สมเด็จพระเจ้าปราสาททอง หรือ “พระเจ้าปราสาททอง” ปฐมกษัตริย์แห่งราชวงศ์ปราสาททอง เคยทรงพระพิโรธถึงขั้นจะให้ขุนนางเทอาหารราดศีรษะ “ทูตพม่า” ด้วยเหตุใดกัน?
เรื่องนี้ ส. พลายน้อย (สมบัติ พลายน้อย ศิลปินแห่งชาติ สาขาวรรณศิลป์ พ.ศ. 2553) เล่าไว้ในหนังสือ “กระยานิยาย เรื่องน่ารู้สารพัดรสจากรอบๆ สำรับ”ตอนหนึ่งว่า

เคยอ่านพระราชพงศาวดารสมัยกรุงศรีอยุธยาทราบว่าเมื่อพระเชษฐาธิราชสวรรคต เจ้าพระยากลาโหมสุริยวงศ์ปราบดาภิเษกขึ้นเป็นพระเจ้าปราสาททอง ครั้งนั้นพระเจ้ากรุงอังวะส่งทูตานุทูตเข้ามาถามข่าวพระศพตามประเพณี โปรดให้จัดอาหารเลี้ยงแขกเมือง พอเจ้าพนักงานยกสำรับออกมาตั้ง พวกทูตก็ยกมือห้ามบอกว่า ‘ตามธรรมเนียมกรุงอังวะ ถ้าทูตานุทูตไปเยือนพระศพ ห้ามมิให้รับพระราชทาน’
แหม อย่างนี้ธรรมเนียมไทยถือนัก มางานทั้งทีไม่กินข้าวก็ไม่รักกันจริง เมื่อสมุหนายกนำความขึ้นกราบบังคมทูลก็ทรงพระกรุณาให้ต่อว่าแขกเมือง โดยให้เจ้าพนักงานไปบอกกับแขกเมืองว่า
‘ตามอย่างธรรมเนียมกรุงศรีอยุธยา ถ้าไปเยือนศพ ย่อมแต่งของให้บริโภคให้อิ่มหนำ จึงได้ชื่อว่านับถือกัน นี่ตัวมาถึงกรุงศรีอยุธยาแล้ว ไม่รับพระราชทานนั้น ไม่นับถือกรุงศรีอยุธยา หรือว่าสิ่งของซึ่งพระราชทานนี้ไม่ดีเหมือนกรุงอังวะ ถ้าไปต่อว่าแขกเมืองดื้อดึงไม่รับพระราชทานก็ให้เอาสิ่งของราดศีรษะลงแล้วขับเสียจากเมือง’…”ส. พลายน้อย ไม่ได้เล่าต่อว่า ท้ายสุด ทูตพม่า ต้องเผชิญอะไรบ้าง จะรับสิ่งของพระราชทาน หรือจะถูกขับออกจากเมือง และยังคงเป็นคำถามที่หาคำตอบไม่ได้มาถึงทุกวันนี้
ทำไม พระเจ้าปราสาททอง โกรธ “ทูตพม่า” ถึงขั้นจะให้เทอาหารราดหัว!?
เรื่องนี้ ส. พลายน้อย (สมบัติ พลายน้อย ศิลปินแห่งชาติ สาขาวรรณศิลป์ พ.ศ. 2553) เล่าไว้ในหนังสือ “กระยานิยาย เรื่องน่ารู้สารพัดรสจากรอบๆ สำรับ”ตอนหนึ่งว่า
เคยอ่านพระราชพงศาวดารสมัยกรุงศรีอยุธยาทราบว่าเมื่อพระเชษฐาธิราชสวรรคต เจ้าพระยากลาโหมสุริยวงศ์ปราบดาภิเษกขึ้นเป็นพระเจ้าปราสาททอง ครั้งนั้นพระเจ้ากรุงอังวะส่งทูตานุทูตเข้ามาถามข่าวพระศพตามประเพณี โปรดให้จัดอาหารเลี้ยงแขกเมือง พอเจ้าพนักงานยกสำรับออกมาตั้ง พวกทูตก็ยกมือห้ามบอกว่า ‘ตามธรรมเนียมกรุงอังวะ ถ้าทูตานุทูตไปเยือนพระศพ ห้ามมิให้รับพระราชทาน’
แหม อย่างนี้ธรรมเนียมไทยถือนัก มางานทั้งทีไม่กินข้าวก็ไม่รักกันจริง เมื่อสมุหนายกนำความขึ้นกราบบังคมทูลก็ทรงพระกรุณาให้ต่อว่าแขกเมือง โดยให้เจ้าพนักงานไปบอกกับแขกเมืองว่า
‘ตามอย่างธรรมเนียมกรุงศรีอยุธยา ถ้าไปเยือนศพ ย่อมแต่งของให้บริโภคให้อิ่มหนำ จึงได้ชื่อว่านับถือกัน นี่ตัวมาถึงกรุงศรีอยุธยาแล้ว ไม่รับพระราชทานนั้น ไม่นับถือกรุงศรีอยุธยา หรือว่าสิ่งของซึ่งพระราชทานนี้ไม่ดีเหมือนกรุงอังวะ ถ้าไปต่อว่าแขกเมืองดื้อดึงไม่รับพระราชทานก็ให้เอาสิ่งของราดศีรษะลงแล้วขับเสียจากเมือง’…”ส. พลายน้อย ไม่ได้เล่าต่อว่า ท้ายสุด ทูตพม่า ต้องเผชิญอะไรบ้าง จะรับสิ่งของพระราชทาน หรือจะถูกขับออกจากเมือง และยังคงเป็นคำถามที่หาคำตอบไม่ได้มาถึงทุกวันนี้