่วงโควิด จำนวนบัญชีหนี้เสียเพิ่มขึ้นต่อเนื่อง จาก 4.4 ล้านบัญชี เป็น 4.9 ล้านบัญชี แม้ที่ผ่านมาจะมีมาตรการปรับโครงสร้างหนี้ช่วยเหลือ ทำให้ต้องเร่งช่วยเหลือต่อเพราะเป็นกลุ่มที่สามารถทำธุรกิจต่อเนื่องไปได้ เพราะก่อนเกิดโควิดยังเป็นลูกหนี้ดีอยู่ เพื่อให้ระบบเศรษฐกิจภาพรวมสามารถขับเคลื่อนไปได้
 
นอกจากนี้ นายดนุชากล่าวต่อว่า ภาวะสังคมไทยไตรมาส 3/2566 เครื่องชี้วัดที่ติดตาม ได้แก่ การจ้างงาน เพิ่มขึ้น 1.3% อัตราการว่างงานปรับลดลงมาที่ 0.99% ซึ่งการว่างงานปรับลดลงต่อเนื่องเป็นไตรมาสที่ 7 ลดลง 32.8% ทั้งผู้ที่ไม่เคยทำงานมาก่อน และผู้ว่างงานระยะยาว หนี้ครัวเรือน ปรับเพิ่มขึ้นมาอยู่ที่ 3.6% โดยคดีอาญา อยู่ที่ 13.7% การคุ้มครองผู้บริโภค อยู่ที่ 0.8% ทั้ง 2 รายการปรับลดลงเทียบกับช่วงที่ผ่านมา ส่วนการเจ็บป่วยด้วยโรคเฝ้าระวัง อยู่ที่ 99.9% การบริโภคเหล้าและบุหรี่ อยู่ที่ 3.2% การรับแจ้งผู้ประสบภัยจากรถ อยู่ที่ 20.5% ปรับเพิ่มขึ้นเมื่อเทียบกับช่วงที่ผ่านมา
 
ผู้มีงานทำอยู่ที่ 40.1 ล้านคน ปรับเพิ่มขึ้น 1.3% แรงงานภาคเกษตรปรับเพิ่มขึ้น 2% อยู่ที่ 12.6 ล้านคน แรงงานนอกภาคเกษตร เพิ่มขึ้น 1% อยู่ที่ 27.4 ล้านคน โดยเพิ่มขึ้นในส่วนโรงแรมและภัตตาคาร 8.3% ก่อสร้าง ขนส่งผลผลิต ก็เพิ่มขึ้น ลดลงเล็กน้อยเป็นงานในค้าส่งค้าปลีก ชั่วโมงทำงานในภาพรวมเฉลี่ยลดลงเล็กน้อยประมาณ 0.2% ภาคเอกชนชั่วโมงลดลง 1.3% กลุ่มที่ทำงานต่ำกว่า 35 ชั่วโมงต่อสัปดาห์ ลดลงประมาณ 28.8% ผู้เสมือนว่างงานปรับตัวเพิ่มขึ้นเล็กน้อยอยู่ที่ 2.3% เทียบไตรมาสที่ผ่านมาอยู่ที่ 2.2% แต่หากเทียบกับช่วงเดียวกันปี 2565 ปรับเพิ่มขึ้นกว่า 25% ขณะที่ค่าจ้างแรงงานยังปรับตัวเพิ่มขึ้นต่อเนื่อง ภาพรวมอยู่ที่ 15,367 บาทต่อคนต่อเดือน ปรับเพิ่มขึ้น 9% ส่วนค่าจ้างภาคเอกชนอยู่ที่ 14,086 บาทต่อคนต่อเดือน เพิ่มขึ้น 10.3% มีกลุ่มระดับการศึกษาประถมศึกษา และต่ำกว่ามัธยมต้นที่อัตราว่างงานปรับเพิ่มขึ้นเล็กน้อย
 
ประเด็นด้านแรงงานที่ต้องให้ความสำคัญ ได้แก่ แรงงานในภาคเกษตรจะต้องให้ความสำคัญในการเพิ่มประสิทธิภาพ เพราะแรงงาน 1 ใน 3 อยู่ในภาคเกษตร การหดตัวของการส่งออกอาจส่งผลกระทบต่อการจ้างงานในสาขาการผลิตได้ จึงต้องเร่งทำตลาดการส่งออกให้ดีกว่าเดิม เพื่อให้เกิดการจ้างงานในภาคสำคัญได้มากขึ้น และระดับราคาสินค้าที่อาจปรับตัวสูงขึ้นก่อนการปรับอัตราค่าจ้าง เนื่องจากที่ผ่านมารัฐบาลได้ประกาศนโยบายเพิ่มรายได้ให้กับแรงงานกลุ่มต่างๆ โดยเฉพาะการปรับอัตราค่าจ้างขั้นต่ำ หรือการขึ้นค่าแรงขั้นต่ำ จากข้อมูลพบว่าการประกาศปรับค่าจ้างขั้นต่ำล่วงหน้าก่อนมีการบังคับใช้จริง จะส่งผลให้ระดับราคาสินค้าเริ่มปรับเพิ่มขึ้นก่อน 6-7 เดือน จากนั้นจะทยอยปรับขึ้นต่ออีก 7 เดือน ทั้งที่ต้นทุนการผลิตไม่ได้เปลี่ยนแปลง จึงอาจต้องมีการกวดขันไม่ให้ผู้ประกอบการฉวยโอกาสขึ้นราคาสินค้าด้วยสาเหตุจากการปรับค่าจ้างก่อนช่วงเวลาที่ปรับจริง
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่