สวัสดีครับผม ผมอาจจะพิมพ์ยาวหน่อยนะครับอยากจะระบายชีวิตรักของคนที่ไม่เคยสัมผัสความรักจากเพศตรงข้ามเลย
[ป๊อปปี้เลิฟวัยใสที่ใจใฝ่หา]
ทั้งชีวิตของผมไม่เคยมีแฟนหรือความรักเลยตั้งแต่เด็กจนเข้าช่วง มัธยม ผมได้เจอผู้หญิงคนนึงที่ทำให้ผมเปลี่ยนไปจนถึงวันนี้
ช่วงแรกเราทั้งสองไม่ได้สนิทหรือรู้จักกันเท่าไหร่เพราะเรียนคนละห้องกัน จนมีวันนึงที่ทำให้ผมได้รู้จักเธอเพราะรุ่นน้องของเธอมาชอบผมและทำให้เราทั้งสองได้เริ่มทำความรู้จักกันเพราะเธอเข้ามาทำเป็นแม่สื่อให้แต่ด้วยความติส ในตอนนั้นจึงไม่ได้สานต่อความสัมพันธ์กับรุ่นน้องคนนั้นแต่ว่าเราทั้งสองก็ได้สนิทกันจากเหตุการณ์นั้นและเป็นเพื่อนที่ดีต่อกันมาตลอดจนเวลาผ่านไป2ปี ผมและเธอสนิทและผมเริ่มรู้สึกถึงความรักที่มันอยู่ในหัวใจผมทีละนิดๆเรรทั้งคู่แม้เป็นเพื่อนกันแต่ก็คอยซัพพอตซึ่งกันและกันมาเรื่อยๆเป็นเบาะรองให้กันและกัน จนผมและเธอได้เรียนจบชั้น มัธยมต้น และได้แยกย้ายออกไปเรียนต่อ แต่เหมือนว่าโลกจะกลมเธอและผมได้เลือกเรียนที่ใกล้กันและไปทางเดี่ยวกันเราทั้งคู่ได้สานต่อความสัมพันธ์ในฐานะเพื่อนที่ดีต่อกันต่อแม้ในตอนนั้นผมจะไม่ได้คิดแบบนั้นแล้วก็ตาม เราเดินทางด้วยรถประจำทางด้วยกันเดินไปโรงเรียนพร้อมๆกัน และกลับมาบ่นเมาส์มอยชีวิตในรั้วโรงเรียนใหม่ให้กันและกันในชีวิตช่วงนี้คือช่วงนี้สดใสที่สุดในชีวิตของผมเลยเป็นช่วงที่ผมมีความสุขที่ฐานะคนที่รักมากที่สุดและผมก็ได้ตัดสินใจที่จะบอกความในใจของผมให้เธอฟัง แต่เหมือนผมจะคิดผิดที่เลือกที่จะสารภาพในตอนนั้นเธอได้ปฎิเสธผมแต่ก็ทิ้งท้ายว่าเธอรักผมแต่ไม่ใช่ในฐานะของแฟนแต่เธอให้ความสำคัญของผมมากกว่านั้น นั้นเหมือนเป็นความหวังของเด็กชายคนนึงที่ไม่เคยสัมผัสถึงความรักและไม่รู้ว่านั้นคือคำปฎิเสธที่เขาจะไม่ทีวันที่จะได้รับมัน
ผมเพ้อฝันว่าเธอก็รักผมเหมือนกันและนั้นทำให้ผมรู้สึกว่าตัวเองเข้าใกล้กับความรักที่ตอนเองต้องการมากขึ้นถึงแม้นั้นจะเป็นการที่ตัวของผมคิดไปเอง.
