อย่างที่ทราบหลังจากผลโหวตวันแรกออกมา มีหลากหลายอารมณ์ของทั้งเมมเบอร์และโอตะแต่ละบ้าน แสดงผ่านหน้าจอและเพจต่างๆ ส่วนตัวผมยังคงเชื่อเหมือนเดิมเรื่องกลยุทธหลักในการลงโหวต BNK48 General Election ทุกครั้งที่ผ่านมาว่ามี 2 กลยุทธ
ซึ่งในที่นี้ จะเป็นการเปรียบเทียบระหว่างกองกำลังที่ไพร่พลสูสีกันนะ เพราะถ้าห่างชั้นกันมาก 2 กลยุทธนี้ ก็ไม่มีค่าอะไร เพราะพลังของอีกฝ่ายเหนือกว่ามากนั่นเอง และ 2 กลยุทธ ที่ว่านั่น คือ
1. ตี 1 นครสะท้าน 10 เมือง
เป็นกลยุทธที่ใช้การโจมตีอย่างดุดันกับเป้าหมายใหญ่ในครั้งแรก เพื่อแสดงพลังของกองทัพเรา เพื่อให้เกิดผลทางจิตวิทยาแก่เมืองรอบข้างหรือทัพคู่ต่อสู้คนอื่นๆ จะได้ไม่มีเมืองใดหรือทัพใดๆอีกที่จะกล้าจะเข้ามาสู้กับกองทัพของเรา เหมือนการตัดไม้ข่มนาม ซึ่งถ้าเปรียบกับการโหวตของเหล่าโอตะของเมมเบอร์ ก็คือใช้การทุ่มโหวตในศึกวันแรกที่มีการประกาศผลด่วนแบบที่เราเห็น เพื่อทำให้เกิดความประหลาดใจกับกลุ่มอื่น ยิ่งสร้างได้มากเท่าไร ก็ยิ่งมีผลต่อจิตวทยาของกลุ่มอื่นมากเท่านั้น อาจจะทำให้คู่แข่งท้อลงไปได้ เมื่อเห็นคะแนนที่ใส่มาของกลุ่มตนและที่สำคัญยังเพิ่มกำลังใจให้กับคนในกลุ่มรวมถึงตัวเมมเบอร์ที่ตัวเองสนับสนุนด้วย และประเด็นที่เป็นโบนัสก็คือภาพคะแนนนี้จะถูกเผยแพร่ออกทางสื่อต่างๆ ไปอีกเป็นระยะเวลา 1 เดือนก่อนวันชี้ขาด ซึ่งอาจจะมีผลต่อคนที่ไม่ได้ติดตามจะได้รู้จักเมมเบอร์ของกลุ่มนั้นมากขึ้นนั่นเอง.
แต่แผนนี้มีข้อดี ก็มีข้อเสียนั่นก็คือ โอตะกลุ่มอื่นๆ จะรู้กำลังของโอตะกลุ่มที่ใช้แผนนี้ ทันทีและอาจจะนำมาสู่การระดมพลครั้งใหญ่เพื่อตีโต้กลับได้ เพราะพอประมาณกำลังของคู่ต่อสู้ได้แล้ว และ ไม่รวมถึงว่าถ้ากลุ่มโอตะที่ใช้แผนนี้ กำลังพลมีเพียงใช้แค่นั้นจริงๆ เมื่อวันตัดสินมาถึง มันอาจจะทำให้สิ่งที่สร้างมา เป็นเพียงแค่พลุไฟชั่วคราวได้ ดังนั้นคนที่จะใช้แผนนี้ จำต้องสามารถระดมพลต่อตีในระยะยาวจนจบศึกได้ดีด้วย.
2. กระตุ้นขุนพล
เป็นกลยุทธที่ยอมให้คู่ต่อสู้สร้างผลงานเหนือขุนพลของฝั่งเรามากๆ เพื่อกระตุ้นให้ขุนพลฝั่งเราเกิดความกระหายทำศึกให้มากที่สุด เมื่อถึงเวลาออกรบจะได้มีพลังทำลายล้างขั้นสูงจากการเก็บกดความอยากเอาชนะไว้เป็นเวลานาน ทำให้ขุนพลแต่ละคนสู้สุดกำลังจนเอาชนะศึกได้ เปรียบเหมือนพวกหัวหน้ากองกำลัง ยอมโหวตแบบไม่ทุ่มวันแรกๆ(กั๊กโหวต) เพื่อสร้างความผิดหวังแก่เหล่าไพร่ทหาร พวกพ้องโอตะ จากนั้นก็จะใช้ทั้งพลังแห่งความผิดหวัง และ ความรู้สึกสงสารเมมเบอร์ของตนเองที่ต้องเศร้าเพราะอันดับตก เอามารวมกันและผลักดันเป็นพลังอยากจะเอาอันดับคืน จะได้ระดมพลทุ่มโหวตแบบมากมายกว่าเก่า เพื่อจะชนะศึกนี้ในปั้นปลาย นี่คือข้อดีของแผนนี้ที่คิดไว้.
