มนต์รักนักพากย์ (2023) - จดหมายรักถึงภาพยนตร์ไทยที่ย้อนวันวานพาให้คิดถึง

มนต์รักนักพากย์: Once Upon A Star

“ขอบคุณมากครับ… ผมดูดีได้เพราะเสียงคุณ”


เขียนบท กำกับ และอำนวยการสร้างโดย นนทรีย์ นิมิบุตร

สวัสดีครับทุกท่าน ! ล่าสุดผมมีโอกาสได้รับชมเรื่อง "มนต์รักนักพากย์" ภาพยนตร์ไทยเรื่องใหม่ของ Netflix

หลังจากที่ได้รับชม รู้สึกว่า หนังมีอะไรให้น่าพูดถึงเยอะ และถ้าไม่เขียนรีวิวถึงเรื่องนี้ ก็คงเป็นที่น่าเสียดาย ยิ่งหากหลายท่าน พลาดรับชมเรื่องนี้ไป

เรื่องย่อ

"มานิตย์" (เวียร์ ศุกลวัฒน์ คณารศ) หัวหน้าหน่วยเร่ ทีมฉายภาพยนตร์กลางแปลง กำลังปวดหัวกับยอดขายสินค้าที่ลดลง ทว่าต่อมา เขาได้พบกัน "เรืองแข" (หนูนา หนึ่งธิดา โสภณ) นักพากย์หญิงที่จะเข้ามาเปลี่ยนแปลงทีมให้ดีขึ้น

คลิกเพื่อดูคลิปวิดีโอ
มนต์รักนักพากย์ | ตัวอย่างภาพยนตร์ | Netflix

ความรู้สึกหลังชม

- อันดับแรก อยากพูดถึง "สารอันทรงพลังถึงความรักที่มีต่อภาพยนตร์"

ไม่ได้เห็นกันบ่อย ๆ ถึงหนังไทยที่พยายาม Tribute ถึง "วงการภาพยนตร์" ถ้าดูในฟากฮอลลีวู้ด ก็เห็นได้ทั้งจากเรื่อง The Fabelmans (2022) และ Babylon (2022) ที่เป็นหนังคุณภาพในปีที่ผ่านมา

สำหรับมนต์รักนักพากย์ หนังมาด้วยโทนเรื่องที่คล้ายกับ Babylon กล่าวคือ เป็นภาพยนตร์ที่เล่าถึงช่วงเปลี่ยนผ่านยุคของระบบภาพยนตร์จากยุคที่มีการพากย์เสียงสดไปสู่การฉายภาพยนตร์ด้วยระบบเสียงจากต้นฉบับแทน 

นอกจากนี้ ยังกล่าวถึงหลายอย่างที่หลายท่านอาจไม่ทันได้เห็น อย่าง "หน่วยเร่" หรือเหล่าทีมงานที่ตระเวณไปยังพื้นที่ต่าง ๆ  เพื่อฉายหนังกลางแปลง พร้อมกับขายของไปด้วย


ทั้งนี้ยังรวมไปถึงการแสดงความรักของตัวละครเอกที่มีต่อ "มิตร ชัยบัญชา" นักแสดงอันดับหนึ่งตลอดกาลของวงการภาพยนตร์ไทย หนังช่วยให้เห็นว่า "มิตร" ยิ่งใหญ่มากแค่ไหนต่อจิตใจของผู้คน และเป็นแรงบันดาลใจให้กับหลายคนได้ตบเท้าเข้าสู่วงการหนัง เพื่อตามรอยดาราในดวงใจ

ระหว่างดูจึงปฏิเสธไม่ได้เลยว่า หนังทำให้ผู้ชมได้สัมผัสกับ "ความจริงใจ และแพชชั่น" ที่ถ่ายทอดออกมา... สิ่งเหล่านี้เป็นสิ่งที่เรารับรู้ได้ และเป็นสารอันทรงพลังถึงความรักที่มีต่อภาพยนตร์ไทย ซึ่งพาให้เราอยากย้อนวันวานไปในอดีตเช่นกัน 