[จุดเริ่มต้นของความร้าวฉานในหัวใจ]
เป็นช่วงที่เธอเริ่มมีคนรักเข้ามาแต่ยังคงสถานะผมไว้เป็นเพื่อนที่ดีต่อกัน ผมในตอนนั้นก็รู้สึกเจ็บแต่ก็พยายามทำให้เธอเห็นว่าผมโอเครและคอยแสดงให้เธอเห็นมาตลอดว่าผมรักเธอเหมือนกันและมากกว่าเขาคนนั้นเราทั้งสองยังคงทำเช่นเดิมคือการเป็นเพื่อนที่ดีต่อกันคอยแชร์ประสบการณ์เมาส์มอยผ่านโืรศัพท์วันละ7-8ชั่วโมง ผมยังคงมีความสุขดีเหมือนเก่าแม้ผมจะรู้ว่าเธอมีคนที่กำลังคบอยู่ด้วยก็ตาม จนเธอกับแฟนของเธอเลิกกันเพราะแหนของเธอได้เลือกกลับไปคบกับคนเก่า ผมที่เห็นคนที่ตัวเองรักกำลังอยู่ในช่วงที่อ่อนแอก็ได้คอยดูแลและปลอบใจเธอโดยที่ผมไม่รู้ว่าการที่ผมทำแบบนี้จะนำไปซึ่งสิ่งที่ผมไม่อยากจะเป็นมากที่สุด เมื่อเธอกลับมาสดใสขึ้นอีกครั้งเธอก็ได้เริ่มหาคนใหม่มาแทนที่คนเดิมของเธอโดยที่ผมไม่ทันได้ตั้งตัวและก็เป็นลูปแบบนี้ซ้ำๆ อกหัก,คอยปลอบใจ,และเธอไปมีคนใหม่ โดยที่ผมในตอนนั้นเป็นแค่เด็กชายที่หวังว่าสักวันนึงเขาจะเห็นค่าเราว่าเรารักเขาจริงและคอยอยู่กับเขามาตลอดแต่นั้นเหมือนแค่คนโง่ที่พยายามทำอะไรที่มันไม่มีวันเป็นจริง แต่สุดท้ายเธอก็ยังคงไม่เลือกผมอยู่ดี
[ช่วงจุดแตกหักของความสัมพันธ์]
ในจุดๆนึงผมถึงขีดจำกัดที่จะคอยหลอกตัวเองว่าเราเป็นคนสำคัญและเริ่มรู้ความจริงว่าเราทั้งคู่เริ่มไม่เหมือนเดิมทั้งการกระทำความสัมพันธ์ความสำคัญของกันและกันผมได้พยายามที่จะแสดงถึงจุดยืนและความต้องการของตัวเองมากขึ้นโดยการเรียกร้องถึงสิ่งทีาตนต้องการ "ความรัก" จากคนที่ตัวเองรักซึ่งผมไม่รู้เลยว่าผมกำลังทำให้ตัวเองต้องเสียเธอไปตลอดกาล ผมแลเเธอเริ่มมีความรุนแรงเริ่มมีการทะเลาะกันเป็นครั้งคราวและไม่มีท่าทีจะลดลงเลยเธอบอกว่าผมไม่เคยเข้าใจเธอผมก็บอกว่าเธอไม่เคยเข้าใจผมต่างคนต่างยกเหตุผลต่างๆนาๆมาถกเถียงกันเพื่อเอาชนะยิ่งนับวันยิ่งรุนแรงมากขึ้นช่วงนี้เราทั้วคุ่แทบไม่ได้ไปไหนด้วยกันเหมือนเช่นแต่ก่อน ไม่ค่อยโทรหากันหรือทักหากันเธอยังคงหาคนใหม่ที่จะคอยกลับรอยรั่วในหัวใจเธอส่วนผมก็ยังคงทำให้เธอหันมามองผมในฐานะคนรักบ้างแต่มันก็ไม่เป็นผล ทุกๆครั้งที่เธออกหักผมก็จะเป็นเหมือนคนแรกที่เธอนึกถึงในตอนนั้นจิตใจที่มันเริ่มสั่นคลอนได้เริ่มมีชุดความคิดด้านลบมากมายก่อตัวขึ้น