สืบเนื่องมาจากญาติสามีคนฝรั่งเศส ไม่ใช่คนที่ปารีส แต่อาศัยอยู่ชนบท เป็นสะใภ้ของพี่ชายพ่อของสามี แต่สามีเธอตายไปนานแล้ว ล่าสุดที่เจอสามีเราคือเขาอายุแค่ประมาณ 3-4 ขวบ ไม่เคยมาเที่ยวเอเชีย ไม่เคยเที่ยวต่างประเทศคนเดียว แต่อยากมาไทยเพราะเห็นว่าสามีอยู่ที่ไทย เลยมีที่พึ่งพาที่พัก และ เห็นแม่ของสามีมาเที่ยวไทยบ่อยจึงอยากมาเที่ยวบ้าง มาคนเดียว
ก่อนมาเรากับสามีแพลนไปเที่ยวหัวหิน สามีเลยถามเราว่าอยากให้เธอไปด้วยไหม เราก็บอกชวนอาคุณไปด้วยสิ สามีเลยชวนเธอก็ตอบตกลง ต้องบอกว่าสามีไปไม่ได้มีกิจกรรม เขาบอกว่าเขาไม่ได้สะดวกจะพาเรากับอาไปเที่ยว เขาจึงให้เราแพลนเที่ยวเอง หรือ จะทำอะไรก็แล้วแต่เรา เพราะเราก็มีรถส่วนตัว เพราะว่าสามีไปด้วยเรื่องงาน แค่ 3 วัน ที่พักของเรากับสามีคือฟรี บริษัทจ่ายให้ แต่เขาก็จองอีกห้องให้อาเขา
ตั้งแต่เธอจะมาไทย เราก็เตรียมของใช้ให้ ทั้งจัดบ้าน จัดห้องนอนให้เพราะเธอมาขอพักที่บ้าน เอาจริงๆแม่สามีเวลามาไทย คือ ไม่เคยขอมาพักที่บ้านไม่เคยขอให้ทำทริปพาเที่ยวเลย เวลามาไทย แม่สามีจะจองโรงแรม เช่ารถ ขับไปเที่ยวเอง ไม่เคยต้องรบกวนเวลาเรากับสามีเลย อาจเพราะแม่สามีเคยไปเที่ยวมาหลายประเทศ และพูดภาษาอังกฤษได้ เวลาจะเจอเรากับสามีก็จะนัดกันที่ร้านอาหาร และ ไปแวะที่ร้านอื่นอีก แต่ด้วยอา พูดภาษาอังกฤษไม่ได้ ไม่รู้จัก Google เรากับสามีต้องสอนเพราะเธอสื่อสารกับเราไม่ได้
ตั้งแต่มาถึงสนามบินเรากับสามีไปรับที่สนามบิน สามีทำงานที่บ้านบางวันเข้าออฟฟิศ แต่เราทำงานที่บ้าน เราว่างตลอด เวลาเราไม่ฟิค พอพรุ่งนี้ ตื่นเช้า ต้องพาเธอไปเที่ยวชมกรุงเทพ ตั้งแต่มานอน ก็เกิดเหตุการณ์ลื่นเกือบตกบันได เพราะเดินเร็ว วิ่งขึ้นลงบันได คือ เรากับสามียังไม่เคยทำแบบนั้น เราก็ค่อนข้างแปลกใจเพราะเราไม่เคยเห็นคนอายุเกือบ 60 ที่ทำแบบนี้ ยอมรับว่า3วันก่อนไปหัวหินเราเหนื่อยมากต้องตื่นเช้า เรากะแฟนพาขับรถไปนั่นนี่ และ ฝนก็ตกบ่อย ค่าใช้จ่ายในการจ่ายร้านอาหาร ต่างๆ สามีเราออกก่อน แต่จะเก็บเงินเธอ 30 % หลังจากหักค่าอาหารทุกอย่าง เธอบอกจะโอนให้เป็นเงินยูโร อ้อ ตอนจะมาไทยสามีก็ไปธนาคารทำบัตรกดเงินสดให้ เติมเงินในนั้นให้ไว้ใช้จ่ายในไทยและซื้อซิมมือถือให้อีก+เน็ตไม่จำกัด
