ขย่มหนัก! ‘วิโรจน์’ โพสต์ 5 เรื่องน่าห่วงปม ‘เงินดิจิทัลวอลเล็ต’ ชี้กู้มาแจกแต่คนไทยร่วมใช้หนี้
https://www.dailynews.co.th/news/2889404/
‘วิโรจน์’ โพสต์ 5 เรื่องน่าห่วงปม ‘เงินดิจิทัลวอลเล็ต’ ชี้กู้มาแจกแต่คนไทยร่วมชดใช้หนี้ ไม่มีมาตรการจำกัดนายทุนฉวยโอกาส ถามสุดท้ายกระทบเบี้ยผู้สูงอายุด้วยหรือไม่
เมื่อวันที่ 11 พ.ย.นาย
วิโรจน์ ลักขณาอดิศร สส.บัญชีรายชื่อ พรรคก้าวไกล โพสต์เฟซบุ๊กกรณีการแจกเงินดิจิทัล 1 หมื่นบาทของรัฐบาล โดยระบุว่า
5 เรื่องน่าห่วงของดิจิทัลวอลเล็ต
1. คุณศิริกัญญาสังหรณ์ใจว่า รัฐบาลอาจจะไม่ได้เต็มใจนักที่จะผลักดันโครงการดิจิทัลวอลเล็ตก็ได้ โดยการออก พ.ร.บ. เงินกู้ 5 แสนล้านบาท เป็นไปได้ที่รัฐบาลอาจจะหวังยืมมือศาล รธน. ให้ตีตกโครงการนี้ (ในกรณีที่มีคนไปร้องต่อศาล รธน. แต่พรรคก้าวไกลยืนยันว่าจะไม่ไปร้องต่อศาล รธน. แน่ๆ) เพราะรัฐบาลนี้ น่าจะรู้อยู่แก่ใจว่ากรณี พ.ร.บ.เงินกู้ 5 แสนล้านในครั้งนี้ อาจถูกนำไปเทียบเคียงกับ พ.ร.บ.เงินกู้ 2 ล้านล้าน (รถไฟความเร็วสูง) เมื่อปี 2556 ซึ่งณ ขณะนั้น ก็ถูกศาล รธน. ตีตกไป เนื่องจากขัดกับรัฐธรรมนูญ
ประเด็นนี้สำคัญมาก เพราะคุณเศรษฐาย้ำมาในทุกเวที ย้ำในทุกครั้งในการสัมภาษณ์ ว่าจะขับเคลื่อนโครงการดิจิทัลวอลเล็ต โดยไม่มีการกู้เงิน แต่ ณ วันนี้ ชัดเจนแล้วว่า จะต้องมีการกู้เงินเป็นก้อนมหาศาลถึง 5 แสนล้านบาท ซึ่งเป็นการกู้มาแจก ในโครงการกระตุ้นเศรษฐกิจระยะสั้นเท่านั้น แต่ต้องแลกมาด้วยภาระการร่วมชดใช้หนี้สาธารณะของประชาชนคนไทยในระยะยาว
2. ถ้าเกิดมีอภินิหารผ่านขึ้นมา SCB EIC ก็ได้ประเมินไว้แล้วว่า จะกระตุ้นเศรษฐกิจได้เพียงระยะสั้นๆ ตั้งแต่ 2024-2025 เท่านั้น แต่สิ่งที่ประเทศต้องแบกรับก็คือ หนี้สาธารณะก้อนมหาศาล และในขณะนี้ อัตราดอกเบี้ยก็อยู่ในช่วงขาขึ้น และทรงตัวอยู่ในระดับสูงเป็นระยะเวลานาน (Higher for longer) ตลอดจนการแจกเงินนั้นอาจส่งผลทำให้อัตราดอกเบี้ยขยับเพิ่มขึ้นร่วมด้วย การกู้เงินในสภาวการณ์เช่นนี้ จะทำให้รัฐบาลมีภาระการจ่ายหนี้ที่หนักขึ้น ซึ่งจะทำให้โอกาสในการลงทุนเพื่อการพัฒนาประเทศ และการปรับปรุงสวัสดิการเพื่อคุณภาพชีวิตของประชาชนในอนาคตจำกัดตัวลง และหากรัฐบาลมีความจำเป็นต้องกู้เงินในอนาคต ก็อาจจะกู้ได้อย่างจำกัดมากๆ
