กระทู้นี้ แทบจะไม่ได้พูดถึงเกี่ยวกับ Meta Quest 3 เลย ว่ามันเป็นอย่างไร ดี เสีย อย่างไร แต่ว่าเรื่องราวต่าง ๆ ที่มาเขียนถึงในวันนี้ เกิดจากความอยากได้ Meta Quest3 เป็นพิเศษ จึงกลายเป็นกระทู้นี้ขึ้นมา
เพื่อจะได้ตัดสินใจว่าจะอ่านเนื้อหาที่เหลือต่อ หรือหยุดอ่านเพียงแค่นี้ จึงขออธิบายขยายความหัวข้อกระทู้ คือจะเป็นการพูดถึงเหตุการณ์จริง ๆ ที่ได้เกิดขึ้นกับตัวของ Business Case ที่ถูกพูดถึงบ่อย ๆ เวลามีการอบรมต่าง ๆ ว่าเมื่อก่อนปลาใหญ่ กินปลาเล็ก ก็คือบริษัทขนาดใหญ่ มีเงินถุง เงินถังมีทรัพยากรมากกว่า มีคน มีเครื่องมือมากกว่าจะชนะบริษัทขนาดเล็กอย่างง่ายดาย แต่ในทุกวันนี้ เป็นยุคของความเร็วคือโลกในยุคที่คนที่เร็วกว่า จะเป็นผู้ชนะดังนั้นก็เลยมี Concept ของ Start up ขึ้นมา คือสร้างให้เร็ว ล้มให้เร็ว เอาไว้แข่งกับบริษัทขนาดใหญ่ เพราะบริษัทขนาดใหญ่มักจะมีกฏระเบียบต่าง ๆ มากมาย ไม่สามารถจะทำอะไรได้เร็วมากนัก
ตัดมาที่เหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ที่ทำให้มาเขียนกระทู้
ในฐานะคนเล่นที่เล่นเกมคอนโซลมาอย่างยาวนาน เมื่อประมาณ 3 ปีก่อน หลังจากที่ Quest2 เปิดตัวซักระยะ เสียงความชื่นชม ความเจ๋งของ Quest 2 ก็แผ่มาถึง จึงตัดสินใจลองซื้อ Quest2 มาเป็น VR ตัวแรก ก็หาซื้อใน Shopping Online ของไทยปรกติ เพราะตอนที่อยากลอง ของมีวางขายมา 2-3 เดือนละ มีขายหลายเจ้าอยู่ จากที่ซื้อมาแบบกล้า ๆ กลัว ๆ ว่าจะชอบไหม จะเวียนหัวเหมือนที่เค้าพูด ๆ กันไหม แต่แล้วก็ Mind ฺBlow, Paradigm Shift กันไป กลายเป็นเทคโนโลยีที่ชอบมาก
พอผ่านมาประมาณ 2 ปี Pico4 เปิดตัวมาได้น่าสนใจ ก็คิดแล้วคิดอีก ซื้อ Day 1 เลยดีไหมนะ สุดท้ายจบตรงที่ซื้อหลังจาก Pico4 วางขายได้ 2-3 เดือน ก็สั่งจาก Shopping Online ในไทยอีกนี่แหละ ของก็ถึงมืออย่างรวดเร็ว แค่ 2 วันก็ถึงมือ ตามระบบ Delivery ที่ดีขึ้นเรื่อย ๆ ในประเทศไทย
และแล้วเมื่อ 10 ตุลาที่ผ่านมา Meta Quest 3 ก็วางขาย แต่สถานการณ์แตกต่างจากตอน Quest 2 และ Pico4 คืออยากได้ตั้งแต่ Day 1 อยากเล่นพร้อม ๆ กับคนในอเมริกา คนในญี่ปุ่น คนในประเทศที่มี Meta Store ก็ Search ดูของไทยก่อน ปรากฏว่าไม่มีร้านไหนมี แล้วก็เอ๊ะขึ้นมาว่าแล้วถ้าบินไปซื้อที่มาเล สิงคโปรล่ะจะมีไหม จากที่ Search ก็ไม่มีเช่นกัน