เวลาไปเที่ยวพาไปสถานที่อื่นๆเธอจะชอบเดินเร็ว และถ่ายภาพตลอดจนแฟนต้องคอยเรียกหา แต่สิ่งที่แปลกคือเธอมักจะชอบโพสต์โซเชียลตั้งแต่อยู่สนามบินจนถึงไทย แล้วก็เขียนเหมือนว่าเป็นฟลูเอ็นเซอร์ มีถ่ายวีดีโอไปด้วยแล้วพูด ก่อนไปหัวหิน สามีมีเวลาว่างก็พาขับรถไปทานอาหารซีฟู๊ดใกล้แม่น้ำ คือเราชอบทานหอยแครงที่ลวก 70 % ซึ่งคนไทยก้จะกินแบบนี้ เธอเห็นว่าเรากินเลยอยากลอง แต่พอลองก็บอกว่าไม่ค่อยชอบ และ เราแอบเห็นเธอมองเราด้วยสายตาที่แปลกๆ แบบคล้ายกับว่าเรากินอะไรแบบนี้ แต่ก็ยังเกาะหอยให้เราจนเราบอกว่าไม่ต้องให้เธอทานอาหารของเธอ แต่แฟนเราก็บอกว่าปกติคนไทยกินหอยชนิดนี้แบบนี้ แล้วเธอก็สั่งต้มข่าไก่มากิน แต่กินไปก็ไอ แบบแรงมากจนโต๊ะอื่นๆมอง เธอบอกว่า ปกติเป็นแบบนี้กินแล้วพูดไปด้วย พอตอนกลับบ้านเราเห็นเธอโพสต์ในโซเชียลเขียนว่าเรากินหอยที่ไม่สุก เธอบอกว่าไม่ชอบมัน แต่สามีเราบอกว่าคนไทยกินแบบนี้ แล้วนี่คือจุดที่เราไม่โอเคอย่างมากในครั้งแรก แล้วก็มีคนที่เราไม่รู้จักเป็นพวกป้าแก่ๆ และแม่สามี มาแสดงความคิดเห็นว่า มันคือหอยแมลงภูไหม ซึ่งบางคนที่แสดงความคิดเห็นยังไม่รู้จักเราเลย และ สามีก็ไม่รู้จัก และเราก็ไม่คิดว่ามันก็ไม่ควรที่จะต้องมาโพสต์แล้วใส่ชื่อเราแบบนี้ต่อให้เราจะกินอะไรก็ตามมันก็คือสิทธิของเรา
พอไปหัวหินก็ขอให้เราพาไปอยากไปวัด ถามเราตลอดว่าเจอกันกี่โมงพรุ่งนี้เช้า ทริปหัวหินเราแทบไม่ได้คุยกับสามีเลย ไม่มีภาพถ่ายด้วยกันเพราะยุ่งกับเธอ ต้องตื่นเช้าพาขับรถไปกลับมาโรงแรมอีกทีก็ 6 โมงเย็น เราขับรถ ด้วยความที่สงสารเราจึงอาสาพาไปเที่ยว ขับรถพาไปจนถึงอุทยานราชภัค จนไปวัดแถวนั้น สภาพอากาศก็ฝนตกทั้งวัน ทริปนี้คือเหนื่อยขับรถมาก เหนื่อยต้องแปลภาษา คุยกันไม่รู้เรื่อง เพราะไม่ได้ภาษาอังกฤษเลย บางครั้งแปลแย่งมือถือเราไปแปลภาษาก็มี ตอนกลับ กทม. แวะปั้มแห่งหนึ่งใหญ่และมีของที่ระลึกขาย พอดีช่วงนั้นไปเข้าห้องน้ำ แล้วห้องน้ำมีหลายโซน พอดีห้องน้ำที่เข้ามันเป็นห้องน้ำแบบไม่ใช่ใช่ฝาชักโครก เป็นห้องน้ำสมัยก่อน