อิสราเอลระดมทหารสำรอง 100,000 นาย ฮามาสอ้างคุมตัวประกันมากกว่า 100 คน
https://www.dailynews.co.th/news/2791663/
กองทัพอิสราเอลระดมกำลังพลสำรอง 100,000 นาย ประชิดฉนวนกาซา ขณะที่กลุ่มฮามาสยืนยัน ยังควบคุมตัวประกันไว้มากกว่า 100 คน
สำนักข่าวต่างประเทศรายงานจากกรุงเทลอาวีฟ ประเทศอิสราเอล เมื่อวันที่ 9 ต.ค. ว่า กองทัพอิสราเอลออกแถลงการณ์ เรื่องการระดมกำลังทหารสำรอง 100,000 นาย และมีการเคลื่อนพลประชิดเขตแดนซึ่งติดกับฉนวนกาซา โดยมีเป้าหมาย “
เพื่อไม่ให้กลุ่มฮามาสมีศักยภาพโจมตีพลเรือนอิสราเอลอีกต่อไป” และ
“เพื่อสร้างความเชื่อมั่นให้กับทุกฝ่าย ว่ากลุ่มฮามาสจะไม่สามารถยึดครองฉนวนกาซาได้อีก”
ทั้งนี้ กองทัพอิสราเอลอพยพประชาชนซึ่งอาศัยอยู่รอบฉนวนกาซา ให้ออกจากพื้นที่ภายใน 24 ชั่วโมง ตั้งแต่วันอาทิตย์ที่ผ่านมา โดยหลังจากแยกประชาชนออกจากพื้นที่หมดแล้ว เจ้าหน้าที่ของอิสราเอล “
จะตรวจสอบพื้นที่อย่างละเอียด” เพื่อจัดการกับกลุ่มก่อการร้าย ที่หมายถึง กลุ่มฮามาส
ขณะเดียวกัน แถลงการณ์ระบุด้วยว่า เจ้าหน้าที่ยังคงปฏิบัติการ เพื่อช่วยเหลือตัวประกันซึ่งอยู่ในการควบคุมของกลุ่มฮามาส โดยยังไม่ให้ข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับจำนวน และสัญชาติของตัวประกันแต่ละคน แต่กล่าวเพียงว่า กลุ่มฮามาสควบคุมตัวประกันอยู่ภายในสถานที่อย่างน้อย 2 แห่ง ภายในรัศมี 20 กิโลเมตร จากพรมแดนของฉนวนกาซา
อย่างไรก็ตาม สื่อท้องถิ่นบางแห่งของอิสราเอลรายงานว่า ตัวประกันได้รับอิสรภาพแล้ว “
บางส่วน” แต่รัฐบาลและกองทัพอิสราเอล ยังคงไม่ให้ความเห็นอย่างเป็นทางการ ด้านกลุ่มฮามาสยังคงยืนยัน การควบคุมตัวประกันไว้ “
มากกว่า 100 คน”.
https://twitter.com/AJEnglish/status/1711021837411332196
“ชัยธวัช” นำทีมก้าวไกลช่วยน้ำท่วมลำปาง
https://tna.mcot.net/politics-1252154
ลำปาง 8 ต.ค. – “
ชัยธวัช” นำทีมก้าวไกลลงพื้นที่ลำปาง ดูความเดือดร้อนปัญหาน้ำท่วม มอบ สส. คุยประชาชนและผู้นำท้องถิ่น รวบรวมปัญหา-ข้อเสนอเพื่อการป้องกัน ผลักดันผ่านกลไกสภาฯ
วันที่ 8 ตุลาคม 2566 พรรคก้าวไกล โดย
ชัยธวัช ตุลาธน หัวหน้าพรรค
กรุณพล เทียนสุวรรณ รองโฆษกพรรค พร้อมด้วย
คริษฐ์ ปานเนียม สส.ตาก เขต 1 และ
รภัสสรณ์ นิยะโมสถ สส.ลำปาง เขต 4 ร่วมลงพื้นที่ จ.ลำปาง เพื่อสำรวจสภาพความเสียหายจากอุทกภัยและความเดือดร้อนของประชาชน ต่อเนื่องจากเมื่อวานนี้ (7 ต.ค.) ที่ลงพื้นที่ จ.ตาก
โดยช่วงเช้า