เล่า ๆ ให้คนรู้จักฟัง ปรากฏว่ามีคนที่สนิทพอจะฝากซื้อได้บินไปเที่ยวญี่ปุ่นพอดี ไปหาที่ซื้อที่ร้านวันที่ 10 ตุลาที่วางขายนี่แหละ แต่ว่าร้านที่ไปบอกว่าของหมด ต้องสั่งเอาไว้ และให้ไปส่ง ซึ่งจะไปส่งยังไงล่ะ คนเดินทางไปเที่ยว ย้ายที่พักไปเรื่อย ๆ ก็เลยจบเรื่องการฝากจากญี่ปุ่นไป
เมื่ออยากได้ขนาดนี้ เอาไงดีละ ลองดูการสั่งใน Amazon หน่อยละกัน ลอง Serach ดูทั้งใน Amazon Japan, Australia, Global แต่ละที่ก็ติดปัญหาต่างกันไป มาจบที่ Amazon US ที่มีของ สามารถส่งมาไทยได้
เมื่อหลายปีก่อน เคยอยากลองสั่งของจาก Amazon อยู่เหมือนกัน แต่เหมือนต้องลุ้นเรื่องภาษี ว่าจะโดนเพิ่มเท่าไหร่ และรู้สึกว่ามันไม่เบ็ดเสร็จด้วย ถ้าติดปัญหาก็ไม่สะดวกที่จะไปเคลียร์ที่สนามบิน ที่ศุลกากร ก็เลยไม่สนใจเข้าไปสั่งที่ Amazon อีกเลย

แต่รอบนี้ เลือก Meta Quest3 ใส่ตะกร้าเรียบร้อย มีการคิดค่าส่ง ค่านำเข้า ค่าต่าง ๆ ให้เสร็จสรรพ บวกจากราคา อ่านดูแล้ว เหมือนจะจัดการทุกอย่างให้เบ็ดเสร็จ ถ้าสุดท้ายจะโดนค่าอะไรเพิ่ม ก็ถือว่าเป็นค่าเรียนรู้ไปละกัน ดูจากวันส่งที่ขึ้นมาว่า ถ้าสั่งวันนี้ (11 ตุลาคม) จะส่งถึงเมืองไทยวันที่ 26 ตุลาคม ก็พอไหวอยู่ 2 อาทิตย์ ระหว่างของเดินทาง ก็หาไรทำไปพลาง ๆ ไม่ให้ว้าวุ่น
ระหว่างรอของ ก็เข้าไปดู Youtube ว่า Amazon Delivery ใน Warehouse หน้าตาเป็นอย่างไร คน หุ่นยนต์ทำงานอย่างไร พอมี Status ในระบบ Track ขึ้นมาว่าของตอนนี้ อยู่ไหนแล้ว ก็ลองกด ๆ Google map ดู ถือว่าเป็นการเรียนภูมิศาสตร์ไปในตัว Wisconsin อยู่ตรงไหนของอเมริกาหนอ, Chicago อยู่ตรงไหนหนอ ห่างกันกี่กิโลหนอ
แต่ก็นะ คนอยากได้ของ ถึงแม้ว่าจะเตรียมใจไปแล้วว่าของจะใช้เวลาเดินทางประมาณ 2 อาทิตย์ แต่ก็อดใจเข้าไปดู Status เป็นระยะ ๆ ถ้าโดนคิดเงินค่าดูครั้งละ 100 ก็น่าจะโดนไปหลายพันบาทอยู่ 555
และแล้ววันที่ 17 เพียงแค่ 6 วันจากที่สั่ง Status ก็แสดงว่าของมาถึงประเทศปลายทางแล้วเมื่อเช้า ก็เตรียมใจต่อว่าให้เวลาเคลียร์เรื่องของเข้า เรื่องภาษีซัก 2-3 วันละกัน ถ้าเทียบกับการสั่งของจาก Shopping Online ไทย ที่สินค้าส่งมาจากเมืองจีน ส่วนใหญ่ก็จะอยู่ขั้นตอนนี้ประมาณ 2-3 วัน
แต่ไม่เลยเพียงแค่หมดครึ่งวัน ทุกอย่างจัดการเรียบร้อย ของไปอยู่กับ Delivery ภายในประเทศที่พร้อมส่ง ซึ่งถ้าเป็นเหมือนที่เคยสั่งออนไลน์ประจำ ๆ ที่ผ่านมา สถานะแบบนี้ พรุ่งนี้ของก็ถึงมือละ