แต่ภายในก็สะอาดมีแม่บ้านทำความสะอาดดี เธอพูดว่าห้องน้ำแบบนี้เป็นห้องน้ำประเทศยากจน สามีเราแปลให้ฟัง เราเลยพูดว่า ใช่ เพื่อให้จบๆกับมนุษย์ป้าแบบนี้ แต่พอหลังจากกลับถึง กทม. เราเห็นเธอโพสต์ภาพถ่ายห้องน้ำ คือเราแปลกใจมาเที่ยวไทยเพื่อมาจับผิดความแตกต่างกับประเทศฝั่งยุโรปหรืออะไร เพราะเราไม่เคยเจอคนแบบนี้
พอถึง กทม. พรุ่งนี้เธอต้องเดินทางไปเชียงใหม่ต้องไปขึ้นรถทัวร์ที่จอง เราบอกแฟนเราพอแล้วเราไม่ไปส่งน่ะ แฟนก็ไม่ว่าง แฟนต้องสอนให้ใช้แอพ Grab เรียกรถมารับแล้วแอพก็เป็นภาษาอังกฤษ ยังคิดอยู่ว่า เธอจะไปถูกไหม แม้ตอนเดินยังสะดุดฟุตบาท ถ่ายแต่วีดีโอ และ ภาพถ่ายตลอด พรุ่งนี้เช้าเราขับรถออกจากบ้านแต่เช้าเพราะเราเบื่อที่ต้องทำแบบนี้ และเราก็เหนื่อยด้วยตลอดทริปที่ผ่านมาทั้งเจอฝน ปวดเมื่อยตัว พักผ่อนน้อย คิดแค่ว่าควรเลือกทำดีกับคน ตลอดทริปเราก็จ่ายทั้งอาหาร เวลาไปกับเธอ 2 คน เจอกันอีก 1 สัปดาห์ เราดีใจที่ตะได้พัก
พอช่วงที่เธอไปเที่ยวเธอก็ส่งรูปมาให้ในกรุ๊ป ถ่ายแต่ภาพสังกะสีบ้าง เพราะเป็นพื้นที่จังหวัด ถ่ายแต่วัดเก่า ถ่ายสายไฟ อะไรที่ไม่ดีเธอจะถ่ายแล้วโพสต์ ซึ่งถ้าเราไปต่างประเทศส่วนใหญ่จะถ่ายแต่บรรยากาศที่สวยแต่นี่เหมือนกับว่าจะถ่ายภาพวีดีโอแล้วก็พูดแต่อะไรที่ไม่ดีของไทย มีภาพหนึ่งที่เธอถ่ายเป็นภาพรูปปั้น ผู้หญิงเหมือนนางในวรรณคดี แล้วมีคนที่สามีเราก็ไม่รู้จักมาแสดงความคิดเห็นว่าคือใคร เธอบอกว่าไม่ทราบเดี่ยวจะถาม ….แล้วตามด้วยชื่อเรา ซึ่งเรางงมากว่า แล้วคนที่เธอบอกว่าเป็นเราเธอจะรู้จักเราไหม แถมยังไปบอกเค้าอีกว่าเราคือ ภรรยาของสามี ทั้งที่คนที่มาคอมเม้นไม่ใช่ญาติสามีเราเลย อ้อ แล้วตั้งแต่มาไทย โพสต์ตลอด โพสต์เยอะมาก และมีภาพเราซึ่งไม่ได้ถามเราเลย เอาลงโซเขียล เรากับสามีไม่ค่อยให้ความสำคัญกับโซเชียลแต่เวลาเที่ยวจบทริปเราจะเลือกภาพที่ชอบสัก 10 รูปโพสต์ทีเดียวเลย และเรามาจากครอบครัวที่แม่เราแม่สามีก็ไม่ได้ให้ความสำคัญกับโซเชียล เวลาโพสต์จะไม่ถ่ายภาพคนอื่นก่อนที่จะไม่ได้รับอนุญาต แม่เราคนไทยยังรู้จักให้เกียรติคนเลย เราพูดคุยกับสามีว่าต่อไปบ้านไม่ใช่พื้นที่ที่คนจะต้องมาขอพึ่งพา