3. พบว่าโครงการดิจิทัลวอลเล็ตไม่มีมาตรการในการจำกัดไม่ให้นายทุนค้าปลีกขนาดใหญ่เข้ามาฉวยโอกาสจากความได้เปรียบด้านเงินทุน ที่สามารถเอารถโมบายล์ และตู้ขายสินค้าอัตโนมัติ เข้ามาขายสินค้าในหมู่บ้าน ตลอดจนการเช่าพื้นที่ในชุมชนระยะสั้น เพื่อทำเป็นจุดสั่งซื้อและส่งมอบสินค้า จึงเสี่ยงมากๆ ที่เงินมหาศาลก้อนนี้ จะถูกนายทุนค้าปลีกขนาดใหญ่สูบเอาไป ซึ่งจะทำให้ตัวทวีคูณทางการคลัง (Fiscal Multiplier) มีค่าต่ำลงไปอีก นอกจากจะกระตุ้นเศรษฐกิจไม่ได้ตามเป้าแล้ว ยังอาจเป็นการทำลายล้างร้านขายของชำในชุมชนให้ราบคาบ ซ้ำเติมความเหลื่อมล้ำในสังคมให้หนักข้อขึ้นไปอีก
4. งบ 1 แสนล้านบาท ที่มาจากงบปี 2567 ที่ระบุว่าจะนำใช้ในการผลักดันต่อยอดอุตสาหกรรมใหม่ๆ โครงสร้างพื้นฐานอื่นๆ ของประเทศ เช่น ยานยนต์สมัยใหม่ อุตสาหกรรมดิจิทัล การเกษตรและเทคโนโลยีชีวภาพ การพัฒนาบุคลากรและการศึกษา ยังเป็นเพียงการพูดลอยๆ ไม่มีรายละเอียดที่ชัดเจนว่าจะเอาไปทำโครงการอะไร อย่างไร 5. สรุปตอนนี้ ก็ยังไม่มีความชัดเจนว่าเบี้ยยังชีพผู้สูงอายุ จะมีการเอาความจนมาเป็นเกณฑ์ในการจ่ายหรือไม่ การใช้เงินมหาศาลกับโครงการดิจิทัลวอลเล็ต จะส่งผลกระทบต่อการจ่ายเบี้ยผู้สูงอายุในระยะยาว หรือเปล่า
“
ตอนนี้ดิจิทัลวอลเล็ตไม่ได้จ่ายให้ทุกคนแล้ว แต่จะเลือกจ่ายให้กับ คนไทยที่มีอายุ 16 ปีขึ้นไป มีรายได้ไม่ถึง 70,000 บาทต่อเดือน หรือมีเงินฝากต่ำกว่า 500,000 บาท โดยจะเริ่มเดือน พ.ค. (ไม่ใช่ ก.พ. หรือ เม.ย. แล้ว) นับไป 6 เดือน โดยใช้แอปเป๋าตัง แต่อ้างว่ามีบล็อกเชนอยู่เบื้องหลัง แต่ยังไม่รู้แน่ชัดว่าอยู่เบื้องหลังยังไง” นาย
วิโรจน์ระบุ
https://www.facebook.com/wirojlak/posts/pfbid0YT4X79CwXWK8TNdxeE5VSS57AmLX9dHBC3PRKHZSNXzXUwuxoqf1kvpiXecCGhpHl
ชัชชาติ เจอร้อง ‘ไม่มีตังค์’ ฝากอ้อนรบ. ขอกำลังใจหมื่นนึง ไม่อยากให้มีเกณฑ์ ‘เงินฝาก 5 แสน’
https://www.matichon.co.th/local/quality-life/news_4277674
ชัชชาติ เจอปชช.ร้องเรียน ‘ไม่มีตังค์’ ฝากอ้อนรบ. ขอกำลังใจหมื่นนึง ไม่อยากให้มีเกณฑ์ ‘เงินฝาก 5 แสน’
เมื่อเวลา 09.30 น. วันที่ 11 พฤศจิกายน นาย
