#ดูมาแล้ว
เพื่อน (ไม่) สนิท (อัตตา เหมวดี)
"อย่าแคร์หน้าหนัง เพราะสิ่งที่ดีจริงซ่อนอยู่ในหนังแบบดีงามจริงๆ"
เขียนสั้นๆ ไปแล้วตั้งแต่ดูรอบสื่อจบหมาดๆ และเป็นอีกหนึ่งคนที่อยู่ในส่วนชอบหนัง เพื่อน (ไม่) สนิท มาก และออกจะเกินคาดจากหน้าหนังที่ปล่อยมาแต่แรก
สารภาพตรงๆ ก็ได้ รู้สึกเฉยๆ มากกับหน้าหนัง โปสเตอร์แรกๆ ที่ค่าย GDH ปล่อยออกมา (แต่ยังไงก็ดูอยู่ดีแหละ) แต่ก็ใจชื้นเล็กๆ เมื่อเห็นตัวอย่างแรกที่หนังปล่อยมา แต่ๆๆ ถ้าตัวหนังจริงๆ มันเหมือนตัวอย่างที่ปล่อยนี่ก็แทบไม่ต้องดูอะไรอีกแล้ว เพราะคิดแต่แรกว่าตัวอย่างมันเหมือนสปอยล์เนื้อเรื่องทั้งหมดแล้วไหม
แต่ๆๆ GDH ก็คือ GDH หน้าหนังแค่หลอก (จริงๆ ชอบโปสเตอร์ตัวใหม่ที่ปล่อยมามาก เพราะมันตรงกับหนังที่สื่อออกมามากๆ) ตัวอย่างก็แค่บอกผิวๆ เพราะหนังจริงๆ มัน โอ้โห ...มันมีอะไรดีๆ มันมีอะไรซ่อนอยู่ มีปมสำคัญที่ซ่อนไว้ และบทสรุปที่ปล่อยหมัดฮุคจนจุกเข้าลิ้นปี่ สุดท้าย ปี่แตก น้ำตาไหลช่วงใกล้จบในบทสรุปองก์สุดท้ายของหนัง
หนังเปิดเรื่องนี่ยังแอบเฉยๆ นะครับ โอเค..มันสนุก มันเบียวจริง และมันมาแบบสูตรสำเร็จ GDH เลย แต่ๆๆ พอหนังเล่นไปได้สักสิบนาที ด้วยสไตล์การเล่าเรื่องของผู้กำกับอัตตา ใช้เทคนิคการตัดต่อ ร้อยเรียงซีเควนซ์ต่างๆ มันทำให้ความเฉยๆ ที่เริ่มต้นค่อยๆ มีอะไรพิเศษๆ มากขึ้น จากเริ่มต้นคนดู (อย่างผม) อาจไม่ค่อยสนิทกับหนัง แต่หนังใช้เวลาไม่นานเลยที่พาคนดู (อย่างผม) สนิทไปกับตัวหนัง จนถึงจุดเปลี่ยนของหนังกับตัวละครสำคัญอีกหนึ่งที่ทำให้หนังพลิกไปอีกแบบ และนำไปสู่บทสรุปที่ดีเลยล่ะ
หนังเล่าเรื่องของเป้ (โทนี่ อันโทนี่ บุยเซอเรท์) ที่ย้ายโรงเรียนมากลางเทอมเพราะก่อเหตุทะเลาะวิวาทที่โรงเรียนเก่า รวมถึงการกดดันจากพ่อเรื่องการสอบเข้ามหาวิทยาลัยเป้จึงเหมือนเด็กที่ถูกกดดัน และปิดใจไม่สนิทกับใคร แม้โจ (จั๊มพ์ พิสิฐพล เอกพงศ์พิสิฐ) จะมาตีสนิทด้วยก็ตาม แต่จุดเปลี่ยนแรก เมื่อโจประสบอุบัติเหตุเสียชีวิต เป้เลยหยิบเรื่องสั้นของโจมาทำหนังสั้นเพื่อส่งเข้าโควต้าเพื่อเรียนต่อมหาวิทยาลัย และ ทีมทำหนังสั้นเฉพาะกิจก็เกิดขึ้น โดยมีอีกหนึ่งหัวหอกสำคัญคือ โบเก้ (ใบปอ ธิติยา) อดีตเพื่อนสนิทของโจ ที่ไม่เชื่อในตัวเป้อย่างสนิทใจเลยแม้แต่น้อย