เรากับสามีไม่ได้รวยที่ต้องคอยช่วยเวลาใครหรือเพื่อนมาจากต่างประเทศมาขอพัก ถ้าคิดว่าจะมาไทยต้องอย่าคิดว่าเราต้องเป็นที่พึ่งพาเพราะเราก็ต้องทำงานหาเช้ากินค่ำเหมือนกัน ในทางกลับกันเราถามสามีว่าถ้าเราไปเที่ยวฝรั่งเศส เธอจะให้เราพักอาศัยที่บ้านเธอไหม สามีก้ตอบว่า คงนอนไม่ได้เพราะบ้านมีชั้นเดียวไม่กี่ห้อง บ้านเล็กๆ เราต้องเช่าโรงแรมนอนและเช่ารถขับ ในมุมกลับกันเธอจะใจดีเหมือนเราไหม
นี่เป็นประสบการณ์ที่เราได้เห็นคนยุโรปที่ทำตัวแบบนี้ และได้ทราบว่าบางคนไม่ได้เคารพให้เกียรติเสมอไปทุกคน มันทำให้เราไม่อยากใจดีกับบางคนที่หาประโยชน์แต่กับเราแล้วยังโพสต์ว่าเราเป็นแบบนั้นทั้งที่คุณก็ยังมาเที่ยวประเทศไทย อ้อลืมบอกว่าเธอทำงานและอาศัยที่ นิว แคลิโดเนียซึ่งไม่ใช่พื้นที่เกิดของสามีเรา เรากับสามีไม่เคยไป เป็นเพียงเกาะเล็กๆ ไม่มีคนเอเชีย เราสงสารเธอจนต้องซื้อของฝากให้เป็นพวกชุดช้าง และ พวกสมุนไพรไทย ยาดม เพราะเห็นว่าสงสาร แต่เราคงไม่ใจดีแบบนี้แล้ว แล้วพรุ่งนี้ก็ครบ 1 สัปดาห์ที่เธอจะกลับมาพักบ้านเราอีก 1 วันแล้ววันมะรึนขึ้นเครื่องกลับประเทศตนเอง แต่เรากับสามีไม่ว่างไปส่ง อันที่จริงเราก็พอว่าง แต่สามีว่าให้เธอนั่งแกร๊ปไปสนามบินก็ได้
เธอพูดกับสามีเราว่าถ้ามาอีก เธอจะไม่มาฤดูฝนและจะเช่ารถขับเหมือนแม่สามีเรา เราพูดกับสามีว่า เธอคิดว่าเมืองไทยขับรถง่ายหรอ ? เมืองไทยยิ่ง กทม. ไม่ใช่ว่าจะขับง่ายน่ะ มีตรอกซอกซอย และยิ่งในต่างจังหวัด GPS พาไปผิด และเธอจะขับรถได้ไงป้ายจราจรมีแต่ภาษาไทยกับอังกฤษ แฟนเราก็คิดแบบนั้น สามีบอกอีกว่า เธอใช้ google map ไม่เป็นอีก เวลาขับรถชอบจำทางเอา ซึ่งขับรถที่ต่างประเทศแถวภูเขา ชนบทเราว่าขับง่ายเพราะถนนไม่ซับซ้อนมันต่างจากที่ไทยมาก
ท้ายที่สุดเราภาวนาว่าขอให้เธอไม่มารบกวนเรากับสามีอีก และตลอดทริปทั้งพักที่บ้านเรา เธอจะไม่ชอบแปรงฟัน ไม่ชอบอาบน้ำตอนกลางคืนซึ่งเวลานั่งรถไปด้วยกันเธอพูดแล้วมันมีกลิ่นปาก กลิ่นตัว แต่เราก็คือไม่เคยได้บูลลี่เลย ไม่เคยที่จะต้องมาโพสต์ FB ส่วนตัวแบบเธอทำ เพราะเราเข้าใจวัฒนธรรมเธอคงไม่ชอบอาบน้ำ
ญาติสามี มาเที่ยวไทย ทำแบบนี้บูลลี่เราไหม ?
