…..การเมืองเรื่องของพระมีมาตั้งแต่ดึกดำบรรพ์ ปัจจุบันก็มีให้เห็น.... /วัชรานนท์

ฝรั่งเขาบอกว่าบทสนทนาของมนุษย์โดยทั่วๆ ไปส่วนใหญ่มักจะหนีไม่พ้นวังวนสามสิ่งนี้คือ  การเมือง  ศาสนา แล้วเซ็กส์!!  บางทีเริ่มสนทนากันเบาๆ เรื่อง นก ไม้ ไก่ กา อาราเร่ แต่สุดท้ายก็ต้องวนมาลงที่หนึ่งในสามสิ่งนี้   จขกท. ไม่อ้อมค้อมล่ะกัน...  เอาตรงๆ เลยคือจะพูดเรื่อง“การเมือง” กับ “ศาสนา”   ไม่เกี่ยวอะไรกับ “ธรรมกาย” กับ “คสช.” ทั้งสิ้นนะครับ  ต้องออกตัวดักคนที่กำลังง้างฆ้อนง้างมีดมาทุบจขกท. มาแต่ไกลไว้ก่อน   แต่จะนำประวัติศาสตร์อังกฤษในยุคคริสศตวรรษที่๑๒ เกี่ยวกับการวัดอิทธิพลกันระหว่างราชอาณาจักรกับคริสตศาสนจักรมาเล่าให้ฟังครับ  ส่วนใครจะเลียบๆ เคียงๆ เปรียบกับเหตุกาณ์ปัจจุบันอย่างไร? แบบไหน?...ตามสะดวกเด้อ!


ที่จริงประวัติศาสตร์บ้านเราหรือละแวกข้างๆ บ้านเราเกี่ยวกับพระที่เข้าไปมีบทบาททางการเมืองก็มีให้เห็น   อย่างท่าน “พระมหาเถรคันฉ่อง”  ว่าไปทำไมมี?...นี่ถ้าไม่ได้ท่านมหาเถรฯ นำความลับมาทูลกระซิบบอกพระณเรศวรว่าพม่าจะดักแทงข้างหลังอยุธยา   ไม่รู้ว่าเราจะตกเป็นเมืองขึ้นพม่าต่อไปอีกกี่ปี??......ในเมื่ออยุธยามี​ “พระมหาเถรคันฉ่อง” เป็นกุนซือ.....พม่าตองอูก็ใช่จะน้อยหน้าซะเมื่อไหร่  ตองอูก็มี “[url]พระมหาเถรเสียมเพรียม” เป็นกุนซือ   หลอกพระณเรศวรยกทัพอยุธยาเข้าตีหงสาวดี  แต่มหาเถรเสียมเพรียมบอกพระเจ้าตองอูให้ชิงตีหงสาวดีก่อน   แล้วย้ายเมืองหลวงจากหงสาวดีกลับไปอยู่ตองอูเหมือนเดิม   พอทัพอยุธยาไปถึงหงสาวดี...หงสาวดีก็เหลือแต่ซาก  ดาบไทยเลยไม่ได้ดื่มเลือดทหาพม่าสักหยด   ประวัติศาสตร์ไทยมีพระมหากษัตริย์ไทยองค์เดียวที่ยกทัพเข้าไปตีพม่าถึงใจกลางกรุงเมืองหลวง   นี่ถ้าไม่เจอเล่ห์กลของกุนซืออย่าง “พระมหาเถรเสียมเพรียม” ชิงย้ายเมืองหลวงหนีเสียก่อน  พม่าคงจะได้ตกเป็นเมืองขึ้นของไทยสักครั้งล่ะน่า??....  ฝั่งลาวเองก็ใช่ย่อยซะทีไหน....ฝั่งลาวมี “พระครูโพนสะเม็ก” หรือ “ญาครูขี้หอม” ในช่วงที่เวียงจันท์ระส่ำระส่ายในราชสำนัก  ท่าน “พระครูโพนสะเม็ก” ก็คว้าเอา “หน่อเนื้อกษัตริย์” ของลาวเดินทางลงใต้  ไปตั้งอาณาจักรใหม่ทางใต้เสียเลยหรือที่เรารู้จักกันดีว่า “นครจำปาศักดิ์”   ลาวจึงแยกออกเป็นสามอาณาจักร หลวงพระบาง  เวียงจันท์ และ จำปาศักดิ์



