สวัสดีเพื่อนๆชาวพันทิปอีกครั้งค่ะ ขอต้อนรับเข้าสู่............ เมืองรองอีกเมืองที่ห้ามพลาด!!!
นั่นคือ.....


เมืองอุทัยธานี...นั้นเองค๊าาา ถนนในภาพคือถนน 333 ด่านช้าง-บ้านไรค่ะ

แต่ทริปนี้ ขอบอกว่า เราจะไม่เน้นกินสักเท่าไหร่นะคะ เพราะ เราติดภาระกิจจริงๆค่ะ
เพื่อนๆพร้อมยังคะ....
ถ้าพร้อมเเล้ว 3..2...1....เตรียมตัวออกเดินทางได้
เราเริ่มต้นการเดินทางที่ ถนนวงแหวนสุพรรณบุรี เข้าถนน340 มุ่งหน้าสุพรรณ เเต่ตัดเข้าเส้น 333 ด่านช้าง-บ้านไร่นะคะ
เหตุผลที่เลือกเดินทางเส้นนี้เพราะ เราอยากจะเเวะเที่ยวหลายๆที่ค่ะเเละคิดว่าธรรมชาติข้างทางน่าจะสวยงามพอตัวเลย

และหนึ่งในนั้นก็จะเป็นอำเภอด่านช้างจังหวัดสุพรรณนั่นเองงง
เราออกจาก กทม.กัน6โมง มาถึง สถานที่เเรกเลย คือ เขื่อนกระเสียว
เขื่อนกระเสียว เป็นเขื่อนดินที่ยาวเป็นอันดับสองของประเทศไทย รองจากเขื่อนป่าสักชลสิทธิ์ เขื่อนแห่งนี้กั้นลำห้วยกระเสียวตั้งอยู่ที่ บ้านนาตาปิ่น หมู่ที่ 3 ตำบลด่านช้าง อำเภอด่านช้าง จังหวัดสุพรรณบุรี ในพื้นที่โครงการส่งน้ำและบำรุงรักษากระเสียว กรมชลประทาน ข้อมูลจาก วิกิพิเดียค่ะ

ที่นี่มีจักรยานให้เช่าด้วยนะคะ คันละ 30 บาท เลือกได้ตามใจชอบเลย 
 
ต่อไปก็จะพาไปคาเฟ่ ที่วิวดีมากกกกกก
รับรองว่าทุกคนต้องชอบเเน่นอน
จะเป็นที่ไหนนั้นไปดูกันค่าาา
ออกมาจากเขื่อนกระเสียวไม่เกิน 2 กิโลเมตร ก็จะถึง......Ninety-nine Cafe ค่าาา



ที่นี่มีที่พักด้วยน๊าาา 

พอเติมพลังเสร็จเราก็เดินทางกันต่อ
ใช้ถนนหมายเลข 333 จุดหมายต่อไปของเราคือ ฝายกั้นน้ำปางสวรรค์ค่ะ
พอถึงเเยกบ้านไร่ เราก็เลี้ยวซ้ายเข้าสู่อำเภอบ้านไร่ เเล้วใช้ถนนหมายเลข 3282 เพื่อไปยังฝายกั้นน้ำปางสวรรค์ค่ะ
ระหว่างขับรถเข้ามา ได้เพลินตากับบรรยากาศข้างทาง มันทำให้คนทำงานอย่างเราๆฮีลด์ใจได้ดีจริงๆนะคะ
ดูทางข้างหน้าเหมือนมีไอหมอกระยะ ลิบๆๆอยู่บนยอดเขาเลยยยย
บอกก่อนว่า เรายังไม่มีโอกาสได้เที่ยวภาคเหนือเลยค่ะ เลยไม่รู้ว่าอากาศเป็นอย่างไร พอมาเจอแบบนี้ที่อุทัยมันก็จะตื่นเต้นนิดๆๆค่ะ


นี่คือทางเข้าจากปากทางค่ะ เราจะผ่านหมู่บ้านปางสวรรค์ จากทางหลัก ก็ขับเข้ามาอีก8 กม.