ก่อนมาเรากับสามีแพลนไปเที่ยวหัวหิน สามีเลยถามเราว่าอยากให้เธอไปด้วยไหม เราก็บอกชวนอาคุณไปด้วยสิ สามีเลยชวนเธอก็ตอบตกลง ต้องบอกว่าสามีไปไม่ได้มีกิจกรรม เขาบอกว่าเขาไม่ได้สะดวกจะพาเรากับอาไปเที่ยว เขาจึงให้เราแพลนเที่ยวเอง หรือ จะทำอะไรก็แล้วแต่เรา เพราะเราก็มีรถส่วนตัว เพราะว่าสามีไปด้วยเรื่องงาน แค่ 3 วัน ที่พักของเรากับสามีคือฟรี บริษัทจ่ายให้ แต่เขาก็จองอีกห้องให้อาเขา
ตั้งแต่เธอจะมาไทย เราก็เตรียมของใช้ให้ ทั้งจัดบ้าน จัดห้องนอนให้เพราะเธอมาขอพักที่บ้าน เอาจริงๆแม่สามีเวลามาไทย คือ ไม่เคยขอมาพักที่บ้านไม่เคยขอให้ทำทริปพาเที่ยวเลย เวลามาไทย แม่สามีจะจองโรงแรม เช่ารถ ขับไปเที่ยวเอง ไม่เคยต้องรบกวนเวลาเรากับสามีเลย อาจเพราะแม่สามีเคยไปเที่ยวมาหลายประเทศ และพูดภาษาอังกฤษได้ เวลาจะเจอเรากับสามีก็จะนัดกันที่ร้านอาหาร และ ไปแวะที่ร้านอื่นอีก แต่ด้วยอา พูดภาษาอังกฤษไม่ได้ ไม่รู้จัก Google เรากับสามีต้องสอนเพราะเธอสื่อสารกับเราไม่ได้
ตั้งแต่มาถึงสนามบินเรากับสามีไปรับที่สนามบิน สามีทำงานที่บ้านบางวันเข้าออฟฟิศ แต่เราทำงานที่บ้าน เราว่างตลอด เวลาเราไม่ฟิค พอพรุ่งนี้ ตื่นเช้า ต้องพาเธอไปเที่ยวชมกรุงเทพ ตั้งแต่มานอน ก็เกิดเหตุการณ์ลื่นเกือบตกบันได เพราะเดินเร็ว วิ่งขึ้นลงบันได คือ เรากับสามียังไม่เคยทำแบบนั้น เราก็ค่อนข้างแปลกใจเพราะเราไม่เคยเห็นคนอายุเกือบ 60 ที่ทำแบบนี้ ยอมรับว่า3วันก่อนไปหัวหินเราเหนื่อยมากต้องตื่นเช้า เรากะแฟนพาขับรถไปนั่นนี่ และ ฝนก็ตกบ่อย ค่าใช้จ่ายในการจ่ายร้านอาหาร ต่างๆ สามีเราออกก่อน แต่จะเก็บเงินเธอ 30 % หลังจากหักค่าอาหารทุกอย่าง เธอบอกจะโอนให้เป็นเงินยูโร อ้อ ตอนจะมาไทยสามีก็ไปธนาคารทำบัตรกดเงินสดให้ เติมเงินในนั้นให้ไว้ใช้จ่ายในไทยและซื้อซิมมือถือให้อีก+เน็ตไม่จำกัด
