อะไรคือสาเหตุให้คิดว่า จิต คือ วิญญาณขันธ์ ในขันธ์ 5 ครับ
ในเมื่อพระพุทธเจ้าตรัสว่า “จิตวิมุติ คลายกำหนัด หลุดพ้นจากอาสวะและขันธ์ 5 (รูป เวทนา สัญญา สังขาร วิญญาณ)” ชัดเจนมีผู้หลุดพ้น คือ จิต และผู้ถูกหลุดพ้น คือ อาสวะและขันธ์
และพระพุทธเจ้าตรัสชัดเจนว่า มหาภูตทั้ง 4 (ดิน น้ำ ลม ไฟ) เป็นปัจจัยให้เกิด รูป (กาย)
ผัสสะ เป็นปัจจัยให้เกิด นาม (เวทนา สัญญา สังขาร)
นามรูป เป็นปัจจัยให้เกิด วิญญาณขันธ์
จะเห็นว่าวิญญาณขันธ์ เกิดทีหลัง นามรูปเสียอีก
ดังนั้น วิญญาณขันธ์จึงเป็นเพียงอาการรู้ของจิตผ่านมโนทวารทั้ง 6 คือ ตา หู จมูก ลิ้น กายและใจ แต่ไม่ใช่จิต เป็นเพียงอาการของจิตเท่านั้น
อ้างอิง
พระไตรปิฎก เล่มที่ ๑๗ พระสุตตันตปิฎก เล่มที่ ๙
สังยุตตนิกาย ขันธวารวรรค
“เมื่อความยึดมั่นอย่างแรงกล้าไม่มี จิตย่อมคลายกำหนัดในรูป เวทนา สัญญา สังขาร และวิญญาณ ย่อมหลุดพ้นจากอาสวะทั้งหลาย เพราะไม่ถือมั่น. เพราะหลุดพ้น จิตจึงดำรงอยู่ เพราะดำรงอยู่ จึงยินดีพร้อมเพราะยินดีพร้อม จึงไม่สะดุ้ง เมื่อไม่สะดุ้ง ย่อมดับรอบเฉพาะตนเท่านั้น ภิกษุนั้น ย่อมรู้ชัดว่า ชาติสิ้นแล้ว”
พระไตรปิฎกเล่มที่ ๑๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๙
สังยุตตนิกาย ขันธวารวรรค
ว่าด้วยเหตุปัจจัยแห่งขันธ์ ๕
[๑๘๗] ภิกษุนั้น ชื่นชมอนุโมทนาภาษิตของพระผู้มีพระภาคว่า ดีแล้วพระเจ้าข้า แล้ว
ได้ทูลถามปัญหาที่ยิ่งขึ้นไปว่า ข้าแต่พระองค์ผู้เจริญ อะไรหนอเป็นเหตุเป็นปัจจัยทำให้รูปขันธ์
เวทนาขันธ์ สัญญาขันธ์ สังขารขันธ์ วิญญาณขันธ์ ปรากฏ?
พ. ดูกรภิกษุ มหาภูตรูป ๔ แล เป็นเหตุเป็นปัจจัยทำให้รูปขันธ์ปรากฏ. ผัสสะ เป็น
เหตุเป็นปัจจัยทำให้เวทนาขันธ์ปรากฏ. ผัสสะ เป็นเหตุเป็นปัจจัย ทำให้สัญญาขันธ์ปรากฏ.
ผัสสะ เป็นเหตุเป็นปัจจัยทำให้สังขารขันธ์ปรากฏ. นามรูปเป็นเหตุเป็นปัจจัยทำให้วิญญาณขันธ์ปรากฏ.
อะไรคือสาเหตุให้คิดว่า จิต คือ วิญญาณขันธ์ ในขันธ์ 5 ครับ
ในเมื่อพระพุทธเจ้าตรัสว่า “จิตวิมุติ คลายกำหนัด หลุดพ้นจากอาสวะและขันธ์ 5 (รูป เวทนา สัญญา สังขาร วิญญาณ)” ชัดเจนมีผู้หลุดพ้น คือ จิต และผู้ถูกหลุดพ้น คือ อาสวะและขันธ์
และพระพุทธเจ้าตรัสชัดเจนว่า มหาภูตทั้ง 4 (ดิน น้ำ ลม ไฟ) เป็นปัจจัยให้เกิด รูป (กาย)
ผัสสะ เป็นปัจจัยให้เกิด นาม (เวทนา สัญญา สังขาร)
นามรูป เป็นปัจจัยให้เกิด วิญญาณขันธ์
จะเห็นว่าวิญญาณขันธ์ เกิดทีหลัง นามรูปเสียอีก
ดังนั้น วิญญาณขันธ์จึงเป็นเพียงอาการรู้ของจิตผ่านมโนทวารทั้ง 6 คือ ตา หู จมูก ลิ้น กายและใจ แต่ไม่ใช่จิต เป็นเพียงอาการของจิตเท่านั้น
อ้างอิง
พระไตรปิฎก เล่มที่ ๑๗ พระสุตตันตปิฎก เล่มที่ ๙
สังยุตตนิกาย ขันธวารวรรค
“เมื่อความยึดมั่นอย่างแรงกล้าไม่มี จิตย่อมคลายกำหนัดในรูป เวทนา สัญญา สังขาร และวิญญาณ ย่อมหลุดพ้นจากอาสวะทั้งหลาย เพราะไม่ถือมั่น. เพราะหลุดพ้น จิตจึงดำรงอยู่ เพราะดำรงอยู่ จึงยินดีพร้อมเพราะยินดีพร้อม จึงไม่สะดุ้ง เมื่อไม่สะดุ้ง ย่อมดับรอบเฉพาะตนเท่านั้น ภิกษุนั้น ย่อมรู้ชัดว่า ชาติสิ้นแล้ว”
พระไตรปิฎกเล่มที่ ๑๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๙
สังยุตตนิกาย ขันธวารวรรค
ว่าด้วยเหตุปัจจัยแห่งขันธ์ ๕
[๑๘๗] ภิกษุนั้น ชื่นชมอนุโมทนาภาษิตของพระผู้มีพระภาคว่า ดีแล้วพระเจ้าข้า แล้ว
ได้ทูลถามปัญหาที่ยิ่งขึ้นไปว่า ข้าแต่พระองค์ผู้เจริญ อะไรหนอเป็นเหตุเป็นปัจจัยทำให้รูปขันธ์
เวทนาขันธ์ สัญญาขันธ์ สังขารขันธ์ วิญญาณขันธ์ ปรากฏ?
พ. ดูกรภิกษุ มหาภูตรูป ๔ แล เป็นเหตุเป็นปัจจัยทำให้รูปขันธ์ปรากฏ. ผัสสะ เป็น
เหตุเป็นปัจจัยทำให้เวทนาขันธ์ปรากฏ. ผัสสะ เป็นเหตุเป็นปัจจัย ทำให้สัญญาขันธ์ปรากฏ.
ผัสสะ เป็นเหตุเป็นปัจจัยทำให้สังขารขันธ์ปรากฏ. นามรูปเป็นเหตุเป็นปัจจัยทำให้วิญญาณขันธ์ปรากฏ.