ชัชชาติ สิทธิพันธุ์ ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร ร่วมกิจกรรม “
ผู้ว่าฯ กทม.สัญจร เขตคันนายาว”
โดยก่อนร่วมประชุมที่สำนักงานเขตคันนายาว นาย
ชัชชาติ เดินทางไปยังชุมชนเท้าแสนเจ็ด เพื่อพบปะกับประชาชนในชุมชน โดยรับฟังปัญหาและความต้องการภายในเขต บรรยากาศเป็นไปอย่างคืกครื้น มีสตรีสูงวัยเดินทางมาพบกับผู้ว่าฯ เป็นจำนวนมาก ก่อนทยอยจับไมค์ร้องเรียนปัญหาทีละราย
ในตอนหนึ่ง มีประชาชนชายร้องเรียนว่า ในพื้นที่คันนายาวไม่มีพื้นที่สร้างลานหรือศูนย์กีฬา ขณะที่ประชาชนหญิงร้องเรียนเรื่อง 1.สิทธิคนพิการ ซึ่งตนไปโรงพยาบาลแห่งหนึ่งในเขต มีเคสฉุกเฉิน แต่เจ้าหน้าที่ให้วางเงินก่อน
“
1. เขาจะให้มีการวางมัดจำของผู้พิการ
2. เขาบอกว่าจะไม่รับ แต่ก็เคยมีเคสที่รับได้ 72 ชม.
วันนั้นพาเด็กพิการชักเข้าไป จะให้เราวางเงิน ถ้าไม่มีใบส่งตัวก็จะเรียกเงิน มีชาวบ้านร้องเรียนกันอยู่” ประชาชนหญิงกล่าว
โดยนาย
ชัชชาติ กล่าวกับผู้อำนวยการเขตคันนายาว ให้รับเรื่องดังกล่าวไปตรวจสอบ
จากนั้น นาย
ชัชชาติถามชาวบ้านว่า มีเรื่องอะไรร้องเรียนอีกหรือไม่ โดยประชาชนกล่าวว่า ‘
ไม่มีตังค์’
“
พวกเรามีไรไหมครับ นอกเหนือจากไม่มีตังค์ ไม่มีตังค์ก็ช่วยยากหน่อยนะ ต้องรอรัฐบาลช่วย” นาย
ชัชชาติกล่าว
จากนั้น มีประชาชนปรึกษานายชัชชาติ ถึงเรื่องเงินดิจิทัล 10,000 บาท ว่าไม่อยากให้มีเกณฑ์เกี่ยวกับเรื่องเงินฝาก 500,000 บาท
นายชัชชาติ : มีเงิน 500,000 แล้วจะเอาอีกหรอ (หัวเราะ)
ประชาชนหญิง : ไม่ใช่ เราก็เคยเสียภาษีมาเยอะแล้วเนาะ เราก็อยากได้ตรงนี้ด้วยในการดูแล
“
พวกสลากออมสิน พวกนี้ไม่อยากให้เกี่ยว อยากให้แค่อายุครบ ทุกวันนี้เราก็ยังเสียภาษีอยู่ เยอะด้วย ขอหมื่นนึงเป็นกำลังใจสักนิดนึง เงินฝากหนุน” ประชาชนหญิงกล่าว
ด้าน นาย
ชัชชาติกล่าวว่า “
เดี๋ยวต้องไปฝากบอกรัฐบาล” ก่อนไปเข้าร่วมประชุมที่สำนักงานเขตคันนายาว
"สมชัย" ชี้ หรือ พรบ.เงินกู้ คือทางลงของคนชื่อ "เศรษฐา" แต่ไม่ใช่ทางออกของการแจกเงินดิจิทัล 1 หมื่น
https://siamrath.co.th/n/491838
เมื่อวันที่ 11 พ.ย.66 นาย
สมชัย ศรีสุทธิยากร อดีตคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊ก
สมชัย ศรีสุทธิยากร ระบุว่า...
