1.เกริ่นก่อนว่า จขกท ติดตามเรื่องนี้ตั้งแต่ได้ข่าวการสร้างเมื่อปีที่แล้ว เพราะ จขกท ชื่นชอบนโปเลียนจากชีวิตรักของเขามาก ยิ่งเมื่อรู้ว่าริดลีย์ สก็อตต์ ผู้กำกับ Gladiator และ Kingdom of heaven เป็นผู้กำกับ จขกท ก็ยิ่งคาดหวังความยิ่งใหญ่ของภาพยนตร์เข้าไปอีก
2.ภาพยนตร์เล่าเรื่องราวของนโปเลียนตั้งแต่การเป็นนายพลช่วงปฏิวัติฝรั่งเศส ชัยชนะในยุทธการที่ตูลงซึ่งเป็นก้าวแรกสู่การเป็นจักรพรรดิ ไปจนถึงบั้นปลายอันเดียวดายบนเกาะเซนต์เฮเลนา
3.แม้จะมีความยาว 2 ชม. 38 นาที แต่ในความรู้สึกของ จขกท แล้ว กลับพบว่าหนังช่างสั้นอย่างน่าประหลาด การเล่าเรื่องนั้นค่อนข้างเป็นไปอย่างรวบรัดตัดตอน เหมือนสรุปเหตุการณ์สำคัญในชีวิตนโปเลียนตามแต่ละปี
4.แต่กระนั้น แก่นหลักของภาพยนตร์ อย่างความสัมพันธ์ของนโปเลียนกับโฌเซฟินยังคงอยู่ครบ มีการตัดทอนรายละเอียดนิดหน่อย แต่ภาพยนตร์ก็ให้ความสัมพันธ์กับชีวิตรักของคนทั้งคู่เป็นอย่างมาก ตั้งแต่แรก
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้นโปเลียนรักโฌเซฟินมาก เธอเป็นทุกอย่างในชีวิตของเขา เขาอยากครอบครองเธอ ส่วนโฌเซฟินก็เหมือนนกไร้ขอน สามีตายช่วงปฏิวัติ ต้องรับภาระดูแลลูกตามลำพัง พอเจอนโปเลียนก็เหมือนตกถังทอง เธอแต่งงานกับเขาก็เพื่อความมั่นคง ไม่ใช่ความรัก ในขณะที่นโปเลียนกรำศึกที่อียิปต์ โฌเซฟินก็เล่นชู้อยู่ที่บ้าน จนกระทั่งนโปเลียนจะไล่เธอเท่านั้นแหละ เธอถึงตระหนักได้ว่าเขาสำคัญกับเธอมากเพียงใด ไปจนถึง
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้โฌเซฟินสามารถจับจุดของนโปเลียนได้ เธอรู้ว่าเขาเป็นพวกหลงตัวเอง ต้องการความชอบธรรมเพื่อให้ได้มาซึ่งสิ่งที่ตนเองต้องการ เธอยอมโอนอ่อนต่อเขา แต่ไม่ใช่จำยอม ทุกการกระทำของโฌเซฟินทำให้นโปเลียนยิ่งต้องพึ่งพาเธอมากกว่าเดิม เว้นแต่ [Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้เรื่องทายาทเพียงเท่านั้นที่โฌเซฟินไม่อาจมอบให้นโปเลียนได้ ไม่ว่าจะทำอย่างไรก็ตาม แม้จนแล้วจนรอด นโปเลียนพยายามหาวิธีเอาลูกสนมมาสมอ้างเป็นลูกโฌเซฟิน แต่ก็ไม่มีใครสนับสนุน สุดท้ายโฌเซฟินก็ต้องยอมหย่า หลีกทางให้นโปเลียนสมรสใหม่กับเจ้าหญิงของประเทศมหาอำนาจเพื่อให้กำเนิดทายาทแก่บัลลังก์ฝรั่งเศส สก็อตต์ให้ความสำคัญของทั้งคู่เป็นอย่างมาก แม้กระทั่ง
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้ฉากรบบางฉาก ยังมีเสียงเล่าประกอบเป็นเสียงอ่านจดหมายของนโปเลียนและโฌเซฟิน อีกทั้งช่วงท้ายเรื่อง[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้ซึ่งโฌเซฟินตายไปแล้ว นโปเลียนก็ยังคงหลอนกับประโยคที่โฌเซฟินใช้ควบคุมเขาเสมอ[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้"ท่านไม่อาจยิ่งใหญ่ได้หากปราศจากข้า"
5.แน่นอนว่า ฉากรบยิ่งใหญ่อลังการ ดิบเถื่อนสมกับที่ตั้งตารอ
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้ โดยเฉพาะฉากการรบในช่วงแรก ตัดหัว ระเบิดเครื่องในม้าแบบเห็นอย่างชัดเจน สมวิถีเถื่อนทหารคอร์ซิกัน แต่โทนหนังกลับเป็นคนละโทนกับ Gladiator และ Kingdom of heaven โดยสิ้นเชิง เพราะมันไม่ได้ให้ความรู้สึกยิ่งใหญ่ แต่กลับให้ความรู้สึกตลกหน้าตายท่ามกลางบรรยากาศอันอลังการเสียมากกว่า
