ฝรั่งเขาบอกว่าบทสนทนาของมนุษย์โดยทั่วๆ ไปส่วนใหญ่มักจะหนีไม่พ้นวังวนสามสิ่งนี้คือ
การเมือง ศาสนา แล้ว
เซ็กส์!! บางทีเริ่มสนทนากันเบาๆ เรื่อง นก ไม้ ไก่ กา อาราเร่ แต่สุดท้ายก็ต้องวนมาลงที่หนึ่งในสามสิ่งนี้ จขกท. ไม่อ้อมค้อมล่ะกัน... เอาตรงๆ เลยคือจะพูดเรื่อง“การเมือง” กับ “ศาสนา” ไม่เกี่ยวอะไรกับ “ธรรมกาย” กับ “คสช.” ทั้งสิ้นนะครับ ต้องออกตัวดักคนที่กำลังง้างฆ้อนง้างมีดมาทุบจขกท. มาแต่ไกลไว้ก่อน แต่จะนำประวัติศาสตร์อังกฤษในยุคคริสศตวรรษที่๑๒ เกี่ยวกับการวัดอิทธิพลกันระหว่าง
ราชอาณาจักรกับ
คริสตศาสนจักรมาเล่าให้ฟังครับ ส่วนใครจะเลียบๆ เคียงๆ เปรียบกับเหตุกาณ์ปัจจุบันอย่างไร? แบบไหน?...ตามสะดวกเด้อ!
ที่จริงประวัติศาสตร์บ้านเราหรือละแวกข้างๆ บ้านเราเกี่ยวกับพระที่เข้าไปมีบทบาททางการเมืองก็มีให้เห็น อย่างท่าน “
พระมหาเถรคันฉ่อง” ว่าไปทำไมมี?...นี่ถ้าไม่ได้ท่านมหาเถรฯ นำความลับมาทูลกระซิบบอกพระณเรศวรว่าพม่าจะดักแทงข้างหลังอยุธยา ไม่รู้ว่าเราจะตกเป็นเมืองขึ้นพม่าต่อไปอีกกี่ปี??......ในเมื่ออยุธยามี “
พระมหาเถรคันฉ่อง” เป็นกุนซือ.....พม่าตองอูก็ใช่จะน้อยหน้าซะเมื่อไหร่ ตองอูก็มี “
[url]พระมหาเถรเสียมเพรียม” เป็นกุนซือ หลอกพระณเรศวรยกทัพอยุธยาเข้าตีหงสาวดี แต่มหาเถรเสียมเพรียมบอกพระเจ้าตองอูให้ชิงตีหงสาวดีก่อน แล้วย้ายเมืองหลวงจากหงสาวดีกลับไปอยู่ตองอูเหมือนเดิม พอทัพอยุธยาไปถึงหงสาวดี...หงสาวดีก็เหลือแต่ซาก ดาบไทยเลยไม่ได้ดื่มเลือดทหาพม่าสักหยด ประวัติศาสตร์ไทยมีพระมหากษัตริย์ไทยองค์เดียวที่ยกทัพเข้าไปตีพม่าถึงใจกลางกรุงเมืองหลวง นี่ถ้าไม่เจอเล่ห์กลของกุนซืออย่าง “
พระมหาเถรเสียมเพรียม” ชิงย้ายเมืองหลวงหนีเสียก่อน พม่าคงจะได้ตกเป็นเมืองขึ้นของไทยสักครั้งล่ะน่า??.... ฝั่งลาวเองก็ใช่ย่อยซะทีไหน....ฝั่งลาวมี “
พระครูโพนสะเม็ก” หรือ “ญาครูขี้หอม” ในช่วงที่เวียงจันท์ระส่ำระส่ายในราชสำนัก ท่าน “
พระครูโพนสะเม็ก” ก็คว้าเอา “หน่อเนื้อกษัตริย์” ของลาวเดินทางลงใต้ ไปตั้งอาณาจักรใหม่ทางใต้เสียเลยหรือที่เรารู้จักกันดีว่า “นครจำปาศักดิ์” ลาวจึงแยกออกเป็นสามอาณาจักร หลวงพระบาง เวียงจันท์ และ จำปาศักดิ์
เอาล่ะ...มาเข้าเรื่องเกี่ยวกับพระเจ้าเฮนรี่ที่2 กษัตริย์ที่ยิ่งใหญ่พระองค์หนึ่งของอังกฤษ พระเจ้าเฮนรี่คือพระสวามีของพระนางเอ่ลเล่นอร์ที่ผมเคยเขียนไว้ก่อนหน้านี้ ถ้าสนใจก็ดูตามลิงค์นะครับ
