เรานอนค้างกันที่ลี่เจียง 2 คืนเพื่อปรับสภาพร่างกายก่อนจะขึ้นแชงกรีล่า
เมืองลี่เจียงสูง 2,400 เมตรจากระดับน้ำทะเล ส่วนแชงกรีล่าจะสูง 3,300 เมตรจากระดับน้ำทะเล
อาการ AMS หรืออาการแพ้ที่สูงจะเกิดขึ้นเมื่อเราขึ้นสู่ความสูงที่เกินกว่า 3,000 เมตร ดังนั้น การเที่ยวเส้นทางนี้ เราควรจะเตรียมตัวให้พร้อมโดยการค่อยๆไต่ระดับความสูงขึ้นไป และกลุ่มผมก็มีกินยา "หงจิ่งเทียน" กันล่วงหน้าไว้ด้วย โดยเป็นแบบแคปซูล ซึ่งกินกันล่วงหน้า 7 วันติดกันก่อนขึ้นแชงกรีล่าและระหว่างที่อยู่ที่แชงกรีล่าและย่าติง ทุกคนในกลุ่มเลยไม่มีอาการ AMS เลยซักคน
ผมเคยเกือบไม่ได้กลับมาแล้วเมื่อตอนช่วงอายุ 34 ปี ตอนนั้นไปกับทัวร์และเราไม่รู้อะไรเลย ไม่ได้เตรียมการไปเลย ทัวร์ไปถึงคุนหมิง วันรุ่งขึ้นพาไปลี่เจียง แล้วตอนเย็นๆก็พาขึ้นแชงกรีล่าเลย ร่างกายปรับสภาพไม่ทัน น็อคไปถึงขนาดต้องหามไปให้น้ำเกลือที่โรงพยาบาลแล้วไกด์ต้องรีบจ้างรถพาลงมารอที่เลียงเลย
ตอนปี 2019 ที่ไป ตอนนั้นอายุ 45 ปี กิน Diamog ไปก่อน ก็ไม่มีอาการ AMS แต่ยานี้มันมี Side Effect ซึ่งผมรู้สึกว่า ตลอดทั้งทริปกินอาหารไม่อร่อยเลย น่าจะไปโดนตรงรสสัมผัสผิดเพี้ยนเข้า ส่วน Side Effect อย่างอื่นก็มี ปัสสาวะบ่อย หรืออาเจียรสำหรับคนที่แพ้ Salfa แต่กินหงจิ่งเทียนรอบนี้ ไม่มี Side Effect อะไรเลย
กลับมาเข้าเรื่องเที่ยวต่อครับ
วันที่ 14 เราซื้อทัวร์ไปภูเขาหิมะมังกรหยกกัน โดยให้ทางโรงแรมจัดการให้
ภูเขาหิมะมังกรหยกจะมีกระเช้าเพื่อขึ้นไปที่ระดับความสูงอยู่ 3 จุด จุดหลักๆเลยคือความสูง 4,506 เมตร แต่น่าเสียดายตรงที่ว่า ช่วงที่ผมไปกันดันเป็นช่วงที่กระเช้าใหญ่ปิดซ่อม ซึ่งกว่าจะประกาศปิดซ่อมก็ก่อนหน้าที่ผมจะไปแค่อาทิตย์กว่าเอง
อีก 2 จุด ความสูงจะอยู่ที่ 3,700 เมตรและ 3,200 เมตร ความจริงแจ้งกับทางโรงแรมไปว่า จะไปจุด 3,700 เมตร แต่ไม่รู้ว่าโดนเค้าตุกติกมารึเปล่า เลยได้ไปแค่กระเช้าความสูง 3,200 เมตรแทน แต่สมาชิกทุกคนไม่เคยมา ก็บอกกันว่าโอเคกัน เลยขี้เกียจไปโวยกับที่พัก
เราจ่ายค่าทัวร์กันไปคนละ 320 หยวน ราคานี้จะไม่รวมดูโชว์จางอี้โหมว จะมีแค่รถรับส่ง ค่าเข้าอุทยาน ค่าขึ้นกระเช้า ค่ารถบัสภายใน และอาหารมื้อกลางวัน และคนขับรถจะมีให้อ็อกซิเจนกระป๋องมาคนละ 1 กระป๋อง น้ำดื่ม 1 ขวด และเสื้อกันหนาวสีจัดๆมา 1 ตัว