ชัยธวัชและคณะ ลงพื้นที่บ้านแม่เชียงรายลุ่ม ม.3 ต.แม่พริก อ.แม่พริก จ.ลำปาง ซึ่งเป็นพื้นที่น้ำท่วมซ้ำซาก จากนั้นลงพื้นที่บ้านวังสำราญ ม.6 ต.แม่พริก ช่วยเหลือเบื้องต้นแก่ผู้ประสบภัยและรับทราบปัญหาน้ำที่ยังท่วมขังในนาข้าว ก่อนที่ช่วงบ่าย จะลงพื้นที่ ต.เวียงมอก อ.เถิน จ.ลำปาง ดูความเสียหายที่เกิดขึ้นจากน้ำไหลหลากในช่วงที่ผ่านมา
ชัยธวัช กล่าวช่วงหนึ่งระหว่างพบประชาชนว่า วันนี้ต้องการมาเห็นปัญหา และดูว่ามีข้อเสนออะไรบ้างในการแก้ไขปัญหาน้ำท่วมทั้งในระยะเฉพาะหน้า ระยะกลาง และระยะยาว ที่สำคัญ คือต้องการมาบอกประชาชนด้วย ว่าพรรคก้าวไกลจะทำงานอย่างไร เพื่อร่วมแก้ปัญหาของประชาชน
สำหรับ สส. ที่ร่วมลงพื้นที่ครั้งนี้ ทั้งสองคนอยู่ในกรรมาธิการที่เกี่ยวข้องกับการแก้ไขปัญหาน้ำท่วม คือ
รภัสสรณ์ อยู่ใน กมธ.ป้องกันและบรรเทาผลกระทบจากภัยธรรมชาติและสาธารณภัย สามารถประสานเรื่องการจัดการเฉพาะหน้า ส่วนคริษฐ์อยู่ใน กมธ.ส่งเสริมแก้ไขปัญหาน้ำ ซึ่งเป็น กมธ.ชุดใหม่ มีส่วนสำคัญในการประสานผลักดันโครงการต่างๆ ที่ต้องเอามาบริหารจัดการน้ำ
ชัยธวัช กล่าวต่อว่า เรื่องเฉพาะหน้าตอนนี้คือการเยียวยาฟื้นฟู หลังจากนี้ สส. พรรคก้าวไกลจะประสานผู้นำท้องถิ่นและประชาชน ช่วยกันรวบรวมประเด็นปัญหา เช่น ประเด็นการชดเชยเยียวยาจากรัฐบาล ที่จะให้แก่ที่ดินที่ทำการเกษตร จะจ่ายรายแปลงหรือรายต้น อาจมีปัญหาความล่าช้า เราจะช่วยผลักดันให้เร็วขึ้น
รวมถึงการชดเชยเยียวยาที่ไม่สมเหตุสมผล ไม่สอดคล้องความเป็นจริง เราจะส่งเสียงกระทุ้งรัฐมนตรีหรือกระทรวงที่เกี่ยวข้อง ว่าสามารถปรับเกณฑ์ได้หรือไม่ รัฐบาลมีช่องทางไหนที่จะทำให้การชดเชยสมน้ำสมเนื้อกว่านี้ หรืออีกปัญหาคือเจ้าหน้าที่บอกว่าไม่มีระเบียบที่จะช่วยประชาชนได้ ก็ต้องหาช่องทางตามกฎหมายมาช่วยดูแลประชาชนต่อไป
เรื่องเหล่านี้เกี่ยวข้องกับระเบียบราชการ รวมถึงอำนาจของท้องถิ่น เป็นงานที่ต้องอาศัยการพูดคุยกัน รวบรวมข้อเท็จจริง และแยกแยะว่าแต่ละพื้นที่มีปัญหาเหมือนหรือต่างกันอย่างไร นี่คืองานที่เราต้องรีบเร่งทำ เพื่อแก้ไขป้องกันไม่ให้ปัญหาน้ำท่วมเกิดขึ้นซ้ำแล้วซ้ำเล่าเหมือนที่เป็นมา .-สำนักข่าวไทย
ดัชนีค้าปลีกไตรมาส 3 ไม่กระเตื้อง หวัง Q4 ฟื้น หนุนรัฐเร่ง FTA ปฏิรูปการจ้างงาน
https://www.matichon.co.th/economy/news_4222476
สมาคมผู้ค้าปลีกไทย ชี้ดัชนีค้าปลีกไตรมาส 3 ไม่กระเตื้อง หวัง Q4 ฟื้น หนุนรัฐเร่ง FTA ปฏิรูปการจ้างงาน พร้อมสร้างซอฟต์พาวเวอร์ไทยช่วยเอสเอ็มอี
