✨️🎬📢 (หนังดีน่าดู) ขุมทรัพย์สุดขอบฟ้า3 ตอน ศึกอภินิหารครูเสด (1989) 📢🎬✨️

          ขุมทรัพย์สุดขอบฟ้า3 ตอน ศึกอภินิหารครูเสด (Indiana Jones and the Last Crusade) เป็นภาพยนตร์ภาคที่3 ในซีรีส์ของอินเดียน่า โจนส์ ผลิตโดย ลูคัสฟิล์ม กำกับโดยสตีเวน สปีลเบิร์ก เขียนบทโดยเจฟฟรีย์ โบม แสดงนำโดยแฮร์ริสัน ฟอร์ด, ฌอน คอนเนอรี่ ร่วมด้วยแอลลิสัน ดู๊ดดี้, จอห์น รีส-เดวี่, ริเวอร์ ฟินิกซ์, จูเลียน โกลเวอร์ และเดนโฮล์ม เอลเลียต ดนตรีประกอบโดยจอห์น วิลเลียมส์
          ในปี 1938 อินเดียน่า โจนส์ (แฮร์ริสัน ฟอร์ด) ต้องเดินทางตามหาขุมทรัพย์อีกครั้ง นั่นคือ จอกกาลิซ หรือจอกศักดิ์สิทธิ์ที่พระเยซูใช้ในพระกระยาหารมื้อสุดท้าย แล้วจอกที่ว่านี้ยังเคยรองรับพระโลหิตของพระองค์ตอนถูกตรึงกางเขนมาแล้วด้วย จากนั้นจอกดังกล่าวตกอยู่ในมือของโจเซฟแห่งอารามาเทียอยู่พักหนึ่ง ก่อนจะหายสาบสูญไปนับพันปี เงื่อนงำล่าสุดก็คือ อัศวินสามพี่น้องแห่งสงครามครูเสดเป็นผู้พิทักษ์เอาไว้ คนพี่คนแรกได้เสียชีวิตไปก่อน ส่วนอัศวินคนที่สองก่อนตายก็ได้เปิดเผยความลับนี่แก่บาทหลวงรูปหนึ่ง ส่วนคนน้องสุดท้องก็ไม่มีใครได้พบมาตลอด 700 ปี ว่ากันว่าเขายังคงปกป้องจอกนี้อยู่ ในตำนานได้กล่าวไว้ว่า ใครได้ครอบครองและดื่มน้ำจากจอก คนผู้นั้นจะมีชีวิตอันเป็นนิรันดร์ หลังจากที่ ศจ.เฮนรี โจนส์ (ฌอน คอนเนอรี่) พ่อของอินดี้ก็ได้ออกตามหาจอกแล้วก็หายไปก่อนหน้านี้ อินดี้จึงรีบดำเนินการสืบหาร่องรอยของพ่อทันที แล้วการผจญภัยครั้งใหม่ก็เริ่มขึ้น มันนำพาเขาไปพบกับศัตรูดั้งเดิมอย่างพวกนาซี และโดโนแวน ที่ต้องการจอกเช่นกัน
เรื่องย่อ :
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้      ในปี 1912, 13 ปีก่อน เฮนรี่ "อินเดียน่า" โจนส์จูเนียร์ ควบขี่ม้าของเขากับกลุ่มเพื่อนลูกเสือที่ Arches National Park ในยูทาห์ ขณะที่สำรวจถ้ำ โจนส์พบกับกลุ่มโจรขุดหลุมฝังศพที่ค้นพบไม้กางเขนสีทองที่เป็นของฟรานซิสโก วาซเกซ เด โคโรนาโด และโจนส์ได้ขโมยมันไปจากพวกโจร โดยหวังว่าจะนำไปให้พิพิธภัณฑ์เก็บรักษา พวกกลุ่มโจรไล่ตามรถไฟคณะละครสัตว์ที่วิ่งผ่าน มีทั้งห้องงู แรด สิงโต และมายากล โจนส์โดนแส้วัวที่คางเลือดสาดจากการลองใช้แส้ครั้งแรกเพื่อข่มขู่สิงโต แต่เขาไม่ค่อยรู้สึกหวาดกลัวต่องู โจนส์หลบหนีมาจนได้และรีบตรงกลับไปที่บ้าน แต่นายอำเภอท้องที่ได้ตามมาที่บ้านของเขาพร้อมพวกโจร และบอกให้เขาคืนไม้กางเขนแก่พวกโจร แล้วหนึ่งในพวกโจรก็นำมันไปมอบให้แก่ "ชายผู้ลึกลับใส่ชุดสูทสีขาวสวมหมวกปานามา" เพื่อแลกกับเงินรางวัล หัวหน้ากลุ่มโจรรู้สึกประทับใจในความกล้าหาญของเด็กชาย จึงมอบหมวกให้กับโจนส์

