ประสบการณ์การผ่าตัดริดสีดวงทวาร

กระทู้สนทนา
จขกท ขอแชร์ประสบการณ์เกี่ยวกับการผ่าตัดริดสีดวงทวารที่เกิดกับตัวเองครับ

ก่อนอื่นขอเล่าอาการที่ทำให้ตัดสินใจผ่าตัดริดสีดวงทวารในครั้งนี้ คือมีอาการถ่ายแล้วมีเลือดสดสีแดงหยดตามหลังจากที่ถ่ายเสร็จซึ่งอาการดังกล่าวเป็นริดสีดวงทวารภายใน และของผมจะเป็นตอนที่ท้องเสีย

วันที่ 6 ก.ย. 66 เวลาประมาณ 17.00 น. จึงตัดสินใจไปพบแพทย์ที่ ร.พ. เอกชนแห่งหนึ่ง ซึ่งแพทย์ก็แนะนำว่าควรผ่าออกไปเลย เนื่องจากหากปล่อยเอาไว้ แล้วหัวริดสีดวงมันใหญ่ขึ้นการผ่าตัดจะมีความยากลำบาก และมีโอกาสติดเชื้อสูงกว่าตอนนี้ เลยคิดว่าเอ้า ผ่าก็ผ่า โดยที่ยังไม่ไปสืบค้นข้อมูลว่ามันสามารถ ใช้เลเซอร์ หรือการรักษาแบบอื่นได้ จากนั้น จนท รพ ก็มาแบบเตรียมจองห้องพิเศษ แล้วก็ขึ้นไปรอที่ห้องพิเศษ เพื่อเตรียมการผ่าตัด ซึ่งก่อนการผ่าตัดจะต้องงดอาหารและน้ำ อย่างน้อย 8 ชม. ครับ
- เวลา 22.00 น. พยาบาลก็มาเจาะน้ำเกลือที่แขน และสวนทวารเพื่อให้อุจจาระออกให้หมดก่อนทำการผ่าตัด การสวนทวารนั้นไม่เจ็บเลย พยาบาลจะเอาแท่งเล็กๆแหย่เข้าไปในก้นแล้วก็ค่อยๆปล่อยน้ำเข้าไป จะรู้สึกตุ่ยๆ ที่ท้อง พอสักพักเข้าไปนั่งในห้องน้ำ พรวดพราดออกมาหมดท้องเลยครับทั้งน้ำทั้งอุจจาระ
- เวลา 23.00 น. ก็ย้ายไปห้องผ่าตัด วิสัญญีแพทย์ก็เข้ามาบล็อกหลัง โดยการให้เรานอนตะแคงแล้วงอเข่าชิดหน้าอกที่สุด แล้วแพทย์ก็ใช้เข็มฉีดยาฉีดไปตรงกระดูกสันหลัง จากนั้น จะเริ่มมีอาการร้อนและชา ช่วงหลังจนปลายเท้า จนกระทั่งไม่รู้สึกอะไรเลยตั้งแต่ช่วงเอวลงไป และการบล็อกหลังไม่เจ็บอย่างที่คิดไว้ จากนั้น เขาก็จับเรานอนคว่ำแล้วเริ่มดำเนินการผ่าและเย็บด้วยไหมละลาย
- เวลา 02.00 น. คือผ่าตัดเสร็จ สรุปคือผ่าเจ้าริดซี่ ออกมาจำนวน 3 หัวจ้า เป็นหัวสีดำๆ คือพยาบาลเดินเอามาให้ดูถูกเก็บอย่างดีในขวด เสร็จแล้วก็นอนดูอาการที่ห้องพักฟื้น แล้วก็ย้ายขึ้นไปพักต่อที่ห้องพิเศษ พอมาถึงห้องพักก็หลับเลยครับเพราะเราไม่รู้สึกอะไรเลย แต่หมอสั่งห้ามลุกจนถึงแปดโมงเช้า