วันที่ 9 ตุลาคม สมาคมผู้ค้าปลีกไทย ร่วมกับ ธนาคารแห่งประเทศไทย เผยผลสำรวจดัชนีความเชื่อมั่น (Retail Sentiment Index) ของผู้ประกอบการค้าปลีกประจำไตรมาสสาม ปี 2566 พบว่า ลดลงมาที่ 46.4 จุด ต่ำกว่าค่าเฉลี่ยกลางที่ระดับ 50 จุด ต่อเนื่องเป็นเดือนที่ 4 ในรอบปี 2566 ปัจจัยฉุดยังคงเป็นปัจจัยเดิมที่รอการเยียวยา ประกอบด้วย กำลังซื้อที่ยังอ่อนแอ, หนี้ครัวเรือนสูง, ราคาพลังงานและสาธารณูปโภค รวมถึงการท่องเที่ยวที่เป็นช่วง โลว์ซีซั่น ขณะที่ดัชนีความเชื่อมั่นผู้ค้าปลีก ระยะ 3 เดือนจากนี้ (ต.ค.-ธ.ค.) เพิ่มขึ้น 12.0 จุด เนื่องจากความชัดเจนในการจัดตั้งรัฐบาล มาตรการลดค่าใช้จ่าย เช่น ค่าไฟ ค่าน้ำมัน นโยบายวีซ่าฟรีให้นักท่องเที่ยวชาวจีนและคาซัคสถาน รวมถึงการโหมโปรโมชั่นของร้านค้าในช่วงไตรมาสสุดท้าย ที่คาดว่าจะช่วยกระตุ้นกำลังซื้อในช่วงเทศกาลปลายปีได้ดีขึ้น
นาย
ฉัตรชัย ตวงรัตนพันธ์ รองประธานสมาคมผู้ค้าปลีกไทย กล่าวว่า “
ผลการสำรวจดัชนีความเชื่อมั่นผู้ค้าปลีกทั่วประเทศ (Retail Sentiment Index – RSI) ในภาพรวมพบว่า ดัชนี RSI (QoQ) ไตรมาสสาม 2566 เมื่อเทียบกับไตรมาสสอง 2566 “ซบเซา 3 เดือนต่อเนื่อง” โดยลดลงต่ำกว่าค่าเฉลี่ยกลางที่ระดับ 50 นับตั้งแต่เดือนมิถุนายน ทั้งดัชนียอดขายสาขาเดิม SSSG (Same Store Sale Growth) QoQ , ยอดใช้จ่ายต่อครั้ง (Spending Per Bill หรือ Per Basket Size) และ ความถี่ในการจับจ่าย (Frequency on Shopping) สะท้อนถึงผู้บริโภคฐานราก กำลังซื้อยังอ่อนแอ โดยลังเลที่จะจับจ่ายและมุ่งเน้นสินค้าที่จำเป็น
โดยเมื่อพิจารณาดัชนีความเชื่อมั่นผู้ประกอบการค้าปลีกจำแนกตามประเภทร้านค้าปลีกพบว่า ธุรกิจห้างสรรพสินค้า, แฟชั่น, สุขภาพ-ความงาม, ร้านวัสดุก่อสร้าง-ตกแต่งและซ่อมบำรุง, ร้านไอที เริ่มส่งสัญญาณฟื้นตัวขึ้นอย่างช้าๆ ส่วนร้านสะดวกซื้อ, ซูเปอร์มาร์เก็ต มีการชะลอตัวลง และร้านค้าส่ง ไฮเปอร์มาร์เก็ต ภัตตาคาร ร้านอาหาร ยังซบเซา นอกจากนี้เมื่อจำแนกตามภูมิภาคพบว่า กรุงเทพ ปริมณฑล เริ่มส่งสัญญาณฟื้นตัวขึ้นอย่างช้าๆ ในขณะที่ภูมิภาคตะวันออกเฉียงเหนือซึมลึก ส่วนภูมิภาคอื่นๆชะลอตัว
ทางสมาคมฯ จึงเห็นด้วยกับภาครัฐเกี่ยวกับนโยบายเร่งด่วนในการแก้ไขปัญหาปากท้องประชาชน ซึ่งมาตรการลดค่าไฟและน้ำมัน มาตรการฟรีวีซ่าจีน และการเพิ่มเที่ยวบินถือว่าเป็นมาตรการที่มาถูกที่ถูกเวลา อย่างไรก็ตามสมาคมผู้ค้าปลีกไทยมี ข้อเสนอแนะเพิ่มเติมที่จะช่วยขับเคลื่อนภาพรวมของเศรษฐกิจประเทศซึ่งเชื่อมโยงกับภาค ค้าปลีกและบริการ ดังนี้
1. มาตรการกระตุ้นการจับจ่ายเพื่อจูงใจกลุ่มที่ยังมีกำลังซื้อ โดยการลดหย่อนภาษีประจำปีระหว่างเดือนพฤศจิกายนและธันวาคม เพื่อไม่ให้เกิดการชะลอการจับจ่าย ในส่วนของนโยบายเงินดิจิทัล 10,000 บาท ขอเสนอให้เพิ่มการหารือร่วมกับภาคเอกชนและสมาคมต่างๆ เพื่อให้การดำเนินนโยบายเกิดประสิทธิภาพสูงสุด