เอาล่ะ...มาเข้าเรื่องเกี่ยวกับพระเจ้าเฮนรี่ที่2  กษัตริย์ที่ยิ่งใหญ่พระองค์หนึ่งของอังกฤษ  พระเจ้าเฮนรี่คือพระสวามีของพระนางเอ่ลเล่นอร์ที่ผมเคยเขียนไว้ก่อนหน้านี้  ถ้าสนใจก็ดูตามลิงค์นะครับ https://pantip.com/topic/36120460   ดินแดนอังกฤษในรัชสมัยของพระองค์นั้นกว้างไกลมาก  เกือบครึ่งหนึ่งทางใต้ของฝรั่งเศสก็อยู่ในอาณัติของพระองค์   พระเจ้าเฮนรี่ที่2 เป็นหลานของพระเจ้าเฮนรี่ที่1.....พระเจ้าเฮนรี่ที่1มีโอรสเพียงหนึ่งพระองค์ที่จะสืบทอดบัลลังก์ แต่เผอิญว่าโอรสนั้นจมน้ำตายเพราะเรือพระที่นั่งล่มระหว่างเดินทางจากฝรั่งเศสมาอังกฤษ    หลังจากนั้นพระเจ้าเฮนรี่ก็สถาปนาพระธิดาคือพระนางมัลธิดาให้เป็นผู้สืบบัลลังก์   ประชาชนอังกฤษไม่เห็นด้วยที่จะมีผู้หญิงเป็นผู้นำ   ที่สำคัญคือ...คริสตศาสนจักรที่มีอิทธิพลไม่แพ้พระเจ้าเฮนรี่ที่1 ก็ต่อต้าน  สุดท้าย...พระเจ้าเฮนรี่ก็ส่งพระธิดาหลบภัยไปอยู่ฝรั่งเศสและแต่งงานกับเจฟเฟอรรี่ขุนนางผู้ใหญ่ที่นั่นแล้วได้ลูกชายชื่อ เฮนรี่  แพลนเทกเจเน็ท  ซึ่งต่อมาก็คือพระเจ้าเฮนรี่ที่2 แห่งต้นราชวงศ์ “เพลนเทจเน็ท”(Plantagenet Dynasty) ของอังกฤษ

พระเจ้าเฮนรี่ที่2

หลังจากพระเจ้าเฮนรี่ที่1 สิ้นไป  อังกฤษก็ตกอยู่ในสภาวะที่เรียกว่า “ไม่มีขื่อไม่มีแป”  เพราะพระเจ้าเฮนรี่ไม่ได้ตั้งรัชทายาทเอาไว้   ทำให้ดยุคจากแคว้นต่างๆ พยายามจะเคลมบัลลังก์  และสุดท้ายก็ตกไปอยู่ในมือของ สตีเว่นซึ่งต่อมาก็สถาปนาเป็นพระเจ้าสตีเว่น   ครองราชย์ได้สักพัก  พระนางมัลธิดาก็นำกองทัพของพระนางข้ามฟากมาจากฝรั่งเศสมาเคลมบัลลังก์แล้วจับพระเจ้าสตีเว่นขัง   ต่อมา...จากการช่วยเหลือของศาสนจักร  พระเจ้าสตีเว่นก็หนีออกจากคุกแล้วนำกำลังมาทวงบัลลังก์คืนจากพระนางมัลธิดา   และพระนางก็เสด็จหนีกลับฝรั่งเศส   (กล่าวกันว่า พระเจ้าสตีเว่นได้รับการสนับสนุนจากศาสนจักรที่กรุงโรมด้านกำลังคนและสรรพาวุธ)  พระเจ้าสตีเว่นขึ้นครองราชย์เป็นครั้งที่สองด้วยการสนับสนุนของศาสนจักร    และช่วงนี้เอง...ศาสนจักรก็เริ่มแผ่อิทธิพลไปทั่วอังกฤษอย่างเป็นรูปธรรม  โบสถ์และวิหารหลังใหญ่ก็เริ่มถูกสร้างขึ้นมากมายในสมัยนี้   บาทหลวงและอาร์บิชอบของแต่ละแคว้นเป็นเจ้าของที่ดินและเก็บภาษีแข่งกับราชอาณาจักรอย่างมากมาย


