สวัสดีครับ นี่เป็นกระทู้ที่ผมอยากเล่าให้ฟังเกี่ยวกับเรื่องราวครอบครัวของผม
ภรรยาของผมเป็นมะเร็งเต้านม ตรวจพบว่าเป็นตอนที่อายุครรภ์ 6 เดือน ตอนนั้นก็ตกใจมาก ไม่รู้ว่าต้องทำยังไง ปรึกษาแพทย์และญาติๆ ทุกคนก็บอกว่าต้องรักษาให้หายก่อน ก็เลยตัดสินใจผ่าตัดเต้านมออกทั้งหมด
การผ่าตัดผ่านไปได้ด้วยดี ตอนนี้อายุครร 8 เดือนแล้ว ภรรยาพักฟื้นอยู่ที่โรงพยาบาลประมาณ 1 สัปดาห์ จากนั้นก็กลับบ้านได้
หลังจากออกจากโรงพยาบาลได้ 2 วัน ภรรยาบอกว่าลูกดิ้นน้อย ไปตรวจท้อง พบว่าลูกในท้องมีภาวะเส้นเลือดไปเลี้ยงหัวตีบ แพทย์จึงแนะนำให้ผ่าคลอดทันที
สาวของเราออกมาแข็งแรงดี แต่ต้องอยู่ในห้องเด็กวิกฤติ (NICU) ตอนนี้เป็นเวลานานกว่า 1 เดือนครึ่ง เพราะร่างกายยังไม่แข็งแรงพอ มีอาการติดเชื้อ ดื้อยาอยู่นานแล้ว
ช่วงนี้ผมต้องดูแลภรรยาและลูกสาวอย่างเต็มที่ แทบจะไม่มีเวลามาท้อแท้หรือเสียใจอะไร เพราะถ้าผมท้อ ภรรยาก็จะท้อตามไปด้วย
นอกจากนี้ ผมยังต้องคอยรับส่งลูกสาวคนโตวัย 5 ขวบไปโรงเรียนอีกด้วย
โชคดีหน่อยที่เราไม่ต้องคอยหาเงินมาใช้จ่ายอะไรมาก เพราะเรามีเงินจากสวนยางพารา และสวนปาล์มน้ำมัน
ตอนนี้ภรรยาและลูกชายของเราเริ่มแข็งแรงขึ้นแล้ว แต่ก็ต้องให้ยาเคมีบำบัดอีก 4 ครั้ง และหลังจากนั้นต้องไปฉายแสงอีก 18 ครั้ง
***พยาบาลที่ซักประวัติถามผมว่าดูคุณพ่อไม่เครียดไม่กังวลเท่าไหร่นะค่ะ ผมตอบไปว่า ต้องรับความจริงให้ได้ไม่ว่า จะเกิดอะไรขึ้นเราต้องผ่านมันไปให้ได้ครับ
***มีหลายครั้งเลยครับ ที่จิตใต้สำนึกทำงาน ทำให้ผมนอนไม่หลับติดกัน 5 คืนทั้งที่เราคิดว่าเราผ่านได้สบาย แต่นั่นแหละครับผมไม่สามารถเอาชนะติดใต้สำนึกได้
ที่ผมอยู่ได้ ไม่มีการท้อแท้เหนื่อยหน่ายเพราะผมเป็นพ่อ เพราะเป็นพ่อ เลยท้อไม่ได้ คำนี้มีอยู่จริง คนรอบข้าง เห็นใจผมเป็นอย่างมาก ไม่ว่าจะเพื่อนๆ หรือ ญาติ จะคอยถามไถ่ และพวกเขาเหล่านั้นก็พร้อมช่วยเหลืแด้วย และผมยังมีพ่อแม่และพ่อตาแม่ยาย ที่คอยสนับสนุนเป็นแรงพลักดันด้วย มีเพื่อนคนนึง จริงๆก็ไม่ได้สนิทสนมมากนัก เพื่อนคนนั้นเอาเงินมาให้ สามหมื่น ซึ่งผมปฎิเสธไป แต่เขายืนกรานจะให้ ซึ่งมันเป็นเงินที่เราต้องคืนแหละไม่ใช่เงินกู้ ผมซึ้งใจมาก
***ผมอยากจะฝากกำลังใจให้กับทุกคนที่กำลังเผชิญกับปัญหายากลำบาก อยากให้ทุกคนสู้ต่อไป อย่ายอมแพ้ ทุกอย่างจะผ่านไปได้ในที่สุด และใช่ครับ คนอื่นคงจะไม่ได้มีครอบครัวที่อบอุ่นแบบผม และมีญาติพี่น้องที่ดีแบบผม ใช่แล้วครับ ผมเป็นคนที่มีอะไรผมจะไม่ปกปิดคนรวบข้าง ผมเน้นพูดคุยหาทางออก เวลาวุ่นวายใจผมมักมีเพื่อนคอยปรึกษา ระบาย มันช่วยเราได้มากเลยทีเดียว
คำถามชวนคิด:
คุณคิดว่าอะไรคือสิ่งสำคัญที่สุดที่ควรทำในช่วงที่ภรรยากำลังป่วยและลูกต้องอยู่ในห้องเด็กวิกฤติ?
คุณคิดว่าครอบครัวควรรับมือกับสถานการณ์นี้อย่างไร?
คุณมีคำแนะนำอะไรให้กับคนที่กำลังเผชิญกับปัญหาคล้ายๆ กัน?