2. เปิดตลาดต่างประเทศที่มีศักยภาพ ด้วยการเร่งเจรจา FTA Thai-EU ให้เร็วที่สุด และสนับสนุนการเข้าเป็นสมาชิกเขตเสรีการค้าอื่นเพิ่มเติม เช่น BRICS เป็นต้น เพื่อให้เกิดการลงทุนและเกิดการจ้างงานอย่างต่อเนื่อง
3. แก้ปัญหาขาดแคลนแรงงานภาคค้าปลีก-บริการ ด้วยการเพิ่มการจ้างงานให้หลากรูปแบบและพัฒนาทักษะแรงงาน เช่น การจ้างงานอิสระ การจ้างงานประจำรายชั่วโมง โดยคำนึงถึงอุปสงค์และอุปทานในตลาดแรงงานเป็นหลักและไม่จำกัดสิทธิเฉพาะสัญชาติ รวมถึงการกำหนดค่าจ้างตามระดับคุณวุฒิวิชาชีพที่สอดคล้องกับระดับสมรรถนะตามมาตรฐานอาชีพของสถาบันคุณวุฒิวิชาชีพ (องค์การมหาชน) เพื่อเพิ่มผลิตผลต่อแรงงานแทนการกำหนดค่าแรงขั้นต่ำ
4. ส่งเสริมให้ผู้ประกอบการโดยเฉพาะ SME สามารถเข้าถึงแหล่งเงินทุนได้ง่าย ไม่ซับซ้อน เพื่อเพิ่มสภาพคล่องให้กับธุรกิจ มากกว่าการพักชำระหนี้เพียงอย่างเดียว
5. สร้างความแข็งแกร่งให้กับซอฟต์เพาเวอร์ไทยด้วยการสนับสนุนสินค้าไทยผ่านการจัดตั้งโครงการ Thailand Brand เพื่อเพิ่มช่องทางจัดจำหน่ายสินค้าของ SME ไทย ปีละ 2 ครั้ง ในทุกช่องทางของร้านค้าทั้งส่วนกลางและภูมิภาคเพื่อเพิ่มการจับจ่ายโดยเฉพาะในกลุ่มนักท่องเที่ยวต่างชาติ โดยเริ่มต้นเร่งด่วนในช่วงไตรมาสสุดท้ายของปีนี้
6. สนับสนุนให้จังหวัดภูเก็ตเป็นเขตเศรษฐกิจพิเศษด้านการค้าเต็มรูปแบบ ทั้งด้านไลฟ์สไตล์, กีฬา, เอ็นเตอร์เทนเมนท์ และช้อปปิ้ง
ทั้งนี้ทางสมาคมฯ ยังได้เผยผลสำรวจ “
ประเด็นเกี่ยวกับธุรกิจค้าปลีก” ของผู้ประกอบการ ระหว่างเดือนกรกฎาคม – เดือนกันยายน 2566 อาทิ
1. ปัจจัยที่ส่งผลต่อการปรับขึ้นราคาสินค้าของผู้ประกอบการ
ร้อยละ 80 ต้นทุนสูงขึ้น
ร้อยละ 37 ราคาสินค้าและบริการอื่นที่ไม่ใช่ต้นทุนปรับสูงขึ้น
ร้อยละ 23 รักษากำไร
ร้อยละ 20 คู่แข่งปรับขึ้นราคา และ การส่งผ่านต้นทุนได้ไม่ทั้งหมด
2. สถานะสภาพคล่องธุรกิจ
ร้อยละ 24 มีสภาพคล่องอยู่ได้ 3-6 เดือน
ร้อยละ 26 มีสภาพคล่องอยู่ได้ 6-12 เดือน
ร้อยละ 50 มีสภาพคล่องอยู่ได้ มากกว่า 12 เดือน
3. ปัจจัยสนับสนุนและความเสี่ยงต่อธุรกิจใน 3 เดือนข้างหน้า
3.1 ปัจจัยสนับสนุน
– การทำโปรโมชั่นส่งเสริมการขาย
– มาตรการกระตุ้นกำลังซื้อของภาครัฐ
3.2 ปัจจัยเสี่ยง
– กำลังซื้อของผู้บริโภคที่ลดลง
– ต้นทุนปรับเพิ่มขึ้น
– การแข่งขันที่สูงขึ้น
สมาคมผู้ค้าปลีกไทย เชื่อว่าแม้ภาพรวมค้าปลีกและบริการในปัจจุบันยังอยู่ในช่วงเปราะบาง แต่หากรัฐบาล เร่งเครื่องฟื้นฟูสุขภาพเศรษฐกิจไทยอย่างต่อเนื่องและตรงจุด ประกอบกับทุกฝ่ายร่วมแรงร่วมใจกัน จะสามารถนำพาให้เศรษฐกิจไทยกลับมามีเสถียรภาพที่มั่นคงและเดินหน้าอย่างเข้มแข็งอีกครั้ง โดยสมาคมผู้ค้าปลีกไทยยินดีให้ความร่วมมือกับภาครัฐและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องอย่างเต็มที่