เมื่อหมดยุคของพระเจ้าสตีเว่น  เฮนรี่ลูกชายของมัลธิดาก็ขึ้นครองราชย์ต่อเป็นพระเจ้าเฮนรี่ที่2   ช่วงนี้  ศาสนจักรที่มีอาร์บิชอบแห่งแคนเทอเบอรี่เป็นเสมือนหนึ่งสังฆราชามีอิทธิพลมาก  และดูเหมือนจะมากกว่ากษัตริย์ด้วยซ้ำ   ต้องเรียนว่า...คริสตศาสนจักรทั่วยุโรป อังกฤษ สเปน ฝรั่งเศส เยอรมัน ในยุคนั้น จะขึ้นตรงต่อวาติกันที่กรุงโรม  วาติกันมีอิทธิพลแผ่นอิทธิพลทั่วยุโรปและมากถึงขนาดเคยสั่งให้   พระเจ้าหลุยส์ที่7แห่งฝรั่งเศสที่เบื่อเซ็กส์(ไม่ยอมนอนกับพระราชินี)ต้องนอนเตียงเดียวกันพระราชินีเพื่อผลิตผู้สืบสกุล  นอนด้วยกันจนกว่าจะได้ลูกประมาณนั้น   หรือวาติกันสามารถแสดงความไ่ม่เห็นด้วยหรือถึงขั้นระงับการแต่งงานของดยุค และกษัตริย์ในยุโรปได้    ในรัชสมัยของพระเจ้าเฮนรี่ที่8 ของอังกฤษ  พระองค์ทรงต้องการหย่ากับมเหสี  แต่ทางวาติกันไม่เห็นด้วยสั่งระงับการหย่าจนเป็นเหตุให้อังกฤษกับวาติกันบาดหมางกัน  และเป็นเหตุให้เกิดจราจลในอังกฤษหลายปี....สุดท้ายอังกฤษก็สามารถสลัดวาติกันหลุดจากอังกฤษได้โดยหันมาตั้งลัทธิใหม่ชื่อ “Church of England” ที่เป็นเอกเทศจากวาติกัน


ย้อนกลับมาที่พระเจ้าเฮนรี่ที่2......พระเจ้าเฮนรี่ที่สองมีความรู้สึกว่าปกครองอังกฤษไม่เต็มเม็ดเต็มหน่วยนัก    เพราะ “คริสตศาสนจักร” ขัดขวาง  ซึ่งตอนนั้นมีอิทธิพลและเงินทองมาก    และหลังจากอาร์บิชอบแห่งแคนเทอร์เบอรี่(สังฆราชา)สิ้นลง   พระเจ้าเฮนรี่ก็ถือเป็นโอกาสทอง.....แต่งตั้ง “เพื่อนสนิท” โธมัส  แบ็คเก็ท  ขึ้นเป็นอาร์บิชอบแทนองค์ที่ตายไป   แม้จะมีคนคอยห้ามปรามการแต่งตั้งเพื่อนสนิทขึ้นเป็นประมุขของคริสตศาสนจักรของอังกฤษแต่พระองค์ก็ยืนยันที่จะตั้งเพื่อนสนิท   เพราะพระองค์หวังในอนาคตว่า...เพื่อนสนิทจะนำศาสนจักรมาอยุ่ใต้อิทธิพลของพระองค์  แต่การณ์กลับไม่เป็นเช่นนั้น.......เมื่อเพื่อนสนิทได้ขึ้นเป็นสังฆราชาที่มีอำนาจพอๆ กับกษัตริย์   เขา(โธมัส)เริ่มขัดขืนและแย้งกษัตริย์ในเรื่องต่างๆ.....ความเป็นเพื่อนสนิทก็ค่อยๆ จางลง   สุดท้ายก็กลายเป็นศรัตรู    อาร์บิชอบแห่งแคนเทอร์เบอร์รี่ โธมัส แบ็คเก็ทกลายเป็นหอกข้างแคร่ของพระเจ้าเฮนรี่ที่2 มาตลอด   จนวันหนึ่งพระองค์ถึงกับระบายออกมาดังๆ ว่า “Will no one rid me of this troublesome priest?”  แปลว่า “จะไม่มีใครสักคนใช่ไหม? ช่วยให้ข้าเป็นพ้นจากบาทหลวงเจ้าปัญหาองค์นี้?”   เผอิญว่า....มีอัศวินคู่ใจได้ยินคำระบายอัดอั้นตันใจของพระเจ้าเฮนรี่ที่2



