มีเรื่องอยากระบายค่ะ เรื่องมีอยู่ว่า มีเด็กๆของคนในหมู่บ้านเดียวกันนี่แหละค่ะ วัยประมาณอนุบาล-ประถม ประมาณ4-6 คน ชอบปั่นจกย. วิ่งเล่นรอบหมู่บ้านแล้วก็กรี๊ดๆๆ กันสนุกสนานเสียงดัง ลั่นซอย เกือบทุกวัน เลยค่ะ ในช่วงเงลาเย็น เป็นเวลาประมาณ2ชม. เราได้ยินแล้วใจสั่นระรัวเป็นแพนิก ปวดประสาทมาก เราทนมานาน และเพิ่งได้พิมพ์บอก ในกลุ่มหมู่บ้านว่า ช่วยรบกวนดูแลลูกหลานเด็กกรี๊ดเสียงดังมากเลย เล่นกันที่ซอยนี้ แล้วมี ผู้ปกครอง เพียงคนเดียว พิมพ์ว่าขอโทษค่ะ
ผ่านไปสัก1-2วัน เรารู้สึกว่าสามีของผญ.คนที่พูดว่าขอโทษเราในกลุ่ม เค้ายืนมองหน้าเราแบบแปลกๆ เหมือนมีอะไรในใจ เราพยายามจะไม่สนใจ แต่ก็ตะงิดใจ เราเลยสังหรใจ ลองไปดูในทามไลน์ของผญ. คนที่เคยขอโทษเรา ปรากฎว่าเค้าพิมพ์ด่าเราค่ะ ตั้งเป็นสาธารณะ ประมาณว่า
ว่า อิบ้าเมนไม่มาหรอเด็กเสียงดังแค่นี้ก็มีปัญหา แล้วมีคนมาเม้นท์ต่อว่า ถ้าเสียงดังก็ปิดกระจกดิ แล้วเราก็ไปเม้นท์ ว่าเค้ายาวๆ สรุปใจความได้ว่า ไม่มีจิตสำนึกเลย แล้วเค้าก็แคป ข้อความที่เราด่าเค้าไปลงกลุ่มหมู่บ้าน ว่าเรามีปัญหากับเค้า
จากนั้น พวกผู้ปกครองในหมู่บ้าน ต่างรุมว่าเราเช่น ประมาณว่า
1. เด็กก็คือเด็ก เล่นตามประสา จะเอาอะไรกับเด็กนักหนา เด็กเค้าเล่นกันสนุกสนาน
2. มีคนผสมโรงอยู่เรื่อย ไล่เราไปซื้อบ้านอยู่กลางทุ่งนาสิบ้าง ไล่เราไปอยู่บ้านที่ไม่มีสังคมบ้าง
3. มีคนพูดลอยๆ ขึ้นมาว่า เนี่ยผม อ่ะชอบ ได้ยินเสียงเด็กเล่นกันนะครับ มันทำให้ผมได้รู้สึกคิดถึงลูก (เอิ่ม... เราคิดในใจ ถ้าคิดถึงมากเปิดเสียงเด็กกรี๊ดทุกวันกรอกหูคนเดียวสิ)
4.ว่าเราใจร้ายใจแคบ มีลูกแล้วถึงจะเข้าใจ
เวลาเด็กเล่นกันกลางถนน ผู้ปกครองยืนดูรถ แล้วให้รถหลบลูกตัวเอง ไม่เคยเห็นพ่อแม่คนไหน พาลูกหลบรถและบอก ให้ลูกหลบรถ เห็นแล้วหมั่นเขี้ยวมากค่ะ
และเราก็พูดถึง มารยาทที่อยู่ร่วมกันในสังคม ยิ่งคนอยู่เยอะยิ่งต้องมีความเกรงใจซึ่งกันและกัน