https://pantip.com/topic/36120460 ดินแดนอังกฤษในรัชสมัยของพระองค์นั้นกว้างไกลมาก เกือบครึ่งหนึ่งทางใต้ของฝรั่งเศสก็อยู่ในอาณัติของพระองค์ พระเจ้าเฮนรี่ที่2 เป็นหลานของพระเจ้าเฮนรี่ที่1.....พระเจ้าเฮนรี่ที่1มีโอรสเพียงหนึ่งพระองค์ที่จะสืบทอดบัลลังก์ แต่เผอิญว่าโอรสนั้นจมน้ำตายเพราะเรือพระที่นั่งล่มระหว่างเดินทางจากฝรั่งเศสมาอังกฤษ หลังจากนั้นพระเจ้าเฮนรี่ก็สถาปนาพระธิดาคือพระนางมัลธิดาให้เป็นผู้สืบบัลลังก์ ประชาชนอังกฤษไม่เห็นด้วยที่จะมีผู้หญิงเป็นผู้นำ ที่สำคัญคือ...คริสตศาสนจักรที่มีอิทธิพลไม่แพ้พระเจ้าเฮนรี่ที่1 ก็ต่อต้าน สุดท้าย...พระเจ้าเฮนรี่ก็ส่งพระธิดาหลบภัยไปอยู่ฝรั่งเศสและแต่งงานกับเจฟเฟอรรี่ขุนนางผู้ใหญ่ที่นั่นแล้วได้ลูกชายชื่อ เฮนรี่ แพลนเทกเจเน็ท ซึ่งต่อมาก็คือพระเจ้าเฮนรี่ที่2 แห่งต้นราชวงศ์ “
เพลนเทจเน็ท”(Plantagenet Dynasty) ของอังกฤษ
พระเจ้าเฮนรี่ที่2
หลังจากพระเจ้าเฮนรี่ที่1 สิ้นไป อังกฤษก็ตกอยู่ในสภาวะที่เรียกว่า “ไม่มีขื่อไม่มีแป” เพราะพระเจ้าเฮนรี่ไม่ได้ตั้งรัชทายาทเอาไว้ ทำให้ดยุคจากแคว้นต่างๆ พยายามจะเคลมบัลลังก์ และสุดท้ายก็ตกไปอยู่ในมือของ สตีเว่นซึ่งต่อมาก็สถาปนาเป็น
พระเจ้าสตีเว่น ครองราชย์ได้สักพัก พระนางมัลธิดาก็นำกองทัพของพระนางข้ามฟากมาจากฝรั่งเศสมาเคลมบัลลังก์แล้วจับพระเจ้าสตีเว่นขัง ต่อมา...จากการช่วยเหลือของศาสนจักร พระเจ้าสตีเว่นก็หนีออกจากคุกแล้วนำกำลังมาทวงบัลลังก์คืนจากพระนางมัลธิดา และพระนางก็เสด็จหนีกลับฝรั่งเศส (กล่าวกันว่า พระเจ้าสตีเว่นได้รับการสนับสนุนจากศาสนจักรที่กรุงโรมด้านกำลังคนและสรรพาวุธ) พระเจ้าสตีเว่นขึ้นครองราชย์เป็นครั้งที่สองด้วยการสนับสนุนของศาสนจักร และช่วงนี้เอง...ศาสนจักรก็เริ่มแผ่อิทธิพลไปทั่วอังกฤษอย่างเป็นรูปธรรม โบสถ์และวิหารหลังใหญ่ก็เริ่มถูกสร้างขึ้นมากมายในสมัยนี้ บาทหลวงและอาร์บิชอบของแต่ละแคว้นเป็นเจ้าของที่ดินและเก็บภาษีแข่งกับราชอาณาจักรอย่างมากมาย