ผมเริ่มที่จะไม่สนใจเธอมากขึ้นเพราะผมในตอนนั้นเริ่มไม่รู้แล้วว่าเขารักเราจริงหรือเพียงแค่ลมปากที่คอยรั้งตัวเราไว้เพื่อใช้ในยามที่เธอเหงาหรือไม่มีใคร ถึงแม้บางทีการกระทำของเราสองคนในช่วงนี้จะรุนแรงหรือมีการทะเลาะกันแต่ยามที่เธออกหักเธอกลับทำให้ผมใจอ่อนจากการสร้างความหวังในใจที่ยังเหลืออยู่ของผม เดินจับมือ,นอนด้วยกัน,กอดกัน นั้นเป็นสิ่งที่เด็กชายคนนึงที่ไม่เคยได้สัมผัสความรู้สึกเหล่านั้นเลยได้สัมผัสมันมันเป็นไออุ่นที่ไม่มีวันลืม หัวใจที่เต้นรัวทำให้ผมรู้สึกมีหวังอีกทั้งๆที่ผมก็รู้ตัวดีว่ามันไม่มีทางในช่วงที่ผมคิดว่าทุกอย่างกำลังดีจู่ๆความฝันผมก็พังอีกครั้งเมื่อเธอได้เจอกับชายในฝัน ชายที่มีลักษณะนิสัยคล้ายกับผม นั้นทำให้ผมที่กำลังมีความหวังได้กลับมาอยู่ในความรู้สึกเดิมๆอีกครั้งนึงเป็นความรู้สึกที่ทั้ง น้อยใจ,เสียใจ นั้นทำให้ผมเลือกที่จะตัดความสัมพันธ์ ที่ทำร้ายผมโดยที่ไร้ซึ่งเหตุผลและการไตร่ตรอง
[หลังจากจบความสัมพันธ์]
ช่วงแรกเธอได้พยายามคุยกับผมในทุกครั้งที่เจอแต่ผมกลับเลือกที่จะเมินเฉย เราทั้งสองแม่จะไป-กลับทางเดี่ยวกันแม้จะเจอหน้ากันทุกเช้า-เย็นแต่ก็ไม่ทีใครทักหรือคุยกันได้เพียงแค่ส่องสายตาหากันและกันและเมื่อนานวันเธอยิ่งห่างเหินและเป็นผมเองที่รู้ว่าตัวเองเลือกทางเดินผิดแต่ก็สายไปแล้วเมื่อเธอคนนั้นได้หายไปจากชีวิตผมเลยตลอด3ปี ผมในช่วงนั้นได้เริ่มที่จะเรียนรู้ถึงโลกมากขึ้น ทำความเข้าใจผู้อื่นมากขึ้นและใช้เหตุผลมากขึ้นในช่วง3ปีที่ผ่านมาผมได้ใช้เวลาไตร่ตรองถึงสิ่งที่ผิดพลาดไปสิ่งที่ผมเรียกร้องมากเกินไปกับเธอที่ผมรัก ผมได้เริ่มเปลี่ยนแปลวตัวเองในทางที่ดีขึ้นและพยายามจะเป็นเด็กชายคนนั้นที่ทำให้เธอมีความสุขได้อีกครั้ง จนเมื่อผมพร้อมและทำใจได้ ผมได้ตัดสินใจที่ตะทักกลับไปหาเธออีกครั้งและขอโทษกับสิ่งที่ทำไป
[ช่วงสุดท้ายของความสัมพันธ์ที่ผมจะไม่มีวันลืม]
หลังจากที่ผมและเธอได้คืนดีและปรับความเข้าใจกันและกันผมได้เลือกที่จะเป็นเพื่อนที่ดีกับเธอโดยไม่หวังถึงความรักและจะคอยซัพพอตเธอคนที่ผมรักไม่ว่าเธอจะรักใครหรือชอบใครผมก็จะเป็นคนที่ยินดีให้กับเธอเสมอ เราทั้งสองได้เริ่มเป็นเพื่อนที่ดีต่อกันเหมือนครั้งอดีตแต่นับวันยิ่งทำให้ผมรู้สึกถึงความห่างเหินอีกครั้ง