บ้านที่ต้นเรื่อง ที่ทำให้เป็นเหตุทะเลาะกันในกลุ่มเค้าก็มีนิสัย ชอบจอดรถขวางหน้าบ้านคนอื่น ชอบเอาผ้า มาตากหน้าบ้านของคนอื่น ชอบให้ลูกเตะบอลหน้าบ้านเล่น บางวัน มากระแทกรั้วบ้าน กระแทกรถคนอื่น และเสียงบอล มันดังมาก บางทีเห็นแตะเข้ารั้วบ้านคนอื่นเล่น คนเป็นพ่อเป็นคนทำ แต่เราไม่เคยไปว่าอะไรเลยเห็นอยู่ตลอด เพราะเราก็คิด ถึงใจเขาใจเรา ว่า เค้าก็ใช้ชีวิตปกติ แต่เสียเรื่องนึงที่ขัดตา ก็ตรง ชอบจอด รถ/ชอบตากผ้าหน้าบ้านคนอื่น นี่แหละแต่เราไม่เคย ไปว่าอะไรเค้าเลย เพราะเรื่องของเค้ากับ บ้านคนอื่นให้เครียร์กันเอง
แต่ติดใจเรื่องเดียวที่ เราไม่มีสิทธิ์พูด และแตะต้อง อะไรเด็กไม่ได้เลย
โดนด่า ว่าใจร้ายใจแคบ ทั้งๆที่เราทนมานานแล้วไม่เคยพูดเลย
พอพูดไป ไม่มีใคร ขอโทษหรือบอกจะดูแลลูกหลานดีๆ มีแค่คนเดียว ที่ขอโทษแล้วไปด่าเราทีหลัง
แล้วทุกๆ ครั้ง ที่เราได้ยินได้เห็น เด็กกรี๊ดแหกปาก หัวเราะสนุกสนาน พ่อแม่ที่ยืนอยู่ไม่เคย สอนให้ลูกเบาๆ
พ่อแม่ชอบอ้างว่าก็เด็กมีความสุขอ่ะ
ขนาดเราเป็นผู้ใหญ่ มีความสนุก มีความสุข ถ้าจะกรี๊ดจะหัวเราะต้องดูด้วยว่าเราอยู่ไหน รู้กาลเทสะ เด็กก็ต้องสอนตั้งแต่ยังเล็กเหมือนกัน
ถ้าอยู่ในสนามเด็กเล่น ในบ้านของตัวเอง หรือที่ไหน ที่กรี๊ดอย่างสนุกมีความสุขได้ไม่มีใครว่าแต่นี่ มันอยู่หน้าบ้านคนอื่นพื้นที่ส่วนรวมเลยและเค้า
ก็เถียง เราคำพูดยอดฮิต พื้นที่สาธารณะ ใครจะทำอะไรก็ได้ เด็กจะเล่นที่ไหนก็ได้ มันไม่ใช่ พื้นที่ส่วนตัว มีคนพิมพ์แบบนี้เยอะมาก ว่ามันไม่ใช่พื้นที่ส่วนตัว เด็กเค้าเล่นกัน และเถียงกันไปเถียงกันมาไม่จบสิ้น
แต่หลังจากกลุ่มไลน์แตกเพราะเราวันนั้น 2 ปีต่อมา พ่อแม่เก็บเด็กเรียบ ไม่มีปล่อยมาวิ่งพล่านแหกปาก เราคิดใจใจ เออ เค้าก็ดีเหมือนกัน ถึงจากปากดีด่าเราในกลุ่ม แต่ก็ยังดีที่มีจิตสำนึกและมีความรับผิดชอบต่อส่วนรวม
แต่สบายใจได้อยู่2ปีค่ะ มันมาอีกแล้วเสียงเดิม แบบเดิม
เล่นๆกัน อยู่ๆ กรี๊ดดดดด แหกปากลั่นซอยทุกวันในเวลาเย็น