เมื่อหมดยุคของพระเจ้าสตีเว่น เฮนรี่ลูกชายของมัลธิดาก็ขึ้นครองราชย์ต่อเป็นพระเจ้าเฮนรี่ที่2 ช่วงนี้ ศาสนจักรที่มีอาร์บิชอบแห่งแคนเทอเบอรี่เป็นเสมือนหนึ่งสังฆราชามีอิทธิพลมาก และดูเหมือนจะมากกว่ากษัตริย์ด้วยซ้ำ ต้องเรียนว่า...คริสตศาสนจักรทั่วยุโรป อังกฤษ สเปน ฝรั่งเศส เยอรมัน ในยุคนั้น จะขึ้นตรงต่อวาติกันที่กรุงโรม วาติกันมีอิทธิพลแผ่นอิทธิพลทั่วยุโรปและมากถึงขนาดเคยสั่งให้ พระเจ้าหลุยส์ที่7แห่งฝรั่งเศสที่เบื่อเซ็กส์(ไม่ยอมนอนกับพระราชินี)ต้องนอนเตียงเดียวกันพระราชินีเพื่อผลิตผู้สืบสกุล นอนด้วยกันจนกว่าจะได้ลูกประมาณนั้น หรือวาติกันสามารถแสดงความไ่ม่เห็นด้วยหรือถึงขั้นระงับการแต่งงานของดยุค และกษัตริย์ในยุโรปได้ ในรัชสมัยของพระเจ้าเฮนรี่ที่8 ของอังกฤษ พระองค์ทรงต้องการหย่ากับมเหสี แต่ทางวาติกันไม่เห็นด้วยสั่งระงับการหย่าจนเป็นเหตุให้อังกฤษกับวาติกันบาดหมางกัน และเป็นเหตุให้เกิดจราจลในอังกฤษหลายปี....สุดท้ายอังกฤษก็สามารถสลัดวาติกันหลุดจากอังกฤษได้โดยหันมาตั้งลัทธิใหม่ชื่อ “
Church of England” ที่เป็นเอกเทศจากวาติกัน
ย้อนกลับมาที่พระเจ้าเฮนรี่ที่2......พระเจ้าเฮนรี่ที่สองมีความรู้สึกว่าปกครองอังกฤษไม่เต็มเม็ดเต็มหน่วยนัก เพราะ “คริสตศาสนจักร” ขัดขวาง ซึ่งตอนนั้นมีอิทธิพลและเงินทองมาก และหลังจากอาร์บิชอบแห่งแคนเทอร์เบอรี่(สังฆราชา)สิ้นลง พระเจ้าเฮนรี่ก็ถือเป็นโอกาสทอง.....แต่งตั้ง “เพื่อนสนิท”
โธมัส แบ็คเก็ท ขึ้นเป็นอาร์บิชอบแทนองค์ที่ตายไป แม้จะมีคนคอยห้ามปรามการแต่งตั้งเพื่อนสนิทขึ้นเป็นประมุขของคริสตศาสนจักรของอังกฤษแต่พระองค์ก็ยืนยันที่จะตั้งเพื่อนสนิท เพราะพระองค์หวังในอนาคตว่า...เพื่อนสนิทจะนำศาสนจักรมาอยุ่ใต้อิทธิพลของพระองค์ แต่การณ์กลับไม่เป็นเช่นนั้น.......เมื่อเพื่อนสนิทได้ขึ้นเป็นสังฆราชาที่มีอำนาจพอๆ กับกษัตริย์ เขา(โธมัส)เริ่มขัดขืนและแย้งกษัตริย์ในเรื่องต่างๆ.....ความเป็นเพื่อนสนิทก็ค่อยๆ จางลง สุดท้ายก็กลายเป็นศรัตรู อาร์บิชอบแห่งแคนเทอร์เบอร์รี่ โธมัส แบ็คเก็ทกลายเป็นหอกข้างแคร่ของพระเจ้าเฮนรี่ที่2 มาตลอด จนวันหนึ่งพระองค์ถึงกับระบายออกมาดังๆ ว่า “
Will no one rid me of this troublesome priest?” แปลว่า “จะไม่มีใครสักคนใช่ไหม? ช่วยให้ข้าเป็นพ้นจากบาทหลวงเจ้าปัญหาองค์นี้?” เผอิญว่า....มีอัศวินคู่ใจได้ยินคำระบายอัดอั้นตันใจของพระเจ้าเฮนรี่ที่2
พงศาวดารของอังกฤษที่บันทึกคำระบายความอัดอั้นของพระเจ้าเฮนรี่ที่2เป็นภาษาละติน “Will no one rid me of this troublesome priest?”