นัดให้มารับหน้าโรงแรม 7 โมงเช้า นั่งรถครึ่งชั่วโมงกว่าก็มาถึงภูเขาหิมะมังกรหยก คนขับรถพาไปจุดขึ้นรถบัสเพื่อไปยังจุดขึ้นกระเช้า พอไปถึงจุดขึ้นกระเช้า คนขับรถจะรอและให้เวลาราวชั่วโมงกว่า ให้เราขึ้นกระเช้าไปข้างบนกันเอง



เรานั่งกระเช้าขึ้นมาถึงข้างบน จะมีทางเดินไปราวกม.กว่าๆ กับให้จ่ายเพิ่มค่ารถกอล์ฟคนละ 60 หยวน ซึ่งรถกอล์ฟจะพาเข้าไปด้านในเลย ไม่ต้องเดิน และพอเราลงไปข้างล่าง ก็ยังสามารถใช้ตั๋วใบเดียวกันนี้นั่งรถกอล์ฟไปด้านในของ Blue Moon Valley ซึ่งโดยปกติถ้าเรานั่งรถบัส รถจะส่งตรงปลายทางซึ่งถ้าเราจะเข้ามาด้านใน ต้องเดินขึ้นมาอีก น่าจะเกือบ 2 กม. เราเลยตัดสินใจจ่ายค่ารถกอล์ฟไป
ช่วงที่เราไป เมฆค่อนข้างเยอะ ฟ้าปิด หิมะยังไม่ลง ก็เลยเห็นเป็นทุ่งหญ้ากว้างๆ และมองไม่เห็นยอดเขาหิมะ
ทุ่งหญ้าตรงนี้เรียกว่า Yunshanping ถ้ามาตอนที่มีหิมะน่าจะสวย
เดินเก็บรูปกันจนพอแล้วก็นั่งกระเช้ากลับลงมา คนขับรถรอเราอยู่แล้ว และก็พาไปจุดนั่งรถกอล์ฟเพื่อไปต่อกันที่ด้านในของ Blue Moon Valley


หลังจากเดินเล่นถ่ายรูปที่ Blue Moon Valley กันจนพอใจแล้ว เราก็นั่งรถบัสกลับมาตรงลานจอดรถ แล้วคนขับรถก็พาไปกินมื้อกลางวัน ดูเวลาก็บ่ายโมงครึ่งกว่าๆ ร้านที่คนขับพาไปกินเป็นหม้อไฟ มีกระดูกไก่สับแบบติดเนื้อ และก็มีผักให้เติมไม่อั้น แต่ถ้าจะเอาเนื้อส้ตว์เพิ่ม ต้องจ่ายเงินเพิ่มเอง

ระหว่างที่กำลังกินกันอยู่ ก็จะมีสินค้ามานำเสนออยู่ 3-4 อย่าง และคนขับรถก็พยายามจะเชียร์ให้ซื้อ น่าจะได้เปอร์เซ็นต์จากร้านอาหาร
อิ่มแล้ว คนขับรถพากลับมาส่งที่หน้าโรงแรม เรามาถึงกันก่อนบ่าย 3 โมง ยังมีเวลาเหลือ ก็เลยเดินทะลุทะเลสาบมังกรดำไป (โรงแรมเราอยู่ห่างจากทางเข้าด้านหลังของทะเลสาบมังกรดำ 200 เมตร) ไปทะลุออกด้านหน้าแล้วเดินเลียบริมน้ำต่อไปยังเมืองเก่าลี่เจียง ไปโผล่ตรงลานที่มีกังหันน้ำ สัญลักษณ์แห่งหนึ่งของเมืองเก่าลี่เจียง


เดินอยู่ในเมืองเก่าจนถึงค่ำๆ ได้ลองพายเนื้อแกะร้านนี้ กินร้อนๆอร่อยมาก และก็ลองกินหมาล่าเสียบไม้ที่เค้าขายกัน 20 ไม้ 12 หยวน ซื้อไก่กับไส้เป็ดมาลองชิมกัน ยินกินกันตรงหน้าร้านนั่นแหละ


มื้อเย็นเป็นหม้อไฟกระดูกหมู น้ำซุปอร่อยมาก
สมาชิกในกลุ่มอยากลองสั่ง ก๋วยเตี๋ยวข้ามสะพาน
ตอนมาเสิร์ฟดูอลังการ เจ้าของร้านบอกวิธีกินว่า ให้ใส่ทุกอย่างลงไปตอนร้อนๆเลย ก็เลยใส่ให้หมดเลย แต่พอชิมแล้ว 555 รสชาติมันแปลกๆ
พยายามช่วยกันชิมดู สรุปว่า รสชาติมันไม่อร่อยเพราะว่ามีผักดองอยู่ 2 อย่างที่ทำให้รสมันแย่ลง ชามนี้กินกันไม่หมด