หรือ พ.ร.บ. เงินกู้ คือ ทางลงของเศรษฐา
การใช้แหล่งเงิน ดิจิทัล 10,000 บาท จากการออกเป็น พ.ร.บ.เงินกู้ อาจไม่ใช่การหาทางออกแต่เป็นการหาทางลงให้คุณเศรษฐา
รัฐบาลไม่กล้าออกเป็น พ.ร.ก. ที่ทำได้โดยมติ ครม. ในสมัยปิดสภา ทั้ง ๆ ที่ปากพร่ำว่าเป็นเรื่องเร่งด่วนฉุกเฉิน เพราะรู้ว่า ออก พ.ร.ก. คือ คุก และ การออกเป็น พ.ร.บ. มีข้อแก้ตัวได้ว่าถ้าไม่สำเร็จ เป็นเพราะคนอื่นแทน
แต่ตอนที่คุณเศรษฐา ยิ้มแย้มตอนบอกว่า จะออก เป็น พ.ร.บ.นั้น อาจไม่รู้ไม่เข้าใจกลไกการออก พ.ร.บ. ทั้งในด้านขั้นตอนทางกฎหมายและความเขี้ยวของฝ่ายการเมือง
วันแรกที่ พ.ร.บ.เข้าสภา อำนาจต่อรองของเพื่อไทยจะเป็นศูนย์ การยกมือแต่ละมือของพรรคร่วมรัฐบาล คือ การคงอยู่หรือล้มหายของนายกรัฐมนตรีชื่อเศรษฐา เพราะหาก พ.ร.บ. ไม่ผ่านสภา นายกมี 2 ทางเลือก คือ ยุบสภาหรือลาออก
หากดันจนผ่านสภาผู้แทนได้ ยังมีด่านของวุฒิสภา หากวุฒิสภายับยั้ง ก็ต้องรออีก 180 วัน จึงจะเสนอกลับมาใหม่ได้
ยังไม่คิดถึงกรณีถูกร้องศาลรัฐธรรมนูญว่าการออก พ.ร.บ.เงินกู้ ขัดรัฐธรรมนูญ ขัดวินัยการเงินการคลังของรัฐ
ดูเส้นทาง พ.ร.บ. เงินกู้ ที่มีเส้นทางวิบากเช่นนี้ จึงบอกก่อนได้เลยว่า เดือนพฤษภาคม 2567 นั้น คืออีกหนึ่งขายฝันของรัฐบาลเพื่อไทย
พอถึงพฤษภา อาจบอกว่า ใจเย็น ๆ อีกครั้ง เพราะกระบวนการทั้งหมดทั้งสภาผู้แทน วุฒิสภา หรืออาจไปถึงศาลรัฐธรรมนูญ น่าจะไม่น้อยกว่า 8 เดือน
และโอกาสแจกได้จริง มีเพียง 50/50 หรือครึ่งต่อครึ่งเท่านั้น
ไม่แน่นัก การรู้ว่า ออก พ.ร.บ. มันยากเย็นขนาดนี้ อาจเป็นการหาทางลงที่ไม่ใช่ทางออกของคนยิ้มซื่อ ๆ ที่ชื่อเศรษฐา ทวีสิน
อาจเป็นทางลงจากตำแหน่ง แต่ไม่ใช่ทางออกของการแจกเงินดิจิทัล 10,000 บาท
https://www.facebook.com/somchaivision/posts/pfbid0HQui2dtmZsByDkkqPTHod9KcJXhkm3UE5WaeMGAuEbb4eMPyRUWvCg4mYND1TCVSl
JJNY : ‘วิโรจน์’ โพสต์ 5 เรื่องน่าห่วง│ชัชชาติ เจอร้อง ‘ไม่มีตังค์’│"สมชัย"ชี้ หรือ พรบ.เงินกู้ คือทางลง│ภูเขาไฟเสี่ยง
https://www.dailynews.co.th/news/2889404/