รุ่งเช้า....ทหารอัศวินทั้งสี่ควบม้าพร้อมอาวุธครบมือบึ่งไปโบสถ์ที่อาร์บิชอบโธมัสอยู่ทันที การจู่โจมเข้าโบสถ์ของทหารอัศวินเป็นไปแบบสายฟ้าแล่บ ไม่มีการบอกกล่าวล่วงหน้า ไม่มีการตัดสัญญาณมือถือ ไม่มีห้ามคนในออกคนนอกเข้าเหมือนสมัยนี้ พอไปถึงหน้าโบสถ์ก็ถีบโครมเข้าที่ประตู อาร์บิชอบกำลังสวดมนต์บูชาพระเจ้าอยู่ไม่รู้ตัว ปลายหอก ปลายดาบจากเหล่าทหารอัศวินก็ทิ่มแทงเข้าร่าง....จนเสียชีวิต
อัศวินทั้งสี่เข้าสังหารอาร์บิชอบโธมัสในมหาวิหารแคนเทอร์เบอร์รี่
จุดที่บาทหลวงโธมัส แบ็คเก็ทโดนสังหาร
พระเจ้าเฮนรี่ที่2 รู้ข่าวก็ตกใจ และหวาดหวั่น เพื่อนสนิทถูกฆ่าเพราะความปากไวของตัวเอง(ใครที่จะเป็นผู้นำให้จำไว้เด้อ อย่าปากไว) และที่สำคัญ....เชื่อว่าเรื่องนี้ต้องรู้ถึงครูอังคณา เอ้ย...ไม่ใช่ๆ เรื่องนี้ต้องรู้ไปถึงกรุงโรมแน่ๆ และกรุงวาติกันต้องไม่พอใจแน่ๆ พระเจ้าเฮนรี่ที่2 จึงแสดงความเสียใจต่อการตายของเพื่อนรักด้วยการถอดเครื่องชุดพระราชาทิ้งแล้วมาสวมกระสอบป่านแทน นั่งเฝ้าโลงศพเพื่อนรักทั้งคืนปากก็พร่ำบ่น “I am sorryๆๆ” ข้าเสียใจๆๆๆ เหมือนหนังจีนกำลังภายในที่จอมยุทธ์นั่งคุกเข่าขอโทษทั้งวันทั้งคืนจนกว่าจะได้รับการอภัย (นี่ไม่รู้ว่าหนังจีนกำลังภายในเลียนแบบพระเจ้าเฮนรี่มาหรือเปล่า??) เอวังก็มีด้วยประการฉะนี้
บาทหลวง อาร์บิชอบแห่งแคนเทอร์เบอร์รี่โธมัส แบ็คเก็ท
…..การเมืองเรื่องของพระมีมาตั้งแต่ดึกดำบรรพ์ ปัจจุบันก็มีให้เห็น.... /วัชรานนท์
ที่จริงประวัติศาสตร์บ้านเราหรือละแวกข้างๆ บ้านเราเกี่ยวกับพระที่เข้าไปมีบทบาททางการเมืองก็มีให้เห็น อย่างท่าน “พระมหาเถรคันฉ่อง” ว่าไปทำไมมี?...นี่ถ้าไม่ได้ท่านมหาเถรฯ นำความลับมาทูลกระซิบบอกพระณเรศวรว่าพม่าจะดักแทงข้างหลังอยุธยา ไม่รู้ว่าเราจะตกเป็นเมืองขึ้นพม่าต่อไปอีกกี่ปี??......ในเมื่ออยุธยามี “พระมหาเถรคันฉ่อง” เป็นกุนซือ.....พม่าตองอูก็ใช่จะน้อยหน้าซะเมื่อไหร่ ตองอูก็มี “[url]พระมหาเถรเสียมเพรียม” เป็นกุนซือ หลอกพระณเรศวรยกทัพอยุธยาเข้าตีหงสาวดี แต่มหาเถรเสียมเพรียมบอกพระเจ้าตองอูให้ชิงตีหงสาวดีก่อน แล้วย้ายเมืองหลวงจากหงสาวดีกลับไปอยู่ตองอูเหมือนเดิม พอทัพอยุธยาไปถึงหงสาวดี...