จากเราเคยคุยหัวเราะด้วยกันเธอคนนั้นกลับหายไปเป็นช่วงๆ แลทที่คุยกันจนล้นหน้าจอกลับกลายเป็นแชทที่มีแค่ผมเป็นคนพิมพ์และเธอตอบกลับมาแค่คำสองคำและไร้ซึ่งคำถามกลับยิ่งนานเข้ายิ่งลดลงๆ จนกระทั่งแชทนั้นไม่มีแม้แต่เธอจะมาอ่านในตอนแรกผมคิดว่าเธอคงไม่ว่างตอบและคงจะกลับมาอ่านในเร็วๆนี้ แต่นั้นก็ไม่ใช่เมื่อเวลานั้นผ่านมานานกว่า2ปีที่ข้อความนั้นผมส่งไปและผมก็รู้ตัวว่ามันคงถึงจุดจบแล้วจริงๆแม้ผมจะพยายามมากแค่ไหนก็ตามมันก็ไม่สามารถรั้งเธอไว้ได้ ทั้งๆที่ผมคิดว่าผมจับเธอไว้แน่นแล้วแต่เธอกลับหายไปโดยไร้ซึ่งเหตุผล ผมได้ถอยออกมาจากจุดๆนั้นช้าๆและคอยหวังว่าสักวันเธอจะกลับมาแต่มันก็ไม่มีวันนั้นสักที
[ชีวิตคนเดี่ยวที่ไม่ทีเธออีกแล้ว]
ผมได้เริ่มทำใจได้มากขึ้น ผมไม่ตั้งคำถามอะไรเกี่ยวกับเธอเลยแม้แต่น้อยผมคอยดูการเปลี่ยนแปลงของเธอจากทางไกลคอยฟังเรื่องราวของเธอจากคนใกล้ตัวในระหว่างที่ผมก็คอยพัฒนาตัวเองเพื่อให้ไปยืนในจุดที่เธออยู่ให้ได้และหวังว่าสักวันนึงผมและเธอจะได้เจอกันสักแห่ง ความรักตลอด8ปีของผมนั้นผมไม่สามารถลบมันได้จากหัวเลยแม้แต่น้อยทั้งที่มันอาจจะเป็นแค่รักข้างเดี่ยวแต่มันเป็นเหมือนความรักที่ผมไม่เคยรู้จักมัน ทุกๆครั้งก่อนผมนอนหรือผมฝันภาพของเธอและผมในวันวานมันมาฉายซ้ำทุกๆคืนๆไม่ว่าดีหรือร้าย คอยย้ำเตือนผมตลอดว่าครั้งนึงผมเคยมีความรักทั้งๆที่ผมยังไม่ได้ครอบครองมันแต่มันเป็นครั้งแรกที่ผมเข้าใกล้ความรักมากที่สุดนั้นอาจจะเป็นเหตุผลที่ผมนั้นไม่สามารถลืมรักครั้งนี้ไปได้ ในปัจจุบันผมกลายเป็นคนที่ไม่รู้สึกถึงความรักจากหญิงคนไหนเลยไม่ว่าเธอคนนั้นจะสวยแค่ไหนก็ตามกลายเป็นคนที่ใช้ชีวิตโดยไร้ซึ่งจุดหมายไม่มีความรู้สึกอยากหรือต้องการอะไรเป็นพิเศษจะเรียกได้ว่าตายด้านก็คงไม่ต่างนัก แม้ว่าแบบนั้นทุกๆคืนที่ผมฝันละเมอถึงเธอคนนั้นผมก็จะรู้สึกถึงหัวใจที่มันทั้งอบอุ่นและเจ็บปวดในเวลาเดี่ยวกันทั้งๆแต่ผมสัญยากับตัวเองแล้วว่าจะลืมเธอคนนั้นแต่ยิ่งคิดผมยิ่งคิดถึงเธอมากขึ้น
ผมในตอนนี้สับสนในตัวเองว่าผมควรจะทำยังไงต่อดี
1.คือเลือกที่จะเรียนต่อในมหาลัยที่เธออยู่เพื่อหวังว่าจะได้เจอเธออีกครั้ง
2.คือเลือกที่จะทิ้งอดีตเปิดใจรับสิ่งใหม่และปล่อยให้รักแรกของผมเป็นเพียงแค่ความทรงจำไป