JJNY : อิสราเอลระดมทหารสำรอง│“ชัยธวัช”นำทีมช่วยน้ำท่วม│ดัชนีค้าปลีกQ3ไม่กระเตื้อง│สหรัฐฯ ส่งเรือ-อาวุธ หนุนหลังอิสราเอล
https://www.dailynews.co.th/news/2791663/
กองทัพอิสราเอลระดมกำลังพลสำรอง 100,000 นาย ประชิดฉนวนกาซา ขณะที่กลุ่มฮามาสยืนยัน ยังควบคุมตัวประกันไว้มากกว่า 100 คน
ทั้งนี้ กองทัพอิสราเอลอพยพประชาชนซึ่งอาศัยอยู่รอบฉนวนกาซา ให้ออกจากพื้นที่ภายใน 24 ชั่วโมง ตั้งแต่วันอาทิตย์ที่ผ่านมา โดยหลังจากแยกประชาชนออกจากพื้นที่หมดแล้ว เจ้าหน้าที่ของอิสราเอล “จะตรวจสอบพื้นที่อย่างละเอียด” เพื่อจัดการกับกลุ่มก่อการร้าย ที่หมายถึง กลุ่มฮามาส
ขณะเดียวกัน แถลงการณ์ระบุด้วยว่า เจ้าหน้าที่ยังคงปฏิบัติการ เพื่อช่วยเหลือตัวประกันซึ่งอยู่ในการควบคุมของกลุ่มฮามาส โดยยังไม่ให้ข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับจำนวน และสัญชาติของตัวประกันแต่ละคน แต่กล่าวเพียงว่า กลุ่มฮามาสควบคุมตัวประกันอยู่ภายในสถานที่อย่างน้อย 2 แห่ง ภายในรัศมี 20 กิโลเมตร จากพรมแดนของฉนวนกาซา
อย่างไรก็ตาม สื่อท้องถิ่นบางแห่งของอิสราเอลรายงานว่า ตัวประกันได้รับอิสรภาพแล้ว “บางส่วน” แต่รัฐบาลและกองทัพอิสราเอล ยังคงไม่ให้ความเห็นอย่างเป็นทางการ ด้านกลุ่มฮามาสยังคงยืนยัน การควบคุมตัวประกันไว้ “มากกว่า 100 คน”.
https://twitter.com/AJEnglish/status/1711021837411332196
“ชัยธวัช” นำทีมก้าวไกลช่วยน้ำท่วมลำปาง
https://tna.mcot.net/politics-1252154
ลำปาง 8 ต.ค. – “ชัยธวัช” นำทีมก้าวไกลลงพื้นที่ลำปาง ดูความเดือดร้อนปัญหาน้ำท่วม มอบ สส. คุยประชาชนและผู้นำท้องถิ่น รวบรวมปัญหา-ข้อเสนอเพื่อการป้องกัน ผลักดันผ่านกลไกสภาฯ
วันที่ 8 ตุลาคม 2566 พรรคก้าวไกล โดย ชัยธวัช ตุลาธน หัวหน้าพรรค กรุณพล เทียนสุวรรณ รองโฆษกพรรค พร้อมด้วย คริษฐ์ ปานเนียม สส.ตาก เขต 1 และ รภัสสรณ์ นิยะโมสถ สส.ลำปาง เขต 4 ร่วมลงพื้นที่ จ.ลำปาง เพื่อสำรวจสภาพความเสียหายจากอุทกภัยและความเดือดร้อนของประชาชน ต่อเนื่องจากเมื่อวานนี้ (7 ต.ค.) ที่ลงพื้นที่ จ.ตาก
โดยช่วงเช้า ชัยธวัชและคณะ ลงพื้นที่บ้านแม่เชียงรายลุ่ม ม.3 ต.แม่พริก อ.แม่พริก จ.ลำปาง ซึ่งเป็นพื้นที่น้ำท่วมซ้ำซาก จากนั้นลงพื้นที่บ้านวังสำราญ ม.6 ต.แม่พริก ช่วยเหลือเบื้องต้นแก่ผู้ประสบภัยและรับทราบปัญหาน้ำที่ยังท่วมขังในนาข้าว ก่อนที่ช่วงบ่าย จะลงพื้นที่ ต.เวียงมอก อ.เถิน จ.ลำปาง ดูความเสียหายที่เกิดขึ้นจากน้ำไหลหลากในช่วงที่ผ่านมา