ทั้งหมดที่เล่ามา คือสิ่งที่ตัวอย่างหนังบอกไว้หมดแล้ว แต่นั่นแค่ผิวๆ ของเรื่องราวในหนัง เพราะหนังจริงๆ มีอะไรมากมายที่ซ่อนไว้ และเชื่อเถอะ ว่าความแข็งแรงของบท สามารถพาหนังเล็กๆ เรื่องนี้ มีอะไรดีๆ มากและไปได้ไกลกว่าหน้าหนังและตัวอย่างที่ปรากฏ
จุดเด่นจริงๆ คือวิธีการเล่าหนังของผู้กำกับที่มีลูกล่อลูกชนกับคนดู กับการโชว์ความโดดเด่นด้านการตัดต่อ ที่สามารถเชื่อมซีนอดีต ปัจจุบัน สลับกันได้อย่างลงตัว และแต่ละซีนที่เรียงร้อยมันโอเคเลย เรื่องราวของโจก่อนและหลังเสียชีวิต ทั้งหมดถูกหนังประสานเชื่อมกันได้อย่างลงตัวไม่น้อยเลย
ถ้าจะหาจุดเอ๊ะจริงๆ ในหนัง ตัวหนังก็มีหลายจุดอยู่ไม่น้อยเลย รวมถึงการยังไม่กล้าหลุดจากคอมฟอร์ตโซนของค่ายที่ต้องเน้นฟีลกู๊ด ซึ่งจริงๆ ไม่ใช่ปัญหาใหญ่ของหนัง (อาจเป็นของผมคนเดียว) แต่ทั้งหมด มันถูกกลืน กลมกล่อมไปได้กับภาพรวมทั้งหมดของหนัง ซึ่งกล้าพูดตรงๆ ได้ว่า "เพื่อน (ไม่) สนิท" เป็นหนังไทยที่ดีจริงๆ อีกเรื่อง
สิ่งที่เสียดายจริงๆ คือจังหวะการฉายของหนังที่เจอทั้งของแรงและของแข็ง ซึ่งบอกตรงๆ เลย เราไม่อยากให้พลาดหนังเรื่องนี้เลยจริงๆ นะ ไม่รู้การพลิกเกมด้านการตลาดและกระแสปากต่อปากจะช่วยให้หนังเรื่องนี้ไปไกลแค่ไหน แต่ใจจริงๆ อยากให้หนังได้เงินมากๆ (ซึ่งก่อนหน้านี้แอบเสียดายหนังไทยดีๆ อีกเรื่องคือ 14 อีกครั้ง ที่ไม่ได้เงินเท่าที่ควร)
สั้นๆ ตอนที่ดูแอบคิดถึงความสัมพันธ์ระหว่างเจ้าชายน้อยกับหมาจิ้งจอกอยู่เหมือนกันนะ และแอบยิ้มเล็กๆ ที่หนังเอาจุดนี้มาเป็นส่วนหนึ่งในหนัง เพราะความสัมพันธฺของโจกับเป้ในหนัง รวมถึงโจกับโบเก้ และก๊วนๆ ทีมทำหนังสั้น มันก็เหมือนหมาจิ้งจอกกับเจ้าชายร้อยนี่แหละ ...เริ่มจากไม่สนิท แต่การเปิดใจเรียนรู้ซึ่งกันและกัน จากความไม่สนิท จะกลายมาเป็นสนิทได้อย่างสนิทใจจริงๆ
ชอบหนังเรื่องนี้มากครับ
#เพื่อนไม่สนิท
#NotFriends
#GDH #เอ้อระเหยลอยลม
https://www.facebook.com/urrahoei
[SR] รีวิว : เพื่อน(ไม่)สนิท :
