เมื่อผู้ประกันตน ม.33 ม.39 เสียชีวิต ทายาทมีสิทธิ์รับเงินกับประกันสังคมยังไง

เราควรทราบ เพื่อสิทธิประดยชน์ที่รัฐควรจ่าย กับผู้ประกันตน ม.33 ม.39

https://scnews.live/the-insured-person-dies/

เมื่อผู้ประกันตน ม.33 ม.39 เสียชีวิต ทายาทมีสิทธิ์รับเงินกับประกันสังคมยังไง สำหรับ สิทธิ์รับเงินกับประกันสังคม เป็นสิ่งที่ ผู้ประกันตน ทุกคนต้องได้รับ แต่ทุกอย่างต้องอยู่ภายใต้เงื่อนไขตามที่ สำนักงานประกันสังคม กำหนด ถ้าใครที่เข้าเงื่อนไข แล้ว ก็ไม่ต้องห่วงว่าจะไม่ได้รับสิทธิ์ แค่ทำตามกฎระเบียบก็รอรับเงินได้เลย แต่ถ้าวันหนึ่ง ผู้ประกันตน เกิดเสียชีวิตจากโรคภัย หรืออุบัติเหตุต่าง ๆ แล้วใครล่ะที่จะได้รับช่วงต่อนั้น? จะเป็นพ่อเป็นแม่ เป็นลูก หรือว่าเป็นญาติกันแน่? วันนี้เราเลยจะมาคลายข้อสงสัยที่ว่า เมื่อผู้ประกันตน ม.33 ม.39 เสียชีวิต ทายาทมีสิทธิ์รับเงินกับประกันสังคมยังไง