      ในปี 1938 อินเดียน่าโจนส์ต่อสู้กับ "ชายสวมหมวกปานามา" และลูกน้องของเขา บนเรือนอกชายฝั่งของโปรตุเกสแล้วกระโดดหลบหนีลงน้ำก่อนที่เรือจะระเบิดจมทะเล โจนส์รอดชีวิตด้วยห่วงยางชูชีพพร้อมกับชิงเอาไม้กางเขนสีทองคืนมาสำเร็จและบริจาคมันให้กับพิพิธภัณฑ์ของมาร์คัส โบรดี้ ต่อมาโจนส์ถูกเชิญตัวให้ไปพบโดย วอลเตอร์ โดโนแวน (เศรษฐีผู้ใจบุญซึ่งบริจาคเงินให้พิพิธภัณฑ์ และว่าจ้างพ่อของโจนส์ให้เป็นหัวหน้าคณะค้นหาจอกศักดิ์สิทธิ์) และทราบเรื่องว่า ศจ.เฮนรี่ โจนส์ ซีเนียร์ พ่อของเขากำลังค้นหาจอกศักดิ์สิทธิ์โดยใช้แนวทางจากแผ่นศิลาจารึกที่ไม่สมบูรณ์และได้หายตัวไปนับแต่บัดนั้น

      โจนส์ตกลงรับสานงานต่อเพื่อที่จะไปตามหาพ่อ ที่บ้านพ่อของโจนส์ถูกรื้อค้นกระจุยกระจาย ทำให้โจนส์นึกถึงพัสดุไปรษณีย์ที่ได้รับจึงแกะดู พบว่าเป็นบันทึกไดอารี่เกี่ยวกับการค้นหาจอกของพ่อถูกส่งมาจากเวนิส เขาปรึกษากับมาร์คัส แล้วพวกเขาก็ร่วมเดินทางไปด้วยกันเพื่อตามหา ศจ.เฮนรี่ โจนส์  ที่เวนิส โดยมี ดร.เอลซ่า ชไนเดอร์ เพื่อนร่วมงานชาวออสเตรียของ ศจ.เฮนรี่ รอต้อนรับ

      ใต้ห้องสมุดที่เฮนรี่ถูกพบเห็นครั้งสุดท้าย หลังจากโจนส์ไขปริศนาตัวเลข 3 7 10 ได้สำเร็จ โจนส์และเอลซ่าค้นพบสุสานใต้ดินที่ถูกน้ำท่วมครึ่งหนึ่งและเต็มไปด้วยหนูซึ่งเป็นที่เก็บหลุมฝังศพของอัศวินสงครามครูเสดครั้งที่หนึ่งโดยมีจารึกฉบับสมบูรณ์ที่เฮนรี่เคยใช้อยู่ในหีบศพด้วย ซึ่งมันเผยปริศนาตำแหน่งของจอก พวกเขาหนีเมื่อแหล่งน้ำครำปนน้ำมันของสุสานใต้ดินถูกจุดไฟเผาโดยกลุ่มภราดรภาพแห่งดาบไม้กางเขน (สมาคมลับที่มีภารกิจในการปกป้องจอก) โจนส์กับเอลซ่าหนีการไล่ล่าทางเรือ ต่อสู้กันและสามารถจับสมาชิกภราดรภาพชื่อคาซิมเอาไว้ได้ เมื่อโจนส์อธิบายว่าเป้าหมายเดียวของเขาคือการตามหาพ่อของเขาไม่ใช่จอก คาซิมจึงบอกตำแหน่งที่คุมขังของเฮนรี่ให้พวกเขาทราบ เมื่อดูในไดอารี่ มาร์คัสเจอแผนที่ที่เฮนรี่วาดไว้เกี่ยวกับเส้นทางสู่จอก ซึ่งเริ่มต้นในเมืองโบราณอเล็กซานเดรตตา โจนส์เอาแผนที่จากไดอารี่ฝากไว้กับมาร์คัสเพื่อความปลอดภัยแล้วให้เขาไปรอที่เมืองอิสเคนเดอรุน ซึ่งสร้างขึ้นบนซากปรักหักพังของอเล็กซานเดรตตา พร้อมกับนัดให้ซัลลาห์เพื่อนเก่าของโจนส์มารอรับมาร์คัส เอลซ่ามีสัมพันธ์สวาทกับโจนส์ก่อนที่พวกเขาจะออกเดินทางไปเพื่อช่วยเฮนรี่