เราก็จะได้พบกับ สิ่งที่สบายใจ สบายตาเเล้วค้าาา



โชคดีหน่อยที่ว่า......วันที่ไป น้ำเยอะสะใจเลยค่ะ
แต่ช่วงวันหยุด ก็ต้องรอคิวถ่ายรูปกันหน่อยค่ะ กว่าจะเจอจังหวะว่างๆ
อ้อ เเล้วที่นี่อยู่ในพื้นที่ชุมชนค่ะ ในวันที่ไป มีพี่ผู้ชายคนหนึ่งคอยอำนวยความสะดวก คอยโบกรถให้ผู้ที่มาท่องเที่ยวด้วย น่ารักมากๆเลยค่ะ
สูดโอโซนไปบ้างงงง เอาขาแตะน้ำที่ไหลมาจากธรรมชาติฉ่ำเย็นนนฟินๆๆ
เเล้วเราก็ไป กันต่อ เป็นอะไรที่ทำเวลามากกกมายก่ายกองค่ะ55555555 ข้าวนี่ กินตามปั๊มน้ำมันเอาค่ะ
เวลาเราน้อยยยย เน้นเที่ยวค่ะ ไม่ค่อยเน้นกิน5555
เเละสถานที่ท่องเที่ยว ที่เเวะที่สุดท้ายสำหรับทริปนี้ก็คือ จุดชมวิวบ้านชายเขา หรือที่เขามักจะเรียกกันว่า...
สวิตเซอร์แลนด์เมืองไทยนั่นเองงงง
มันสวยมากกก ทุกคนนนน
คือจะบอกยังไงดี จังหวัดอุทัยก็มีเนื้อที่เยอะพอสมควรเนอะ แบบขับไปเรื่อยๆก็เมื่อยเเล่ะ55555 เเต่ละที่ที่เเวะ ก็ห่างกันเหยียบๆ40-50 โล
แต่ใจสู้ค่ะ ทุกคนนนนน มาเเล้วเนอะ
และเเล้วพอมาถึง มันก็แบบว่าาา ว๊าววววววววเลยยย
ว๊าวววเเดดเปรี้ยงเลย 55555555555555



แบบว่าไอเลิบบบบมากกกก ถึงจะเหนื่อยเเละเพลีย เเต่ถ้ามาเเล้วมันสบายตา สบายใจ ก็ควรมาค่ะ

ที่นี่ใกล้ๆกับหุบป่าตาด แต่ไม่มีแรงเดินเเล้วค่ะ เอาไว้มารอบหน้าเเน่นอนค่ะ
แต่เมื่อไหรร่...ยังม่ายยยยรู้5555

มาถึงนี่ก็บ่ายแก่ๆเเล้วค่ะ ก็เลยแวะทานข้าวที่นี่เลย



อาหารราคาดีงามมากค่ะ อีกจานเป็นกระเพราไข่ดาว ทั้งหมดนี้ 330 บาท ไม่รวมน้ำค่ะ
และกาแฟที่นี่ก็หอมมากๆๆนะ เเต่ไม่ได้ลองอ่ะ คือเป็นคนที่ถ้าอากาศร้อนจัดๆ กินกาแฟไปนี่มีเวียนหัวเเน่ๆ เพราะทริปนี้หญิงชมขับเองค่ะ
และอาหารที่นี่ ใช้มะนาวลูกคั้นสดทุกทานจริงๆนะ ไปดูหลังครัวได้เลย
พูดถึงรสชาติอาหาร เพื่อนบอกไข่เจียวหอมมากกอร่อยมาก แบบรสชาติบ้านๆ
ส้มตำไทย อร่อยค่ะ
เพื่อนสั่งคอหมูย่างมาด้วย แต่ออกเเนวเหมือนเนื้อหมูย่าง เพราะเนื้อหมูค่อนข้างแห้งไม่มีมัน เนื้อล้วนๆค่ะ แต่รสชาติโอเค
น้ำตกหมู ออกไปทางหวานหน่อย แต่ก็ทานได้ค่ะ ที่ไม่มีรูปมาเพราะ อาหารมาทีละจานค่ะ ตอนนั้นเริ่มหิว555 อะไรมาก่อนถ่ายก่อนค่ะ
รวมๆแล้วก็รสชาติดีค่ะ แต่ชอบตรงใช้มะนาวลูกทุกจานนี้เเล่ะค่ะ ประทับใจจริงๆ

เราออกเดินทางกันต่อ เพื่อเข้าที่พักค่ะ เราเลือกพักในเมือง เพราะอยากตื่นมาเดินตลาดเช้าริมเเม่น้ำสะแกกรัง
เลยเลือกพักที่ สระบัวโฮมสเตย์ค่ะ
ห้องที่ได้มา ราคา 1500 บาท เป็นห้องใหญ่สุด +เตียงเสริม 400 บาท เป็น 1900 บาท รวมอาหารเช้า
ที่พักที่นี่มีเพียง 5 ห้อง
คุณตากับคุณยายเจ้าของที่พัก ดูแลกันเอง และคุณยายก็ยังเป็นเเม่ครัวเองด้วยน๊า




