มนต์รักนักพากย์: Once Upon A Star
“ขอบคุณมากครับ… ผมดูดีได้เพราะเสียงคุณ”
เขียนบท กำกับ และอำนวยการสร้างโดย นนทรีย์ นิมิบุตร
สวัสดีครับทุกท่าน ! ล่าสุดผมมีโอกาสได้รับชมเรื่อง
"มนต์รักนักพากย์" ภาพยนตร์ไทยเรื่องใหม่ของ Netflix
หลังจากที่ได้รับชม รู้สึกว่า หนังมีอะไรให้น่าพูดถึงเยอะ และถ้าไม่เขียนรีวิวถึงเรื่องนี้ ก็คงเป็นที่น่าเสียดาย ยิ่งหากหลายท่าน พลาดรับชมเรื่องนี้ไป
เรื่องย่อ
"มานิตย์" (เวียร์ ศุกลวัฒน์ คณารศ) หัวหน้าหน่วยเร่ ทีมฉายภาพยนตร์กลางแปลง กำลังปวดหัวกับยอดขายสินค้าที่ลดลง ทว่าต่อมา เขาได้พบกัน
"เรืองแข" (หนูนา หนึ่งธิดา โสภณ) นักพากย์หญิงที่จะเข้ามาเปลี่ยนแปลงทีมให้ดีขึ้น
มนต์รักนักพากย์ | ตัวอย่างภาพยนตร์ | Netflix
ความรู้สึกหลังชม
- อันดับแรก อยากพูดถึง
"สารอันทรงพลังถึงความรักที่มีต่อภาพยนตร์"
ไม่ได้เห็นกันบ่อย ๆ ถึงหนังไทยที่พยายาม Tribute ถึง
"วงการภาพยนตร์" ถ้าดูในฟากฮอลลีวู้ด ก็เห็นได้ทั้งจากเรื่อง
The Fabelmans (2022) และ
Babylon (2022) ที่เป็นหนังคุณภาพในปีที่ผ่านมา
สำหรับมนต์รักนักพากย์ หนังมาด้วยโทนเรื่องที่คล้ายกับ
Babylon กล่าวคือ เป็นภาพยนตร์ที่เล่าถึงช่วงเปลี่ยนผ่านยุคของระบบภาพยนตร์จากยุคที่มีการพากย์เสียงสดไปสู่การฉายภาพยนตร์ด้วยระบบเสียงจากต้นฉบับแทน
นอกจากนี้ ยังกล่าวถึงหลายอย่างที่หลายท่านอาจไม่ทันได้เห็น อย่าง
"หน่วยเร่" หรือเหล่าทีมงานที่ตระเวณไปยังพื้นที่ต่าง ๆ เพื่อฉายหนังกลางแปลง พร้อมกับขายของไปด้วย
ทั้งนี้ยังรวมไปถึงการแสดงความรักของตัวละครเอกที่มีต่อ
"มิตร ชัยบัญชา" นักแสดงอันดับหนึ่งตลอดกาลของวงการภาพยนตร์ไทย หนังช่วยให้เห็นว่า
"มิตร" ยิ่งใหญ่มากแค่ไหนต่อจิตใจของผู้คน และเป็นแรงบันดาลใจให้กับหลายคนได้ตบเท้าเข้าสู่วงการหนัง เพื่อตามรอยดาราในดวงใจ
ระหว่างดูจึงปฏิเสธไม่ได้เลยว่า หนังทำให้ผู้ชมได้สัมผัสกับ "ความจริงใจ และแพชชั่น" ที่ถ่ายทอดออกมา... สิ่งเหล่านี้เป็นสิ่งที่เรารับรู้ได้ และเป็นสารอันทรงพลังถึงความรักที่มีต่อภาพยนตร์ไทย ซึ่งพาให้เราอยากย้อนวันวานไปในอดีตเช่นกัน
(ฟีลลิ่งคล้ายกับหนังญี่ปุ่นเรื่อง Asakusa Kid ที่มีฉายบน Netflix)
- ในส่วนของโทนหนัง รู้สึกว่า กลิ่นอายหนังเหมือนภาพยนตร์ไทยในยุคก่อนสไตล์คุณอุ๋ย นนทรีย์ นิมิบุตร
หนังมาด้วยโทน Road Movie เริ่มต้นด้วยแบบสบาย ๆ Introduction, เกิดเหตุการณ์ดราม่าและความขัดแย้ง (Conflict), แล้วทำการคลี่คลาย (Resolution) ในองก์สุดท้าย