วันที่ 7 ก.ย. 66 เวลา 8.00 น. เอาละตื่นมารู้สึกเจ็บแผลที่ผ่าตัดมาก แล้วเหมือนมีอาการปวดถ่ายตลอดเวลา ซึ่งเราแยกไม่ออกเลยว่า มันปวดถ่ายหรือเลือดมันออกเลยรู้สึกปวด ก็เลยไปลองนั่งโถส้วม ปรากฏก็ถ่ายออกมาเล็กน้อยเป็นก้อนเล็กๆ รู้สึกเจ็บมากถ้าให้คะแนนคือ เต็ม 10 ไม่หัก ในวันนั้นก็รู้สึกแบบปวดถ่ายตลอดทั้งวันจนเหนื่อย แล้วก็เจ็บแผลมากด้วย 

วันที่ 8 ก.ย. 66 เราก็รู้สึกเจ็บแผลและปวดถ่ายเหมือนเดิม แต่ก็เริ่มลุกเดินได้ ไม่มีอาการอื่นแทรกซ้อน และเมื่อแพทย์มาดูอาการก็ให้กลับไปรักษาตัวต่อที่บ้าน  และให้เราแช่ก้นในน้ำอุ่น เช้า กลางวัน เย็น ครั้งละ 15 นาที เราก็เคลียร์ประกัน สรุปยอดทั้งหมด 74,000 บาท เคลมประกัน จ่ายส่วนต่างไป 16,000 บาท 

วันที่ 9-11 ก.ย. 66 เราก็กลับมารักษาตัวที่บ้าน เวลาถ่ายเจ็บมากคือแบบทรมานอะ แทบจะคลานออกจากห้องน้ำ มันเจ็บแบบสุดๆ แต่ก็พยายามแช่ก้น ก็ช่วยให้ดีขึ้นได้ เรากินผักเยอะมาก แล้วก็ซื้อพวกน้ำลูกพรุนมากิน เพื่อไม่ให้ท้องผูก อุจจาระแข็ง ประกอบกับยาที่แพทย์จ่ายจะมีพวกไฟเบอร์ช่วยในการขับถ่ายด้วย ก็เลยถ่ายบ่อยมากในแต่ละวัน แต่มันก็ออกมาทีละนิดเพราะเราเบ่งไม่ได้ ถ้าเบ่งก็จะเจ็บแผลมาก เลยปล่อยให้แบบจะออกก็ออกเถอะ

วันที่ 12 ก.ย.66 วันนี้เป็นวันที่ต้องจดจำ คือช่วงวันก็ปกติเหมือนที่ผ่านมา แต่พอถึงเวลา 23.00 น. เรารู้สึกเหมือนกางเกงเปียก พอเอามือจับดู ปรากฏว่าเป็นเลือดสีแดงสดๆ เลยจ้า เลยลุกไปห้องน้ำ เลือดก็หยดเป็นทาง พอนั่งลงชักโครกเท่านั้นแหละครับท่านผู้ชม เลือดสดสีแดงก็ทะลักออกมาจากก้น คือไม่มีอุจจาระเลย มีแต่เลือดและลิ่มเลือดออกมาเยอะมากๆ ประมาณ ครึ่งลิตรได้ แล้วแบบกลิ่นคาวเลือด และภาพตรงหน้าคือแบบ ไม่ไหวแล้ว เลยรีบกลับไปที่ รพ