แม้ว่าผมควรจะเลือกทางที่สองแต่ผมกลับอยากเจอเธออีกครั้งนึงถึงแม้ผมจะรู้ตัวว่าสุดท้ายแล้วผมนั้นอาจจะไม่ได้มีค่าไรกับเธอเลยก็ตามแต่ผมก็อยากจะเจอเธออีกครั้งนึง
สำหรับท่านที่อ่านมาถึงตรงนี้ขอขอบคุณมากจริงๆที่มานั่งอ่านเรื่องของเด็กคนนึงที่เอาแต่ใจตัวเอง
[ระบายความรู้สึก] เรื่องราวความรักข้างเดี่ยวของเด็กชายผู้ที่ไม่เคยมีความรัก
[ป๊อปปี้เลิฟวัยใสที่ใจใฝ่หา]
ทั้งชีวิตของผมไม่เคยมีแฟนหรือความรักเลยตั้งแต่เด็กจนเข้าช่วง มัธยม ผมได้เจอผู้หญิงคนนึงที่ทำให้ผมเปลี่ยนไปจนถึงวันนี้
ช่วงแรกเราทั้งสองไม่ได้สนิทหรือรู้จักกันเท่าไหร่เพราะเรียนคนละห้องกัน จนมีวันนึงที่ทำให้ผมได้รู้จักเธอเพราะรุ่นน้องของเธอมาชอบผมและทำให้เราทั้งสองได้เริ่มทำความรู้จักกันเพราะเธอเข้ามาทำเป็นแม่สื่อให้แต่ด้วยความติส ในตอนนั้นจึงไม่ได้สานต่อความสัมพันธ์กับรุ่นน้องคนนั้นแต่ว่าเราทั้งสองก็ได้สนิทกันจากเหตุการณ์นั้นและเป็นเพื่อนที่ดีต่อกันมาตลอดจนเวลาผ่านไป2ปี ผมและเธอสนิทและผมเริ่มรู้สึกถึงความรักที่มันอยู่ในหัวใจผมทีละนิดๆเรรทั้งคู่แม้เป็นเพื่อนกันแต่ก็คอยซัพพอตซึ่งกันและกันมาเรื่อยๆเป็นเบาะรองให้กันและกัน จนผมและเธอได้เรียนจบชั้น มัธยมต้น และได้แยกย้ายออกไปเรียนต่อ แต่เหมือนว่าโลกจะกลมเธอและผมได้เลือกเรียนที่ใกล้กันและไปทางเดี่ยวกันเราทั้งคู่ได้สานต่อความสัมพันธ์ในฐานะเพื่อนที่ดีต่อกันต่อแม้ในตอนนั้นผมจะไม่ได้คิดแบบนั้นแล้วก็ตาม เราเดินทางด้วยรถประจำทางด้วยกันเดินไปโรงเรียนพร้อมๆกัน และกลับมาบ่นเมาส์มอยชีวิตในรั้วโรงเรียนใหม่ให้กันและกันในชีวิตช่วงนี้คือช่วงนี้สดใสที่สุดในชีวิตของผมเลยเป็นช่วงที่ผมมีความสุขที่ฐานะคนที่รักมากที่สุดและผมก็ได้ตัดสินใจที่จะบอกความในใจของผมให้เธอฟัง แต่เหมือนผมจะคิดผิดที่เลือกที่จะสารภาพในตอนนั้นเธอได้ปฎิเสธผมแต่ก็ทิ้งท้ายว่าเธอรักผมแต่ไม่ใช่ในฐานะของแฟนแต่เธอให้ความสำคัญของผมมากกว่านั้น นั้นเหมือนเป็นความหวังของเด็กชายคนนึงที่ไม่เคยสัมผัสถึงความรักและไม่รู้ว่านั้นคือคำปฎิเสธที่เขาจะไม่ทีวันที่จะได้รับมัน
ผมเพ้อฝันว่าเธอก็รักผมเหมือนกันและนั้นทำให้ผมรู้สึกว่าตัวเองเข้าใกล้กับความรักที่ตอนเองต้องการมากขึ้นถึงแม้นั้นจะเป็นการที่ตัวของผมคิดไปเอง.
