ควรจะเลิกดีมั้ย แฟนนิสัยค่อยข้างเอาตัวเองเป็นที่ตั้ง และคาดว่าน่าจะป่วยด้วย

ตามหัวเรื่องเลยค่ะ คือเรากำลังมีปัญหากับแฟนหนักมาก อยู่กันมาใกล้จะสามปีแล้ว แฟนเราไม่ได้รวย เราก็เช่นกัน  แต่แฟนจะหนักกว่าตรงที่ ไม่มีพ่อแม่ ไม่มีใครนอกจากเรา ไม่มีบ้านให้กลับ เขามีความฝัน อยากทำเพลง แล้วฝีมือเขาก็ถือว่าดีเลย เป็นคนหัวไว ฉลาด ตลอดเวลาที่ผ่านมาเรายอมรับนะคะ ว่าเราก็มีนิสัยไม่ดีไปบ้าง โกหกเขา ผิดสัญญากับเขา เป็นสิ่งที่เขาเกลียดมาก แต่เราก็ไม่เคยนอกใจเขาแม้แต่ครั้งเดียว แต่ถ้าเทียบกับเขาแล้ว เขาทำ เขาก็มีเรื่องทำผิดมาก แต่เราก็ให้อภัยตลอดเพราะรักด้วย เล่นการพนัน เคยหลอกเราว่าจะเอาเงินเราไปทำอย่างอื่น แต่ก็ไปเล่นจนหมด ตอนคบกันได้ช่วงปีแรกนั้นเขามีรถนะ เขาทำงานเป็นไรเดอร์ เขาผ่อนรถจากเพื่อน มันจะมีอยู่ช่วงประมาณปลายๆปีแรกที่คบกัน ตอนนั้นเราจะเลิกกัน เขาไล่เรา แต่เราไปไหนไม่ได้จริงๆ คนที่บ้านติดโควิทกันหมด แล้วเราต้องทำงาน (เราอาศัยหอพักกับเขานะคะ) เราเลยขอเขาว่าขออยู่ประมาณอาทิตย์นึงแล้วจะไป รอคนที่บ้านหายกันก่อน เขาก็ยอม ตลอดเวลาที่อยู่ด้วยกัน ไม่ได้คุยกันเลย แม้แต่คำเดียว พอจะครบอาทิตย์นึงแล้ว จำได้ว่าตอนนั้นมันวันที่ 5 เงินเดือนเราออกแล้ว ออกประมาณ 3,000 เนื่องจากตอนนั้นเราต้องเรียนไปด้วยทำงานไปด้วย มีโปรเจคด้วยเลยทำงานได้ตังน้อย ส่วนเขาไม่ได้จ่ายค่ารถของเองเนื่องจากเงินไม่พอ จนเพื่อนเขาต้องยึดรถ แต่ยังดีที่ว่ามีรถของเราอยู่ เราจึงเอามาใช้ให้เขาทำงาน เราก็ต้องเอาเงินสามพันนั้น ไปจ่ายค่าห้องแทนที่จะจ่ายค่าผ่อนรถของเรา รถของเรามันยังดีที่มีคนคอยช่วย เพราะตอนนั้นถ้าไม่จ่ายค่าห้อง ก็ลำบากกันแน่นอน เพราะเคยมาแล้ว แล้วไปอยู่ที่ไหนก็ไม่ได้ คนที่บ้านเรา ไม่มีใครชอบเขาเลย แต่พอตั้งแต่โดนยึดรถไป  เราก็กลับมาดีกัน แต่ใช่ว่าจะมีความสุข ทุกอย่างมันกลับแย่ลงเรื่อยๆ เขาเอาแต่บ่นทุกวัน ว่าเขาไม่ได้อยากมีชีวิตแบบนี้ เขาเอาแต่โทษเราว่าอยู่กันมาตั้งขนาดนี้ เขายังไมมีไรสักอย่างเลย เขาเอาแต่บอกว่ามันเป็นความผิดเรา ทั้งที่ผ่านมาเราก็พยายามช่วยเหลือเขามาตลอด ยอมอดทุกอย่าง เพื่อให้เขาได้กิน เราก็เคยทำ แต่เขาไม่เคยเห็นหรือนึกถึงเราเลย เขาบอกว่าถ้าเขาไม่เลือกผิดป่านนี้เขาคงมีทุกอย่างได้ทำความฝันไปแล้ว เราก็ถามเขานะ ที่ผ่านเราไม่ทำอะไรเลยหรอ คำตอบเขาคือพยายามแล้วทำไมกูถึงเป็นอย่างนี้ เราช่วยเขาทกอย่าง แต่ก็ทำเท่าที่ทำได้ เป็นแฟนที่ดีทำให้ทุกอย่าง เก็บห้อง ซักผ้า แบกน้ำ ล้างห้องน้ำ จ่ายค่าใช้จ่ายทุกอย่างเองคนเดียว แต่เขาก็ช่วยเราให้เราวันละ100ไปทำงาน