เฉลิมฉลองครบรอบ 10 ปีของเจ้าหมีจอมเย้ยหยันในนิทรรศการ Cynical Bear 놀이터 (Noliteo)


ย้อนวัยไปในนิทรรศการสนามเด็กเล่นสุดคูล
กับเฉลิมฉลองครบรอบ 10 ปีของเจ้าหมีจอมเย้ยหยันในนิทรรศการ Cynical Bear 놀이터 (Noliteo)


“หากเรากลับไปเป็นเด็กได้อีกครั้งจะเป็นยังไงกันนะ?”

คงเป็นคำถามที่หลายคนเคยแอบคิดสงสัยกับตนเองมาแล้วนับไม่ถ้วน เพราะการเติบโตเป็นผู้ใหญ่ในโลกที่แสนซับซ้อนอันไปด้วยความรับผิดชอบ หน้าที่ และปัญหามากมายนี้ ทำให้หลายคนอยากลองกลับไปเป็นเด็กอีกครั้งหนึ่ง เช่นเดียวกันกับเจ้าหมี Cynical Bear เองที่อยากจะลองสัมผัสอิสรภาพและความสนุกสนานเหมือนเด็ก ๆ หลังจากที่ได้เผชิญเรื่องราวในซีรีส์ที่ผ่านมากับการสะท้อนสังคมชีวิตของผู้ใหญ่ที่เต็มไปด้วยความกดดันและภาระอันหนักอึ้ง 

ปราสาททราย ชิงช้า ไม้กระดก สไลเดอร์ ม้าโยก…

หากจะกล่าวถึงสถานที่ในวัยเด็กที่สนุกสนานที่สุด คำตอบของหลาย ๆ คนก็คงจะหนีไม่พ้น ‘สนามเด็กเล่น’ สถานที่แห่งความสุขและความทรงจำของเด็ก ๆ มากมาย ซึ่งอาจเป็นทั้งสถานที่ที่เราเจอกับเพื่อนสนิทคนแรก ที่ที่เราฝึกเดิน หรือหกล้มเป็นครั้งแรก อีกทั้งยังเป็นสถานที่ที่เหล่าเด็ก ๆ มาลองเล่นใช้ชีวิตกันครั้งแรก ไม่ว่าจะเล่นพ่อแม่ลูก เล่นทำอาหาร ขายของ หรือลองแสดงบทบาทสมมติเป็นอาชีพต่าง ๆ ซึ่งกิจกรรมแสนไร้เดียงสาแสนธรรมดาในวัยเด็กเหล่านี้ก็ได้กลายมาเป็นแรงบันดาลใจให้กับ คู ยอน โม (Koo Yoeun Mo) ศิลปินผู้สร้างสรรค์ Cynical Bear ให้เนรมิตรสนามเด็กเล่นขึ้นมาในนิทรรศการครั้งนี้ เพื่อให้เจ้าหมี Cynical Bear ที่ผ่านรสชาติความชอกช้ำของการเป็นผู้ใหญ่ได้กลับมาเยี่ยมเยียนความทรงจำในวัยเด็กอีกครั้ง 

และเนื่องในโอกาสครบรอบสิบปีของการสร้าง Cynical Bear นี้ คู ยอน โม ก็ได้ผสมผสานกลิ่นอายวัฒนธรรมและความเป็นไทยลงไปในชิ้นงานเพื่อเฉลิมฉลองประเทศที่เปรียบเสมือนบ้านหลังที่สองของเจ้าหมีเกาหลีแสนเยาะเย้ยตัวนี้อีกด้วย

บางที การเดินทางกลับไปสู่วัยเด็กของเจ้าหมี Cynical Bear อาจปลดล็อคความทรงจำบางอย่างและปลอบประโลมจิตใจที่บอบช้ำของคุณก็เป็นได้

Exhibition Concept

คอนเซ็ปต์ของนิทรรศการในครั้งนี้คือ ‘สนามเด็กเล่นของเจ้าหมีนักเย้ยหยัน’ ที่แฝงไปด้วยแนวคิดอันลึกซึ้ง เพราะสำหรับเจ้าหมีแล้วนั้น นอกจาก ‘การเล่น’ จะมีความหมายถึงความบันเทิงแล้ว ยังสื่อถึงการดำเนินชีวิตได้อีกด้วย

ปีนี้ถือเป็นการครบรอบ 10 ปีในการมาถึงของเจ้าหมีนักเย้ยหยันในประเทศไทย และก็นับเป็นเวลากว่าทศวรรษหนึ่งแล้วที่เจ้าหมีนักเย้ยหยันนี้ได้เติบโตที่ประเทศไทยผ่านนิทรรศการเดี่ยวทั้ง 5 ที่จัดขึ้นที่นี่ อีกทั้งการได้รับความช่วยเหลือจากเพื่อน ๆ มากมาย จนมาถึงตอนนี้ที่เขาได้กลายมาเป็นเจ้าหมีนักเย้ยหยันอย่างสมบูรณ์ที่เรารู้จักกันในปัจจุบัน ด้วยเหตุนี้ ประเทศไทยจึงได้เป็นเสมือนกับบ้านอีกหลังหนึ่งของเขา ที่ซึ่งคล้ายกับ ‘สนามเด็กเล่น’ ให้เจ้าหมีนักเย้ยหยันได้ใช้ชีวิตและเติบโตขึ้นมา


