1
ก่อนที่ผมจะกลายเป็นคนแบบนี้ ผมเคยเป็นคนที่ดีกว่านี้
ก่อนที่ผมจะฆ่าใครสักคน ผมเคยเป็นคนที่ดีกว่านี้
ผมเคยเป็นคนที่รักภรรยา และลูกของผม
ใช่ -- ผมพูดว่า
ภรรยา และ
ลูกของผม
ผมเคยรักพวกเขา
ผมพูดคำว่า
เคยรัก เพราะตอนนี้ผมไม่รู้อีกต่อไปแล้ว ว่าความรักคืออะไร
มันจะยังเรียกว่าความรักได้อยู่ไหม ถ้าหากปราศจากซึ่งความไว้วางใจ
ผมรู้ว่าเธอไม่ไว้ใจผม
ภรรยาของผมมองผมเปลี่ยนไปจากเดิม
แต่ ณ ชั่วขณะที่ผมเชื่อว่าตัวเองรู้คำตอบ -- ณ ชั่วขณะที่ผมเชื่อว่าเธอยังรักผมไม่แปรเปลี่ยน ผมเคยมอบชีวิตทั้งหมดของผมให้แก่พวกเขา
ผมเคยเป็นสามีที่ดี และเคยเป็นพ่อที่ดี
ผมออกไปทิ้งขยะในทุกๆค่ำ และส่งลูกเข้านอนในทุกๆคืน
ผมดูแลห้องใต้ถุนให้ปลอดภัย เช่นเดียวกันกับที่ล้างรถคันเก่าให้สะอาดเอี่ยมอ่องอยู่เสมอ
ผมเปลี่ยนหลอดไฟที่ดับ และซ่อมท่ออ่างล้างจานที่แตก
ผมทำทุกอย่างที่ผมควรจะทำ
ผมทำทุกอย่างตามหน้าที่ของสามีและพ่อที่ดีพึงปฏิบัติ
แต่ชีวิตที่แสนเรียบง่ายนี่ กลับช่างน่าเบื่อเกินไปสำหรับผม
ใช่ มัน
น่าเบื่อ -- ผมจุดบุหรี่ เงยหน้ามองท้องฟ้ายามค่ำคืนที่สวนหน้าบ้าน
อะไรทำให้ผมรู้สึกเบื่องั้นหรือ -- ผมหันกลับไปมองภรรยาสาวเดินผ่านหน้าต่างห้องนั่งเล่นไป
แวบนั้นชุดกระโปรงตัวเก่าของเธอทำให้ผมรู้สึกเบื่อหน่ายขึ้นมามากกว่าเดิม
ผมรู้สึกเบื่อ เพราะภรรยาของผมเงียบเกินไป และเก็บตัวจากเมืองเล็กๆแห่งนี้มากเกินไปหรือ
หรือเพราะเมืองเล็กๆที่เราย้ายมาอยู่นี่ จะเล็กเกินไปสำหรับเราสามพ่อแม่ลูก
ผมมองรถคันเก่าข้างสนามหญ้าเล็กๆของเรา --
โอ ใช่ -- คำตอบนั้นง่ายมาก
ไม่น่าเชื่อว่าทำไมผมถึงคิดหาคำตอบมานานขนาดนี้
อิสรภาพ --
ปัญหาคือเรื่องอิสรภาพเสมอ
ผมควรรู้ตัวให้เร็วกว่านี้ ว่าอะไรทำให้ความเบื่อของผมกลายมาเป็นระเบิดที่อยู่ในตัวของผมมาได้นานขนาดนี้
การขาดอิสรภาพทำให้ผมเบื่อ การขาดอิสรภาพทำให้ผมอึดอัด
ทุกสิ่งทุกอย่างที่เกิดขึ้นในชีวิตของผม เริ่มกลายมาเป็นแรงกดดันที่ทำให้กะโหลกของผมแทบระเบิด
ผมเบื่อกับการที่ต้องสั่งให้ตัวเองเป็นคนดี และเก็บความลับทั้งหมดเอาไว้ในมุมมืดของก้นบึงหัวใจตัวเอง
มันเหมือนกับการคุมขังสัตว์ป่าเอาไว้ในกรงที่มืดมิด และเงียบสงัด
มันจะต้องมีวันที่สัตว์ป่าคลุ้มคลั่ง และพยายามไขว่คว้าหาอิสรภาพ
“คุณควรละอายใจต่อสิ่งที่คุณทำลงไป” ภรรยาของผมเคยบอกผมเอาไว้แบบนั้น