หงสาวดีก็เหลือแต่ซาก ดาบไทยเลยไม่ได้ดื่มเลือดทหาพม่าสักหยด ประวัติศาสตร์ไทยมีพระมหากษัตริย์ไทยองค์เดียวที่ยกทัพเข้าไปตีพม่าถึงใจกลางกรุงเมืองหลวง นี่ถ้าไม่เจอเล่ห์กลของกุนซืออย่าง “พระมหาเถรเสียมเพรียม” ชิงย้ายเมืองหลวงหนีเสียก่อน พม่าคงจะได้ตกเป็นเมืองขึ้นของไทยสักครั้งล่ะน่า??.... ฝั่งลาวเองก็ใช่ย่อยซะทีไหน....ฝั่งลาวมี “พระครูโพนสะเม็ก” หรือ “ญาครูขี้หอม” ในช่วงที่เวียงจันท์ระส่ำระส่ายในราชสำนัก ท่าน “พระครูโพนสะเม็ก” ก็คว้าเอา “หน่อเนื้อกษัตริย์” ของลาวเดินทางลงใต้ ไปตั้งอาณาจักรใหม่ทางใต้เสียเลยหรือที่เรารู้จักกันดีว่า “นครจำปาศักดิ์” ลาวจึงแยกออกเป็นสามอาณาจักร หลวงพระบาง เวียงจันท์ และ จำปาศักดิ์
เอาล่ะ...มาเข้าเรื่องเกี่ยวกับพระเจ้าเฮนรี่ที่2 กษัตริย์ที่ยิ่งใหญ่พระองค์หนึ่งของอังกฤษ พระเจ้าเฮนรี่คือพระสวามีของพระนางเอ่ลเล่นอร์ที่ผมเคยเขียนไว้ก่อนหน้านี้ ถ้าสนใจก็ดูตามลิงค์นะครับ https://pantip.com/topic/36120460 ดินแดนอังกฤษในรัชสมัยของพระองค์นั้นกว้างไกลมาก เกือบครึ่งหนึ่งทางใต้ของฝรั่งเศสก็อยู่ในอาณัติของพระองค์ พระเจ้าเฮนรี่ที่2 เป็นหลานของพระเจ้าเฮนรี่ที่1.....พระเจ้าเฮนรี่ที่1มีโอรสเพียงหนึ่งพระองค์ที่จะสืบทอดบัลลังก์ แต่เผอิญว่าโอรสนั้นจมน้ำตายเพราะเรือพระที่นั่งล่มระหว่างเดินทางจากฝรั่งเศสมาอังกฤษ หลังจากนั้นพระเจ้าเฮนรี่ก็สถาปนาพระธิดาคือพระนางมัลธิดาให้เป็นผู้สืบบัลลังก์ ประชาชนอังกฤษไม่เห็นด้วยที่จะมีผู้หญิงเป็นผู้นำ ที่สำคัญคือ...คริสตศาสนจักรที่มีอิทธิพลไม่แพ้พระเจ้าเฮนรี่ที่1 ก็ต่อต้าน สุดท้าย...พระเจ้าเฮนรี่ก็ส่งพระธิดาหลบภัยไปอยู่ฝรั่งเศสและแต่งงานกับเจฟเฟอรรี่ขุนนางผู้ใหญ่ที่นั่นแล้วได้ลูกชายชื่อ เฮนรี่ แพลนเทกเจเน็ท ซึ่งต่อมาก็คือพระเจ้าเฮนรี่ที่2 แห่งต้นราชวงศ์ “เพลนเทจเน็ท”(Plantagenet Dynasty) ของอังกฤษ