[จุดเริ่มต้นของความร้าวฉานในหัวใจ]
เป็นช่วงที่เธอเริ่มมีคนรักเข้ามาแต่ยังคงสถานะผมไว้เป็นเพื่อนที่ดีต่อกัน ผมในตอนนั้นก็รู้สึกเจ็บแต่ก็พยายามทำให้เธอเห็นว่าผมโอเครและคอยแสดงให้เธอเห็นมาตลอดว่าผมรักเธอเหมือนกันและมากกว่าเขาคนนั้นเราทั้งสองยังคงทำเช่นเดิมคือการเป็นเพื่อนที่ดีต่อกันคอยแชร์ประสบการณ์เมาส์มอยผ่านโืรศัพท์วันละ7-8ชั่วโมง ผมยังคงมีความสุขดีเหมือนเก่าแม้ผมจะรู้ว่าเธอมีคนที่กำลังคบอยู่ด้วยก็ตาม จนเธอกับแฟนของเธอเลิกกันเพราะแหนของเธอได้เลือกกลับไปคบกับคนเก่า ผมที่เห็นคนที่ตัวเองรักกำลังอยู่ในช่วงที่อ่อนแอก็ได้คอยดูแลและปลอบใจเธอโดยที่ผมไม่รู้ว่าการที่ผมทำแบบนี้จะนำไปซึ่งสิ่งที่ผมไม่อยากจะเป็นมากที่สุด เมื่อเธอกลับมาสดใสขึ้นอีกครั้งเธอก็ได้เริ่มหาคนใหม่มาแทนที่คนเดิมของเธอโดยที่ผมไม่ทันได้ตั้งตัวและก็เป็นลูปแบบนี้ซ้ำๆ อกหัก,คอยปลอบใจ,และเธอไปมีคนใหม่ โดยที่ผมในตอนนั้นเป็นแค่เด็กชายที่หวังว่าสักวันนึงเขาจะเห็นค่าเราว่าเรารักเขาจริงและคอยอยู่กับเขามาตลอดแต่นั้นเหมือนแค่คนโง่ที่พยายามทำอะไรที่มันไม่มีวันเป็นจริง แต่สุดท้ายเธอก็ยังคงไม่เลือกผมอยู่ดี
[ช่วงจุดแตกหักของความสัมพันธ์]
ในจุดๆนึงผมถึงขีดจำกัดที่จะคอยหลอกตัวเองว่าเราเป็นคนสำคัญและเริ่มรู้ความจริงว่าเราทั้งคู่เริ่มไม่เหมือนเดิมทั้งการกระทำความสัมพันธ์ความสำคัญของกันและกันผมได้พยายามที่จะแสดงถึงจุดยืนและความต้องการของตัวเองมากขึ้นโดยการเรียกร้องถึงสิ่งทีาตนต้องการ "ความรัก" จากคนที่ตัวเองรักซึ่งผมไม่รู้เลยว่าผมกำลังทำให้ตัวเองต้องเสียเธอไปตลอดกาล ผมแลเเธอเริ่มมีความรุนแรงเริ่มมีการทะเลาะกันเป็นครั้งคราวและไม่มีท่าทีจะลดลงเลยเธอบอกว่าผมไม่เคยเข้าใจเธอผมก็บอกว่าเธอไม่เคยเข้าใจผมต่างคนต่างยกเหตุผลต่างๆนาๆมาถกเถียงกันเพื่อเอาชนะยิ่งนับวันยิ่งรุนแรงมากขึ้นช่วงนี้เราทั้วคุ่แทบไม่ได้ไปไหนด้วยกันเหมือนเช่นแต่ก่อน ไม่ค่อยโทรหากันหรือทักหากันเธอยังคงหาคนใหม่ที่จะคอยกลับรอยรั่วในหัวใจเธอส่วนผมก็ยังคงทำให้เธอหันมามองผมในฐานะคนรักบ้างแต่มันก็ไม่เป็นผล ทุกๆครั้งที่เธออกหักผมก็จะเป็นเหมือนคนแรกที่เธอนึกถึงในตอนนั้นจิตใจที่มันเริ่มสั่นคลอนได้เริ่มมีชุดความคิดด้านลบมากมายก่อตัวขึ้น ผมเริ่มที่จะไม่สนใจเธอมากขึ้นเพราะผมในตอนนั้นเริ่มไม่รู้แล้วว่าเขารักเราจริงหรือเพียงแค่ลมปากที่คอยรั้งตัวเราไว้เพื่อใช้ในยามที่เธอเหงาหรือไม่มีใคร