เจ้าหมีนักเย้ยหยันมักจะถ่ายทอดข้อความบางอย่างเสมอ โดยสิ่งที่เขาได้เคยถ่ายทอดไปก่อนหน้านี้ได้มีการกล่าวถึงการเมืองและประเด็นทางสังคมเสียส่วนใหญ่ ซึ่งมักเป็นเรื่องที่ค่อนข้างจะท้าทายในการถ่ายทอดให้กับคนกลุ่มใหญ่ได้รับรู้ ในนิทรรศการนี้ เขาจึงต้องการจะเชื่อมระยะห่างระหว่างตัวเองและผู้ชมให้ใกล้ชิดกันยิ่งขึ้นผ่านเรื่องราวที่มีเนื้อหาในการปลอบประโลมและส่งกำลังใจความเข็มแข็งไปให้ ซึ่งสิ่งที่เขาสื่อไปนั้นอาจมีความหมายถึงเจ้าหมีนักเย้ยหยันโดยตรงเสียด้วย โดยเขาหวังว่าผู้ชมจะเข้าใจในสิ่งที่เขาต้องการจะสื่อถึงและสามารถแบ่งปันข้อความเหล่านี้ให้กับคนอื่น ๆ ได้เช่นกัน

แม้ในโลกที่เปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็วและเปลี่ยนไปแปลงตลอดเวลานี้จะทำให้เรามักเผชิญกับบททดสอบและช่วงเวลาแห่งความสิ้นหวังมากมาย แต่ผมก็เชื่อว่าการรับรู้และโอบกอดตัวตนของเราในช่วงเวลาหล่านั้นจะเป็นหนทางสู่การฟื้นฟูที่รวดเร็วและแข็งแกร่งยิ่งขึ้น

Cynical Bear Concept

Cynical Bear ปลดปล่อยทุกความเหยียดหยามซึ่งล่องละลอยอยู่ในโลกที่เราอาศัยอยู่ และบางทีมันอาจปลดปล่อยความเยาะเย้ยทั้งหมดนั้นต่อความอ่อนแอในตัวฉันก็เป็นได้

เป็นกลไกที่กระตุ้นให้เกิดความปรารถนาที่จะแข็งแกร่งและกล้าหาญขึ้น เพื่อไม่ให้ถูกมองว่าไร้เดียงสาหรือไม่มีปากมีเสียง แต่เพื่อยืนหยัดในตัวตนของเราเอง Cynical Bear คือสิ่งที่สะท้อนตัวตนของฉัน แม้แต่ชื่อของมันก็อ้างอิงมาจากชื่อของฉันเอง ความเป็นตัวตนของมันนั้นเพียงแค่สวมใส่เสื้อยืดและกางเกงยีนส์ก็สามารถที่จะแสดงจุดยืนทางแฟชั่นของตัวเองได้แล้ว และหน้าตาการแสดงออกแสนถากถางของมันก็สะท้อนให้เห็นถึงความเยาะเย้ยที่ฉันมีต่อสังคม

ผู้ที่เกิดในช่วงปี ค.ศ. 1970 ส่วนใหญ่จะคุ้นเคยกับวิกฤษ IMF ซึ่งเป็นยุคสมัยที่เฟื่องฟูของลิทธิปัจเจกชน พวกเขาได้เห็นการเปลี่ยนแปลงของระบอบเผด็จการที่เริ่มเข้ามามีอำนาจผ่านการรัฐประหารและอุดมการณ์ที่เปลี่ยนแปลงไปของรัฐบาลพลเรือน โดยปัญหาสังคมส่วนใหญ่ที่มักพบในผู้ที่เกิดช่วงปี 70 ได้แก่ การว่างงานในกลุ่มคนวัยหนุ่มสาว อัตราการบริโภคที่สูงกว่าเกณฑ์ที่เพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว และความขัดแย้งในภูมิภาคนิยม อันเนื่องมาจากว่ากลุ่มคนยุค 70 เหล่านี้ได้เคยใช้ชีวิตในช่วงที่อุตสาหกรรมสื่อมีความเฟื่องฟูเป็นอย่างมาก ทำให้เกิดความนิยมหลงใหลในสินค้าโภคภัณฑ์ รวมไปถึงความอยากได้อยากมีต่อสินค้าหรูหราฟุ่มเฟือยเกินจำเป็น อีกทั้งยังมีการพัฒนาของเทคโนโลยีโทรคมนาคมที่เพิ่มจำนวนขึ้นเป็นอย่างมาก ส่งผลให้ชีวิตในวัยนักเรียนนักศึกษาของพวกเขาค่อนข้างมีอิสระเสรีต่างจากยุคก่อน ๆ ที่มีระบบเคร่งครัด