      โจนส์และเอลซ่ามุ่งหน้าไปยังปราสาทที่ควบคุมโดยนาซีในออสเตรียที่ซึ่งเฮนรี่ถูกคุมขังอยู่ โจนส์หาจนพบกับเฮนรี่และเตรียมที่จะพาหลบหนีแต่ก็ถูกจับตัวได้อย่างรวดเร็วโดยพันเอกเอิร์นส์ โวเกล ซึ่งแกล้งหลอกนำตัวเอลซ่ามาเป็นตัวประกันเพื่อข่มขู่โจนส์ถึงแม้เฮนรี่จะเตือนแล้ว ที่สุดโจนส์ได้รู้ว่าทั้งเอลซ่าและโดโนแวนทำงานให้พวกนาซี ซึ่งหลอกใช้พวกโจนส์เพื่อตามหาจอกศักดิ์สิทธิ์ให้พวกเขา เอลซ่าจูบลาโจนส์ขณะที่เธอออกเดินทางพร้อมกับโดโนแวนและโวเกลไปเบอร์ลิน มาร์คัสถูกจับในรัฐฮาไตขณะพบกับซัลลาห์ หลังจากที่โจนส์และพ่อหนีออกมาจากปราสาทได้สำเร็จโดยมอไซด์พ่วง เฮนรี่บอกโจนส์ว่าจอกได้รับการคุ้มกันโดยกับดักสามจุดและไดอารี่ของเขามีคำช่วยที่จำเป็นในการผ่านพวกมันได้อย่างปลอดภัย ทำให้ทั้งคู่ต้องไปเบอร์ลินเพื่อชิงเอาไดอารี่กลับคืนมา

      โจนส์ปลอมตัวเป็นพันเอกของกองทัพเยอรมันไปเอาไดอารี่คืนจากเอลซ่าที่งานชุมนุมเผาหนังสือของนาซีในกรุงเบอร์ลินและได้เผชิญหน้ากับอดอล์ฟ ฮิตเลอร์ผู้ซึ่งลงนามในบันทึกไดอารี่โดยที่ไม่สนใจไดอารี่หรือเขา โจนส์และเฮนรี่หลบหนีโดยขึ้นเรือบอลลูนเหาะที่กำลังจะออกจากเยอรมัน แต่มีการตรวจค้นพบและเรือบอลลูนถูกสั่งบังคับให้บินเลี้ยวกลับกลางทาง โจนส์และเฮนรี่จึงแอบยึดเครื่องบินเล็กประจำเรือบอลลูนขับหนีออกมา แต่ก็ต้องถูกตามไล่ล่าอีกโดยเครื่องบินขับไล่ และถูกยิงตก (เฮนรี่ยิงปืนต่อสู้มั่วจนทำลายหางของเครื่องบินตัวเอง) แม้ว่าเครื่องบินของทั้งคู่จะตกจากที่สูง แต่พวกเขาก็รอดชีวิตมาได้และหลบหนีจากเครื่องบินไล่ล่าต่ออย่างอุตลุด สุดท้ายเฮนรี่ก็ใช้ไหวพริบสามารถจัดการกับเครื่องบินไล่ล่าได้สำเร็จ

      ในฮาไต ซัลลาห์เล่าให้พวกเขาฟังว่ามาร์คัสถูกลักพาตัว พวกนาซีได้รับการอนุญาตและสนับสนุนโดยสุลต่านแห่งฮาไต และกำลังเคลื่อนพลไปยังตำแหน่งของจอกโดยใช้แผนที่ที่มาร์คัสครอบครอง โจนส์ เฮนรี่ และซัลลาห์แอบติดตามจนพบคณะสำรวจของนาซี ซึ่งถูกกลุ่มภราดรภาพดักซุ่มโจมตี ระหว่างการสู้รบ เฮนรี่ถูกจับโดยโวเกลขณะพยายามจะช่วยมาร์คัส คาซิมและกลุ่มสหายของเขาถูกฆ่าตายจนหมด โจนส์ขี่ม้าไล่ตามรถถังคันที่มีเฮนรี่กับมาร์คัสอยู่ข้างในเพื่อช่วยเหลือ โจนส์กระโดดขึ้นรถถังต่อสู้กันกับโวเกล ซัลลาห์ควบม้าตามมาช่วยมาร์คัสและเฮนรี่ ที่กระโดดและหล่นจากรถถังไว้ได้  โจนส์ติดพันอยู่ในการต่อสู้กับโวเกล แต่สามารถหนีได้ทันก่อนที่รถถังซึ่งไร้คนขับจะตกจากหน้าผา ทำให้โวเกลตาย

      โจนส์ เฮนรี่ มาร์คัส และซัลลาห์ตามทันพวกนาซีที่รอดตาย นำโดยโดโนแวนและเอลซ่า ผู้พบวิหารในหุบเขาพระจันทร์เสี้ยวที่ซึ่งจอกศักดิ์สิทธิ์ถูกเก็บไว้แต่ไม่สามารถผ่านกับดักแรกไปได้ โดโนแวนยิงปืนทำให้เฮนรี่บาดเจ็บสาหัสเพื่อบังคับให้โจนส์ต้องเสี่ยงชีวิตฝ่ากับดักเพื่อค้นหาจอกและใช้พลังบำบัดเพื่อช่วยชีวิตพ่อของเขา โจนส์ใช้ข้อมูลในไดอารี่เพื่อไขปริศนาคำใบ้ของกับดักแต่ละจุด โจนส์สามารถเอาชนะกับดักได้อย่างปลอดภัย (ได้แก่ ใบเลื่อยใหญ่เคลื่อนที่เร็ว ปริศนานามพระเจ้าเป็นภาษาละติน และสะพานที่มองไม่เห็นซึ่งซ่อนตัวอยู่เหนือผาเหวลึก 2 ฟาก) และไปถึงยังห้องแห่งจอกที่มีการคุ้มกันโดยอัศวินผู้มีอายุถึง 700 ปีด้วยพลังแห่งจอก จอกศักดิ์สิทธิ์วางปะปนอยู่ท่ามกลางจอกปลอมหลายสิบอัน โดยจอกที่แท้จริงเท่านั้นที่ให้ชีวิตนิรันดร์ ขณะที่จอกปลอมจะฆ่าทำลายผู้ที่ใช้มันตักน้ำดื่ม เอลซ่าเลือกจอกทองคำฝังเพชรสำหรับโดโนแวน ทำให้เขาแก่อย่างรวดเร็วและสลายเป็นฝุ่นหลังจากดื่มน้ำจากจอก โจนส์เลือกจอกทำจากดินเหนียวที่เรียบง่ายตักน้ำดื่ม ซึ่งพิสูจน์ได้ว่าเป็นจอกที่แท้จริง แต่อัศวินเตือนว่าไม่สามารถนำออกจากวิหารได้และผู้พิทักษ์ต้องอยู่ภายในเพื่อที่จะคงอยู่เป็นอมตะ

      โจนส์เติมจอกด้วยน้ำศักดิ์สิทธิ์และนำไปให้เฮนรี่ดื่มและราดลงที่แผล เกิดปาฎิหารย์น้ำนั้นรักษาแผลของเขาหายทันที เอลซ่าไม่สนใจคำเตือนของอัศวินและพยายามที่จะเอาจอกไปด้วย ทำให้วิหารพังทลายลงมาเมื่อเธอก้าวข้ามลัญจกรธรณีประตู ที่พื้นตรงทางเข้า เมื่อจอกตกลงไปในรอยแยกบนพื้นที่แตกออก เอลซ่าพยายามที่จะคว้าเอาจอกสุดปลายมือให้ได้จึงตกลงไปในรอยแยกนั้นถึงแก่ความตาย โจนส์เกือบจะประสบชะตากรรมแบบเดียวกันก่อนที่เฮนรี่จะเตือนสติเกลี้ยกล่อมเขาให้ทำใจทิ้งมันไว้ อัศวินจอกยืนโบกมืออำลาขณะที่พวกเขารีบหลบหนีออกมา หลังออกจากวิหารพ้น โจนส์กับพ่อ , มาร์คัส และซัลลาห์ ต่างก็ขี่ม้าออกไปในยามพระอาทิตย์ใกล้ตกดินอย่างโล่งใจ
๐ แฮร์ริสัน ฟอร์ด รับบท อินเดียน่า โจนส์ /อินดี้
๐ ฌอน คอนเนอรี่ รับบท เฮนรี่ โจนส์ ซีเนียร์
๐ แอลลิสัน ดู๊ดดี้ รับบท เอลซ่า ชไนเดอร์
๐ จอห์น รีส-เดวี่ รับบท ซัลลาห์
๐ ริเวอร์ ฟินิกซ์ รับบท อินเดียน่า โจนส์ (วัยรุ่น)
๐ จูเลียน โกลเวอร์ รับบท วอลเตอร์ โดโนแวน
๐ เดนโฮล์ม เอลเลียต รับบท ดร.มาร์คัส โบรดี้