เพื่อน (ไม่) สนิท (อัตตา เหมวดี)
"อย่าแคร์หน้าหนัง เพราะสิ่งที่ดีจริงซ่อนอยู่ในหนังแบบดีงามจริงๆ"
เขียนสั้นๆ ไปแล้วตั้งแต่ดูรอบสื่อจบหมาดๆ และเป็นอีกหนึ่งคนที่อยู่ในส่วนชอบหนัง เพื่อน (ไม่) สนิท มาก และออกจะเกินคาดจากหน้าหนังที่ปล่อยมาแต่แรก
สารภาพตรงๆ ก็ได้ รู้สึกเฉยๆ มากกับหน้าหนัง โปสเตอร์แรกๆ ที่ค่าย GDH ปล่อยออกมา (แต่ยังไงก็ดูอยู่ดีแหละ) แต่ก็ใจชื้นเล็กๆ เมื่อเห็นตัวอย่างแรกที่หนังปล่อยมา แต่ๆๆ ถ้าตัวหนังจริงๆ มันเหมือนตัวอย่างที่ปล่อยนี่ก็แทบไม่ต้องดูอะไรอีกแล้ว เพราะคิดแต่แรกว่าตัวอย่างมันเหมือนสปอยล์เนื้อเรื่องทั้งหมดแล้วไหม
แต่ๆๆ GDH ก็คือ GDH หน้าหนังแค่หลอก (จริงๆ ชอบโปสเตอร์ตัวใหม่ที่ปล่อยมามาก เพราะมันตรงกับหนังที่สื่อออกมามากๆ) ตัวอย่างก็แค่บอกผิวๆ เพราะหนังจริงๆ มัน โอ้โห ...มันมีอะไรดีๆ มันมีอะไรซ่อนอยู่ มีปมสำคัญที่ซ่อนไว้ และบทสรุปที่ปล่อยหมัดฮุคจนจุกเข้าลิ้นปี่ สุดท้าย ปี่แตก น้ำตาไหลช่วงใกล้จบในบทสรุปองก์สุดท้ายของหนัง
หนังเปิดเรื่องนี่ยังแอบเฉยๆ นะครับ โอเค..มันสนุก มันเบียวจริง และมันมาแบบสูตรสำเร็จ GDH เลย แต่ๆๆ พอหนังเล่นไปได้สักสิบนาที ด้วยสไตล์การเล่าเรื่องของผู้กำกับอัตตา ใช้เทคนิคการตัดต่อ ร้อยเรียงซีเควนซ์ต่างๆ มันทำให้ความเฉยๆ ที่เริ่มต้นค่อยๆ มีอะไรพิเศษๆ มากขึ้น จากเริ่มต้นคนดู (อย่างผม) อาจไม่ค่อยสนิทกับหนัง แต่หนังใช้เวลาไม่นานเลยที่พาคนดู (อย่างผม) สนิทไปกับตัวหนัง จนถึงจุดเปลี่ยนของหนังกับตัวละครสำคัญอีกหนึ่งที่ทำให้หนังพลิกไปอีกแบบ และนำไปสู่บทสรุปที่ดีเลยล่ะ
หนังเล่าเรื่องของเป้ (โทนี่ อันโทนี่ บุยเซอเรท์) ที่ย้ายโรงเรียนมากลางเทอมเพราะก่อเหตุทะเลาะวิวาทที่โรงเรียนเก่า รวมถึงการกดดันจากพ่อเรื่องการสอบเข้ามหาวิทยาลัยเป้จึงเหมือนเด็กที่ถูกกดดัน และปิดใจไม่สนิทกับใคร แม้โจ (จั๊มพ์ พิสิฐพล เอกพงศ์พิสิฐ) จะมาตีสนิทด้วยก็ตาม แต่จุดเปลี่ยนแรก เมื่อโจประสบอุบัติเหตุเสียชีวิต เป้เลยหยิบเรื่องสั้นของโจมาทำหนังสั้นเพื่อส่งเข้าโควต้าเพื่อเรียนต่อมหาวิทยาลัย และ ทีมทำหนังสั้นเฉพาะกิจก็เกิดขึ้น โดยมีอีกหนึ่งหัวหอกสำคัญคือ โบเก้ (ใบปอ ธิติยา) อดีตเพื่อนสนิทของโจ ที่ไม่เชื่อในตัวเป้อย่างสนิทใจเลยแม้แต่น้อย