แต่ข้อเสียของแผนนี้ก็คือ ถ้าผลออกมาตรงข้าม ขุนทหารจิตใจห่อเหี่ยวไม่ฟื้นคืน ผู้นำกลุ่มกระตุ้นไม่ขึ้น มันจะเป็นการทำลายความเชื่อมั่นระยะยาวของกลุ่มไปเลย และอาจจะสะท้อนถึงความเชื่อมั่นของตัวเมมเบอร์ด้วยในที่สุด.
ยังคงเชื่อเหมือนเดิมเรื่องกลยุทธหลักในการลงโหวต BNK48 General Election ทุกครั้งที่ผ่านมาว่า.
1. ตี 1 นครสะท้าน 10 เมือง
เป็นกลยุทธที่ใช้การโจมตีอย่างดุดันกับเป้าหมายใหญ่ในครั้งแรก เพื่อแสดงพลังของกองทัพเรา เพื่อให้เกิดผลทางจิตวิทยาแก่เมืองรอบข้างหรือทัพคู่ต่อสู้คนอื่นๆ จะได้ไม่มีเมืองใดหรือทัพใดๆอีกที่จะกล้าจะเข้ามาสู้กับกองทัพของเรา เหมือนการตัดไม้ข่มนาม ซึ่งถ้าเปรียบกับการโหวตของเหล่าโอตะของเมมเบอร์ ก็คือใช้การทุ่มโหวตในศึกวันแรกที่มีการประกาศผลด่วนแบบที่เราเห็น เพื่อทำให้เกิดความประหลาดใจกับกลุ่มอื่น ยิ่งสร้างได้มากเท่าไร ก็ยิ่งมีผลต่อจิตวทยาของกลุ่มอื่นมากเท่านั้น อาจจะทำให้คู่แข่งท้อลงไปได้ เมื่อเห็นคะแนนที่ใส่มาของกลุ่มตนและที่สำคัญยังเพิ่มกำลังใจให้กับคนในกลุ่มรวมถึงตัวเมมเบอร์ที่ตัวเองสนับสนุนด้วย และประเด็นที่เป็นโบนัสก็คือภาพคะแนนนี้จะถูกเผยแพร่ออกทางสื่อต่างๆ ไปอีกเป็นระยะเวลา 1 เดือนก่อนวันชี้ขาด ซึ่งอาจจะมีผลต่อคนที่ไม่ได้ติดตามจะได้รู้จักเมมเบอร์ของกลุ่มนั้นมากขึ้นนั่นเอง.
แต่แผนนี้มีข้อดี ก็มีข้อเสียนั่นก็คือ โอตะกลุ่มอื่นๆ จะรู้กำลังของโอตะกลุ่มที่ใช้แผนนี้ ทันทีและอาจจะนำมาสู่การระดมพลครั้งใหญ่เพื่อตีโต้กลับได้ เพราะพอประมาณกำลังของคู่ต่อสู้ได้แล้ว และ ไม่รวมถึงว่าถ้ากลุ่มโอตะที่ใช้แผนนี้ กำลังพลมีเพียงใช้แค่นั้นจริงๆ เมื่อวันตัดสินมาถึง มันอาจจะทำให้สิ่งที่สร้างมา เป็นเพียงแค่พลุไฟชั่วคราวได้ ดังนั้นคนที่จะใช้แผนนี้ จำต้องสามารถระดมพลต่อตีในระยะยาวจนจบศึกได้ดีด้วย.
2. กระตุ้นขุนพล
เป็นกลยุทธที่ยอมให้คู่ต่อสู้สร้างผลงานเหนือขุนพลของฝั่งเรามากๆ เพื่อกระตุ้นให้ขุนพลฝั่งเราเกิดความกระหายทำศึกให้มากที่สุด เมื่อถึงเวลาออกรบจะได้มีพลังทำลายล้างขั้นสูงจากการเก็บกดความอยากเอาชนะไว้เป็นเวลานาน ทำให้ขุนพลแต่ละคนสู้สุดกำลังจนเอาชนะศึกได้ เปรียบเหมือนพวกหัวหน้ากองกำลัง ยอมโหวตแบบไม่ทุ่มวันแรกๆ(กั๊กโหวต) เพื่อสร้างความผิดหวังแก่เหล่าไพร่ทหาร พวกพ้องโอตะ จากนั้นก็จะใช้ทั้งพลังแห่งความผิดหวัง และ ความรู้สึกสงสารเมมเบอร์ของตนเองที่ต้องเศร้าเพราะอันดับตก เอามารวมกันและผลักดันเป็นพลังอยากจะเอาอันดับคืน จะได้ระดมพลทุ่มโหวตแบบมากมายกว่าเก่า เพื่อจะชนะศึกนี้ในปั้นปลาย นี่คือข้อดีของแผนนี้ที่คิดไว้.
แต่ข้อเสียของแผนนี้ก็คือ ถ้าผลออกมาตรงข้าม ขุนทหารจิตใจห่อเหี่ยวไม่ฟื้นคืน ผู้นำกลุ่มกระตุ้นไม่ขึ้น มันจะเป็นการทำลายความเชื่อมั่นระยะยาวของกลุ่มไปเลย และอาจจะสะท้อนถึงความเชื่อมั่นของตัวเมมเบอร์ด้วยในที่สุด.