ทำไมผมต้องรู้สึกละอายใจกับสิ่งที่ผมทำลงไปด้วย
พลันภาพของผู้หญิงที่ถูกผมบีบคอก็ฉายชัดขึ้นมาในใจของผม
ผมนึกถึงดวงตาอันเบิกโพลง และเสียงอึกอักขาดลมหายใจที่ดังออกมาจากลำคอของเธอ
ไม่ --
ผมไม่รู้สึกผิดบาป หรือละอายใจในสิ่งที่ตัวเองได้ทำลงไปแม้สักนิด
ผมรู้สึก -- ผมสูดลมหายใจเข้าลึก ในตอนที่ออกแรงบีบลำคอนั้นแน่นขึ้น -- มีชีวิตชีวา
ความรู้สึกที่มีชีวิตชีวาจนแทบจะสำลักนั่น --
“คุณต้องหยุดแค่นี้” ภรรยาเคยบอกผมเอาไว้ ในตอนที่ผมเดินกลับเข้ามาในบ้าน หลังจากที่ยืนสูบบุหรี่ มองท้องฟ้ายามค่ำคืนอยู่นานเป็นชั่วโมง
เธอรู้ว่าผมคิดอะไรอยู่ในใจ
เธอรู้ดีอยู่เสมอ ว่าความคิดของผมสามารถฟุ้งซ่านได้ขนาดไหน ในตอนที่ความเบื่อครอบงำจิตใจของผม
“คุณมาไกลเกินกว่าจะกลับไปเป็นเด็กคนนั้น” เธอพูดเสียงเบา “คุณต้องบอกลาวัยเด็กของคุณ -- และอดีตทุกอย่างของคุณ”
ผมจำได้ว่าน้ำเสียงของเธอฟังดูจริงจังมากแค่ไหน
เธอไม่ยอมปล่อยให้ผมเข้านอน จนกว่าจะได้รับคำมั่นจากผม
“มองฉัน” เธอกระซิบ “มองฉัน ที่รัก”
ผมจำได้ว่าผมสบตามองภรรยาของตนเองในตอนนั้น
ดวงตาของเธอนิ่งสนิท ในตอนที่จ้องผมกลับมา
“ทุกอย่างเริ่มต้นจากอดีตของคุณ -- คุณต้องบอกลาอดีตของคุณเสีย”
มันคือคำสั่ง
เธอมักจะสั่งผมอยู่เสมอ --
และนั่นทำให้ผมปล่อยสัญชาตญาณดิบออกมา และผมไม่เคยหยุดมันได้อีกเลย
แต่เธอพูดถูกอย่างหนึ่ง
ทุกอย่างเริ่มต้นจากอดีตของผม
วัยเด็กของผม --
ผมกอดภรรยาของผม ยินยอมให้เธอจูบผม ก่อนที่เราจะเข้านอนในคืนนั้น
ผมหลับตาลงช้าๆ กำมือทั้งสองข้างเล็กน้อย ในตอนที่ภาพเลือด และปมเชือกเส้นหนาจากความทรงจำวัยเด็กฉายชัดขึ้นมา
ผมอาจจะเป็นไปแบบที่คนหลายคนมักพูดกัน ว่าคนเราสามารถกลายเป็นปิศาจร้ายได้ จากการพบเจอเรื่องเลวร้ายเมื่อตอนเป็นเด็ก
คนหลายคนมักพูดกันว่า เราต้องเผชิญหน้ากับสัตว์ร้ายในเงามืดของตัวเอง เพื่อที่จะหวนกลับมาสู่แสงสว่างอีกครั้ง
แต่พวกเขาไม่รู้ ว่าบางครั้งการเผชิญหน้ากับสัตว์ร้ายตนนั้น ก็อาจทำให้เรากลายเป็นเงามืดของมันได้เช่นเดียวกัน
และสำหรับบางคนแล้วนั้น แสงสว่างก็อาจจะไม่จำเป็นนัก สำหรับการปล่อยให้สัตว์ร้ายและเงามืดได้กลายมาเป็นหนึ่งเดียวกัน
ผมคือหนึ่งในบางคนเหล่านั้น
ผมคือหนึ่งในคนที่ปล่อยให้ตัวเองกลายเป็นส่วนเดียวกันกับสัตว์ร้ายและเงามืดในวัยเด็กของตัวเอง
และนั่นทำให้มีคนต้องตายเพราะผม