‘วิโรจน์’ โพสต์ 5 เรื่องน่าห่วงปม ‘เงินดิจิทัลวอลเล็ต’ ชี้กู้มาแจกแต่คนไทยร่วมชดใช้หนี้ ไม่มีมาตรการจำกัดนายทุนฉวยโอกาส ถามสุดท้ายกระทบเบี้ยผู้สูงอายุด้วยหรือไม่
เมื่อวันที่ 11 พ.ย.นายวิโรจน์ ลักขณาอดิศร สส.บัญชีรายชื่อ พรรคก้าวไกล โพสต์เฟซบุ๊กกรณีการแจกเงินดิจิทัล 1 หมื่นบาทของรัฐบาล โดยระบุว่า
5 เรื่องน่าห่วงของดิจิทัลวอลเล็ต
1. คุณศิริกัญญาสังหรณ์ใจว่า รัฐบาลอาจจะไม่ได้เต็มใจนักที่จะผลักดันโครงการดิจิทัลวอลเล็ตก็ได้ โดยการออก พ.ร.บ. เงินกู้ 5 แสนล้านบาท เป็นไปได้ที่รัฐบาลอาจจะหวังยืมมือศาล รธน. ให้ตีตกโครงการนี้ (ในกรณีที่มีคนไปร้องต่อศาล รธน. แต่พรรคก้าวไกลยืนยันว่าจะไม่ไปร้องต่อศาล รธน. แน่ๆ) เพราะรัฐบาลนี้ น่าจะรู้อยู่แก่ใจว่ากรณี พ.ร.บ.เงินกู้ 5 แสนล้านในครั้งนี้ อาจถูกนำไปเทียบเคียงกับ พ.ร.บ.เงินกู้ 2 ล้านล้าน (รถไฟความเร็วสูง) เมื่อปี 2556 ซึ่งณ ขณะนั้น ก็ถูกศาล รธน. ตีตกไป เนื่องจากขัดกับรัฐธรรมนูญ
ประเด็นนี้สำคัญมาก เพราะคุณเศรษฐาย้ำมาในทุกเวที ย้ำในทุกครั้งในการสัมภาษณ์ ว่าจะขับเคลื่อนโครงการดิจิทัลวอลเล็ต โดยไม่มีการกู้เงิน แต่ ณ วันนี้ ชัดเจนแล้วว่า จะต้องมีการกู้เงินเป็นก้อนมหาศาลถึง 5 แสนล้านบาท ซึ่งเป็นการกู้มาแจก ในโครงการกระตุ้นเศรษฐกิจระยะสั้นเท่านั้น แต่ต้องแลกมาด้วยภาระการร่วมชดใช้หนี้สาธารณะของประชาชนคนไทยในระยะยาว
2. ถ้าเกิดมีอภินิหารผ่านขึ้นมา SCB EIC ก็ได้ประเมินไว้แล้วว่า จะกระตุ้นเศรษฐกิจได้เพียงระยะสั้นๆ ตั้งแต่ 2024-2025 เท่านั้น แต่สิ่งที่ประเทศต้องแบกรับก็คือ หนี้สาธารณะก้อนมหาศาล และในขณะนี้ อัตราดอกเบี้ยก็อยู่ในช่วงขาขึ้น และทรงตัวอยู่ในระดับสูงเป็นระยะเวลานาน (Higher for longer) ตลอดจนการแจกเงินนั้นอาจส่งผลทำให้อัตราดอกเบี้ยขยับเพิ่มขึ้นร่วมด้วย การกู้เงินในสภาวการณ์เช่นนี้ จะทำให้รัฐบาลมีภาระการจ่ายหนี้ที่หนักขึ้น ซึ่งจะทำให้โอกาสในการลงทุนเพื่อการพัฒนาประเทศ และการปรับปรุงสวัสดิการเพื่อคุณภาพชีวิตของประชาชนในอนาคตจำกัดตัวลง และหากรัฐบาลมีความจำเป็นต้องกู้เงินในอนาคต ก็อาจจะกู้ได้อย่างจำกัดมากๆ