แต่กับเขามีสร้างภาระแล้วทำให้เราต้องมาตามเก็บ เช่นกินขนมวางเกลื่อนกลาด จานไม่ล้าง ข้าวกินเสร็จวางตรงนั้น บนหลังตู้เย็นก็ชอบเอาขยะไปวาง เสื้อผ้าไม่เคยช่วยเราตาก เราบ่นเขานะคะ แต่เราก็ทำให้เขาตลอด แล้วเขาก็เอาแต่โกรธเราว่าเราว่าเขาไม่ชอบแบบนี้ เขาอยากได้คนที่ยอมเขาทุกอย่าง คนที่ตายแทนกันได้ เขาพูดแบบนี้จริงนะคะ มันทะเลาะกันมาเรื่อยๆ เรื่องซ้ำๆเดิมๆ เราอยากเลิกแต่เราก็ไม่กล้าไปไหน เรากลัวเขาอยู่ไม่ได้กลัวเขาลำบาก ทั้งรักทั้งสงสาร หลังมานี้เริ่มตีกัน ทำร้ายร่างกายกัน เราทำก่อน แต่เราไม่ได้ตั้งใจ แล้วไม่ได้ทำหลายครั้ง มันอารมณ์ร้อนด้วยตอนนั้นไม่ได้ตั้งใจจริงๆ ครั้งหลังๆเราไม่ทำแต่เขาทำ ทั้งเตะ ตี บีบคอ ต่อยเรา แต่เราก็ให้อภัย เขาพึ่งมาทำเลยนะคะ ผ่านมาได้อาทิตย์กว่าแล้ว ไม่มีแม้แต่คำว่าขอโทษ แต่ตอนเรา เราขอโทษเขาตลอด จนล่าสุดนี้หนักใจมากค่ะ เราท้องได้หกสัปดาห์ ท้องที่สอง ท้องแรก ยอมทำแท้ง เพราะเขาขอ เขาไม่อยากมีตอนนี้ เราก็กล้าๆกลัวๆ จนปรึกษาพ่อ เห้อจะว่ากันก็ว่าได้นะคะ พ่อก็ไม่อยากให้เราลำบากมากกว่าเดิม เลยบอกให้เราเอาออก เราเข้าใจพ่อนะคะ แล้วพ่อก็รู้ว่าถ้าท้องแรกคลอดออกมา แฟนเราเขาต้องไม่รับผิดชอบแน่ เพราะตอนนั้นเขาพูดเอง ว่าถ้าคลอดแล้วเขาจะหนีแล้วเอาลูกไปด้วย แต่เราไม่เชื่อหรอกว่าเขาจะทำอย่างงั้น ยังไงเขาก็ไม่รับผิดชอบแน่ จนอยู่ดีๆมาคุยดีกับเราให้เราเอาออก เพื่อชีวิตของเราสองคน เราเลยต้องตัดสินใจทำแท้งแบบถูกกฎหมาย จนท้องสองนี้ ผ่านมาเกือบปีแล้วค่ะจากท้องแรก ครั้งนี้เราไม่บอกใครเลย เรากลัว แล้วเราก็คิดว่าจะเอาอีกดีมั้ย ด้วยตัวเองก็ยังไม่พร้อมมาก แต่แฟนเรา ช่วงนี้เขากำลังพูดว่าจะเลิกกัน จะไปหางานทำ โดยไม่ต้องพึ่งรถเราแล้ว แต่ก็ไม่ทำสักที เราก็เลยคิดว่าเราอาจจะเก็บไว้ แล้วไปอยู่กับครอบครัวเลี้ยงลูกเป็นแม่เลี้ยงเดี่ยวดีมั้ย เราควรทำไงดีคะ กับผู้ชายคนนี้ ที่บอกว่าเขาอาจจะป่วย คือเขาเคยเข้ารักษามาก่อนที่จะเจอกับเรา คือเป็นไบโพล่าร์มาก่อน ปัญหาครอบครัวเขา ทำให้เขาต้องป่วย แม่เขาไม่เคยรักเขาเลยตั้งแต่เกิดมา คือมันยาวมากค่ะเรื่องราวชีวิตเขา แต่มันก็น่าสงสารจริงๆ แต่ตอนนี้เราอยากจะออกมา เราร้องไห้ทุกวัน จนเพื่อนทัก ว่าทำไมดูไม่มีความสุขเหมือนแต่ก่อน เราก็พึ่งรู้ตัวนะคะ เขาก็ไม่มีความสุขเราก็มีความสุข เราอยากออก แต่ก็ไม่กล้า กลัว แต่ก็อยากมีชีวิตที่ปกติ แล้วไหนจะเด็กในท้องอีก เราควรทำยังไงดีคะ
ขอโทษที่พิมพ์วกไปวนมานะคะ มันอยากระบายอยากหาที่ปรึกษามันเหนื่อย มันท้อ มันเครียด
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่