สรุปประเด็นสำคัญจาก Disney Earning Call ไตรมาสล่าสุด

สรุปประเด็นสำคัญจาก Disney Earning Call ไตรมาสล่าสุด

1. ผลประกอบการไตรมาส 4 ของ Disney ออกมาค่อนข้างดี รายได้เพิ่มขึ้น 5% อยู่ที่ 21.24 พันล้านดอลลาร์ ต่ำกว่าที่คาดไว้ที่ 21.40 พันล้านดอลลาร์ โดยกําไรต่อหุ้นปรับตัวเพิ่มขึ้น 2.7 เท่าจากปีก่อน ทำได้ 0.82 เซ็นต์ต่อหุ้น ทั้ง 3 ธุรกิจหลักของ Disney มีรายได้และกําไรเพิ่มขึ้น โดยเฉพาะสวนสนุกและประสบการณ์รายได้เพิ่มขึ้น 13% YoY ทำได้ 8.16 พันล้านดอลลาร์ ส่วนธุรกิจสตรีมมิ่งมีผลขาดทุนจากการดำเนินงานในไตรมาส 4 ลดลงเกือบ 1 พันล้านดอลลาร์ เมื่อเทียบกับปีก่อน

2. บริษัทสามารถลดค่าใช้จ่ายได้สูงกว่าเป้าหมาย 2 พันล้านดอลลาร์ โดยทำได้ 7.5 พันล้านดอลลาร์ มาแนวทางเดียวกับบริษัทเทคฯใหญ่ที่ทำไปแล้วในปีที่ผ่านมาแล้วทำให้หุ้นปรับตัวขึ้นดีมาก

3. Disney มุ่งเน้น 4 โอกาสในการเติบโตหลัก ได้แก่ 1) ทําให้ธุรกิจสตรีมมิ่งมีกําไรอย่างยั่งยืน 2) พัฒนา ESPN ให้เป็นแพลตฟอร์มกีฬาดิจิตอลชั้นนํา 3) เพิ่มปริมาณและคุณภาพของภาพยนตร์ และ 4) เร่งการเติบโตของธุรกิจประสบการณ์

4. Disney+ เพิ่มสมาชิกใหม่ 7 ล้านรายในไตรมาสนี้ มาอยู่ที่รวม 112 ล้านราย ส่วน Disney+ แพกเกจแบบที่มีโฆษณามีสมาชิกใหม่ 2 ล้านราย ในไตรมาสนี้มาอยู่ที่ 5.2 ล้านราย

5. Disney จะเข้าซื้อกิจการ Hulu ที่เหลือจาก Comcast เพื่อรวมธุรกิจสตรีมมิ่งให้เป็นหนึ่งเดียว และจะเปิดตัวแอปรวม Disney+ และ Hulu ในฤดูใบไม้ผลิ 2024 จะช่วยเพิ่มการมีส่วนร่วมของลูกค้า ลดอัตราการยกเลิกบริการ และเพิ่มรายได้จากโฆษณา ซึ่งจะช่วยทําให้ธุรกิจสตรีมมิ่งเติบโตอย่างมีศักยภาพ นอกจากนี้ข้อตกลง Charter-Disney สะท้อนกลยุทธ์การเน้นธุรกิจสตรีมมิ่งของ Disney อย่างชัดเจน โดยเฉพาะ Disney+ ซึ่งเป็นการช่วยเสริมกลยุทธ์ด้านสตรีมมิ่งนี้

6. จะลงทุนเพิ่มในธุรกิจสวนสนุกและประสบการณ์ โดยคาดว่าจะมีอัตราผลตอบแทนการลงทุนที่คุ้มค่า ภาพรวม Disney มีความมั่นใจในโอกาสการเติบโตอย่างยั่งยืนและการสร้างมูลค่าเพิ่มให้ผู้ถือหุ้นในอนาคต

7. Disney ประกาศแต่งตั้ง Hugh Johnston เป็นรองประธานอาวุโสและผู้บริหารการเงินคนใหม่ หลังจาก Kevin Lansberry ทําหน้าที่รักษาการในตําแหน่งนี้ชั่วคราว

8. สตูดิโอภาพยนตร์ของ Disney ในช่วงการแพร่ระบาดของโควิด-19 เน้นจำนวนภาพยนตร์มากเกินไป จึงมีแผนที่จะลดจำนวนการผลิตลง แต่เน้นคุณภาพมากขึ้น

9. Disney มีแผนที่จะนํา ESPN เข้าสู่การให้บริการแบบตรงต่อผู้บริโภค (DTC) โดยยังคงให้บริการผ่านแพ็กเกจเคเบิลด้วย เพื่อให้ผู้บริโภคมีทางเลือก รวมทั้งกําลังมองหาพันธมิตรเพื่อเสริมความแข็งแกร่งของ ESPN ต่อไป

10. Disney มั่นใจว่าธุรกิจสตรีมมิ่งจะทํากําไรได้ในปลายปี 2024 แม้จะไม่ได้ให้รายละเอียดประมาณการ บริษัทมีการปรับขึ้นราคาบริการ Disney+ premium แล้ว 27% โดยที่อัตราการยกเลิกบริการยังต่ำมาก

11. สวนสนุกของ Disney โดยเฉพาะ Disneyland ยังมี booking ที่แข็งแกร่ง สะท้อนว่าความต้องการของผู้บริโภคยังอยู่ในระดับสูง

12. ESPN เป็นแบรนด์ที่มีความนิยมสูงมากในสหรัฐฯ ดังนั้นจึงอยากจะนํามันไปสู่แพลตฟอร์มดิจิตอลให้มากขึ้น กําลังเจรจาหาพันธมิตรเพื่อเสริมความแข็งแกร่ง ไม่ว่าจะเป็นด้านเทคโนโลยี การตลาด หรือเนื้อหาสปอร์ตเพิ่มเติม ซึ่งจะช่วยให้ ESPN ประสบความสําเร็จมากขึ้น

โดยสรุปหุ้นอยู่ในช่วงกลับตัวโดยการเปลี่ยนผู้บริหารและเน้นลดค่าใช้จ่ายเพื่อให้กำไรออกมาดีขึ้น บริษัทมีข้อได้เปรียบเพราะมีสินทรัพย์ที่ไม่มีตัวตนอย่างไลเซ้นท์ เนื้อหาของภาพยนตร์และรายการหลากหลายมาก ผมว่าสุดท้ายแล้วคงต้องติดตามธุรกิจอย่าง Disney+ ว่าจะทำได้ดีอย่าง Netflix หรือไม่ครับ 

#Disney 
เครดิต Billionaire VI

แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่