เมื่อ Generation X ต้องกลายมาเป็นผู้นำสังคม พวกเขาจึงถูกบังคับให้เผชิญหน้ากับความเกียจคร้านซึมเซาของกลุ่มคนที่ว่างงานมาเป็นเวลานาน พวกเขาต้องเอาชนะปัญหาสังคมโดยไร้ประสบการณ์อย่างคนรุ่นก่อนเพื่อปรับตัวให้เท่าทันกับสังคมปัจจุบันที่มีการเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว ด้วยเหตุนี้ Cynical Bear จึงกลายมาเป็นคาแรคเตอร์ที่สะท้อนตัวตนความกดดันต่าง ๆ ของคนเหล่านั้น ทั้งความเหยียดหยาม เสียดสี ขลาดอาย หรือแม้แต่ความรู้สึกอัดอั้นที่ถูกกดไว้อยู่ในใจ

ทั้งนี้ จึงสามารถกล่าวได้ว่า Cynical Bear เชื่อมโยงอดีตและปัจจุบันผ่านการผสมผสานภาพความคิดจากสื่อและตัวตนของมันเอง โดยเรื่องราวต่าง ๆ ที่เจ้าหมีต้องการนำเสนอก็จะถูกถ่ายทอดต่างกันออกไป อย่างซีรีส์ชุดต่าง ๆ ที่ผ่านมา อาทิ “Child Soldier”, “Hero”, “HappyBomb” หรือ “Stand in Bangkok” โดยซีรีส์ Cynical Bear นี้จะยังคงมุ่งแสวงหาการเป็นส่วนหนึ่งในแวดวงศิลปะต่อไปเพื่อส่งเสริมและเป็นกลไลในการเปลี่ยนแปลงที่ดีของสังคมในอนาคต


เปิดตัวกันไปเป็นที่เรียบร้อยแล้วสำหรับ “Cynical Bear 놀이터 (Noliteo)” นิทรรศการสนามเด็กเล่นสุดคูลของเจ้าหมีจอมเย้ยหยันที่เดินทางมาไกลจากประเทศเกาหลีใต้ โดยปีนี้ก็นับเป็นหนึ่งทศวรรษแล้วที่ศิลปินชาวเกาหลีอย่าง คู ยอน โม (Koo Youen Mo) ได้สร้างสรรค์คาแรคเตอร์มากเสน่ห์ตัวนี้ขึ้นในประเทศไทย ซึ่งงานนี้ ริเวอร์ ซิตี้ แบงค็อก และ เทรนดี้ แกลเลอรี่ ก็ได้ร่วมกันเนรมิตรสนามเด็กเล่นตามวิสัยยทัศน์ของศิลปินเพื่อเล่าเรื่องราวของวัยเด็กและการเติบโตของ Cynical Bear ในประเทศไทยผ่านศิลปะสุดเก๋มากมายที่ผสมผสานความเป็นไทยลงไปในชิ้นงาน โดยนิทรรศการครั้งนี้ถือเป็นผลงานคอลเลคชั่นแรกที่ คู ยอน โม หยิบเอาประเด็นใกล้ตัวอย่างความเยาว์และความรู้สึกร่วมของคนในสังคมมานำเสนอ ต่างจากนิทรรศการเดี่ยวในปีที่ผ่านมาซึ่งนำเสนอประเด็นการเมืองและความตึงเครียดของสังคมเป็นส่วนใหญ่ ซึ่งเขาได้นำความรู้สึกที่มีทั้งหมดมาใส่ลงไปบนข้อความของชิ้นงาน ทั้งการให้กำลังใจ ความรู้สึกนึกคิด และความผิดหวังหรือสมหวังที่เราทุกคนต่างเคยสัมผัสกันมาก่อน โดยศิลปินก็หวังเป็นอย่างยิ่งว่านิทรรศการครั้งนี้จะเป็นเสมือนสื่อกลางให้ทุกท่านได้ร่วมเดินทางย้อนกลับไปในวัยแห่งความสนุกสนาน พร้อมปลอบประโลมทุกความรู้สึกไปด้วยกันกับเจ้าหมี Cynical Bear 

ในนิทรรศการนี้ คุณจะได้พบกับผลงานศิลปะมากมายหลายชิ้น ไม่ว่าจะเป็นทั้งภาพวาดหรือชิ้นงานประติมากรรม อีกทั้งยังมีลูกเล่นที่ได้รับแรงบันดาลใจมาจากสนามเด็กเล่นในประเทศเกาหลีให้คุณได้อิ่มเอมไปกับกลิ่นอายของช่วงชีวิตวัยเด็กอีกด้วย


แล้วมาลองมาย้อนวัยในสนามเด็กเล่นของเจ้าหมีนักเย้ยหยันได้ใน “Cynical Bear 놀이터 (Noliteo)” 

เปิดให้เข้าชมตั้งแต่วันนี้ถึงวันที่ 12 ธันวาคม 2566 ที่ RCB Galleria 1 ชั้น 2 ริเวอร์ ซิตี้ แบงค็อก

พาพันดี๊ด๊าพาพันแอบดูพาพันเคลิ้ม
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่