สาย ๆ ของวันนี้ ก็มีโทรศัพท์เข้ามา ว่าอีก 20 นาทีจะมีของเข้าไปส่ง พอโทรมาอีกรอบว่าใกล้จะถึงแล้ว ก็รีบลงไปรับเลย ถ้าหันกล้องจากที่ถ่ายคนมาส่ง เป็นถ่ายหน้าตัวเองตอนนั้น สถาพประมาณหมาเห็นเจ้าของที่ไม่ได้เจอกันซัก 1 อาทิตย์ คือดีใจเว่อร์มาก
และนี่คือ "
Meta Quest 3" ตัวต้นเหตุของเรื่อง
สำหรับคนที่สั่งของ Online กับ Amazon เป็นประจำ คงไม่ได้รู้สึกอะไร แต่สำหรับผมซึ่งเป็นการลองสั่งครั้งแรก มันทำให้เห็นอะไรอีกหลายอย่าง
- ที่ผ่านมาร้านสะดวกซื้อเยอะขึ้น จนร้านของชำทั่วไปก็หายไปเยอะ ยุคเถ้าแก่ที่เคยรุ่งเรื่อง ลดน้อยลง
- การค้า Online คนจีนได้ประโยชน์จากประเทศไทยเยอะมาก ยิ่งตอนนี้ส่งคนมาเรียนในหลาย ๆ มหาวิทยาลัย ได้เรียนรู้วัฒนาธรรมคนไทย ได้ภาษาทั้ง 2-3 ภาษา วันข้างหน้ายิ่งจะแย่งเงินจากพ่อค้าแม่ค้าคนไทยไปอีกเยอะ
- หลาย ๆ คน ขายของชำไม่ไหว ขายออนไลน์ไม่ไหว ผันไปเปิดร้านกาแฟขาย พอให้มีรายได้ แก็เจอ Brand ใหญ่ ดึงลูกค้าไปอีก
ตอนนี้เลยเห็นหลาย ๆ คนผันตัวเองมาขายของกินแข่งกัน คนขายเยอะ คนซื้อเท่าเดิม บางคนก็ได้แค่หมุนพอให้มีจ่ายค่าเช่า พอให้ได้กินได้ใช้
การสั่งของจากจีน จากประเทศในทวีปเอเชียด้วยกัน ใช้เวลา 1 สัปดาห์ ก็โหดร้ายต่อคนค้าขายในเมืองไทยมากละ มาเจอการค้าขายจากคนที่อยู่อีกซีกโลกที่พัฒนาไม่หยุด ปรับ Process ทำไคเซ็น ปรับอะไรต่าง ๆ จนส่งถึงอีกซีกโลกใน 1 สัปดาห์เช่นกัน ในมุมผู้บริโภคคือดีมาก แหล่มมาก แต่กลับกันถ้าเป็นคนทำซื้อมาขายไปแบบนี้ ผมคงจะทุกข์ขึ้นอีกมาก ถ้าลูกค้าหายลงไปเรื่อย ๆ และไม่รู้ว่าจะต้องปรับตัวรับมือกับเรื่องนี้อย่างไร จะเหลืออาชีพอะไรพอจะมีรายได้อยู่บ้าง
เมื่อก่อนยุคประมาณ Y2K มีคำศัพท์ Globalization ยุคโลกาภิวัฒน์ เราพูดว่าโลกจะเล็กลงเรื่อย ๆ เล็กลงเพราะอินเตอร์เน็ต เล็กลงเพราะการสื่อสารดีขึ้น ติดต่อกันได้รวดเร็วขึ้น ภาพคำพูดวันนั้นตอนนี้ชัดเจนขึ้นอย่างมากมาก และไม่ใช่เฉพาะการติดต่อสื่อสาร ตอนนี้การบริหารจัดการ Logistic ที่ก้าวไปอีกขั้น การส่งจากอีกซีกโลก ไม่ได้ใช้เวลากันเป็นเดือนอีกต่อไป แต่เหลือแค่หลักสัปดาห์
ความคิดที่จะทำซื้อมา ขายไปของผมหายไปจากหัวทันที และคิดได้ว่าเราจะต้องผลิตอะไรเป็นของตัวเองซักอย่าง ถ้าติดตลาดเมืองไทย ก็เอาไปวางขายร้านสะดวกซื้อ ถ้าติดตลาดระดับโลก ก็อาศัยประโยชน์จาก Logistic ที่นับวันจะดีขึ้น เร็วขึ้นนี่แหละ
ปลาใหญ่กินปลาเล็กนั้นน่ากลัว ปลาเร็วกินปลาช้าก็น่ากลัว แต่ตอนนี้หนักขึ้นไปอีก ต้องอยู่ในโลกที่เจอปลาที่ทั้งใหญ่ทั้งเร็วก็คงอยู่ในน้ำคอยว่ายหนีต่อไปอีกไม่ไหว ขอเปลี่ยนสปีชี่มาเป็นสัตว์บกไปตายเอาดาบหน้าละกัน