เมียเป็นมะเร็งเต้านม ท้องแปดเดือน หลังผ่าตัด เด็กเส้นเลือดไปเลี้ยงหัวตีบ ต้องผ่าคลอด
ภรรยาของผมเป็นมะเร็งเต้านม ตรวจพบว่าเป็นตอนที่อายุครรภ์ 6 เดือน ตอนนั้นก็ตกใจมาก ไม่รู้ว่าต้องทำยังไง ปรึกษาแพทย์และญาติๆ ทุกคนก็บอกว่าต้องรักษาให้หายก่อน ก็เลยตัดสินใจผ่าตัดเต้านมออกทั้งหมด
การผ่าตัดผ่านไปได้ด้วยดี ตอนนี้อายุครร 8 เดือนแล้ว ภรรยาพักฟื้นอยู่ที่โรงพยาบาลประมาณ 1 สัปดาห์ จากนั้นก็กลับบ้านได้
หลังจากออกจากโรงพยาบาลได้ 2 วัน ภรรยาบอกว่าลูกดิ้นน้อย ไปตรวจท้อง พบว่าลูกในท้องมีภาวะเส้นเลือดไปเลี้ยงหัวตีบ แพทย์จึงแนะนำให้ผ่าคลอดทันที
สาวของเราออกมาแข็งแรงดี แต่ต้องอยู่ในห้องเด็กวิกฤติ (NICU) ตอนนี้เป็นเวลานานกว่า 1 เดือนครึ่ง เพราะร่างกายยังไม่แข็งแรงพอ มีอาการติดเชื้อ ดื้อยาอยู่นานแล้ว
ช่วงนี้ผมต้องดูแลภรรยาและลูกสาวอย่างเต็มที่ แทบจะไม่มีเวลามาท้อแท้หรือเสียใจอะไร เพราะถ้าผมท้อ ภรรยาก็จะท้อตามไปด้วย
นอกจากนี้ ผมยังต้องคอยรับส่งลูกสาวคนโตวัย 5 ขวบไปโรงเรียนอีกด้วย
โชคดีหน่อยที่เราไม่ต้องคอยหาเงินมาใช้จ่ายอะไรมาก เพราะเรามีเงินจากสวนยางพารา และสวนปาล์มน้ำมัน
ตอนนี้ภรรยาและลูกชายของเราเริ่มแข็งแรงขึ้นแล้ว แต่ก็ต้องให้ยาเคมีบำบัดอีก 4 ครั้ง และหลังจากนั้นต้องไปฉายแสงอีก 18 ครั้ง
***พยาบาลที่ซักประวัติถามผมว่าดูคุณพ่อไม่เครียดไม่กังวลเท่าไหร่นะค่ะ ผมตอบไปว่า ต้องรับความจริงให้ได้ไม่ว่า จะเกิดอะไรขึ้นเราต้องผ่านมันไปให้ได้ครับ
***มีหลายครั้งเลยครับ ที่จิตใต้สำนึกทำงาน ทำให้ผมนอนไม่หลับติดกัน 5 คืนทั้งที่เราคิดว่าเราผ่านได้สบาย แต่นั่นแหละครับผมไม่สามารถเอาชนะติดใต้สำนึกได้
ที่ผมอยู่ได้ ไม่มีการท้อแท้เหนื่อยหน่ายเพราะผมเป็นพ่อ เพราะเป็นพ่อ เลยท้อไม่ได้ คำนี้มีอยู่จริง คนรอบข้าง เห็นใจผมเป็นอย่างมาก ไม่ว่าจะเพื่อนๆ หรือ ญาติ จะคอยถามไถ่ และพวกเขาเหล่านั้นก็พร้อมช่วยเหลืแด้วย และผมยังมีพ่อแม่และพ่อตาแม่ยาย ที่คอยสนับสนุนเป็นแรงพลักดันด้วย มีเพื่อนคนนึง จริงๆก็ไม่ได้สนิทสนมมากนัก เพื่อนคนนั้นเอาเงินมาให้ สามหมื่น ซึ่งผมปฎิเสธไป แต่เขายืนกรานจะให้ ซึ่งมันเป็นเงินที่เราต้องคืนแหละไม่ใช่เงินกู้ ผมซึ้งใจมาก
***ผมอยากจะฝากกำลังใจให้กับทุกคนที่กำลังเผชิญกับปัญหายากลำบาก อยากให้ทุกคนสู้ต่อไป อย่ายอมแพ้ ทุกอย่างจะผ่านไปได้ในที่สุด และใช่ครับ คนอื่นคงจะไม่ได้มีครอบครัวที่อบอุ่นแบบผม และมีญาติพี่น้องที่ดีแบบผม ใช่แล้วครับ ผมเป็นคนที่มีอะไรผมจะไม่ปกปิดคนรวบข้าง ผมเน้นพูดคุยหาทางออก เวลาวุ่นวายใจผมมักมีเพื่อนคอยปรึกษา ระบาย มันช่วยเราได้มากเลยทีเดียว
คำถามชวนคิด:
คุณคิดว่าอะไรคือสิ่งสำคัญที่สุดที่ควรทำในช่วงที่ภรรยากำลังป่วยและลูกต้องอยู่ในห้องเด็กวิกฤติ?
คุณคิดว่าครอบครัวควรรับมือกับสถานการณ์นี้อย่างไร?
คุณมีคำแนะนำอะไรให้กับคนที่กำลังเผชิญกับปัญหาคล้ายๆ กัน?