หลังจากพระเจ้าเฮนรี่ที่1 สิ้นไป อังกฤษก็ตกอยู่ในสภาวะที่เรียกว่า “ไม่มีขื่อไม่มีแป” เพราะพระเจ้าเฮนรี่ไม่ได้ตั้งรัชทายาทเอาไว้ ทำให้ดยุคจากแคว้นต่างๆ พยายามจะเคลมบัลลังก์ และสุดท้ายก็ตกไปอยู่ในมือของ สตีเว่นซึ่งต่อมาก็สถาปนาเป็นพระเจ้าสตีเว่น ครองราชย์ได้สักพัก พระนางมัลธิดาก็นำกองทัพของพระนางข้ามฟากมาจากฝรั่งเศสมาเคลมบัลลังก์แล้วจับพระเจ้าสตีเว่นขัง ต่อมา...จากการช่วยเหลือของศาสนจักร พระเจ้าสตีเว่นก็หนีออกจากคุกแล้วนำกำลังมาทวงบัลลังก์คืนจากพระนางมัลธิดา และพระนางก็เสด็จหนีกลับฝรั่งเศส (กล่าวกันว่า พระเจ้าสตีเว่นได้รับการสนับสนุนจากศาสนจักรที่กรุงโรมด้านกำลังคนและสรรพาวุธ) พระเจ้าสตีเว่นขึ้นครองราชย์เป็นครั้งที่สองด้วยการสนับสนุนของศาสนจักร และช่วงนี้เอง...ศาสนจักรก็เริ่มแผ่อิทธิพลไปทั่วอังกฤษอย่างเป็นรูปธรรม โบสถ์และวิหารหลังใหญ่ก็เริ่มถูกสร้างขึ้นมากมายในสมัยนี้ บาทหลวงและอาร์บิชอบของแต่ละแคว้นเป็นเจ้าของที่ดินและเก็บภาษีแข่งกับราชอาณาจักรอย่างมากมาย
เมื่อหมดยุคของพระเจ้าสตีเว่น เฮนรี่ลูกชายของมัลธิดาก็ขึ้นครองราชย์ต่อเป็นพระเจ้าเฮนรี่ที่2 ช่วงนี้ ศาสนจักรที่มีอาร์บิชอบแห่งแคนเทอเบอรี่เป็นเสมือนหนึ่งสังฆราชามีอิทธิพลมาก และดูเหมือนจะมากกว่ากษัตริย์ด้วยซ้ำ ต้องเรียนว่า...คริสตศาสนจักรทั่วยุโรป อังกฤษ สเปน ฝรั่งเศส เยอรมัน ในยุคนั้น จะขึ้นตรงต่อวาติกันที่กรุงโรม วาติกันมีอิทธิพลแผ่นอิทธิพลทั่วยุโรปและมากถึงขนาดเคยสั่งให้ พระเจ้าหลุยส์ที่7แห่งฝรั่งเศสที่เบื่อเซ็กส์(ไม่ยอมนอนกับพระราชินี)ต้องนอนเตียงเดียวกันพระราชินีเพื่อผลิตผู้สืบสกุล นอนด้วยกันจนกว่าจะได้ลูกประมาณนั้น หรือวาติกันสามารถแสดงความไ่ม่เห็นด้วยหรือถึงขั้นระงับการแต่งงานของดยุค และกษัตริย์ในยุโรปได้ ในรัชสมัยของพระเจ้าเฮนรี่ที่8 ของอังกฤษ พระองค์ทรงต้องการหย่ากับมเหสี แต่ทางวาติกันไม่เห็นด้วยสั่งระงับการหย่าจนเป็นเหตุให้อังกฤษกับวาติกันบาดหมางกัน และเป็นเหตุให้เกิดจราจลในอังกฤษหลายปี....สุดท้ายอังกฤษก็สามารถสลัดวาติกันหลุดจากอังกฤษได้โดยหันมาตั้งลัทธิใหม่ชื่อ “Church of England” ที่เป็นเอกเทศจากวาติกัน