เวลาไปเที่ยวพาไปสถานที่อื่นๆเธอจะชอบเดินเร็ว และถ่ายภาพตลอดจนแฟนต้องคอยเรียกหา แต่สิ่งที่แปลกคือเธอมักจะชอบโพสต์โซเชียลตั้งแต่อยู่สนามบินจนถึงไทย แล้วก็เขียนเหมือนว่าเป็นฟลูเอ็นเซอร์ มีถ่ายวีดีโอไปด้วยแล้วพูด ก่อนไปหัวหิน สามีมีเวลาว่างก็พาขับรถไปทานอาหารซีฟู๊ดใกล้แม่น้ำ คือเราชอบทานหอยแครงที่ลวก 70 % ซึ่งคนไทยก้จะกินแบบนี้ เธอเห็นว่าเรากินเลยอยากลอง แต่พอลองก็บอกว่าไม่ค่อยชอบ และ เราแอบเห็นเธอมองเราด้วยสายตาที่แปลกๆ แบบคล้ายกับว่าเรากินอะไรแบบนี้ แต่ก็ยังเกาะหอยให้เราจนเราบอกว่าไม่ต้องให้เธอทานอาหารของเธอ แต่แฟนเราก็บอกว่าปกติคนไทยกินหอยชนิดนี้แบบนี้ แล้วเธอก็สั่งต้มข่าไก่มากิน แต่กินไปก็ไอ แบบแรงมากจนโต๊ะอื่นๆมอง เธอบอกว่า ปกติเป็นแบบนี้กินแล้วพูดไปด้วย พอตอนกลับบ้านเราเห็นเธอโพสต์ในโซเชียลเขียนว่าเรากินหอยที่ไม่สุก เธอบอกว่าไม่ชอบมัน แต่สามีเราบอกว่าคนไทยกินแบบนี้ แล้วนี่คือจุดที่เราไม่โอเคอย่างมากในครั้งแรก แล้วก็มีคนที่เราไม่รู้จักเป็นพวกป้าแก่ๆ และแม่สามี มาแสดงความคิดเห็นว่า มันคือหอยแมลงภูไหม ซึ่งบางคนที่แสดงความคิดเห็นยังไม่รู้จักเราเลย และ สามีก็ไม่รู้จัก และเราก็ไม่คิดว่ามันก็ไม่ควรที่จะต้องมาโพสต์แล้วใส่ชื่อเราแบบนี้ต่อให้เราจะกินอะไรก็ตามมันก็คือสิทธิของเรา
พอไปหัวหินก็ขอให้เราพาไปอยากไปวัด ถามเราตลอดว่าเจอกันกี่โมงพรุ่งนี้เช้า ทริปหัวหินเราแทบไม่ได้คุยกับสามีเลย ไม่มีภาพถ่ายด้วยกันเพราะยุ่งกับเธอ ต้องตื่นเช้าพาขับรถไปกลับมาโรงแรมอีกทีก็ 6 โมงเย็น เราขับรถ ด้วยความที่สงสารเราจึงอาสาพาไปเที่ยว ขับรถพาไปจนถึงอุทยานราชภัค จนไปวัดแถวนั้น สภาพอากาศก็ฝนตกทั้งวัน ทริปนี้คือเหนื่อยขับรถมาก เหนื่อยต้องแปลภาษา คุยกันไม่รู้เรื่อง เพราะไม่ได้ภาษาอังกฤษเลย บางครั้งแปลแย่งมือถือเราไปแปลภาษาก็มี ตอนกลับ กทม. แวะปั้มแห่งหนึ่งใหญ่และมีของที่ระลึกขาย พอดีช่วงนั้นไปเข้าห้องน้ำ แล้วห้องน้ำมีหลายโซน พอดีห้องน้ำที่เข้ามันเป็นห้องน้ำแบบไม่ใช่ใช่ฝาชักโครก เป็นห้องน้ำสมัยก่อน แต่ภายในก็สะอาดมีแม่บ้านทำความสะอาดดี เธอพูดว่าห้องน้ำแบบนี้เป็นห้องน้ำประเทศยากจน สามีเราแปลให้ฟัง เราเลยพูดว่า ใช่ เพื่อให้จบๆกับมนุษย์ป้าแบบนี้ แต่พอหลังจากกลับถึง กทม. เราเห็นเธอโพสต์ภาพถ่ายห้องน้ำ คือเราแปลกใจมาเที่ยวไทยเพื่อมาจับผิดความแตกต่างกับประเทศฝั่งยุโรปหรืออะไร เพราะเราไม่เคยเจอคนแบบนี้
