มติบอร์ด กสทช. 4:1 ให้ ‘AIS-3BB’ ควบรวมได้แบบมีเงื่อนไข AIS เตรียมขึ้นเบอร์ 1 ตลาดบรอดแบนด์

กระทู้ข่าว
ปิดดีล AIS-3BB! มติบอร์ด กสทช. 4:1 เสียง ‘อนุญาตควบรวมแบบมีเงื่อนไข’
เมื่อวันที่ 10 พฤศจิกายน ผู้สื่อข่าวรายงานจากสำนักงานคณะกรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ (ประธาน กสทช.) ตามที่บอร์ด กสทช.มีการกำหนดให้วันนี้ (10 พ.ย.) เป็นวาระการประชุมพิเศษเรื่องการควบรวมกิจการระหว่าง บริษัท แอดวานซ์ ไวร์เลส เน็ทเวอร์ค จำกัด หรือ AWN บริษัทลูกของบริษัท แอดวานซ์ อินโฟร์ เซอร์วิส จำกัด (มหาชน) หรือ AIS และ บริษัท ทริปเปิลที บรอดแบนด์ จำกัด (มหาชน) หรือ 3BB ในเครือบริษัท จัสมิน อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด (มหาชน) หรือ JAS
 
ภายหลังจากที่ประชุม กสทช. ประชุมวาระพิเศษเริ่มประมาณ 09.00 น. โดยบอร์ด กสทช.ทั้ง 7 ท่าน เข้าร่วมประชุมพร้อมกัน อย่างไรก็ตาม เวลาราว 13.00 น. หลังพิจารณาร่วม 4 ชั่วโมง บอร์ด กสทช.ทั้ง 7 ท่าน ติดภารกิจถวายผ้ากฐินพระราชทาน และกลับมาลงมติอีกครั้งในเวลาราว 15.30 น. ซึ่งมีบอร์ด กสทช.เข้าร่วมประชุมในช่วงบ่าย จำนวน 5 ท่าน ซึ่งสิ้นสุดการประชุมเวลา 18.20 น. โดยใช้เวลาพิจารณารวมกว่า 6 ชั่วโมง (ไม่รวมช่วงออกไปทำภารกิจ)
สำหรับมติที่ประชุม โดยบอร์ด กสทช. 4 เสียง ลงมติให้อนุญาตควบรวมธุรกิจแบบมีเงื่อนไข ประกอบด้วย พล.อ.ท.ธนพันธุ์ หร่ายเจริญ กรรมการ กสทช.ด้านกิจการกระจายเสียง นายศุภัช ศุภชลาศัย กรรมการ กสทช.ด้านเศรษฐศาสตร์ น.ส.พิรงรอง รามสูต กรรมการ กสทช.ด้านกิจการโทรทัศน์ และ นายสมภพ ภูริวิกรัยพงศ์ กรรมการ กสทช.ด้านกิจการโทรคมนาคม
 
ขณะที่ 1 เสียง นายต่อพงศ์ เสลานนท์ กสทช. ด้านการส่งเสริมสิทธิเสรีภาพของประชาชน ได้ใช้สิทธิ งดออกเสียง

ขณะที่ อีก 2 เสียง ได้ลงมติรับทราบ ไปตั้งแต่ช่วงเช้า และไม่ได้เข้าร่วมประชุมในช่วงบ่าย ประกอบด้วย นายสรณ บุญใบชัยพฤกษ์ ประธาน กสทช. และ พล.ต.อ.ณัฐธร เพราะสุนทร กสทช.ด้านกฎหมาย เนื่องจากความคิดเห็นไม่ตรงกัน
อย่างไรก็ตาม การควบรวมแบบมีเงื่อนไขจะมีการลงความเห็นของบอร์ด กสทช. 7 ท่าน ทั้งนี้ ภายหลังจากการควบรวม กสทช.จะออกมาตรการและเงื่อนไขให้บริษัทผู้ขอควบรวมดำเนินการตามเงื่อนไขที่กำหนด และจะมีการตรวจสอบภายหลังจากการควบรวมว่าได้ทำตามหรือไม่

แหล่งข่าว กสทช.ระบุว่า ภายในการประชุม กสทช. โดย นายสรณ บุญใบชัยพฤกษ์ ประธานกสทช. เสนอทางเลือกให้ที่ประชุมลงคะแนนเสียงเพียงแค่ “รับทราบ” และ “ไม่รับทราบ” เท่านั้น โดยอ้างข้อบังคับตามประกาศ กสทช. ปี 2549 ซึ่งเป็นรูปแบบเดียวกับกรณีการรับทราบการควบรวมบริษัทระหว่างบริษัท ทรู คอร์ปอเรชั่นจำกัด (มหาชน) หรือทรู และบริษัท โทเทิล แอ็คเซ็ส คอมมูนิเคชั่น จำกัด (มหาชน) หรือดีแทค