อ่อ โดยปกติของร้านอาหารที่จีน ถ้าเป็นร้านหม้อไฟ พวกน้ำจิ้มจะคิดเป็นรายหัว ก็คนละ 3-5 หยวนแล้วแต่ร้าน บางร้านก็มีคิดค่าน้ำซุปเพิ่ม และบางร้าน ชุดชาม-ช้อน-ตะเกียบ-แก้ว ถ้าเราลวกน้ำร้อนก่อน ก็ตะมีคิดเพิ่มอีก 2-3 หยวนนะครับ เวลาจ่ายเงินไม่ต้องตกใจหรืองงว่าทำไมโดนชาร์ตอะไรเพิ่มเยอะแยะ




กินมื้อเย็นเสร็จ ตอนเดินกลับโรงแรม เดินผ่านลานที่มีรูปปั้นประธานเหมา เห็นมีคนกำลังเต้นรำกันอยู่ ตรงนี้จะมีเต้นกันทุกคืน น่าจะราวๆ 2-3 ทุ่ม ก็จะมีคนพื้นที่แต่งชุดพื้นเมืองมานำเต้น และนักท่องเที่ยวก็เข้าไปร่วมเต้นตามได้
จบตอนนี้แล้ว ตอนต่อไปจะเดินทางไปแชงกรีล่าละครับ
ถ้าเป็นคนชอบอ่าน ไปตามอ่านรายละเอียดการเดินทางเพิ่มเติมได้ที่เพจ Don't Follow Me, I'm Lost ครับ
https://www.facebook.com/profile.php?id=100091915398544&mibextid=LQQJ4d
จะเป็นการเขียนแบบเล่าเรื่องราวระหว่างการเดินทางโดยละเอียด อาจจะไม่เหมาะกับคนที่ไม่ชอบอ่านนะครับ เพราะแต่ละตอนยาวมาก ทริปนี้เขียนไว้ทั้งหมด 9 หรือ 10 ตอนนี่แหละ และรูปภาพก็จะค่อนข้างเยอะพอควร
[CR] ทริปคุนหมิง-ต้าหลี่-ลี่เจียง-แชงกรีล่า-ย่าติง :- 11-21 ตุลาคม 2566 (ภาค 2 :- ลี่เจียงและภูเขาหิมะมังกรหยก)
เมืองลี่เจียงสูง 2,400 เมตรจากระดับน้ำทะเล ส่วนแชงกรีล่าจะสูง 3,300 เมตรจากระดับน้ำทะเล
อาการ AMS หรืออาการแพ้ที่สูงจะเกิดขึ้นเมื่อเราขึ้นสู่ความสูงที่เกินกว่า 3,000 เมตร ดังนั้น การเที่ยวเส้นทางนี้ เราควรจะเตรียมตัวให้พร้อมโดยการค่อยๆไต่ระดับความสูงขึ้นไป และกลุ่มผมก็มีกินยา "หงจิ่งเทียน" กันล่วงหน้าไว้ด้วย โดยเป็นแบบแคปซูล ซึ่งกินกันล่วงหน้า 7 วันติดกันก่อนขึ้นแชงกรีล่าและระหว่างที่อยู่ที่แชงกรีล่าและย่าติง ทุกคนในกลุ่มเลยไม่มีอาการ AMS เลยซักคน
ผมเคยเกือบไม่ได้กลับมาแล้วเมื่อตอนช่วงอายุ 34 ปี ตอนนั้นไปกับทัวร์และเราไม่รู้อะไรเลย ไม่ได้เตรียมการไปเลย ทัวร์ไปถึงคุนหมิง วันรุ่งขึ้นพาไปลี่เจียง แล้วตอนเย็นๆก็พาขึ้นแชงกรีล่าเลย ร่างกายปรับสภาพไม่ทัน น็อคไปถึงขนาดต้องหามไปให้น้ำเกลือที่โรงพยาบาลแล้วไกด์ต้องรีบจ้างรถพาลงมารอที่เลียงเลย
ตอนปี 2019 ที่ไป ตอนนั้นอายุ 45 ปี กิน Diamog ไปก่อน ก็ไม่มีอาการ AMS แต่ยานี้มันมี Side Effect ซึ่งผมรู้สึกว่า ตลอดทั้งทริปกินอาหารไม่อร่อยเลย น่าจะไปโดนตรงรสสัมผัสผิดเพี้ยนเข้า ส่วน Side Effect อย่างอื่นก็มี ปัสสาวะบ่อย หรืออาเจียรสำหรับคนที่แพ้ Salfa แต่กินหงจิ่งเทียนรอบนี้ ไม่มี Side Effect อะไรเลย