3. พบว่าโครงการดิจิทัลวอลเล็ตไม่มีมาตรการในการจำกัดไม่ให้นายทุนค้าปลีกขนาดใหญ่เข้ามาฉวยโอกาสจากความได้เปรียบด้านเงินทุน ที่สามารถเอารถโมบายล์ และตู้ขายสินค้าอัตโนมัติ เข้ามาขายสินค้าในหมู่บ้าน ตลอดจนการเช่าพื้นที่ในชุมชนระยะสั้น เพื่อทำเป็นจุดสั่งซื้อและส่งมอบสินค้า จึงเสี่ยงมากๆ ที่เงินมหาศาลก้อนนี้ จะถูกนายทุนค้าปลีกขนาดใหญ่สูบเอาไป ซึ่งจะทำให้ตัวทวีคูณทางการคลัง (Fiscal Multiplier) มีค่าต่ำลงไปอีก นอกจากจะกระตุ้นเศรษฐกิจไม่ได้ตามเป้าแล้ว ยังอาจเป็นการทำลายล้างร้านขายของชำในชุมชนให้ราบคาบ ซ้ำเติมความเหลื่อมล้ำในสังคมให้หนักข้อขึ้นไปอีก
4. งบ 1 แสนล้านบาท ที่มาจากงบปี 2567 ที่ระบุว่าจะนำใช้ในการผลักดันต่อยอดอุตสาหกรรมใหม่ๆ โครงสร้างพื้นฐานอื่นๆ ของประเทศ เช่น ยานยนต์สมัยใหม่ อุตสาหกรรมดิจิทัล การเกษตรและเทคโนโลยีชีวภาพ การพัฒนาบุคลากรและการศึกษา ยังเป็นเพียงการพูดลอยๆ ไม่มีรายละเอียดที่ชัดเจนว่าจะเอาไปทำโครงการอะไร อย่างไร 5. สรุปตอนนี้ ก็ยังไม่มีความชัดเจนว่าเบี้ยยังชีพผู้สูงอายุ จะมีการเอาความจนมาเป็นเกณฑ์ในการจ่ายหรือไม่ การใช้เงินมหาศาลกับโครงการดิจิทัลวอลเล็ต จะส่งผลกระทบต่อการจ่ายเบี้ยผู้สูงอายุในระยะยาว หรือเปล่า
“ตอนนี้ดิจิทัลวอลเล็ตไม่ได้จ่ายให้ทุกคนแล้ว แต่จะเลือกจ่ายให้กับ คนไทยที่มีอายุ 16 ปีขึ้นไป มีรายได้ไม่ถึง 70,000 บาทต่อเดือน หรือมีเงินฝากต่ำกว่า 500,000 บาท โดยจะเริ่มเดือน พ.ค. (ไม่ใช่ ก.พ. หรือ เม.ย. แล้ว) นับไป 6 เดือน โดยใช้แอปเป๋าตัง แต่อ้างว่ามีบล็อกเชนอยู่เบื้องหลัง แต่ยังไม่รู้แน่ชัดว่าอยู่เบื้องหลังยังไง” นายวิโรจน์ระบุ
https://www.facebook.com/wirojlak/posts/pfbid0YT4X79CwXWK8TNdxeE5VSS57AmLX9dHBC3PRKHZSNXzXUwuxoqf1kvpiXecCGhpHl
ชัชชาติ เจอร้อง ‘ไม่มีตังค์’ ฝากอ้อนรบ. ขอกำลังใจหมื่นนึง ไม่อยากให้มีเกณฑ์ ‘เงินฝาก 5 แสน’
https://www.matichon.co.th/local/quality-life/news_4277674
ชัชชาติ เจอปชช.ร้องเรียน ‘ไม่มีตังค์’ ฝากอ้อนรบ. ขอกำลังใจหมื่นนึง ไม่อยากให้มีเกณฑ์ ‘เงินฝาก 5 แสน’
เมื่อเวลา 09.30 น. วันที่ 11 พฤศจิกายน นายชัชชาติ สิทธิพันธุ์ ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร ร่วมกิจกรรม “ผู้ว่าฯ กทม.สัญจร เขตคันนายาว”