พอถึง กทม. พรุ่งนี้เธอต้องเดินทางไปเชียงใหม่ต้องไปขึ้นรถทัวร์ที่จอง เราบอกแฟนเราพอแล้วเราไม่ไปส่งน่ะ แฟนก็ไม่ว่าง แฟนต้องสอนให้ใช้แอพ Grab เรียกรถมารับแล้วแอพก็เป็นภาษาอังกฤษ ยังคิดอยู่ว่า เธอจะไปถูกไหม แม้ตอนเดินยังสะดุดฟุตบาท ถ่ายแต่วีดีโอ และ ภาพถ่ายตลอด พรุ่งนี้เช้าเราขับรถออกจากบ้านแต่เช้าเพราะเราเบื่อที่ต้องทำแบบนี้ และเราก็เหนื่อยด้วยตลอดทริปที่ผ่านมาทั้งเจอฝน ปวดเมื่อยตัว พักผ่อนน้อย คิดแค่ว่าควรเลือกทำดีกับคน ตลอดทริปเราก็จ่ายทั้งอาหาร เวลาไปกับเธอ 2 คน เจอกันอีก 1 สัปดาห์ เราดีใจที่ตะได้พัก
พอช่วงที่เธอไปเที่ยวเธอก็ส่งรูปมาให้ในกรุ๊ป ถ่ายแต่ภาพสังกะสีบ้าง เพราะเป็นพื้นที่จังหวัด ถ่ายแต่วัดเก่า ถ่ายสายไฟ อะไรที่ไม่ดีเธอจะถ่ายแล้วโพสต์ ซึ่งถ้าเราไปต่างประเทศส่วนใหญ่จะถ่ายแต่บรรยากาศที่สวยแต่นี่เหมือนกับว่าจะถ่ายภาพวีดีโอแล้วก็พูดแต่อะไรที่ไม่ดีของไทย มีภาพหนึ่งที่เธอถ่ายเป็นภาพรูปปั้น ผู้หญิงเหมือนนางในวรรณคดี แล้วมีคนที่สามีเราก็ไม่รู้จักมาแสดงความคิดเห็นว่าคือใคร เธอบอกว่าไม่ทราบเดี่ยวจะถาม ….แล้วตามด้วยชื่อเรา ซึ่งเรางงมากว่า แล้วคนที่เธอบอกว่าเป็นเราเธอจะรู้จักเราไหม แถมยังไปบอกเค้าอีกว่าเราคือ ภรรยาของสามี ทั้งที่คนที่มาคอมเม้นไม่ใช่ญาติสามีเราเลย อ้อ แล้วตั้งแต่มาไทย โพสต์ตลอด โพสต์เยอะมาก และมีภาพเราซึ่งไม่ได้ถามเราเลย เอาลงโซเขียล เรากับสามีไม่ค่อยให้ความสำคัญกับโซเชียลแต่เวลาเที่ยวจบทริปเราจะเลือกภาพที่ชอบสัก 10 รูปโพสต์ทีเดียวเลย และเรามาจากครอบครัวที่แม่เราแม่สามีก็ไม่ได้ให้ความสำคัญกับโซเชียล เวลาโพสต์จะไม่ถ่ายภาพคนอื่นก่อนที่จะไม่ได้รับอนุญาต แม่เราคนไทยยังรู้จักให้เกียรติคนเลย เราพูดคุยกับสามีว่าต่อไปบ้านไม่ใช่พื้นที่ที่คนจะต้องมาขอพึ่งพา เรากับสามีไม่ได้รวยที่ต้องคอยช่วยเวลาใครหรือเพื่อนมาจากต่างประเทศมาขอพัก