6.แม้จะมีฉากรบที่ความยาวแทบกิน 1/3 ของภาพยนตร์ก็จริง แต่ก็ไม่สามารถกลบเรื่องชีวิตรัก ความสัมพันธ์ของนโปเลียนกับภรรยาคนแรกของเขา อย่างโฌเซฟินได้เลย ประหนึ่งเป็นประเด็นหลัก ประเด็นสำคัญของเรื่อง
7.ภาพยนตร์ค่อนข้างเสียดสีเผด็จการผ่านตัวนโปเลียนอย่างชัดเจน
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้หลงตัวเอง หาเหตุผลทุกอย่างมารองรับการกระทำ[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้ขนาดแพ้สงครามจนโดนปลดจากบัลลังก์ก็ยังต้องหาเหตุผลหล่อๆแก้ว่าตัวเองยอมสละบัลลังก์เพื่อฝรั่งเศส ทั้งการใช้ศัพท์แสงสวยหรูคมคายในคำพูดของแต่ละตัวละคร ก็แลดูเป็นหนึ่งในมุกตลกหน้าตายของคุณผู้กำกับ
8.โดยสรุป หากคาดหวังความสนุกจากภาพยนตร์เรื่องนี้ อาจต้องถอดสมองเรื่องความถูกต้องทางประวัติศาสตร์ทิ้งไป แล้วเพลิดเพลินไปกับความตลกร้ายหน้าตายของภาพยนตร์ จะส่งผลให้ท่านได้รับความบันเทิงอย่างสูงที่สุด จขกท หัวเราะลั่นโรงหลายฉากทีเดียว
9.หากใครรับชมภาพยนตร์เรื่องนี้แล้วสามารถแลกเปลี่ยนความคิดเห็นกันได้นะครับ สำหรับวันนี้ก็ขอจบการรีวิวแต่เพียงเท่านี้แล🙏
[รีวิว+สปอย] Napoleon (2023) รักพังๆของจักรพรรดิ
2.ภาพยนตร์เล่าเรื่องราวของนโปเลียนตั้งแต่การเป็นนายพลช่วงปฏิวัติฝรั่งเศส ชัยชนะในยุทธการที่ตูลงซึ่งเป็นก้าวแรกสู่การเป็นจักรพรรดิ ไปจนถึงบั้นปลายอันเดียวดายบนเกาะเซนต์เฮเลนา
3.แม้จะมีความยาว 2 ชม. 38 นาที แต่ในความรู้สึกของ จขกท แล้ว กลับพบว่าหนังช่างสั้นอย่างน่าประหลาด การเล่าเรื่องนั้นค่อนข้างเป็นไปอย่างรวบรัดตัดตอน เหมือนสรุปเหตุการณ์สำคัญในชีวิตนโปเลียนตามแต่ละปี
4.แต่กระนั้น แก่นหลักของภาพยนตร์ อย่างความสัมพันธ์ของนโปเลียนกับโฌเซฟินยังคงอยู่ครบ มีการตัดทอนรายละเอียดนิดหน่อย แต่ภาพยนตร์ก็ให้ความสัมพันธ์กับชีวิตรักของคนทั้งคู่เป็นอย่างมาก ตั้งแต่แรก [Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้ ไปจนถึง [Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้ สก็อตต์ให้ความสำคัญของทั้งคู่เป็นอย่างมาก แม้กระทั่ง [Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้
5.แน่นอนว่า ฉากรบยิ่งใหญ่อลังการ ดิบเถื่อนสมกับที่ตั้งตารอ [Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้ แต่โทนหนังกลับเป็นคนละโทนกับ Gladiator และ Kingdom of heaven โดยสิ้นเชิง เพราะมันไม่ได้ให้ความรู้สึกยิ่งใหญ่ แต่กลับให้ความรู้สึกตลกหน้าตายท่ามกลางบรรยากาศอันอลังการเสียมากกว่า
6.แม้จะมีฉากรบที่ความยาวแทบกิน 1/3 ของภาพยนตร์ก็จริง แต่ก็ไม่สามารถกลบเรื่องชีวิตรัก ความสัมพันธ์ของนโปเลียนกับภรรยาคนแรกของเขา อย่างโฌเซฟินได้เลย ประหนึ่งเป็นประเด็นหลัก ประเด็นสำคัญของเรื่อง
7.ภาพยนตร์ค่อนข้างเสียดสีเผด็จการผ่านตัวนโปเลียนอย่างชัดเจน [Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้
8.โดยสรุป หากคาดหวังความสนุกจากภาพยนตร์เรื่องนี้ อาจต้องถอดสมองเรื่องความถูกต้องทางประวัติศาสตร์ทิ้งไป แล้วเพลิดเพลินไปกับความตลกร้ายหน้าตายของภาพยนตร์ จะส่งผลให้ท่านได้รับความบันเทิงอย่างสูงที่สุด จขกท หัวเราะลั่นโรงหลายฉากทีเดียว
9.หากใครรับชมภาพยนตร์เรื่องนี้แล้วสามารถแลกเปลี่ยนความคิดเห็นกันได้นะครับ สำหรับวันนี้ก็ขอจบการรีวิวแต่เพียงเท่านี้แล🙏