ปี 2567 กองทัพบก อาจซื้อ SR4 เพิ่ม
กองทัพบกมีแผนจัดหาจรวดหลายลำกล้อง SR4 เพิ่มเติมในงบประมาณปี 2567 โดยเดิมทีกองทัพบกมีจรวดหลายลำกล้อง SR-4 ประจำการจำนวน 4 ระบบ ซึ่งจัดหามาในช่วงปี 2555
กองทัพบกมีแผนจัดหาจรวดหลายลำกล้อง SR4 เพิ่มเติมในงบประมาณปี 2567 โดยเดิมทีกองทัพบกมีจรวดหลายลำกล้อง SR-4 ประจำการจำนวน 4 ระบบ ซึ่งจัดหามาในช่วงปี 2555
ถือว่าเป็นเรื่องน่าแปลก เพราะกองทัพบกก็มีความร่วมมือในการพัฒนาจรวดหลายลำกล้อง D11A กับ สถาบันเทคโนโลยีป้องกันประเทศ DTI ในปัจจุบันกำลังอยู่ในระหว่างการปรับปรุงและทดสอบอยู่ และอัตราของจรวดหลายลำกล้องของกองทัพบกมีจำกัด คือมี 3 กองร้อยเท่านั้น ถ้าถ้าจัดหา SR4 จนเต็ม จะทำให้จรวด D11A ที่พัฒนาเสร็จจะไม่สามารถประจำการได้เพราะเต็มอัตราแล้ว
การจัดซื้อนี้จึงเหมือนการจัดซื้อจรวดจากต่างประเทศตัดหน้าเพื่อให้จรวดที่ผลิตในประเทศไม่มีที่ประจำการหรือไม่ แบบเดียวกับยานเกราะ DTI 8x8 ที่ถูกทดสอบในประเทศนานหลายปี และในระหว่างนั้นกองทัพบกก็เร่งจัดหายานเกราะจากจีนและสหรัฐอเมริกาเข้ามาเรื่อย ๆ จนเต็มอัตรา ทำให้ยานเกระา DTI 8x8 ไม่ได้ประจำการในที่สุด
ยังไม่นับเรื่องของ ประสิทธิภาพของจรวด D11A นั้นสูงกว่า SR4 ค่อนข้างมาก ทั้งความอ่อนตัวในการปฏิบัติภารกิจ คือแท่นยิง 1 แท่นสามารถใช้จรวดได้หลากหลายแบบและหลากหลายระยะยิง สามารถใช้จรวดนำวิถี หรือระบบควบคุมการยิงที่มีประสิทธิภาพสูงกว่า
ซึ่งดูตามสถานการณ์แล้ว อีกไม่นานจรวด D11A ก็จะพัฒนาเสร็จแล้ว ไม่ควรจะจัดหา SR4 เพิ่มอีก และเมื่อย้อนกลับไป DTI ก็แสดงให้เห็นว่ามีขีดความสามารถในการพัฒนาแท่นยิงและตัวจรวดขนาด 122 ม.ม. มาแล้วหลายครั้ง แม้จะมีความล่าช้า แต่ก้ไม่ถึงขั้นทำไม่ได้หรือทำแล้วไม่มีประสิทธิภาพที่พอจะใช้งาน
โดยหลักการที่ถูกต้องแล้ว ในเมื่อจรวด D11A มีประสิทธิภาพสูงกว่า กองทัพบกจึงควรลดความหลากหลายของจรวดที่ประจำการอยู่ ด้วยการใช้แท่นยิงจรวด D11A แบบเดียวเท่านั้น แต่เปลี่ยนลูกจรวดตามภารกิจของแต่ละกองร้อย เพื่อลดค่าใช้จ่ายและเพิ่มขีดความสามารถในการปฏิบัติงาน
ปี 2567 กองทัพบก อาจซื้อ SR4 เพิ่ม
ถือว่าเป็นเรื่องน่าแปลก เพราะกองทัพบกก็มีความร่วมมือในการพัฒนาจรวดหลายลำกล้อง D11A กับ สถาบันเทคโนโลยีป้องกันประเทศ DTI ในปัจจุบันกำลังอยู่ในระหว่างการปรับปรุงและทดสอบอยู่ และอัตราของจรวดหลายลำกล้องของกองทัพบกมีจำกัด คือมี 3 กองร้อยเท่านั้น ถ้าถ้าจัดหา SR4 จนเต็ม จะทำให้จรวด D11A ที่พัฒนาเสร็จจะไม่สามารถประจำการได้เพราะเต็มอัตราแล้ว
การจัดซื้อนี้จึงเหมือนการจัดซื้อจรวดจากต่างประเทศตัดหน้าเพื่อให้จรวดที่ผลิตในประเทศไม่มีที่ประจำการหรือไม่ แบบเดียวกับยานเกราะ DTI 8x8 ที่ถูกทดสอบในประเทศนานหลายปี และในระหว่างนั้นกองทัพบกก็เร่งจัดหายานเกราะจากจีนและสหรัฐอเมริกาเข้ามาเรื่อย ๆ จนเต็มอัตรา ทำให้ยานเกระา DTI 8x8 ไม่ได้ประจำการในที่สุด
ยังไม่นับเรื่องของ ประสิทธิภาพของจรวด D11A นั้นสูงกว่า SR4 ค่อนข้างมาก ทั้งความอ่อนตัวในการปฏิบัติภารกิจ คือแท่นยิง 1 แท่นสามารถใช้จรวดได้หลากหลายแบบและหลากหลายระยะยิง สามารถใช้จรวดนำวิถี หรือระบบควบคุมการยิงที่มีประสิทธิภาพสูงกว่า
ซึ่งดูตามสถานการณ์แล้ว อีกไม่นานจรวด D11A ก็จะพัฒนาเสร็จแล้ว ไม่ควรจะจัดหา SR4 เพิ่มอีก และเมื่อย้อนกลับไป DTI ก็แสดงให้เห็นว่ามีขีดความสามารถในการพัฒนาแท่นยิงและตัวจรวดขนาด 122 ม.ม. มาแล้วหลายครั้ง แม้จะมีความล่าช้า แต่ก้ไม่ถึงขั้นทำไม่ได้หรือทำแล้วไม่มีประสิทธิภาพที่พอจะใช้งาน
โดยหลักการที่ถูกต้องแล้ว ในเมื่อจรวด D11A มีประสิทธิภาพสูงกว่า กองทัพบกจึงควรลดความหลากหลายของจรวดที่ประจำการอยู่ ด้วยการใช้แท่นยิงจรวด D11A แบบเดียวเท่านั้น แต่เปลี่ยนลูกจรวดตามภารกิจของแต่ละกองร้อย เพื่อลดค่าใช้จ่ายและเพิ่มขีดความสามารถในการปฏิบัติงาน