Meta Quest 3 ตัวเอกของเรื่องปลาใหญ่กินปลาเล็ก ปลาเร็วกินปลาช้า
เพื่อจะได้ตัดสินใจว่าจะอ่านเนื้อหาที่เหลือต่อ หรือหยุดอ่านเพียงแค่นี้ จึงขออธิบายขยายความหัวข้อกระทู้ คือจะเป็นการพูดถึงเหตุการณ์จริง ๆ ที่ได้เกิดขึ้นกับตัวของ Business Case ที่ถูกพูดถึงบ่อย ๆ เวลามีการอบรมต่าง ๆ ว่าเมื่อก่อนปลาใหญ่ กินปลาเล็ก ก็คือบริษัทขนาดใหญ่ มีเงินถุง เงินถังมีทรัพยากรมากกว่า มีคน มีเครื่องมือมากกว่าจะชนะบริษัทขนาดเล็กอย่างง่ายดาย แต่ในทุกวันนี้ เป็นยุคของความเร็วคือโลกในยุคที่คนที่เร็วกว่า จะเป็นผู้ชนะดังนั้นก็เลยมี Concept ของ Start up ขึ้นมา คือสร้างให้เร็ว ล้มให้เร็ว เอาไว้แข่งกับบริษัทขนาดใหญ่ เพราะบริษัทขนาดใหญ่มักจะมีกฏระเบียบต่าง ๆ มากมาย ไม่สามารถจะทำอะไรได้เร็วมากนัก
ตัดมาที่เหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ที่ทำให้มาเขียนกระทู้
ในฐานะคนเล่นที่เล่นเกมคอนโซลมาอย่างยาวนาน เมื่อประมาณ 3 ปีก่อน หลังจากที่ Quest2 เปิดตัวซักระยะ เสียงความชื่นชม ความเจ๋งของ Quest 2 ก็แผ่มาถึง จึงตัดสินใจลองซื้อ Quest2 มาเป็น VR ตัวแรก ก็หาซื้อใน Shopping Online ของไทยปรกติ เพราะตอนที่อยากลอง ของมีวางขายมา 2-3 เดือนละ มีขายหลายเจ้าอยู่ จากที่ซื้อมาแบบกล้า ๆ กลัว ๆ ว่าจะชอบไหม จะเวียนหัวเหมือนที่เค้าพูด ๆ กันไหม แต่แล้วก็ Mind ฺBlow, Paradigm Shift กันไป กลายเป็นเทคโนโลยีที่ชอบมาก
พอผ่านมาประมาณ 2 ปี Pico4 เปิดตัวมาได้น่าสนใจ ก็คิดแล้วคิดอีก ซื้อ Day 1 เลยดีไหมนะ สุดท้ายจบตรงที่ซื้อหลังจาก Pico4 วางขายได้ 2-3 เดือน ก็สั่งจาก Shopping Online ในไทยอีกนี่แหละ ของก็ถึงมืออย่างรวดเร็ว แค่ 2 วันก็ถึงมือ ตามระบบ Delivery ที่ดีขึ้นเรื่อย ๆ ในประเทศไทย
และแล้วเมื่อ 10 ตุลาที่ผ่านมา Meta Quest 3 ก็วางขาย แต่สถานการณ์แตกต่างจากตอน Quest 2 และ Pico4 คืออยากได้ตั้งแต่ Day 1 อยากเล่นพร้อม ๆ กับคนในอเมริกา คนในญี่ปุ่น คนในประเทศที่มี Meta Store ก็ Search ดูของไทยก่อน ปรากฏว่าไม่มีร้านไหนมี แล้วก็เอ๊ะขึ้นมาว่าแล้วถ้าบินไปซื้อที่มาเล สิงคโปรล่ะจะมีไหม จากที่ Search ก็ไม่มีเช่นกัน
เล่า ๆ ให้คนรู้จักฟัง ปรากฏว่ามีคนที่สนิทพอจะฝากซื้อได้บินไปเที่ยวญี่ปุ่นพอดี ไปหาที่ซื้อที่ร้านวันที่ 10 ตุลาที่วางขายนี่แหละ แต่ว่าร้านที่ไปบอกว่าของหมด ต้องสั่งเอาไว้ และให้ไปส่ง ซึ่งจะไปส่งยังไงล่ะ คนเดินทางไปเที่ยว ย้ายที่พักไปเรื่อย ๆ ก็เลยจบเรื่องการฝากจากญี่ปุ่นไป