ย้อนกลับมาที่พระเจ้าเฮนรี่ที่2......พระเจ้าเฮนรี่ที่สองมีความรู้สึกว่าปกครองอังกฤษไม่เต็มเม็ดเต็มหน่วยนัก เพราะ “คริสตศาสนจักร” ขัดขวาง ซึ่งตอนนั้นมีอิทธิพลและเงินทองมาก และหลังจากอาร์บิชอบแห่งแคนเทอร์เบอรี่(สังฆราชา)สิ้นลง พระเจ้าเฮนรี่ก็ถือเป็นโอกาสทอง.....แต่งตั้ง “เพื่อนสนิท” โธมัส แบ็คเก็ท ขึ้นเป็นอาร์บิชอบแทนองค์ที่ตายไป แม้จะมีคนคอยห้ามปรามการแต่งตั้งเพื่อนสนิทขึ้นเป็นประมุขของคริสตศาสนจักรของอังกฤษแต่พระองค์ก็ยืนยันที่จะตั้งเพื่อนสนิท เพราะพระองค์หวังในอนาคตว่า...เพื่อนสนิทจะนำศาสนจักรมาอยุ่ใต้อิทธิพลของพระองค์ แต่การณ์กลับไม่เป็นเช่นนั้น.......เมื่อเพื่อนสนิทได้ขึ้นเป็นสังฆราชาที่มีอำนาจพอๆ กับกษัตริย์ เขา(โธมัส)เริ่มขัดขืนและแย้งกษัตริย์ในเรื่องต่างๆ.....ความเป็นเพื่อนสนิทก็ค่อยๆ จางลง สุดท้ายก็กลายเป็นศรัตรู อาร์บิชอบแห่งแคนเทอร์เบอร์รี่ โธมัส แบ็คเก็ทกลายเป็นหอกข้างแคร่ของพระเจ้าเฮนรี่ที่2 มาตลอด จนวันหนึ่งพระองค์ถึงกับระบายออกมาดังๆ ว่า “Will no one rid me of this troublesome priest?” แปลว่า “จะไม่มีใครสักคนใช่ไหม? ช่วยให้ข้าเป็นพ้นจากบาทหลวงเจ้าปัญหาองค์นี้?” เผอิญว่า....มีอัศวินคู่ใจได้ยินคำระบายอัดอั้นตันใจของพระเจ้าเฮนรี่ที่2
รุ่งเช้า....ทหารอัศวินทั้งสี่ควบม้าพร้อมอาวุธครบมือบึ่งไปโบสถ์ที่อาร์บิชอบโธมัสอยู่ทันที การจู่โจมเข้าโบสถ์ของทหารอัศวินเป็นไปแบบสายฟ้าแล่บ ไม่มีการบอกกล่าวล่วงหน้า ไม่มีการตัดสัญญาณมือถือ ไม่มีห้ามคนในออกคนนอกเข้าเหมือนสมัยนี้ พอไปถึงหน้าโบสถ์ก็ถีบโครมเข้าที่ประตู อาร์บิชอบกำลังสวดมนต์บูชาพระเจ้าอยู่ไม่รู้ตัว ปลายหอก ปลายดาบจากเหล่าทหารอัศวินก็ทิ่มแทงเข้าร่าง....จนเสียชีวิต
พระเจ้าเฮนรี่ที่2 รู้ข่าวก็ตกใจ และหวาดหวั่น เพื่อนสนิทถูกฆ่าเพราะความปากไวของตัวเอง(ใครที่จะเป็นผู้นำให้จำไว้เด้อ อย่าปากไว) และที่สำคัญ....เชื่อว่าเรื่องนี้ต้องรู้ถึงครูอังคณา เอ้ย...ไม่ใช่ๆ เรื่องนี้ต้องรู้ไปถึงกรุงโรมแน่ๆ และกรุงวาติกันต้องไม่พอใจแน่ๆ พระเจ้าเฮนรี่ที่2 จึงแสดงความเสียใจต่อการตายของเพื่อนรักด้วยการถอดเครื่องชุดพระราชาทิ้งแล้วมาสวมกระสอบป่านแทน นั่งเฝ้าโลงศพเพื่อนรักทั้งคืนปากก็พร่ำบ่น “I am sorryๆๆ” ข้าเสียใจๆๆๆ เหมือนหนังจีนกำลังภายในที่จอมยุทธ์นั่งคุกเข่าขอโทษทั้งวันทั้งคืนจนกว่าจะได้รับการอภัย (นี่ไม่รู้ว่าหนังจีนกำลังภายในเลียนแบบพระเจ้าเฮนรี่มาหรือเปล่า??) เอวังก็มีด้วยประการฉะนี้