โดยรวมหนังทำออกมาได้ค่อนข้างพอดี ทว่าส่วนที่ขาดก็ยังมี เช่น ประเด็น Conflict และประเด็นต่าง ๆ ที่ไม่ได้เข้มข้น เหมือนยังไม่ได้ใช้ประโยชน์จากสิ่งเหล่านี้ได้เต็มหน่วย 100%
ถ้ามองสำหรับผู้ชมทั่วไป อาจไม่ได้เป็นปัญหา แต่มองเทียบกับคุณภาพในการแข่งขันระดับนานาชาติ หนังยังเติมความหนักและความสมเหตุสมผลเข้าไปได้มากกว่านี้ (อย่างไรก็ดี ถือเป็นหนังไทยที่ชอบมาก)
- สำหรับซีนประทับใจ ขอยกให้
"ฉากสุดท้ายในเรื่อง" ซึ้งและอิ่มเอมในระดับที่ทำให้น้ำตาซึมได้สบาย
- พาร์ทนักแสดง รู้สึกประทับใจทุกคน แต่ที่ต้องยกให้เป็น The Best ขอยกให้บท
"มานิตย์" (เวียร์ ศุกลวัฒน์ คณารศ)
ปกติเห็นจากหนังหลาย ๆ เรื่อง คุณเวียร์แสดงได้ดีอยู่แล้ว มาในเรื่องนี้ คุณเวียร์ยังคงแสดงได้ยอดเยี่ยม ถือเป็นส่วนสำคัญที่ทำให้หนังสมบูรณ์
- มุมกล้อง แสง สี เสียง และ Production ดีมากสไตล์ Netflix
- ชอบแต่ละเพลงที่ใส่มาในหนังมา เข้ากับบรรยากาศสุด ๆ
สิบหมื่น - มิตร ชัยบัญชา
ลูกทุ่งเสียงทอง เพชร พนมรุ้ง
สรุป
อาจจะไม่ใช่หนังไทยที่สมบูรณ์ แต่เป็นหนังไทยที่อยากเชียร์ให้ได้ดูกัน
ที่ชอบที่สุด คือ รู้สึกว่าหนังเรื่องนี้ ให้ความรู้สึกที่หนังไทยเรื่องอื่นไม่สามารถให้ได้ เช่น
"ความจริงใจ และความอิ่มเอมใจที่เป็นพลังบวกต่อผู้ชม"
ที่สำคัญ ยังเป็นตัวแทนที่ทำให้เราเห็นภาพของประวัติศาสตร์ภาพยนตร์ไทยได้แจ่มชัดขึ้น
ใครสนใจดูได้บน Netflix !
_________________________________
ป.ล. สำหรับหนังที่มีการกล่าวถึง
"มิตร ชัยบัญชา" อีกเรื่องที่ขอแนะนำ คือ October Sonata ใครสนใจแนะนำเลย มีบน Netflix เช่นกัน
ป.ล. 2 อีกหนึ่งช่องทางการติดต่อทาง Facebook เผื่อสนใจอยากคุยหรือติดต่อกับผมนะครับ
IG: benjireview
มนต์รักนักพากย์ (2023) - จดหมายรักถึงภาพยนตร์ไทยที่ย้อนวันวานพาให้คิดถึง
สวัสดีครับทุกท่าน ! ล่าสุดผมมีโอกาสได้รับชมเรื่อง "มนต์รักนักพากย์" ภาพยนตร์ไทยเรื่องใหม่ของ Netflix
หลังจากที่ได้รับชม รู้สึกว่า หนังมีอะไรให้น่าพูดถึงเยอะ และถ้าไม่เขียนรีวิวถึงเรื่องนี้ ก็คงเป็นที่น่าเสียดาย ยิ่งหากหลายท่าน พลาดรับชมเรื่องนี้ไป
เรื่องย่อ
"มานิตย์" (เวียร์ ศุกลวัฒน์ คณารศ) หัวหน้าหน่วยเร่ ทีมฉายภาพยนตร์กลางแปลง กำลังปวดหัวกับยอดขายสินค้าที่ลดลง ทว่าต่อมา เขาได้พบกัน "เรืองแข" (หนูนา หนึ่งธิดา โสภณ) นักพากย์หญิงที่จะเข้ามาเปลี่ยนแปลงทีมให้ดีขึ้น