เราก็ไม่อยาก จะบอกอะไรอีกแล้วค่ะ ได้แต่ทำใจ วันที่มีปัญหากันวันนั้น เราแพนิก เวียนหัว ตัวรัอน ไข้ขึ้นไป3วัน เลย เพราะเครียด เพราะเวลาที่เราทะเลาะกับใครจะเป็นแบบนี้และอีกอย่างนึง ทนไปก่อน ถ้าสุดจริงๆ และรบกวนเรามากจริงๆ คงพูดอีกครั้ง
แต่จะบอกว่าถ้าเรามีลูกเราจะสอนให้ลูกไม่รบกวนคนอื่นอย่างแน่นอน
เด็กกรี๊ดเล่นกันเสียงดังพูดอะไรไม่ได้แตะต้องอะไรไม่ได้เลยค่ะ
ผ่านไปสัก1-2วัน เรารู้สึกว่าสามีของผญ.คนที่พูดว่าขอโทษเราในกลุ่ม เค้ายืนมองหน้าเราแบบแปลกๆ เหมือนมีอะไรในใจ เราพยายามจะไม่สนใจ แต่ก็ตะงิดใจ เราเลยสังหรใจ ลองไปดูในทามไลน์ของผญ. คนที่เคยขอโทษเรา ปรากฎว่าเค้าพิมพ์ด่าเราค่ะ ตั้งเป็นสาธารณะ ประมาณว่า
ว่า อิบ้าเมนไม่มาหรอเด็กเสียงดังแค่นี้ก็มีปัญหา แล้วมีคนมาเม้นท์ต่อว่า ถ้าเสียงดังก็ปิดกระจกดิ แล้วเราก็ไปเม้นท์ ว่าเค้ายาวๆ สรุปใจความได้ว่า ไม่มีจิตสำนึกเลย แล้วเค้าก็แคป ข้อความที่เราด่าเค้าไปลงกลุ่มหมู่บ้าน ว่าเรามีปัญหากับเค้า
จากนั้น พวกผู้ปกครองในหมู่บ้าน ต่างรุมว่าเราเช่น ประมาณว่า
1. เด็กก็คือเด็ก เล่นตามประสา จะเอาอะไรกับเด็กนักหนา เด็กเค้าเล่นกันสนุกสนาน
2. มีคนผสมโรงอยู่เรื่อย ไล่เราไปซื้อบ้านอยู่กลางทุ่งนาสิบ้าง ไล่เราไปอยู่บ้านที่ไม่มีสังคมบ้าง
3. มีคนพูดลอยๆ ขึ้นมาว่า เนี่ยผม อ่ะชอบ ได้ยินเสียงเด็กเล่นกันนะครับ มันทำให้ผมได้รู้สึกคิดถึงลูก (เอิ่ม... เราคิดในใจ ถ้าคิดถึงมากเปิดเสียงเด็กกรี๊ดทุกวันกรอกหูคนเดียวสิ)
4.ว่าเราใจร้ายใจแคบ มีลูกแล้วถึงจะเข้าใจ
เวลาเด็กเล่นกันกลางถนน ผู้ปกครองยืนดูรถ แล้วให้รถหลบลูกตัวเอง ไม่เคยเห็นพ่อแม่คนไหน พาลูกหลบรถและบอก ให้ลูกหลบรถ เห็นแล้วหมั่นเขี้ยวมากค่ะ
และเราก็พูดถึง มารยาทที่อยู่ร่วมกันในสังคม ยิ่งคนอยู่เยอะยิ่งต้องมีความเกรงใจซึ่งกันและกัน
บ้านที่ต้นเรื่อง ที่ทำให้เป็นเหตุทะเลาะกันในกลุ่มเค้าก็มีนิสัย ชอบจอดรถขวางหน้าบ้านคนอื่น ชอบเอาผ้า มาตากหน้าบ้านของคนอื่น ชอบให้ลูกเตะบอลหน้าบ้านเล่น บางวัน มากระแทกรั้วบ้าน กระแทกรถคนอื่น และเสียงบอล มันดังมาก บางทีเห็นแตะเข้ารั้วบ้านคนอื่นเล่น คนเป็นพ่อเป็นคนทำ แต่เราไม่เคยไปว่าอะไรเลยเห็นอยู่ตลอด เพราะเราก็คิด ถึงใจเขาใจเรา ว่า เค้าก็ใช้ชีวิตปกติ แต่เสียเรื่องนึงที่ขัดตา ก็ตรง ชอบจอด รถ/ชอบตากผ้าหน้าบ้านคนอื่น นี่แหละแต่เราไม่เคย ไปว่าอะไรเค้าเลย เพราะเรื่องของเค้ากับ บ้านคนอื่นให้เครียร์กันเอง