เงื่อนไขการเบิกเงินประกันสังคม เมื่อผู้ประกันตน ม.33 ม.39 กรณีเสียชีวิต ได้ทั้งหมด 3 สิทธิ์ คือ
ประกันสังคมจ่ายเงินค่าทำศพจำนวน 50,000 บาท ให้กับผู้จัดการศพที่ ผู้ประกันตน ทำหนังสือระบุไว้ เป็นลายลักษณ์อักษรตามลำดับ ดังนี้สามี, ภรรยา, บิดา, มารดา, บุตรของ ผู้ประกันตน ที่ต้องมีหลักฐานว่าเป็นผู้จัดการศพ
บุคคลอื่นนอกเหนือจากที่กล่าวมา แต่ต้องมีหลักฐานเป็นผู้จัดการศพ
เอกสารขอรับค่าทำศพจำนวน 50,000 บาท ประกอบด้วย 
แบบคำขอรับประโยชน์ทดแทนกรณีตาย (สปส. 2-01)
บัตรประชาชนตัวจริงของผู้จัดการศพ พร้อมสำเนา
เอกสารจากสถานที่จัดการศพ
ใบมรณบัตรตัวจริง พร้อมสำเนา
สำเนาบัญชีธนาคารออมทรัพย์หน้าแรก ของผู้จัดการศพ
เงินสงเคราะห์จะจ่ายให้กับสามี, ภรรยา, บิดา, มารดา และบุตรของ ผู้ประกันตน ที่ถูกระบุไว้ในหนังสือแบบ เป็นลายลักษณ์อักษร หากไม่ได้มีการระบุแบบเจาะจง ทุกคนที่มีสิทธิ์ก็จะได้รับเงินเฉลี่ยในจำนวนเท่ากัน ซึ่งการจ่ายเงินจะแบ่งไปตามจำนวนเงิน และระยะเวลาของการจ่ายเงินสมทบก่อนเสียชีวิต คือ
จ่ายเงินตั้งแต่ 36 เดือนขึ้นไป แต่ไม่ถึง 120 เดือน จะได้รับเงิน 50% ของค่าจ้าง 4 เดือน
จ่ายเงินตั้งแต่ 120 เดือนขึ้นไป จะได้รับเงินสงเคราะห์ในอัตรา 50% ของค่าจ้าง 12 เดือน
สมมติว่า ผู้ประกันตน ได้รับเงินเดือนจำนวน 20,000 บาท จ่ายเงินให้ประกันสังคม 120 เดือน โดยการคำนวณก็จะต้องใช้อัตรา 50% ของค่าจ้าง 12 เดือน คิดเป็น 20,000 บาท * 12 เดือน = 240,000 บาท และอัตรา 50% ของค่าจ้าง 12 เดือน จะคิดเป็น  240,000 บาท * 50% = 120,000 บาท
เมื่อคิดจำนวนเงินที่ต้องได้รับแล้ว ก็จะต้องไปดูว่ามีการระบุชื่อใคร เป็นผู้รับเงินส่วนนี้ หากไม่ได้ระบุชัดเจนก็ต้องแบ่ง ไปในสัดส่วนที่เท่ากัน
เอกสารสำหรับขอรับเงินสงเคราะห์
แบบคำขอรับประโยชน์ทดแทนกรณีตาย (สปส. 2-01)
สำเนาบัตรประชาชนกับสำเนาทะเบียนบ้านของผู้มีสิทธิ์
สำเนาทะเบียนสมรสของ ผู้ประกันตน และของบิดามารดาของผู้เสียชีวิต (ถ้ามี)
สำเนาสูติบัตรของบุตร กรณีไม่มีสูติบัตร ให้ใช้สำเนาทะเบียนบ้านของบุตร
หนังสือที่ระบุให้เป็นผู้มีสิทธิ์ได้รับเงินสงเคราะห์กรณีตาย (ถ้ามี)
เงินบำเหน็จชราภาพ จะจ่ายให้กับผู้มีสิทธิ์ คือ บุตรที่ชอบด้วยกฎหมาย, สามี / ภรรยาตามกฎหมาย, บิดามารดาที่จดทะเบียนสมรส ถ้าหากไม่ได้จด ทะเบียนสมรส จะได้เฉพาะมารดาเพียงคนเดียว และบุคคลอื่นที่ ผู้ประกันตน ได้ระบุไว้เป็นลายลักษณ์อักษร แต่ทั้งนี้ก็ยังมีรายละเอียดที่ต้องพิจารณาอีก 2 กรณี คือ
กรณีผู้ประกันตนเสียชีวิตหลังอายุ 55 ปี
ผู้ประกันตน รับเงินบำนาญชราภาพแล้ว และเสียชีวิตภายใน 60 เดือน นับ จากเดือนที่รับบำนาญ ทายาทจะได้รับเงินบำเหน็จ = จำนวนเงินบำนาญชราภาพเดือนสุดท้ายก่อนเสียชีวิต * จำนวนเดือนที่เหลือจนครบ 60 เดือน
ผู้ประกันตน กลับไปเป็นผู้ประกันตน และเสียชีวิต โดยได้รับเงินบำนาญไม่เกิน 60 เดือน ทายาทจะได้รับเงินบำเหน็จ = จำนวนเงินบำนาญชราภาพที่ได้รับก่อนกลับไปเป็นผู้ประกันตน * จำนวนเงินเดือนที่เหลือจนครบ 60 เดือน
ผู้ประกันตน รับเงินชราภาพ ก่อนบังคับใช้กฎกระทรวง แต่ยังไม่ครบ 60 เดือน ทายาทจะได้รับเงินบำเหน็จ = เดือนที่เหลือจนครบ 60 เดือน
ผู้ประกันตน รับเงินชราภาพแล้วเหลือน้อยกว่า 10 เดือน ทายาทจะได้รับเงินบำเหน็จ = จำนวนเงินบำนาญชราภาพ ที่ได้รับเดือนสุดท้ายก่อนเสียชีวิต * 10 เท่า
กรณีผู้ประกันตนเสียชีวิตก่อนอายุ 55 ปี
ผู้ประกันตน จ่ายเงินสมทบน้อยกว่า 12 เดือน ทายาทจะได้รับเงินบำเหน็จ = เงินสมทบที่จ่ายไว้
ผู้ประกันตน จ่ายเงินสมทบมากกว่า 12 เดือน แต่ไม่ถึง 180 เดือน ทายาทจะได้รับเงินบำเหน็จ = เงินสมทบที่ผู้ประกันตน รวมกับส่วนของนายจ้างที่จ่ายเงินสมทบไว้ให้

 flowerflowerขอบคุณข้อมูลดี ๆ จาก https://scnews.live/ flowerflower

แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่