เมื่ออยากได้ขนาดนี้ เอาไงดีละ ลองดูการสั่งใน Amazon หน่อยละกัน ลอง Serach ดูทั้งใน Amazon Japan, Australia, Global แต่ละที่ก็ติดปัญหาต่างกันไป มาจบที่ Amazon US ที่มีของ สามารถส่งมาไทยได้
เมื่อหลายปีก่อน เคยอยากลองสั่งของจาก Amazon อยู่เหมือนกัน แต่เหมือนต้องลุ้นเรื่องภาษี ว่าจะโดนเพิ่มเท่าไหร่ และรู้สึกว่ามันไม่เบ็ดเสร็จด้วย ถ้าติดปัญหาก็ไม่สะดวกที่จะไปเคลียร์ที่สนามบิน ที่ศุลกากร ก็เลยไม่สนใจเข้าไปสั่งที่ Amazon อีกเลย
แต่รอบนี้ เลือก Meta Quest3 ใส่ตะกร้าเรียบร้อย มีการคิดค่าส่ง ค่านำเข้า ค่าต่าง ๆ ให้เสร็จสรรพ บวกจากราคา อ่านดูแล้ว เหมือนจะจัดการทุกอย่างให้เบ็ดเสร็จ ถ้าสุดท้ายจะโดนค่าอะไรเพิ่ม ก็ถือว่าเป็นค่าเรียนรู้ไปละกัน ดูจากวันส่งที่ขึ้นมาว่า ถ้าสั่งวันนี้ (11 ตุลาคม) จะส่งถึงเมืองไทยวันที่ 26 ตุลาคม ก็พอไหวอยู่ 2 อาทิตย์ ระหว่างของเดินทาง ก็หาไรทำไปพลาง ๆ ไม่ให้ว้าวุ่น
ระหว่างรอของ ก็เข้าไปดู Youtube ว่า Amazon Delivery ใน Warehouse หน้าตาเป็นอย่างไร คน หุ่นยนต์ทำงานอย่างไร พอมี Status ในระบบ Track ขึ้นมาว่าของตอนนี้ อยู่ไหนแล้ว ก็ลองกด ๆ Google map ดู ถือว่าเป็นการเรียนภูมิศาสตร์ไปในตัว Wisconsin อยู่ตรงไหนของอเมริกาหนอ, Chicago อยู่ตรงไหนหนอ ห่างกันกี่กิโลหนอ
แต่ก็นะ คนอยากได้ของ ถึงแม้ว่าจะเตรียมใจไปแล้วว่าของจะใช้เวลาเดินทางประมาณ 2 อาทิตย์ แต่ก็อดใจเข้าไปดู Status เป็นระยะ ๆ ถ้าโดนคิดเงินค่าดูครั้งละ 100 ก็น่าจะโดนไปหลายพันบาทอยู่ 555
และแล้ววันที่ 17 เพียงแค่ 6 วันจากที่สั่ง Status ก็แสดงว่าของมาถึงประเทศปลายทางแล้วเมื่อเช้า ก็เตรียมใจต่อว่าให้เวลาเคลียร์เรื่องของเข้า เรื่องภาษีซัก 2-3 วันละกัน ถ้าเทียบกับการสั่งของจาก Shopping Online ไทย ที่สินค้าส่งมาจากเมืองจีน ส่วนใหญ่ก็จะอยู่ขั้นตอนนี้ประมาณ 2-3 วัน
แต่ไม่เลยเพียงแค่หมดครึ่งวัน ทุกอย่างจัดการเรียบร้อย ของไปอยู่กับ Delivery ภายในประเทศที่พร้อมส่ง ซึ่งถ้าเป็นเหมือนที่เคยสั่งออนไลน์ประจำ ๆ ที่ผ่านมา สถานะแบบนี้ พรุ่งนี้ของก็ถึงมือละ
สาย ๆ ของวันนี้ ก็มีโทรศัพท์เข้ามา ว่าอีก 20 นาทีจะมีของเข้าไปส่ง พอโทรมาอีกรอบว่าใกล้จะถึงแล้ว ก็รีบลงไปรับเลย ถ้าหันกล้องจากที่ถ่ายคนมาส่ง เป็นถ่ายหน้าตัวเองตอนนั้น สถาพประมาณหมาเห็นเจ้าของที่ไม่ได้เจอกันซัก 1 อาทิตย์ คือดีใจเว่อร์มาก