แต่ติดใจเรื่องเดียวที่ เราไม่มีสิทธิ์พูด และแตะต้อง อะไรเด็กไม่ได้เลย
โดนด่า ว่าใจร้ายใจแคบ ทั้งๆที่เราทนมานานแล้วไม่เคยพูดเลย
พอพูดไป ไม่มีใคร ขอโทษหรือบอกจะดูแลลูกหลานดีๆ มีแค่คนเดียว ที่ขอโทษแล้วไปด่าเราทีหลัง
แล้วทุกๆ ครั้ง ที่เราได้ยินได้เห็น เด็กกรี๊ดแหกปาก หัวเราะสนุกสนาน พ่อแม่ที่ยืนอยู่ไม่เคย สอนให้ลูกเบาๆ
พ่อแม่ชอบอ้างว่าก็เด็กมีความสุขอ่ะ
ขนาดเราเป็นผู้ใหญ่ มีความสนุก มีความสุข ถ้าจะกรี๊ดจะหัวเราะต้องดูด้วยว่าเราอยู่ไหน รู้กาลเทสะ เด็กก็ต้องสอนตั้งแต่ยังเล็กเหมือนกัน
ถ้าอยู่ในสนามเด็กเล่น ในบ้านของตัวเอง หรือที่ไหน ที่กรี๊ดอย่างสนุกมีความสุขได้ไม่มีใครว่าแต่นี่ มันอยู่หน้าบ้านคนอื่นพื้นที่ส่วนรวมเลยและเค้า
ก็เถียง เราคำพูดยอดฮิต พื้นที่สาธารณะ ใครจะทำอะไรก็ได้ เด็กจะเล่นที่ไหนก็ได้ มันไม่ใช่ พื้นที่ส่วนตัว มีคนพิมพ์แบบนี้เยอะมาก ว่ามันไม่ใช่พื้นที่ส่วนตัว เด็กเค้าเล่นกัน และเถียงกันไปเถียงกันมาไม่จบสิ้น
แต่หลังจากกลุ่มไลน์แตกเพราะเราวันนั้น 2 ปีต่อมา พ่อแม่เก็บเด็กเรียบ ไม่มีปล่อยมาวิ่งพล่านแหกปาก เราคิดใจใจ เออ เค้าก็ดีเหมือนกัน ถึงจากปากดีด่าเราในกลุ่ม แต่ก็ยังดีที่มีจิตสำนึกและมีความรับผิดชอบต่อส่วนรวม
แต่สบายใจได้อยู่2ปีค่ะ มันมาอีกแล้วเสียงเดิม แบบเดิม
เล่นๆกัน อยู่ๆ กรี๊ดดดดด แหกปากลั่นซอยทุกวันในเวลาเย็น
เราก็ไม่อยาก จะบอกอะไรอีกแล้วค่ะ ได้แต่ทำใจ วันที่มีปัญหากันวันนั้น เราแพนิก เวียนหัว ตัวรัอน ไข้ขึ้นไป3วัน เลย เพราะเครียด เพราะเวลาที่เราทะเลาะกับใครจะเป็นแบบนี้และอีกอย่างนึง ทนไปก่อน ถ้าสุดจริงๆ และรบกวนเรามากจริงๆ คงพูดอีกครั้ง
แต่จะบอกว่าถ้าเรามีลูกเราจะสอนให้ลูกไม่รบกวนคนอื่นอย่างแน่นอน