ORIGINAL CREATURES สิ่งมีชีวิตที่เรียกว่า "ฆาตกร" ตอนที่ 1
ก่อนที่ผมจะกลายเป็นคนแบบนี้ ผมเคยเป็นคนที่ดีกว่านี้
ก่อนที่ผมจะฆ่าใครสักคน ผมเคยเป็นคนที่ดีกว่านี้
ผมเคยเป็นคนที่รักภรรยา และลูกของผม
ใช่ -- ผมพูดว่าภรรยา และลูกของผม
ผมเคยรักพวกเขา
ผมพูดคำว่าเคยรัก เพราะตอนนี้ผมไม่รู้อีกต่อไปแล้ว ว่าความรักคืออะไร
มันจะยังเรียกว่าความรักได้อยู่ไหม ถ้าหากปราศจากซึ่งความไว้วางใจ
ผมรู้ว่าเธอไม่ไว้ใจผม
ภรรยาของผมมองผมเปลี่ยนไปจากเดิม
แต่ ณ ชั่วขณะที่ผมเชื่อว่าตัวเองรู้คำตอบ -- ณ ชั่วขณะที่ผมเชื่อว่าเธอยังรักผมไม่แปรเปลี่ยน ผมเคยมอบชีวิตทั้งหมดของผมให้แก่พวกเขา
ผมเคยเป็นสามีที่ดี และเคยเป็นพ่อที่ดี
ผมออกไปทิ้งขยะในทุกๆค่ำ และส่งลูกเข้านอนในทุกๆคืน
ผมดูแลห้องใต้ถุนให้ปลอดภัย เช่นเดียวกันกับที่ล้างรถคันเก่าให้สะอาดเอี่ยมอ่องอยู่เสมอ
ผมเปลี่ยนหลอดไฟที่ดับ และซ่อมท่ออ่างล้างจานที่แตก
ผมทำทุกอย่างที่ผมควรจะทำ
ผมทำทุกอย่างตามหน้าที่ของสามีและพ่อที่ดีพึงปฏิบัติ
แต่ชีวิตที่แสนเรียบง่ายนี่ กลับช่างน่าเบื่อเกินไปสำหรับผม
ใช่ มันน่าเบื่อ -- ผมจุดบุหรี่ เงยหน้ามองท้องฟ้ายามค่ำคืนที่สวนหน้าบ้าน
อะไรทำให้ผมรู้สึกเบื่องั้นหรือ -- ผมหันกลับไปมองภรรยาสาวเดินผ่านหน้าต่างห้องนั่งเล่นไป
แวบนั้นชุดกระโปรงตัวเก่าของเธอทำให้ผมรู้สึกเบื่อหน่ายขึ้นมามากกว่าเดิม
ผมรู้สึกเบื่อ เพราะภรรยาของผมเงียบเกินไป และเก็บตัวจากเมืองเล็กๆแห่งนี้มากเกินไปหรือ
หรือเพราะเมืองเล็กๆที่เราย้ายมาอยู่นี่ จะเล็กเกินไปสำหรับเราสามพ่อแม่ลูก
ผมมองรถคันเก่าข้างสนามหญ้าเล็กๆของเรา --
โอ ใช่ -- คำตอบนั้นง่ายมาก
ไม่น่าเชื่อว่าทำไมผมถึงคิดหาคำตอบมานานขนาดนี้
อิสรภาพ --
ปัญหาคือเรื่องอิสรภาพเสมอ
ผมควรรู้ตัวให้เร็วกว่านี้ ว่าอะไรทำให้ความเบื่อของผมกลายมาเป็นระเบิดที่อยู่ในตัวของผมมาได้นานขนาดนี้
การขาดอิสรภาพทำให้ผมเบื่อ การขาดอิสรภาพทำให้ผมอึดอัด
ทุกสิ่งทุกอย่างที่เกิดขึ้นในชีวิตของผม เริ่มกลายมาเป็นแรงกดดันที่ทำให้กะโหลกของผมแทบระเบิด
ผมเบื่อกับการที่ต้องสั่งให้ตัวเองเป็นคนดี และเก็บความลับทั้งหมดเอาไว้ในมุมมืดของก้นบึงหัวใจตัวเอง
มันเหมือนกับการคุมขังสัตว์ป่าเอาไว้ในกรงที่มืดมิด และเงียบสงัด
มันจะต้องมีวันที่สัตว์ป่าคลุ้มคลั่ง และพยายามไขว่คว้าหาอิสรภาพ
“คุณควรละอายใจต่อสิ่งที่คุณทำลงไป” ภรรยาของผมเคยบอกผมเอาไว้แบบนั้น