ถ้าคิดว่าจะมาไทยต้องอย่าคิดว่าเราต้องเป็นที่พึ่งพาเพราะเราก็ต้องทำงานหาเช้ากินค่ำเหมือนกัน ในทางกลับกันเราถามสามีว่าถ้าเราไปเที่ยวฝรั่งเศส เธอจะให้เราพักอาศัยที่บ้านเธอไหม สามีก้ตอบว่า คงนอนไม่ได้เพราะบ้านมีชั้นเดียวไม่กี่ห้อง บ้านเล็กๆ เราต้องเช่าโรงแรมนอนและเช่ารถขับ ในมุมกลับกันเธอจะใจดีเหมือนเราไหม
นี่เป็นประสบการณ์ที่เราได้เห็นคนยุโรปที่ทำตัวแบบนี้ และได้ทราบว่าบางคนไม่ได้เคารพให้เกียรติเสมอไปทุกคน มันทำให้เราไม่อยากใจดีกับบางคนที่หาประโยชน์แต่กับเราแล้วยังโพสต์ว่าเราเป็นแบบนั้นทั้งที่คุณก็ยังมาเที่ยวประเทศไทย อ้อลืมบอกว่าเธอทำงานและอาศัยที่ นิว แคลิโดเนียซึ่งไม่ใช่พื้นที่เกิดของสามีเรา เรากับสามีไม่เคยไป เป็นเพียงเกาะเล็กๆ ไม่มีคนเอเชีย เราสงสารเธอจนต้องซื้อของฝากให้เป็นพวกชุดช้าง และ พวกสมุนไพรไทย ยาดม เพราะเห็นว่าสงสาร แต่เราคงไม่ใจดีแบบนี้แล้ว แล้วพรุ่งนี้ก็ครบ 1 สัปดาห์ที่เธอจะกลับมาพักบ้านเราอีก 1 วันแล้ววันมะรึนขึ้นเครื่องกลับประเทศตนเอง แต่เรากับสามีไม่ว่างไปส่ง อันที่จริงเราก็พอว่าง แต่สามีว่าให้เธอนั่งแกร๊ปไปสนามบินก็ได้
เธอพูดกับสามีเราว่าถ้ามาอีก เธอจะไม่มาฤดูฝนและจะเช่ารถขับเหมือนแม่สามีเรา เราพูดกับสามีว่า เธอคิดว่าเมืองไทยขับรถง่ายหรอ ? เมืองไทยยิ่ง กทม. ไม่ใช่ว่าจะขับง่ายน่ะ มีตรอกซอกซอย และยิ่งในต่างจังหวัด GPS พาไปผิด และเธอจะขับรถได้ไงป้ายจราจรมีแต่ภาษาไทยกับอังกฤษ แฟนเราก็คิดแบบนั้น สามีบอกอีกว่า เธอใช้ google map ไม่เป็นอีก เวลาขับรถชอบจำทางเอา ซึ่งขับรถที่ต่างประเทศแถวภูเขา ชนบทเราว่าขับง่ายเพราะถนนไม่ซับซ้อนมันต่างจากที่ไทยมาก
ท้ายที่สุดเราภาวนาว่าขอให้เธอไม่มารบกวนเรากับสามีอีก และตลอดทริปทั้งพักที่บ้านเรา เธอจะไม่ชอบแปรงฟัน ไม่ชอบอาบน้ำตอนกลางคืนซึ่งเวลานั่งรถไปด้วยกันเธอพูดแล้วมันมีกลิ่นปาก กลิ่นตัว แต่เราก็คือไม่เคยได้บูลลี่เลย ไม่เคยที่จะต้องมาโพสต์ FB ส่วนตัวแบบเธอทำ เพราะเราเข้าใจวัฒนธรรมเธอคงไม่ชอบอาบน้ำ