กลับมาเข้าเรื่องเที่ยวต่อครับ
วันที่ 14 เราซื้อทัวร์ไปภูเขาหิมะมังกรหยกกัน โดยให้ทางโรงแรมจัดการให้
ภูเขาหิมะมังกรหยกจะมีกระเช้าเพื่อขึ้นไปที่ระดับความสูงอยู่ 3 จุด จุดหลักๆเลยคือความสูง 4,506 เมตร แต่น่าเสียดายตรงที่ว่า ช่วงที่ผมไปกันดันเป็นช่วงที่กระเช้าใหญ่ปิดซ่อม ซึ่งกว่าจะประกาศปิดซ่อมก็ก่อนหน้าที่ผมจะไปแค่อาทิตย์กว่าเอง
อีก 2 จุด ความสูงจะอยู่ที่ 3,700 เมตรและ 3,200 เมตร ความจริงแจ้งกับทางโรงแรมไปว่า จะไปจุด 3,700 เมตร แต่ไม่รู้ว่าโดนเค้าตุกติกมารึเปล่า เลยได้ไปแค่กระเช้าความสูง 3,200 เมตรแทน แต่สมาชิกทุกคนไม่เคยมา ก็บอกกันว่าโอเคกัน เลยขี้เกียจไปโวยกับที่พัก
เราจ่ายค่าทัวร์กันไปคนละ 320 หยวน ราคานี้จะไม่รวมดูโชว์จางอี้โหมว จะมีแค่รถรับส่ง ค่าเข้าอุทยาน ค่าขึ้นกระเช้า ค่ารถบัสภายใน และอาหารมื้อกลางวัน และคนขับรถจะมีให้อ็อกซิเจนกระป๋องมาคนละ 1 กระป๋อง น้ำดื่ม 1 ขวด และเสื้อกันหนาวสีจัดๆมา 1 ตัว
นัดให้มารับหน้าโรงแรม 7 โมงเช้า นั่งรถครึ่งชั่วโมงกว่าก็มาถึงภูเขาหิมะมังกรหยก คนขับรถพาไปจุดขึ้นรถบัสเพื่อไปยังจุดขึ้นกระเช้า พอไปถึงจุดขึ้นกระเช้า คนขับรถจะรอและให้เวลาราวชั่วโมงกว่า ให้เราขึ้นกระเช้าไปข้างบนกันเอง
เรานั่งกระเช้าขึ้นมาถึงข้างบน จะมีทางเดินไปราวกม.กว่าๆ กับให้จ่ายเพิ่มค่ารถกอล์ฟคนละ 60 หยวน ซึ่งรถกอล์ฟจะพาเข้าไปด้านในเลย ไม่ต้องเดิน และพอเราลงไปข้างล่าง ก็ยังสามารถใช้ตั๋วใบเดียวกันนี้นั่งรถกอล์ฟไปด้านในของ Blue Moon Valley ซึ่งโดยปกติถ้าเรานั่งรถบัส รถจะส่งตรงปลายทางซึ่งถ้าเราจะเข้ามาด้านใน ต้องเดินขึ้นมาอีก น่าจะเกือบ 2 กม. เราเลยตัดสินใจจ่ายค่ารถกอล์ฟไป
ช่วงที่เราไป เมฆค่อนข้างเยอะ ฟ้าปิด หิมะยังไม่ลง ก็เลยเห็นเป็นทุ่งหญ้ากว้างๆ และมองไม่เห็นยอดเขาหิมะ
ทุ่งหญ้าตรงนี้เรียกว่า Yunshanping ถ้ามาตอนที่มีหิมะน่าจะสวย
เดินเก็บรูปกันจนพอแล้วก็นั่งกระเช้ากลับลงมา คนขับรถรอเราอยู่แล้ว และก็พาไปจุดนั่งรถกอล์ฟเพื่อไปต่อกันที่ด้านในของ Blue Moon Valley
หลังจากเดินเล่นถ่ายรูปที่ Blue Moon Valley กันจนพอใจแล้ว เราก็นั่งรถบัสกลับมาตรงลานจอดรถ แล้วคนขับรถก็พาไปกินมื้อกลางวัน ดูเวลาก็บ่ายโมงครึ่งกว่าๆ ร้านที่คนขับพาไปกินเป็นหม้อไฟ มีกระดูกไก่สับแบบติดเนื้อ และก็มีผักให้เติมไม่อั้น แต่ถ้าจะเอาเนื้อส้ตว์เพิ่ม ต้องจ่ายเงินเพิ่มเอง