ชัยธวัช กล่าวช่วงหนึ่งระหว่างพบประชาชนว่า วันนี้ต้องการมาเห็นปัญหา และดูว่ามีข้อเสนออะไรบ้างในการแก้ไขปัญหาน้ำท่วมทั้งในระยะเฉพาะหน้า ระยะกลาง และระยะยาว ที่สำคัญ คือต้องการมาบอกประชาชนด้วย ว่าพรรคก้าวไกลจะทำงานอย่างไร เพื่อร่วมแก้ปัญหาของประชาชน
สำหรับ สส. ที่ร่วมลงพื้นที่ครั้งนี้ ทั้งสองคนอยู่ในกรรมาธิการที่เกี่ยวข้องกับการแก้ไขปัญหาน้ำท่วม คือ รภัสสรณ์ อยู่ใน กมธ.ป้องกันและบรรเทาผลกระทบจากภัยธรรมชาติและสาธารณภัย สามารถประสานเรื่องการจัดการเฉพาะหน้า ส่วนคริษฐ์อยู่ใน กมธ.ส่งเสริมแก้ไขปัญหาน้ำ ซึ่งเป็น กมธ.ชุดใหม่ มีส่วนสำคัญในการประสานผลักดันโครงการต่างๆ ที่ต้องเอามาบริหารจัดการน้ำ
ชัยธวัช กล่าวต่อว่า เรื่องเฉพาะหน้าตอนนี้คือการเยียวยาฟื้นฟู หลังจากนี้ สส. พรรคก้าวไกลจะประสานผู้นำท้องถิ่นและประชาชน ช่วยกันรวบรวมประเด็นปัญหา เช่น ประเด็นการชดเชยเยียวยาจากรัฐบาล ที่จะให้แก่ที่ดินที่ทำการเกษตร จะจ่ายรายแปลงหรือรายต้น อาจมีปัญหาความล่าช้า เราจะช่วยผลักดันให้เร็วขึ้น
รวมถึงการชดเชยเยียวยาที่ไม่สมเหตุสมผล ไม่สอดคล้องความเป็นจริง เราจะส่งเสียงกระทุ้งรัฐมนตรีหรือกระทรวงที่เกี่ยวข้อง ว่าสามารถปรับเกณฑ์ได้หรือไม่ รัฐบาลมีช่องทางไหนที่จะทำให้การชดเชยสมน้ำสมเนื้อกว่านี้ หรืออีกปัญหาคือเจ้าหน้าที่บอกว่าไม่มีระเบียบที่จะช่วยประชาชนได้ ก็ต้องหาช่องทางตามกฎหมายมาช่วยดูแลประชาชนต่อไป
เรื่องเหล่านี้เกี่ยวข้องกับระเบียบราชการ รวมถึงอำนาจของท้องถิ่น เป็นงานที่ต้องอาศัยการพูดคุยกัน รวบรวมข้อเท็จจริง และแยกแยะว่าแต่ละพื้นที่มีปัญหาเหมือนหรือต่างกันอย่างไร นี่คืองานที่เราต้องรีบเร่งทำ เพื่อแก้ไขป้องกันไม่ให้ปัญหาน้ำท่วมเกิดขึ้นซ้ำแล้วซ้ำเล่าเหมือนที่เป็นมา .-สำนักข่าวไทย
ดัชนีค้าปลีกไตรมาส 3 ไม่กระเตื้อง หวัง Q4 ฟื้น หนุนรัฐเร่ง FTA ปฏิรูปการจ้างงาน
https://www.matichon.co.th/economy/news_4222476
สมาคมผู้ค้าปลีกไทย ชี้ดัชนีค้าปลีกไตรมาส 3 ไม่กระเตื้อง หวัง Q4 ฟื้น หนุนรัฐเร่ง FTA ปฏิรูปการจ้างงาน พร้อมสร้างซอฟต์พาวเวอร์ไทยช่วยเอสเอ็มอี
วันที่ 9 ตุลาคม สมาคมผู้ค้าปลีกไทย ร่วมกับ ธนาคารแห่งประเทศไทย เผยผลสำรวจดัชนีความเชื่อมั่น (Retail Sentiment Index) ของผู้ประกอบการค้าปลีกประจำไตรมาสสาม ปี 2566 พบว่า ลดลงมาที่ 46.4 จุด ต่ำกว่าค่าเฉลี่ยกลางที่ระดับ 50 จุด ต่อเนื่องเป็นเดือนที่ 4 ในรอบปี 2566 ปัจจัยฉุดยังคงเป็นปัจจัยเดิมที่รอการเยียวยา ประกอบด้วย กำลังซื้อที่ยังอ่อนแอ, หนี้ครัวเรือนสูง, ราคาพลังงานและสาธารณูปโภค รวมถึงการท่องเที่ยวที่เป็นช่วง โลว์ซีซั่น ขณะที่ดัชนีความเชื่อมั่นผู้ค้าปลีก ระยะ 3 เดือนจากนี้ (ต.