เตรียมต้อนรับช่วงเทศกาลฮาโลวีนไปกับการฉายภาพยนตร์ ที่เล่าขานถึงตำนานผีดูดเลือดผู้เป็นราชาแห่งรัตติกาล


เตรียมต้อนรับช่วงเทศกาลฮาโลวีนไปกับการฉายภาพยนตร์
ที่เล่าขานถึงตำนานผีดูดเลือดผู้เป็นราชาแห่งรัตติกาล 


ภาพยนตร์เรื่อง Nosferatu - Phantom of the Night 
จะทำการฉายในวันที่ 21 ตุลาคม 2566 
เวลา 16.00 น. ณ RCB Forum ชั้น 2 ริเวอร์ ซิตี้ แบงค็อก


RCB Film Club โดย ริเวอร์ ซิตี้ แบงค็อก ร่วมกับ สถาบันเกอเธ่ กรุงเทพฯ สถาบันด้านวัฒนธรรมเยอรมัน ณ กรุงเทพฯ มีความยินดีที่จะนำเสนอการฉายภาพยนตร์ “Nosferatu – Phantom of the Night” ดัดแปลงจากหนังสือเรื่อง “DRACULA” (1897) บทประพันธ์แนวสยองขวัญชื่อดังของ บราม สโตกเกอร์ และภาพยนตร์เงียบ (Silent Film) ฉบับปี ค.ศ. 1921 เรื่อง “NOSFERATU” ของผู้กำกับชาวเยอรมันที่มีชื่อว่า F.W. มูร์เนา โดยในภาพยนตร์ฉบับปี ค.ศ. 1978 นี้ ผู้กำกับ แวร์เนอร์ แฮร์ซ็อก ก็ได้ดัดแปลงเรื่องราวตำนานแวมไพร์ที่เล่าขานต่อกันมานับไม่ถ้วนผ่านวิสัยทัศน์และวัฒนธรรมตามแบบเยอรมันดั้งเดิมของเขา

ภาพยนตร์รีเมคจากเรื่อง NOSFERATU ของ F.W. มูเนาร์ เรื่องนี้เล่าถึงเรื่องราวของ โจนาธาน ฮาร์เกอร์ ตัวละครหลักจากนิยายต้นฉบับของ บราม สโตกเกอร์ ผู้เดินทางออกจากเมืองวิสมาร์มุ่งหน้าไปยังทรานซิลเวเนียเพื่อเจรจาการซื้อบ้านกับท่านเคานต์แดร๊กคูล่า แต่หลังจากที่ได้พักค้างคืนที่ปราสาทของท่านเคานต์ โจนาธานก็ต้องตกใจเมื่อพบรอยแดงเล็ก ๆ บริเวณต้นคอของเขาในเช้าวันต่อมา สุดท้ายเขาก็ค้นพบว่าแท้จริงแล้วแดร๊กคูล่านั้นเป็นผีดูดเลือดหรือ ‘แวมไพร์’ นั่นเอง

เมื่อได้รับรู้ความจริง โจนาธานก็หลบหนีออกมาจากปราสาทของแดร๊กคูล่าโดยไม่รู้ตัวเลยว่าท่านเคานต์เองก็กำลังเดินทางมาที่เมืองวิสมาร์แล้วเช่นกัน ซึ่งระหว่างทางที่เขากำลังเดินทางมานั้นแดร๊กคูล่าก็ได้จัดการสังหารลูกเรือบนเรือขนสินค้าลำนั้นไปจนหมด อีกทั้งยังแพร่เชื้อแวมไพร์ของตนในเมืองเล็ก ๆ ใกล้เคียงอีกด้วย 

ลูซี่ ผู้เป็นภรรยาของโจนาธาน จึงได้ตัดสินใจเสียสละตนเองโดยการยอมจำนนต่อแดร๊กคูล่า และเมื่อแสงแห่งรุ่งอรุณของเช้าวันต่อไปมาถึง เหล่าแวมไพร์ก็สูญสลายหายไป หากแต่โจนาธานกลับกลายเป็นแวมไพร์กลายพันธุ์ที่ทนทานต่อแสงอาทิตย์และเริ่มออกแพร่เชื้อแวมไพร์ของเขาไปทั่วทุกมุมโลก

ในภาพยนตร์เรื่อง NOSFERATU ฉบับนี้ ผู้กำกับ แวร์เนอร์ แฮร์ซ็อก ได้ปรับใช้ความนิยมในการสร้างสรรค์ผลงานของเขาด้วยการใส่เสียงเพลงและวิสัยทัศน์ของตนลงไปขณะผสมผสานรูปแบบดั้งเดิมของการทำภาพยนตร์แนวเอ็กซ์เพรสชันนิสม์ (Expressionism) ทำให้ผลงานของเขามีความเป็นเอกลักษณ์แม้จะมีการปรับใช้แนวคิดจากผลงานต้นฉบับของ F.W. มูร์เนา จากภาพยนตร์ต้นฉบับเรื่อง NOSFERATU (1922) แฮร์ซ็อกได้กล่าวว่า “ฉันอยากจะแสดงให้เห็นถึงภูมิทัศน์ภายใน (Inner Landscapes)!” เขาสนใจที่จะนำเสนอแนวคิดของความสยองขวัญที่รุกรานเข้าสู่โลกของชนชั้นกลางที่มักถูกเชื่อว่าเป็นสถานที่ปลอดภัย โดยได้ให้ความเห็นเพิ่มเติมไว้ว่าเขารู้สึกได้ถึงความชัดเจนในการสร้างสรรค์ผลงานมากขึ้นหลังจากการทำภาพยนตร์เรื่อง NOSFERATU เรื่องนี้


นอกจากนี้หลังจบการฉายภาพยนตร์ ท่านจะยังได้พบกับ ประวิทย์ แต่งอักษร นักวิจารณ์ภาพยนตร์และอาจารย์สอนวิจารณ์ภาพยนตร์จากมหาวิทยาลัยหลายแห่ง ผู้จะนำท่านท่องไปยังเรื่องราวอันน่าสนใจของแดร็กคูล่ากับการพูดคุยในหัวข้อ “ประวัติศาสตร์หนัง Horror: อิทธิพลจากศิลปะเยอรมันที่มีต่อภาพยนตร์สยองขวัญฮอลลีวูดหรือทั้งโลก” ผ่านการตีความจากภาพยนตร์รีเมคจากฉบับภาพยนตร์คลาสสิก Nosferatu เมื่อปี ค.ศ. 1922 

เรื่อง Nosferatu: Phantom of the Night ที่เรานำมาฉายให้ทุกท่านได้ชมกันนี้ เรียกได้ว่าเป็นการเสวนาที่พลาดไม่ได้เลยสำหรับคนรักภาพยนตร์ทุกท่าน 

หมายเหตุ: การเสวนาเป็นภาษาไทย

แล้วมาพบกับการฉายภาพยนตร์ Nosferatu: Phantom of the Night ได้ในวันที่ 21 ตุลาคม 2566 เวลา 14.00 น. ที่ RCB Forum ชั้น 2 ริเวอร์ ซิตี้ แบงค็อก ซื้อบัตรเข้าชมภาพยนตร์ราคาเพียง 100 บาทได้แล้ววันนี้ที่ https://www.ticketmelon.com/rivercitybangkok/nosferatu

#RCBFilm
#RCBExperimentalArtLab
#RiverCityBangkok
#RiverCityContemporary

พาพันเคลิ้มพาพันรักสัตว์พาพันชอบ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่