โดยก่อนร่วมประชุมที่สำนักงานเขตคันนายาว นายชัชชาติ เดินทางไปยังชุมชนเท้าแสนเจ็ด เพื่อพบปะกับประชาชนในชุมชน โดยรับฟังปัญหาและความต้องการภายในเขต บรรยากาศเป็นไปอย่างคืกครื้น มีสตรีสูงวัยเดินทางมาพบกับผู้ว่าฯ เป็นจำนวนมาก ก่อนทยอยจับไมค์ร้องเรียนปัญหาทีละราย
ในตอนหนึ่ง มีประชาชนชายร้องเรียนว่า ในพื้นที่คันนายาวไม่มีพื้นที่สร้างลานหรือศูนย์กีฬา ขณะที่ประชาชนหญิงร้องเรียนเรื่อง 1.สิทธิคนพิการ ซึ่งตนไปโรงพยาบาลแห่งหนึ่งในเขต มีเคสฉุกเฉิน แต่เจ้าหน้าที่ให้วางเงินก่อน
“1. เขาจะให้มีการวางมัดจำของผู้พิการ
2. เขาบอกว่าจะไม่รับ แต่ก็เคยมีเคสที่รับได้ 72 ชม.
วันนั้นพาเด็กพิการชักเข้าไป จะให้เราวางเงิน ถ้าไม่มีใบส่งตัวก็จะเรียกเงิน มีชาวบ้านร้องเรียนกันอยู่” ประชาชนหญิงกล่าว
โดยนายชัชชาติ กล่าวกับผู้อำนวยการเขตคันนายาว ให้รับเรื่องดังกล่าวไปตรวจสอบ
จากนั้น นายชัชชาติถามชาวบ้านว่า มีเรื่องอะไรร้องเรียนอีกหรือไม่ โดยประชาชนกล่าวว่า ‘ไม่มีตังค์’
“พวกเรามีไรไหมครับ นอกเหนือจากไม่มีตังค์ ไม่มีตังค์ก็ช่วยยากหน่อยนะ ต้องรอรัฐบาลช่วย” นายชัชชาติกล่าว
จากนั้น มีประชาชนปรึกษานายชัชชาติ ถึงเรื่องเงินดิจิทัล 10,000 บาท ว่าไม่อยากให้มีเกณฑ์เกี่ยวกับเรื่องเงินฝาก 500,000 บาท
นายชัชชาติ : มีเงิน 500,000 แล้วจะเอาอีกหรอ (หัวเราะ)
ประชาชนหญิง : ไม่ใช่ เราก็เคยเสียภาษีมาเยอะแล้วเนาะ เราก็อยากได้ตรงนี้ด้วยในการดูแล
“พวกสลากออมสิน พวกนี้ไม่อยากให้เกี่ยว อยากให้แค่อายุครบ ทุกวันนี้เราก็ยังเสียภาษีอยู่ เยอะด้วย ขอหมื่นนึงเป็นกำลังใจสักนิดนึง เงินฝากหนุน” ประชาชนหญิงกล่าว
ด้าน นายชัชชาติกล่าวว่า “เดี๋ยวต้องไปฝากบอกรัฐบาล” ก่อนไปเข้าร่วมประชุมที่สำนักงานเขตคันนายาว
"สมชัย" ชี้ หรือ พรบ.เงินกู้ คือทางลงของคนชื่อ "เศรษฐา" แต่ไม่ใช่ทางออกของการแจกเงินดิจิทัล 1 หมื่น
https://siamrath.co.th/n/491838
เมื่อวันที่ 11 พ.ย.66 นายสมชัย ศรีสุทธิยากร อดีตคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊ก สมชัย ศรีสุทธิยากร ระบุว่า...