ถึงแม้บางทีการกระทำของเราสองคนในช่วงนี้จะรุนแรงหรือมีการทะเลาะกันแต่ยามที่เธออกหักเธอกลับทำให้ผมใจอ่อนจากการสร้างความหวังในใจที่ยังเหลืออยู่ของผม เดินจับมือ,นอนด้วยกัน,กอดกัน นั้นเป็นสิ่งที่เด็กชายคนนึงที่ไม่เคยได้สัมผัสความรู้สึกเหล่านั้นเลยได้สัมผัสมันมันเป็นไออุ่นที่ไม่มีวันลืม หัวใจที่เต้นรัวทำให้ผมรู้สึกมีหวังอีกทั้งๆที่ผมก็รู้ตัวดีว่ามันไม่มีทางในช่วงที่ผมคิดว่าทุกอย่างกำลังดีจู่ๆความฝันผมก็พังอีกครั้งเมื่อเธอได้เจอกับชายในฝัน ชายที่มีลักษณะนิสัยคล้ายกับผม นั้นทำให้ผมที่กำลังมีความหวังได้กลับมาอยู่ในความรู้สึกเดิมๆอีกครั้งนึงเป็นความรู้สึกที่ทั้ง น้อยใจ,เสียใจ นั้นทำให้ผมเลือกที่จะตัดความสัมพันธ์ ที่ทำร้ายผมโดยที่ไร้ซึ่งเหตุผลและการไตร่ตรอง
[หลังจากจบความสัมพันธ์]
ช่วงแรกเธอได้พยายามคุยกับผมในทุกครั้งที่เจอแต่ผมกลับเลือกที่จะเมินเฉย เราทั้งสองแม่จะไป-กลับทางเดี่ยวกันแม้จะเจอหน้ากันทุกเช้า-เย็นแต่ก็ไม่ทีใครทักหรือคุยกันได้เพียงแค่ส่องสายตาหากันและกันและเมื่อนานวันเธอยิ่งห่างเหินและเป็นผมเองที่รู้ว่าตัวเองเลือกทางเดินผิดแต่ก็สายไปแล้วเมื่อเธอคนนั้นได้หายไปจากชีวิตผมเลยตลอด3ปี ผมในช่วงนั้นได้เริ่มที่จะเรียนรู้ถึงโลกมากขึ้น ทำความเข้าใจผู้อื่นมากขึ้นและใช้เหตุผลมากขึ้นในช่วง3ปีที่ผ่านมาผมได้ใช้เวลาไตร่ตรองถึงสิ่งที่ผิดพลาดไปสิ่งที่ผมเรียกร้องมากเกินไปกับเธอที่ผมรัก ผมได้เริ่มเปลี่ยนแปลวตัวเองในทางที่ดีขึ้นและพยายามจะเป็นเด็กชายคนนั้นที่ทำให้เธอมีความสุขได้อีกครั้ง จนเมื่อผมพร้อมและทำใจได้ ผมได้ตัดสินใจที่ตะทักกลับไปหาเธออีกครั้งและขอโทษกับสิ่งที่ทำไป
[ช่วงสุดท้ายของความสัมพันธ์ที่ผมจะไม่มีวันลืม]
หลังจากที่ผมและเธอได้คืนดีและปรับความเข้าใจกันและกันผมได้เลือกที่จะเป็นเพื่อนที่ดีกับเธอโดยไม่หวังถึงความรักและจะคอยซัพพอตเธอคนที่ผมรักไม่ว่าเธอจะรักใครหรือชอบใครผมก็จะเป็นคนที่ยินดีให้กับเธอเสมอ เราทั้งสองได้เริ่มเป็นเพื่อนที่ดีต่อกันเหมือนครั้งอดีตแต่นับวันยิ่งทำให้ผมรู้สึกถึงความห่างเหินอีกครั้ง จากเราเคยคุยหัวเราะด้วยกันเธอคนนั้นกลับหายไปเป็นช่วงๆ แลทที่คุยกันจนล้นหน้าจอกลับกลายเป็นแชทที่มีแค่ผมเป็นคนพิมพ์และเธอตอบกลับมาแค่คำสองคำและไร้ซึ่งคำถามกลับยิ่งนานเข้ายิ่งลดลงๆ จนกระทั่งแชทนั้นไม่มีแม้แต่เธอจะมาอ่านในตอนแรกผมคิดว่าเธอคงไม่ว่างตอบและคงจะกลับมาอ่านในเร็วๆนี้ แต่นั้นก็ไม่ใช่เมื่อเวลานั้นผ่านมานานกว่า2ปีที่ข้อความนั้นผมส่งไปและผมก็รู้ตัวว่ามันคงถึงจุดจบแล้วจริงๆแม้ผมจะพยายามมากแค่ไหนก็ตามมันก็ไม่สามารถรั้งเธอไว้ได้ ทั้งๆที่ผมคิดว่าผมจับเธอไว้แน่นแล้วแต่เธอกลับหายไปโดยไร้ซึ่งเหตุผล ผมได้ถอยออกมาจากจุดๆนั้นช้าๆและคอยหวังว่าสักวันเธอจะกลับมาแต่มันก็ไม่มีวันนั้นสักที
[ชีวิตคนเดี่ยวที่ไม่ทีเธออีกแล้ว]
ผมได้เริ่มทำใจได้มากขึ้น ผมไม่ตั้งคำถามอะไรเกี่ยวกับเธอเลยแม้แต่น้อยผมคอยดูการเปลี่ยนแปลงของเธอจากทางไกลคอยฟังเรื่องราวของเธอจากคนใกล้ตัวในระหว่างที่ผมก็คอยพัฒนาตัวเองเพื่อให้ไปยืนในจุดที่เธออยู่ให้ได้และหวังว่าสักวันนึงผมและเธอจะได้เจอกันสักแห่ง ความรักตลอด8ปีของผมนั้นผมไม่สามารถลบมันได้จากหัวเลยแม้แต่น้อยทั้งที่มันอาจจะเป็นแค่รักข้างเดี่ยวแต่มันเป็นเหมือนความรักที่ผมไม่เคยรู้จักมัน ทุกๆครั้งก่อนผมนอนหรือผมฝันภาพของเธอและผมในวันวานมันมาฉายซ้ำทุกๆคืนๆไม่ว่าดีหรือร้าย คอยย้ำเตือนผมตลอดว่าครั้งนึงผมเคยมีความรักทั้งๆที่ผมยังไม่ได้ครอบครองมันแต่มันเป็นครั้งแรกที่ผมเข้าใกล้ความรักมากที่สุดนั้นอาจจะเป็นเหตุผลที่ผมนั้นไม่สามารถลืมรักครั้งนี้ไปได้ ในปัจจุบันผมกลายเป็นคนที่ไม่รู้สึกถึงความรักจากหญิงคนไหนเลยไม่ว่าเธอคนนั้นจะสวยแค่ไหนก็ตามกลายเป็นคนที่ใช้ชีวิตโดยไร้ซึ่งจุดหมายไม่มีความรู้สึกอยากหรือต้องการอะไรเป็นพิเศษจะเรียกได้ว่าตายด้านก็คงไม่ต่างนัก แม้ว่าแบบนั้นทุกๆคืนที่ผมฝันละเมอถึงเธอคนนั้นผมก็จะรู้สึกถึงหัวใจที่มันทั้งอบอุ่นและเจ็บปวดในเวลาเดี่ยวกันทั้งๆแต่ผมสัญยากับตัวเองแล้วว่าจะลืมเธอคนนั้นแต่ยิ่งคิดผมยิ่งคิดถึงเธอมากขึ้น
ผมในตอนนี้สับสนในตัวเองว่าผมควรจะทำยังไงต่อดี
1.คือเลือกที่จะเรียนต่อในมหาลัยที่เธออยู่เพื่อหวังว่าจะได้เจอเธออีกครั้ง
2.คือเลือกที่จะทิ้งอดีตเปิดใจรับสิ่งใหม่และปล่อยให้รักแรกของผมเป็นเพียงแค่ความทรงจำไป
แม้ว่าผมควรจะเลือกทางที่สองแต่ผมกลับอยากเจอเธออีกครั้งนึงถึงแม้ผมจะรู้ตัวว่าสุดท้ายแล้วผมนั้นอาจจะไม่ได้มีค่าไรกับเธอเลยก็ตามแต่ผมก็อยากจะเจอเธออีกครั้งนึง
สำหรับท่านที่อ่านมาถึงตรงนี้ขอขอบคุณมากจริงๆที่มานั่งอ่านเรื่องของเด็กคนนึงที่เอาแต่ใจตัวเอง