(ฟีลลิ่งคล้ายกับหนังญี่ปุ่นเรื่อง Asakusa Kid ที่มีฉายบน Netflix)

- ในส่วนของโทนหนัง รู้สึกว่า กลิ่นอายหนังเหมือนภาพยนตร์ไทยในยุคก่อนสไตล์คุณอุ๋ย นนทรีย์ นิมิบุตร 

หนังมาด้วยโทน Road Movie เริ่มต้นด้วยแบบสบาย ๆ Introduction, เกิดเหตุการณ์ดราม่าและความขัดแย้ง (Conflict), แล้วทำการคลี่คลาย (Resolution) ในองก์สุดท้าย

โดยรวมหนังทำออกมาได้ค่อนข้างพอดี ทว่าส่วนที่ขาดก็ยังมี เช่น ประเด็น Conflict และประเด็นต่าง ๆ ที่ไม่ได้เข้มข้น เหมือนยังไม่ได้ใช้ประโยชน์จากสิ่งเหล่านี้ได้เต็มหน่วย 100%

ถ้ามองสำหรับผู้ชมทั่วไป อาจไม่ได้เป็นปัญหา แต่มองเทียบกับคุณภาพในการแข่งขันระดับนานาชาติ หนังยังเติมความหนักและความสมเหตุสมผลเข้าไปได้มากกว่านี้ (อย่างไรก็ดี ถือเป็นหนังไทยที่ชอบมาก)


- สำหรับซีนประทับใจ ขอยกให้ "ฉากสุดท้ายในเรื่อง" ซึ้งและอิ่มเอมในระดับที่ทำให้น้ำตาซึมได้สบาย

- พาร์ทนักแสดง รู้สึกประทับใจทุกคน แต่ที่ต้องยกให้เป็น The Best ขอยกให้บท "มานิตย์" (เวียร์ ศุกลวัฒน์ คณารศ)

ปกติเห็นจากหนังหลาย ๆ เรื่อง คุณเวียร์แสดงได้ดีอยู่แล้ว มาในเรื่องนี้ คุณเวียร์ยังคงแสดงได้ยอดเยี่ยม ถือเป็นส่วนสำคัญที่ทำให้หนังสมบูรณ์

- มุมกล้อง แสง สี เสียง และ Production ดีมากสไตล์ Netflix

- ชอบแต่ละเพลงที่ใส่มาในหนังมา เข้ากับบรรยากาศสุด ๆ

คลิกเพื่อดูคลิปวิดีโอ
สิบหมื่น - มิตร ชัยบัญชา
คลิกเพื่อดูคลิปวิดีโอ
ลูกทุ่งเสียงทอง เพชร พนมรุ้ง

สรุป

อาจจะไม่ใช่หนังไทยที่สมบูรณ์ แต่เป็นหนังไทยที่อยากเชียร์ให้ได้ดูกัน

ที่ชอบที่สุด คือ รู้สึกว่าหนังเรื่องนี้ ให้ความรู้สึกที่หนังไทยเรื่องอื่นไม่สามารถให้ได้ เช่น "ความจริงใจ และความอิ่มเอมใจที่เป็นพลังบวกต่อผู้ชม"

ที่สำคัญ ยังเป็นตัวแทนที่ทำให้เราเห็นภาพของประวัติศาสตร์ภาพยนตร์ไทยได้แจ่มชัดขึ้น 

ใครสนใจดูได้บน Netflix !
_________________________________

ป.ล. สำหรับหนังที่มีการกล่าวถึง "มิตร ชัยบัญชา" อีกเรื่องที่ขอแนะนำ คือ October Sonata ใครสนใจแนะนำเลย มีบน Netflix เช่นกัน


ป.ล. 2 อีกหนึ่งช่องทางการติดต่อทาง Facebook เผื่อสนใจอยากคุยหรือติดต่อกับผมนะครับ

IG: benjireview
แก้ไขข้อความเมื่อ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่