ระหว่างที่กำลังกินกันอยู่ ก็จะมีสินค้ามานำเสนออยู่ 3-4 อย่าง และคนขับรถก็พยายามจะเชียร์ให้ซื้อ น่าจะได้เปอร์เซ็นต์จากร้านอาหาร
อิ่มแล้ว คนขับรถพากลับมาส่งที่หน้าโรงแรม เรามาถึงกันก่อนบ่าย 3 โมง ยังมีเวลาเหลือ ก็เลยเดินทะลุทะเลสาบมังกรดำไป (โรงแรมเราอยู่ห่างจากทางเข้าด้านหลังของทะเลสาบมังกรดำ 200 เมตร) ไปทะลุออกด้านหน้าแล้วเดินเลียบริมน้ำต่อไปยังเมืองเก่าลี่เจียง ไปโผล่ตรงลานที่มีกังหันน้ำ สัญลักษณ์แห่งหนึ่งของเมืองเก่าลี่เจียง
เดินอยู่ในเมืองเก่าจนถึงค่ำๆ ได้ลองพายเนื้อแกะร้านนี้ กินร้อนๆอร่อยมาก และก็ลองกินหมาล่าเสียบไม้ที่เค้าขายกัน 20 ไม้ 12 หยวน ซื้อไก่กับไส้เป็ดมาลองชิมกัน ยินกินกันตรงหน้าร้านนั่นแหละ
มื้อเย็นเป็นหม้อไฟกระดูกหมู น้ำซุปอร่อยมาก
สมาชิกในกลุ่มอยากลองสั่ง ก๋วยเตี๋ยวข้ามสะพาน
ตอนมาเสิร์ฟดูอลังการ เจ้าของร้านบอกวิธีกินว่า ให้ใส่ทุกอย่างลงไปตอนร้อนๆเลย ก็เลยใส่ให้หมดเลย แต่พอชิมแล้ว 555 รสชาติมันแปลกๆ
พยายามช่วยกันชิมดู สรุปว่า รสชาติมันไม่อร่อยเพราะว่ามีผักดองอยู่ 2 อย่างที่ทำให้รสมันแย่ลง ชามนี้กินกันไม่หมด
อ่อ โดยปกติของร้านอาหารที่จีน ถ้าเป็นร้านหม้อไฟ พวกน้ำจิ้มจะคิดเป็นรายหัว ก็คนละ 3-5 หยวนแล้วแต่ร้าน บางร้านก็มีคิดค่าน้ำซุปเพิ่ม และบางร้าน ชุดชาม-ช้อน-ตะเกียบ-แก้ว ถ้าเราลวกน้ำร้อนก่อน ก็ตะมีคิดเพิ่มอีก 2-3 หยวนนะครับ เวลาจ่ายเงินไม่ต้องตกใจหรืองงว่าทำไมโดนชาร์ตอะไรเพิ่มเยอะแยะ
กินมื้อเย็นเสร็จ ตอนเดินกลับโรงแรม เดินผ่านลานที่มีรูปปั้นประธานเหมา เห็นมีคนกำลังเต้นรำกันอยู่ ตรงนี้จะมีเต้นกันทุกคืน น่าจะราวๆ 2-3 ทุ่ม ก็จะมีคนพื้นที่แต่งชุดพื้นเมืองมานำเต้น และนักท่องเที่ยวก็เข้าไปร่วมเต้นตามได้
จบตอนนี้แล้ว ตอนต่อไปจะเดินทางไปแชงกรีล่าละครับ
ถ้าเป็นคนชอบอ่าน ไปตามอ่านรายละเอียดการเดินทางเพิ่มเติมได้ที่เพจ Don't Follow Me, I'm Lost ครับ
https://www.facebook.com/profile.php?id=100091915398544&mibextid=LQQJ4d
จะเป็นการเขียนแบบเล่าเรื่องราวระหว่างการเดินทางโดยละเอียด อาจจะไม่เหมาะกับคนที่ไม่ชอบอ่านนะครับ เพราะแต่ละตอนยาวมาก ทริปนี้เขียนไว้ทั้งหมด 9 หรือ 10 ตอนนี่แหละ และรูปภาพก็จะค่อนข้างเยอะพอควร
CR - Consumer Review : กระทู้รีวิวนี้เป็นกระทู้ CR โดยที่เจ้าของกระทู้