ทั้งหมดที่เล่ามา คือสิ่งที่ตัวอย่างหนังบอกไว้หมดแล้ว แต่นั่นแค่ผิวๆ ของเรื่องราวในหนัง เพราะหนังจริงๆ มีอะไรมากมายที่ซ่อนไว้ และเชื่อเถอะ ว่าความแข็งแรงของบท สามารถพาหนังเล็กๆ เรื่องนี้ มีอะไรดีๆ มากและไปได้ไกลกว่าหน้าหนังและตัวอย่างที่ปรากฏ
จุดเด่นจริงๆ คือวิธีการเล่าหนังของผู้กำกับที่มีลูกล่อลูกชนกับคนดู กับการโชว์ความโดดเด่นด้านการตัดต่อ ที่สามารถเชื่อมซีนอดีต ปัจจุบัน สลับกันได้อย่างลงตัว และแต่ละซีนที่เรียงร้อยมันโอเคเลย เรื่องราวของโจก่อนและหลังเสียชีวิต ทั้งหมดถูกหนังประสานเชื่อมกันได้อย่างลงตัวไม่น้อยเลย
ถ้าจะหาจุดเอ๊ะจริงๆ ในหนัง ตัวหนังก็มีหลายจุดอยู่ไม่น้อยเลย รวมถึงการยังไม่กล้าหลุดจากคอมฟอร์ตโซนของค่ายที่ต้องเน้นฟีลกู๊ด ซึ่งจริงๆ ไม่ใช่ปัญหาใหญ่ของหนัง (อาจเป็นของผมคนเดียว) แต่ทั้งหมด มันถูกกลืน กลมกล่อมไปได้กับภาพรวมทั้งหมดของหนัง ซึ่งกล้าพูดตรงๆ ได้ว่า "เพื่อน (ไม่) สนิท" เป็นหนังไทยที่ดีจริงๆ อีกเรื่อง
สิ่งที่เสียดายจริงๆ คือจังหวะการฉายของหนังที่เจอทั้งของแรงและของแข็ง ซึ่งบอกตรงๆ เลย เราไม่อยากให้พลาดหนังเรื่องนี้เลยจริงๆ นะ ไม่รู้การพลิกเกมด้านการตลาดและกระแสปากต่อปากจะช่วยให้หนังเรื่องนี้ไปไกลแค่ไหน แต่ใจจริงๆ อยากให้หนังได้เงินมากๆ (ซึ่งก่อนหน้านี้แอบเสียดายหนังไทยดีๆ อีกเรื่องคือ 14 อีกครั้ง ที่ไม่ได้เงินเท่าที่ควร)
สั้นๆ ตอนที่ดูแอบคิดถึงความสัมพันธ์ระหว่างเจ้าชายน้อยกับหมาจิ้งจอกอยู่เหมือนกันนะ และแอบยิ้มเล็กๆ ที่หนังเอาจุดนี้มาเป็นส่วนหนึ่งในหนัง เพราะความสัมพันธฺของโจกับเป้ในหนัง รวมถึงโจกับโบเก้ และก๊วนๆ ทีมทำหนังสั้น มันก็เหมือนหมาจิ้งจอกกับเจ้าชายร้อยนี่แหละ ...เริ่มจากไม่สนิท แต่การเปิดใจเรียนรู้ซึ่งกันและกัน จากความไม่สนิท จะกลายมาเป็นสนิทได้อย่างสนิทใจจริงๆ
ชอบหนังเรื่องนี้มากครับ
#เพื่อนไม่สนิท
#NotFriends
#GDH #เอ้อระเหยลอยลม
https://www.facebook.com/urrahoei
SR - Sponsored Review : กระทู้รีวิวนี้เป็นกระทู้ SR โดยที่เจ้าของกระทู้