หรือ พ.ร.บ. เงินกู้ คือ ทางลงของเศรษฐา
การใช้แหล่งเงิน ดิจิทัล 10,000 บาท จากการออกเป็น พ.ร.บ.เงินกู้ อาจไม่ใช่การหาทางออกแต่เป็นการหาทางลงให้คุณเศรษฐา
รัฐบาลไม่กล้าออกเป็น พ.ร.ก. ที่ทำได้โดยมติ ครม. ในสมัยปิดสภา ทั้ง ๆ ที่ปากพร่ำว่าเป็นเรื่องเร่งด่วนฉุกเฉิน เพราะรู้ว่า ออก พ.ร.ก. คือ คุก และ การออกเป็น พ.ร.บ. มีข้อแก้ตัวได้ว่าถ้าไม่สำเร็จ เป็นเพราะคนอื่นแทน
แต่ตอนที่คุณเศรษฐา ยิ้มแย้มตอนบอกว่า จะออก เป็น พ.ร.บ.นั้น อาจไม่รู้ไม่เข้าใจกลไกการออก พ.ร.บ. ทั้งในด้านขั้นตอนทางกฎหมายและความเขี้ยวของฝ่ายการเมือง
วันแรกที่ พ.ร.บ.เข้าสภา อำนาจต่อรองของเพื่อไทยจะเป็นศูนย์ การยกมือแต่ละมือของพรรคร่วมรัฐบาล คือ การคงอยู่หรือล้มหายของนายกรัฐมนตรีชื่อเศรษฐา เพราะหาก พ.ร.บ. ไม่ผ่านสภา นายกมี 2 ทางเลือก คือ ยุบสภาหรือลาออก
หากดันจนผ่านสภาผู้แทนได้ ยังมีด่านของวุฒิสภา หากวุฒิสภายับยั้ง ก็ต้องรออีก 180 วัน จึงจะเสนอกลับมาใหม่ได้
ยังไม่คิดถึงกรณีถูกร้องศาลรัฐธรรมนูญว่าการออก พ.ร.บ.เงินกู้ ขัดรัฐธรรมนูญ ขัดวินัยการเงินการคลังของรัฐ
ดูเส้นทาง พ.ร.บ. เงินกู้ ที่มีเส้นทางวิบากเช่นนี้ จึงบอกก่อนได้เลยว่า เดือนพฤษภาคม 2567 นั้น คืออีกหนึ่งขายฝันของรัฐบาลเพื่อไทย
พอถึงพฤษภา อาจบอกว่า ใจเย็น ๆ อีกครั้ง เพราะกระบวนการทั้งหมดทั้งสภาผู้แทน วุฒิสภา หรืออาจไปถึงศาลรัฐธรรมนูญ น่าจะไม่น้อยกว่า 8 เดือน
และโอกาสแจกได้จริง มีเพียง 50/50 หรือครึ่งต่อครึ่งเท่านั้น
ไม่แน่นัก การรู้ว่า ออก พ.ร.บ. มันยากเย็นขนาดนี้ อาจเป็นการหาทางลงที่ไม่ใช่ทางออกของคนยิ้มซื่อ ๆ ที่ชื่อเศรษฐา ทวีสิน
อาจเป็นทางลงจากตำแหน่ง แต่ไม่ใช่ทางออกของการแจกเงินดิจิทัล 10,000 บาท
https://www.facebook.com/somchaivision/posts/pfbid0HQui2dtmZsByDkkqPTHod9KcJXhkm3UE5WaeMGAuEbb4eMPyRUWvCg4mYND1TCVSl