ค.-ธ.ค.) เพิ่มขึ้น 12.0 จุด เนื่องจากความชัดเจนในการจัดตั้งรัฐบาล มาตรการลดค่าใช้จ่าย เช่น ค่าไฟ ค่าน้ำมัน นโยบายวีซ่าฟรีให้นักท่องเที่ยวชาวจีนและคาซัคสถาน รวมถึงการโหมโปรโมชั่นของร้านค้าในช่วงไตรมาสสุดท้าย ที่คาดว่าจะช่วยกระตุ้นกำลังซื้อในช่วงเทศกาลปลายปีได้ดีขึ้น
นายฉัตรชัย ตวงรัตนพันธ์ รองประธานสมาคมผู้ค้าปลีกไทย กล่าวว่า “ผลการสำรวจดัชนีความเชื่อมั่นผู้ค้าปลีกทั่วประเทศ (Retail Sentiment Index – RSI) ในภาพรวมพบว่า ดัชนี RSI (QoQ) ไตรมาสสาม 2566 เมื่อเทียบกับไตรมาสสอง 2566 “ซบเซา 3 เดือนต่อเนื่อง” โดยลดลงต่ำกว่าค่าเฉลี่ยกลางที่ระดับ 50 นับตั้งแต่เดือนมิถุนายน ทั้งดัชนียอดขายสาขาเดิม SSSG (Same Store Sale Growth) QoQ , ยอดใช้จ่ายต่อครั้ง (Spending Per Bill หรือ Per Basket Size) และ ความถี่ในการจับจ่าย (Frequency on Shopping) สะท้อนถึงผู้บริโภคฐานราก กำลังซื้อยังอ่อนแอ โดยลังเลที่จะจับจ่ายและมุ่งเน้นสินค้าที่จำเป็น
โดยเมื่อพิจารณาดัชนีความเชื่อมั่นผู้ประกอบการค้าปลีกจำแนกตามประเภทร้านค้าปลีกพบว่า ธุรกิจห้างสรรพสินค้า, แฟชั่น, สุขภาพ-ความงาม, ร้านวัสดุก่อสร้าง-ตกแต่งและซ่อมบำรุง, ร้านไอที เริ่มส่งสัญญาณฟื้นตัวขึ้นอย่างช้าๆ ส่วนร้านสะดวกซื้อ, ซูเปอร์มาร์เก็ต มีการชะลอตัวลง และร้านค้าส่ง ไฮเปอร์มาร์เก็ต ภัตตาคาร ร้านอาหาร ยังซบเซา นอกจากนี้เมื่อจำแนกตามภูมิภาคพบว่า กรุงเทพ ปริมณฑล เริ่มส่งสัญญาณฟื้นตัวขึ้นอย่างช้าๆ ในขณะที่ภูมิภาคตะวันออกเฉียงเหนือซึมลึก ส่วนภูมิภาคอื่นๆชะลอตัว
ทางสมาคมฯ จึงเห็นด้วยกับภาครัฐเกี่ยวกับนโยบายเร่งด่วนในการแก้ไขปัญหาปากท้องประชาชน ซึ่งมาตรการลดค่าไฟและน้ำมัน มาตรการฟรีวีซ่าจีน และการเพิ่มเที่ยวบินถือว่าเป็นมาตรการที่มาถูกที่ถูกเวลา อย่างไรก็ตามสมาคมผู้ค้าปลีกไทยมี ข้อเสนอแนะเพิ่มเติมที่จะช่วยขับเคลื่อนภาพรวมของเศรษฐกิจประเทศซึ่งเชื่อมโยงกับภาค ค้าปลีกและบริการ ดังนี้
1. มาตรการกระตุ้นการจับจ่ายเพื่อจูงใจกลุ่มที่ยังมีกำลังซื้อ โดยการลดหย่อนภาษีประจำปีระหว่างเดือนพฤศจิกายนและธันวาคม เพื่อไม่ให้เกิดการชะลอการจับจ่าย ในส่วนของนโยบายเงินดิจิทัล 10,000 บาท ขอเสนอให้เพิ่มการหารือร่วมกับภาคเอกชนและสมาคมต่างๆ เพื่อให้การดำเนินนโยบายเกิดประสิทธิภาพสูงสุด
2. เปิดตลาดต่างประเทศที่มีศักยภาพ ด้วยการเร่งเจรจา FTA Thai-EU ให้เร็วที่สุด และสนับสนุนการเข้าเป็นสมาชิกเขตเสรีการค้าอื่นเพิ่มเติม เช่น BRICS เป็นต้น เพื่อให้เกิดการลงทุนและเกิดการจ้างงานอย่างต่อเนื่อง