พงศาวดารของอังกฤษที่บันทึกคำระบายความอัดอั้นของพระเจ้าเฮนรี่ที่2เป็นภาษาละติน “Will no one rid me of this troublesome priest?”

รุ่งเช้า....ทหารอัศวินทั้งสี่ควบม้าพร้อมอาวุธครบมือบึ่งไปโบสถ์ที่อาร์บิชอบโธมัสอยู่ทันที  การจู่โจมเข้าโบสถ์ของทหารอัศวินเป็นไปแบบสายฟ้าแล่บ ไม่มีการบอกกล่าวล่วงหน้า  ไม่มีการตัดสัญญาณมือถือ  ไม่มีห้ามคนในออกคนนอกเข้าเหมือนสมัยนี้  พอไปถึงหน้าโบสถ์ก็ถีบโครมเข้าที่ประตู  อาร์บิชอบกำลังสวดมนต์บูชาพระเจ้าอยู่ไม่รู้ตัว   ปลายหอก ปลายดาบจากเหล่าทหารอัศวินก็ทิ่มแทงเข้าร่าง....จนเสียชีวิต

อัศวินทั้งสี่เข้าสังหารอาร์บิชอบโธมัสในมหาวิหารแคนเทอร์เบอร์รี่




จุดที่บาทหลวงโธมัส  แบ็คเก็ทโดนสังหาร

พระเจ้าเฮนรี่ที่2 รู้ข่าวก็ตกใจ  และหวาดหวั่น   เพื่อนสนิทถูกฆ่าเพราะความปากไวของตัวเอง(ใครที่จะเป็นผู้นำให้จำไว้เด้อ อย่าปากไว)  และที่สำคัญ....เชื่อว่าเรื่องนี้ต้องรู้ถึงครูอังคณา  เอ้ย...ไม่ใช่ๆ  เรื่องนี้ต้องรู้ไปถึงกรุงโรมแน่ๆ และกรุงวาติกันต้องไม่พอใจแน่ๆ  พระเจ้าเฮนรี่ที่2 จึงแสดงความเสียใจต่อการตายของเพื่อนรักด้วยการถอดเครื่องชุดพระราชาทิ้งแล้วมาสวมกระสอบป่านแทน  นั่งเฝ้าโลงศพเพื่อนรักทั้งคืนปากก็พร่ำบ่น “I am sorryๆๆ” ข้าเสียใจๆๆๆ   เหมือนหนังจีนกำลังภายในที่จอมยุทธ์นั่งคุกเข่าขอโทษทั้งวันทั้งคืนจนกว่าจะได้รับการอภัย  (นี่ไม่รู้ว่าหนังจีนกำลังภายในเลียนแบบพระเจ้าเฮนรี่มาหรือเปล่า??)   เอวังก็มีด้วยประการฉะนี้

บาทหลวง  อาร์บิชอบแห่งแคนเทอร์เบอร์รี่โธมัส  แบ็คเก็ท
แก้ไขข้อความเมื่อ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่