- อันดับแรก อยากพูดถึง "สารอันทรงพลังถึงความรักที่มีต่อภาพยนตร์"
ไม่ได้เห็นกันบ่อย ๆ ถึงหนังไทยที่พยายาม Tribute ถึง "วงการภาพยนตร์" ถ้าดูในฟากฮอลลีวู้ด ก็เห็นได้ทั้งจากเรื่อง The Fabelmans (2022) และ Babylon (2022) ที่เป็นหนังคุณภาพในปีที่ผ่านมา
สำหรับมนต์รักนักพากย์ หนังมาด้วยโทนเรื่องที่คล้ายกับ Babylon กล่าวคือ เป็นภาพยนตร์ที่เล่าถึงช่วงเปลี่ยนผ่านยุคของระบบภาพยนตร์จากยุคที่มีการพากย์เสียงสดไปสู่การฉายภาพยนตร์ด้วยระบบเสียงจากต้นฉบับแทน
นอกจากนี้ ยังกล่าวถึงหลายอย่างที่หลายท่านอาจไม่ทันได้เห็น อย่าง "หน่วยเร่" หรือเหล่าทีมงานที่ตระเวณไปยังพื้นที่ต่าง ๆ เพื่อฉายหนังกลางแปลง พร้อมกับขายของไปด้วย
ระหว่างดูจึงปฏิเสธไม่ได้เลยว่า หนังทำให้ผู้ชมได้สัมผัสกับ "ความจริงใจ และแพชชั่น" ที่ถ่ายทอดออกมา... สิ่งเหล่านี้เป็นสิ่งที่เรารับรู้ได้ และเป็นสารอันทรงพลังถึงความรักที่มีต่อภาพยนตร์ไทย ซึ่งพาให้เราอยากย้อนวันวานไปในอดีตเช่นกัน
(ฟีลลิ่งคล้ายกับหนังญี่ปุ่นเรื่อง Asakusa Kid ที่มีฉายบน Netflix)
หนังมาด้วยโทน Road Movie เริ่มต้นด้วยแบบสบาย ๆ Introduction, เกิดเหตุการณ์ดราม่าและความขัดแย้ง (Conflict), แล้วทำการคลี่คลาย (Resolution) ในองก์สุดท้าย
โดยรวมหนังทำออกมาได้ค่อนข้างพอดี ทว่าส่วนที่ขาดก็ยังมี เช่น ประเด็น Conflict และประเด็นต่าง ๆ ที่ไม่ได้เข้มข้น เหมือนยังไม่ได้ใช้ประโยชน์จากสิ่งเหล่านี้ได้เต็มหน่วย 100%
ถ้ามองสำหรับผู้ชมทั่วไป อาจไม่ได้เป็นปัญหา แต่มองเทียบกับคุณภาพในการแข่งขันระดับนานาชาติ หนังยังเติมความหนักและความสมเหตุสมผลเข้าไปได้มากกว่านี้ (อย่างไรก็ดี ถือเป็นหนังไทยที่ชอบมาก)
- พาร์ทนักแสดง รู้สึกประทับใจทุกคน แต่ที่ต้องยกให้เป็น The Best ขอยกให้บท "มานิตย์" (เวียร์ ศุกลวัฒน์ คณารศ)
ปกติเห็นจากหนังหลาย ๆ เรื่อง คุณเวียร์แสดงได้ดีอยู่แล้ว มาในเรื่องนี้ คุณเวียร์ยังคงแสดงได้ยอดเยี่ยม ถือเป็นส่วนสำคัญที่ทำให้หนังสมบูรณ์
- มุมกล้อง แสง สี เสียง และ Production ดีมากสไตล์ Netflix
- ชอบแต่ละเพลงที่ใส่มาในหนังมา เข้ากับบรรยากาศสุด ๆ
ที่ชอบที่สุด คือ รู้สึกว่าหนังเรื่องนี้ ให้ความรู้สึกที่หนังไทยเรื่องอื่นไม่สามารถให้ได้ เช่น "ความจริงใจ และความอิ่มเอมใจที่เป็นพลังบวกต่อผู้ชม"
ที่สำคัญ ยังเป็นตัวแทนที่ทำให้เราเห็นภาพของประวัติศาสตร์ภาพยนตร์ไทยได้แจ่มชัดขึ้น
ใครสนใจดูได้บน Netflix !