3. แก้ปัญหาขาดแคลนแรงงานภาคค้าปลีก-บริการ ด้วยการเพิ่มการจ้างงานให้หลากรูปแบบและพัฒนาทักษะแรงงาน เช่น การจ้างงานอิสระ การจ้างงานประจำรายชั่วโมง โดยคำนึงถึงอุปสงค์และอุปทานในตลาดแรงงานเป็นหลักและไม่จำกัดสิทธิเฉพาะสัญชาติ รวมถึงการกำหนดค่าจ้างตามระดับคุณวุฒิวิชาชีพที่สอดคล้องกับระดับสมรรถนะตามมาตรฐานอาชีพของสถาบันคุณวุฒิวิชาชีพ (องค์การมหาชน) เพื่อเพิ่มผลิตผลต่อแรงงานแทนการกำหนดค่าแรงขั้นต่ำ
4. ส่งเสริมให้ผู้ประกอบการโดยเฉพาะ SME สามารถเข้าถึงแหล่งเงินทุนได้ง่าย ไม่ซับซ้อน เพื่อเพิ่มสภาพคล่องให้กับธุรกิจ มากกว่าการพักชำระหนี้เพียงอย่างเดียว
5. สร้างความแข็งแกร่งให้กับซอฟต์เพาเวอร์ไทยด้วยการสนับสนุนสินค้าไทยผ่านการจัดตั้งโครงการ Thailand Brand เพื่อเพิ่มช่องทางจัดจำหน่ายสินค้าของ SME ไทย ปีละ 2 ครั้ง ในทุกช่องทางของร้านค้าทั้งส่วนกลางและภูมิภาคเพื่อเพิ่มการจับจ่ายโดยเฉพาะในกลุ่มนักท่องเที่ยวต่างชาติ โดยเริ่มต้นเร่งด่วนในช่วงไตรมาสสุดท้ายของปีนี้
6. สนับสนุนให้จังหวัดภูเก็ตเป็นเขตเศรษฐกิจพิเศษด้านการค้าเต็มรูปแบบ ทั้งด้านไลฟ์สไตล์, กีฬา, เอ็นเตอร์เทนเมนท์ และช้อปปิ้ง
ทั้งนี้ทางสมาคมฯ ยังได้เผยผลสำรวจ “ประเด็นเกี่ยวกับธุรกิจค้าปลีก” ของผู้ประกอบการ ระหว่างเดือนกรกฎาคม – เดือนกันยายน 2566 อาทิ
1. ปัจจัยที่ส่งผลต่อการปรับขึ้นราคาสินค้าของผู้ประกอบการ
ร้อยละ 80 ต้นทุนสูงขึ้น
ร้อยละ 37 ราคาสินค้าและบริการอื่นที่ไม่ใช่ต้นทุนปรับสูงขึ้น
ร้อยละ 23 รักษากำไร
ร้อยละ 20 คู่แข่งปรับขึ้นราคา และ การส่งผ่านต้นทุนได้ไม่ทั้งหมด
2. สถานะสภาพคล่องธุรกิจ
ร้อยละ 24 มีสภาพคล่องอยู่ได้ 3-6 เดือน
ร้อยละ 26 มีสภาพคล่องอยู่ได้ 6-12 เดือน
ร้อยละ 50 มีสภาพคล่องอยู่ได้ มากกว่า 12 เดือน
3. ปัจจัยสนับสนุนและความเสี่ยงต่อธุรกิจใน 3 เดือนข้างหน้า
3.1 ปัจจัยสนับสนุน
– การทำโปรโมชั่นส่งเสริมการขาย
– มาตรการกระตุ้นกำลังซื้อของภาครัฐ
3.2 ปัจจัยเสี่ยง
– กำลังซื้อของผู้บริโภคที่ลดลง
– ต้นทุนปรับเพิ่มขึ้น
– การแข่งขันที่สูงขึ้น
สมาคมผู้ค้าปลีกไทย เชื่อว่าแม้ภาพรวมค้าปลีกและบริการในปัจจุบันยังอยู่ในช่วงเปราะบาง แต่หากรัฐบาล เร่งเครื่องฟื้นฟูสุขภาพเศรษฐกิจไทยอย่างต่อเนื่องและตรงจุด ประกอบกับทุกฝ่ายร่วมแรงร่วมใจกัน จะสามารถนำพาให้เศรษฐกิจไทยกลับมามีเสถียรภาพที่มั่นคงและเดินหน้าอย่างเข้มแข็งอีกครั้ง โดยสมาคมผู้ค้าปลีกไทยยินดีให้ความร่วมมือกับภาครัฐและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องอย่างเต็มที่