ทำไมผมต้องรู้สึกละอายใจกับสิ่งที่ผมทำลงไปด้วย
พลันภาพของผู้หญิงที่ถูกผมบีบคอก็ฉายชัดขึ้นมาในใจของผม
ผมนึกถึงดวงตาอันเบิกโพลง และเสียงอึกอักขาดลมหายใจที่ดังออกมาจากลำคอของเธอ
ไม่ --
ผมไม่รู้สึกผิดบาป หรือละอายใจในสิ่งที่ตัวเองได้ทำลงไปแม้สักนิด
ผมรู้สึก -- ผมสูดลมหายใจเข้าลึก ในตอนที่ออกแรงบีบลำคอนั้นแน่นขึ้น -- มีชีวิตชีวา
ความรู้สึกที่มีชีวิตชีวาจนแทบจะสำลักนั่น --
“คุณต้องหยุดแค่นี้” ภรรยาเคยบอกผมเอาไว้ ในตอนที่ผมเดินกลับเข้ามาในบ้าน หลังจากที่ยืนสูบบุหรี่ มองท้องฟ้ายามค่ำคืนอยู่นานเป็นชั่วโมง
เธอรู้ว่าผมคิดอะไรอยู่ในใจ
เธอรู้ดีอยู่เสมอ ว่าความคิดของผมสามารถฟุ้งซ่านได้ขนาดไหน ในตอนที่ความเบื่อครอบงำจิตใจของผม
“คุณมาไกลเกินกว่าจะกลับไปเป็นเด็กคนนั้น” เธอพูดเสียงเบา “คุณต้องบอกลาวัยเด็กของคุณ -- และอดีตทุกอย่างของคุณ”
ผมจำได้ว่าน้ำเสียงของเธอฟังดูจริงจังมากแค่ไหน
เธอไม่ยอมปล่อยให้ผมเข้านอน จนกว่าจะได้รับคำมั่นจากผม
“มองฉัน” เธอกระซิบ “มองฉัน ที่รัก”
ผมจำได้ว่าผมสบตามองภรรยาของตนเองในตอนนั้น
ดวงตาของเธอนิ่งสนิท ในตอนที่จ้องผมกลับมา
“ทุกอย่างเริ่มต้นจากอดีตของคุณ -- คุณต้องบอกลาอดีตของคุณเสีย”
มันคือคำสั่ง
เธอมักจะสั่งผมอยู่เสมอ --
และนั่นทำให้ผมปล่อยสัญชาตญาณดิบออกมา และผมไม่เคยหยุดมันได้อีกเลย
แต่เธอพูดถูกอย่างหนึ่ง
ทุกอย่างเริ่มต้นจากอดีตของผม
วัยเด็กของผม --
ผมกอดภรรยาของผม ยินยอมให้เธอจูบผม ก่อนที่เราจะเข้านอนในคืนนั้น
ผมหลับตาลงช้าๆ กำมือทั้งสองข้างเล็กน้อย ในตอนที่ภาพเลือด และปมเชือกเส้นหนาจากความทรงจำวัยเด็กฉายชัดขึ้นมา
ผมอาจจะเป็นไปแบบที่คนหลายคนมักพูดกัน ว่าคนเราสามารถกลายเป็นปิศาจร้ายได้ จากการพบเจอเรื่องเลวร้ายเมื่อตอนเป็นเด็ก
คนหลายคนมักพูดกันว่า เราต้องเผชิญหน้ากับสัตว์ร้ายในเงามืดของตัวเอง เพื่อที่จะหวนกลับมาสู่แสงสว่างอีกครั้ง
แต่พวกเขาไม่รู้ ว่าบางครั้งการเผชิญหน้ากับสัตว์ร้ายตนนั้น ก็อาจทำให้เรากลายเป็นเงามืดของมันได้เช่นเดียวกัน
และสำหรับบางคนแล้วนั้น แสงสว่างก็อาจจะไม่จำเป็นนัก สำหรับการปล่อยให้สัตว์ร้ายและเงามืดได้กลายมาเป็นหนึ่งเดียวกัน
ผมคือหนึ่งในบางคนเหล่านั้น
ผมคือหนึ่งในคนที่ปล่อยให้ตัวเองกลายเป็นส่วนเดียวกันกับสัตว์ร้ายและเงามืดในวัยเด็กของตัวเอง
และนั่นทำให้มีคนต้องตายเพราะผม