และนี่คือ "Meta Quest 3" ตัวต้นเหตุของเรื่อง
สำหรับคนที่สั่งของ Online กับ Amazon เป็นประจำ คงไม่ได้รู้สึกอะไร แต่สำหรับผมซึ่งเป็นการลองสั่งครั้งแรก มันทำให้เห็นอะไรอีกหลายอย่าง
- ที่ผ่านมาร้านสะดวกซื้อเยอะขึ้น จนร้านของชำทั่วไปก็หายไปเยอะ ยุคเถ้าแก่ที่เคยรุ่งเรื่อง ลดน้อยลง
- การค้า Online คนจีนได้ประโยชน์จากประเทศไทยเยอะมาก ยิ่งตอนนี้ส่งคนมาเรียนในหลาย ๆ มหาวิทยาลัย ได้เรียนรู้วัฒนาธรรมคนไทย ได้ภาษาทั้ง 2-3 ภาษา วันข้างหน้ายิ่งจะแย่งเงินจากพ่อค้าแม่ค้าคนไทยไปอีกเยอะ
- หลาย ๆ คน ขายของชำไม่ไหว ขายออนไลน์ไม่ไหว ผันไปเปิดร้านกาแฟขาย พอให้มีรายได้ แก็เจอ Brand ใหญ่ ดึงลูกค้าไปอีก
ตอนนี้เลยเห็นหลาย ๆ คนผันตัวเองมาขายของกินแข่งกัน คนขายเยอะ คนซื้อเท่าเดิม บางคนก็ได้แค่หมุนพอให้มีจ่ายค่าเช่า พอให้ได้กินได้ใช้
การสั่งของจากจีน จากประเทศในทวีปเอเชียด้วยกัน ใช้เวลา 1 สัปดาห์ ก็โหดร้ายต่อคนค้าขายในเมืองไทยมากละ มาเจอการค้าขายจากคนที่อยู่อีกซีกโลกที่พัฒนาไม่หยุด ปรับ Process ทำไคเซ็น ปรับอะไรต่าง ๆ จนส่งถึงอีกซีกโลกใน 1 สัปดาห์เช่นกัน ในมุมผู้บริโภคคือดีมาก แหล่มมาก แต่กลับกันถ้าเป็นคนทำซื้อมาขายไปแบบนี้ ผมคงจะทุกข์ขึ้นอีกมาก ถ้าลูกค้าหายลงไปเรื่อย ๆ และไม่รู้ว่าจะต้องปรับตัวรับมือกับเรื่องนี้อย่างไร จะเหลืออาชีพอะไรพอจะมีรายได้อยู่บ้าง
เมื่อก่อนยุคประมาณ Y2K มีคำศัพท์ Globalization ยุคโลกาภิวัฒน์ เราพูดว่าโลกจะเล็กลงเรื่อย ๆ เล็กลงเพราะอินเตอร์เน็ต เล็กลงเพราะการสื่อสารดีขึ้น ติดต่อกันได้รวดเร็วขึ้น ภาพคำพูดวันนั้นตอนนี้ชัดเจนขึ้นอย่างมากมาก และไม่ใช่เฉพาะการติดต่อสื่อสาร ตอนนี้การบริหารจัดการ Logistic ที่ก้าวไปอีกขั้น การส่งจากอีกซีกโลก ไม่ได้ใช้เวลากันเป็นเดือนอีกต่อไป แต่เหลือแค่หลักสัปดาห์
ความคิดที่จะทำซื้อมา ขายไปของผมหายไปจากหัวทันที และคิดได้ว่าเราจะต้องผลิตอะไรเป็นของตัวเองซักอย่าง ถ้าติดตลาดเมืองไทย ก็เอาไปวางขายร้านสะดวกซื้อ ถ้าติดตลาดระดับโลก ก็อาศัยประโยชน์จาก Logistic ที่นับวันจะดีขึ้น เร็วขึ้นนี่แหละ
ปลาใหญ่กินปลาเล็กนั้นน่ากลัว ปลาเร็วกินปลาช้าก็น่ากลัว แต่ตอนนี้หนักขึ้นไปอีก ต้องอยู่ในโลกที่เจอปลาที่ทั้งใหญ่ทั้งเร็วก็คงอยู่ในน้ำคอยว่ายหนีต่อไปอีกไม่ไหว ขอเปลี่ยนสปีชี่มาเป็นสัตว์บกไปตายเอาดาบหน้าละกัน