มาถึงที่พักก็เก็บของ นอนพักแป๊บนุง แป๊บนุงจริงๆๆ เเล้วเพื่อนสมัยที่ทำงานเป้ฯคนที่นี่ก็พาขี่มอไซไปเที่ยวรอบเมือง
มันสนุกมากกกกกกกกก ชอบฟิลด์การซ้อนมอเตอร์ไซชมตลาด ชมบ้านเรือน
และก็ได้มากินไอติม ที่ร้านจงรัก คาเฟ่
ร้านนี้ ชั้นบนจะเป็นพิพิธภัณฑ์แกลลอรี่ต่างๆให้เราได้เข้าไปเดินชมได้ค่ะ



แอบกระซิบนะ... ว่า 
คนอุทัย ใจดีทุกคนนนน ไม่เชื่อมาดู เเล้วจะรู้ อิอิ

เเล้วจะบอกว่า เค้าพลาด ถนนคนเดินตรอกโรงยาค่ะ ทู๊กกกคนนน มัวแต่ไปเที่ยวบ้านเพื่อน
เลยไม่ได้เก็บบรรยากาศมาฝาก ก็เอาไว้ไปกันเองนะคะ 5555555555

สำหรับคืนนี้ฝันดีค่ะ

เดี๋ยวพรุ่งนี้เก็บบรรยากาศตลาดเช้ามาฝาก

06.00 น.. ตื่นมาก็จัดการอาบน้ำแปรงฟัน คว้าปั่นจักรยานบ้านคุณตาไปตลาดเลยค่ะ
จากที่พักไปตลาด ไม่ถึง 300 เมตร
ไปค่ะ


ตลาดยามเช้าก็จะมีทั้งอาหารสด ปลาเเม่น้ำหายาก ปลาท้องถิ่น เช่นปลาเทโพ ปลาแรด ปลาน้ำจืดต่างๆ
ผักสวนสดๆ เเละอาหารมื้อเช้าอย่าง ก๋วยจั๊บน้ำข้น โจ๊กหมู
แต่เราจะกลับไปกินอาหารที่คุณยายทำค่ะ 



อาหารเช้าคุณยายทำให้ทาน เสริฟชามต่อชามค่ะ กินได้ไม่อั้น แต่ต้องทานให้หมดน๊าา
รู้สึกว่าอาหารที่คุณยายทำ จะไม่มีชูรสนะ คุณยายทำ ข้าวต้ม/ก๋วยจั๊บญวน/ไข่กระทะ
เเละมีคุณตาคอยบริการชงกาแฟแคปซูล และโอวัลตินให้ด้วยค่ะ คุณตาและคุณยายใจดีมากๆๆเลย

11.00 เตรียมเก็บของ ออกเดินทางค่ะ
แต่อ้อ เรามีคาเฟ่สไตล์มินิมอลอีกที่ค่ะ

นั่นคือ  T O N E  C A F E 
เป็นคาเฟ่เล็กๆๆ ในย่านที่พักเราเลยค่ะ

คาเฟ่ที่นี่นะ ราคามิตรภาพมากๆๆบอกเลย..
ก่อนจะกลับก็แวะซื้อของขึ้นชื่อที่นี่กันสักหน่อย
นั่นคือ ขนมปังสังขยา เราเลือกร้านต้นตำรับค่ะ คือร้านไพพรรณ สังขยา
แต่ร้านนี้ต้องจองข้ามวันนะคะ ไม่งั้นอด 

ขนมปังมีอีกหลายเจ้าเลยค่ะ
ลองไปเลือกซื้อเลือกทานกันนะคะ เเต่ละร้านจะมีเอกลักษณ์เป็นของตัวเองอยู่แล้วค่ะ แล้วแต่ชอบค่ะ
แต่เราชอบตรงที่ขนมปังของคุณป้าไพพรรณจะเหนียวเเละเเข็งกว่า ทำให้เวลาทานกับสังขยา ตัวขนมปังจะไม่แหยะ ไม่เลี่ยนค่ะ

ขากลับจะเเวะซื้อเบอร์เกอร์ปลาแรด แต่ร้านหยุดทุกวันอาทิตย์ค่ะ

ใครอยากรู้ว่าหน้าตาเป็นยังไง ชมพู่ลงข้อมูลให้นะคะ
 ร้าน เปา กะ ปลา ค่ะ ร้านอยู่ในตัวเมืองอุทัย เลยเทคนิคอุทัยเข้า กทม. ไปประมาณ2กิโลค่ะ 
เเละโชคก็เข้าข้างมาก จะเเวะวิหารแก้ว 100 เมตร ก็ปิดอีกค่ะ
ใครจะไปก็เช็คเวลาให้ดีนะคะ
เวลา ปิด - เปิด วิหารแก้ว
ช่วงเช้า 09.00-11.30 น.
ช่วงบ่าย 14.00-16.00 น.
[