แต่บอร์ด กสทช.บางส่วนเห็นว่า AIS ได้ทำหนังสือขออนุญาตมายังสำนักงาน กสทช.จึงควรลงมติ เพราะ กสทช.มีอำนาจและหน้าที่ในการพิจารณาสั่ง “อนุญาต” หรือ “ไม่อนุญาต” การควบรวมธุรกิจของผู้ประกอบกิจการโทรคมนาคม ตามรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พ.ศ.2560 พระราชบัญญัติองค์กรจัดสรรคลื่นความถี่และกำกับการประกอบกิจการวิทยุกระจายเสียง วิทยุโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคม พ.ศ.2553 มาตรา 27 (11) และพระราชบัญญัติการประกอบกิจการโทรคมนาคม พ.ศ.2544 มาตรา 21

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า หลังจากบอร์ด กสทช.มีมติออกมาดังกล่าวแล้ว หากพิจารณาจากผลประกอบการไตรมาส 3/2566 จะพบว่า AIS มีลูกค้าอินเตอร์เน็ตบรอดแบนด์ จำนวน 2.38 ล้านราย ขณะที่ TRUE มีลูกค้าบรอดแบนด์ จำนวน 3.8 ล้านราย ส่วน 3BB จากการตรวจสอบล่าสุดมีลูกค้า จำนวน 2.31 ล้านราย
ดังนั้น หากควบรวมธุรกิจแล้วเสร็จจะทำให้ AIS มีลูกค้าอินเตอร์เน็ตบรอดแบนด์อยู่ที่ 4.69 ล้านราย ขึ้นเป็นเบอร์ 1 ของตลาดทันที ส่วนผู้เล่นอีกรายคือ NT ปัจจุบันมีลูกค้าราว 1.8 ล้านราย

ทั้งนี้ การขออนุญาตรวมธุรกิจระหว่าง AIS และ 3BB สืบเนื่องจากที่ประชุมคณะกรรมการ AIS ประกาศเมื่อวันที่ 3 ก.ค.2565 เข้าซื้อหุ้นในบริษัท ทริปเปิลที บรอดแบนด์ จำกัด (มหาชน) หรือ 3 บีบี จำนวน 7,529,242,385 หุ้น คิดเป็นสัดส่วนร้อยละ 99.87 มูลค่ารวม 19,500 ล้านบาท และเข้าซื้อหน่วยลงทุนในกองทุนรวมโครงสร้างพื้นฐานบรอดแบนด์อินเทอร์เน็ต จัสมิส (JASIF) จำนวน 1,520,000,000 หน่วย คิดเป็นสัดส่วนร้อยละ 19.00 ของจำนวนหน่วยลทุนทั้งหมดของ JASIF ในราคาหน่วยละ 8.5 บาท คิดเป็นมูลค่ารวม 12,920 ล้านบาทรวมสองธุรกรรมว่า “ธุรกรรมซื้อหุ้นและซื้อหน่วยลงทุน” มีมูลค่ารวม 32,420 ล้านบาท นับจนถึงวันนี้ดีลดังกล่าวใช้เวลาการพิจารณายาวนานถึง 1 ปี 4 เดือน มากกว่าดีลควบรวมทรูและดีแทคที่ใช้เวลาพิจารณา 10 เดือน
การรวมธุรกิจนี้สำนักงาน กสทช.ระบุว่า เข้าข่ายเป็นการรวมธุรกิจเป็นไปตามข้อ 3 (3) ในระเบียบของประกาศ กสทช. เรื่อง มาตรการกำกับดูแลการรวมธุรกิจในกิจการโทรคมนาคม ระบุว่า “การที่ผู้รับใบอนุญาต หรือผู้มีอำนาจควบคุมของผู้รับใบอนุญาตเข้าซื้อหุ้นตั้งแต่ร้อยละยี่สิบห้าขึ้นไปของจำนวนสิทธิออกเสียงทั้งหมดของผู้รับใบอนุญาตรายอื่น หรือผู้มีอำนาจควบคุมของผู้รับใบอนุญาตรายอื่น เพื่อควบคุมนโยบาย การบริหารกิจการ การอำนวยการ หรือการจัดการ”

นอกจากนี้ ได้รวบรวมข้อมูลภายหลังจากเกิดการควบรวมธุรกิจโดยใช้การวัดค่าดัชนี HHI (Herfindahl-Hirschman Index : HHI) หรือการคำนวณค่าการกระจุกตัวเพื่อวิเคราะห์สภาวะการแข่งขันในตลาดของธุรกิจ โดยจะเกิดผลกระทบ 2 ลักษณะ คือ 1.ตลาดค้าปลีกบริการอินเตอร์เน็ตบรอดแบรนด์ประจำที่ (Fixed Broadband Internet) ดัชนี HHI ก่อนรวมธุรกิจอยู่ที่ 2,716 ดัชนี HHI หลังรวมธุรกิจอยู่ที่ 3,624 และดัชนี HHI หลังการรวมธุรกิจ-ก่อนรวมธุรกิจ อยู่ที่ 908 เพิ่มขึ้น 33.43% และ 2.ตลาดค้าส่งบริการเข้าถึงบรอดแบรนด์ (Wholesale Broadband Access) ดัชนี HHI ก่อนรวมธุรกิจอยู่ที่ 3,893 ดัชนี HHI หลังรวมธุรกิจอยู่ที่ 5,167 และดัชนี HHI หลังการรวมธุรกิจ-ก่อนรวมธุรกิจ อยู่ที่ 1,274 เพิ่มขึ้น 32.72%

ที่มา matichon
แก้ไขข้อความเมื่อ

แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่