- เวลา 23.30 น. ก็เข้าไปที่แผนกฉุกเฉิน แพทย์ศัลยกรรม (แพทย์พาร์ทไทม์ ที่ไม่ใช่คนแรกที่ผ่าตัดให้เรา) ก็มาดูอาการ เราก็เล่าไป แพทย์เลยขอดูที่ก้น เลือดมันไม่ออก และไม่สามารถดูแผลด้านในได้ เลยให้เราแอดมิด ไว้ดูอาการที่ รพ ก่อน (ในใจเราคือแบบเลือดออกแบบนั้นไม่ปกติละนะ)
หลังจากที่เขาเตรียมห้อง เราก็รู้สึกปวดถ่ายอีก เลยขอเข้าห้องน้ำในห้องฉุกเฉิน ปรากฏนั่งปุ้ป เลือดสดและลิ่มเลือดออกมาอีกแล้วจ้า พร้อมกลิ่นคาวเลือดคละคลุ้งในห้องน้ำ พอเสร็จแล้วเราเปิดประตูห้องน้ำออกมาเจอแพทย์พอดี แต่เราไม่ไหวแล้วหน้ามืดจะเป็นลม เลยขึ้นรถนอนแล้วรอเข้าห้องผ่าตัดด่วนเลย คราวนี้แหละจ้า พยาบาลมารุมเจาะสายน้ำเกลือ ติดเครื่องวัดความดัน ความดันเราตก และหอบเหนื่อย และพยาบาลก็มาเจาะเลือดไปตรวจ รอผลเลือดอีก 45 นาที ตอนนั้นในใจคือไม่ไหวแล้ว เหนื่อยมากแล้วก็ปวดถ่ายอีก คราวนี้ เขาให้นอนถ่ายเลยคือเอากระโถนมารองใต้ก้น ก็เหมือนเดิม เลือดสดทั้งหมด เวลาผ่านไปช้ามากจนในหัวเราคิดถึงแม่ ลูกสาว และภรรยามากๆ และคิดในใจว่าเราจะต้องรอด แต่ตอนนั้นตาเราเริ่มลอยแล้ว รอจนผลเลือดออก

- เวลา 24.00 น. ก็ย้ายเราไปที่ห้องผ่าตัด ก็เดจาวูจ้า บล็อกหลัง จับนอนคว่ำ แต่เลือดก็ยังออกอยู่อย่างต่อเนื่อง สักพักเราก็แบบช็อคหลับไปเลย รู้ตัวอีกทีก็กลับมาอยู่ในท่านอนหงาย พยาบาลพยายามปลุกให้ตื่น แล้วมีออกซิเจนมาครอบที่หน้าของเรา ที่หน้าอกก็ติดสายอะไรไม่รู้ไว้เต็มหมดเลย เราถามแพทย์ว่า เมื่อกี้เกิดอะไรขึ้น แพทย์บอกว่าหลับลึกไปหน่อย ในใจเราคิดแล้วว่าไปแล้วแน่ๆ แต่ใจเรายังคงนึกถึงลูกสาวตลอด เราต้องรอดๆ ซึ่งการผ่าตัดเรารู้ทุกการกระทำ ได้ยินทุกคำพูด ระหว่างผ่าตัดมีการให้เลือดจำนวน 3 ถุง และต่อสายปัสสาวะ แบบให้ต่อตรงเข้าถุงอะ พร้อมให้ยาฆ่าเชื้อระหว่างผ่าตัด ซึ่งตอนผ่าตัดเราหนาวมากหนาวจนสั่นทั้งตัวแบบควบคุมไม่ได้ แพทย์ก็บอกว่าจะหนาวหน่อยเพราะบล็อกหลัง และหลอดเลือดดำขยาย จากนั้นก็ผ่าตัดต่อในท่านอนหงายเนื่องจากไม่สามารถนอนคว่ำหน้าได้แล้ว เดี๋ยวไปอีกรอบนึง จนกระทั่งเวลา ตี4 ก็ผ่าตัดเสร็จ

- เวลา 04.00 น. เราถูกย้ายมาห้องพักฟื้น แพทย์ก็มาแจ้งว่า ไหมละลายที่เย็บไปครั้งแรกมันฉีก ซึ่งเวลาผ่านไปมันจะมีลิ่มเลือดเกาะเพื่อให้เกิดพังผืดที่แผล พอไหมฉีก เลือดและลิ่มเลือดก็พรั่งพรูออกมาในที่สุด แต่ครั้งนี้แพทย์เย็บแน่นหนา และใช้ไหมละลายที่มีระยะเวลานานประมาณ 30-60 วันจะละลาย และหลังจากออกจากห้องพักฟื้น เราก็ย้ายไปดูอาการต่อที่ห้อง ICU เนื่องจากต้องสังเกตุอาการใกล้ชิดเพราะเสียเลือดมาก ประมาณ 3-4 ลิตร

- เวลา 05.00 น. เราก็ย้ายมา ICU เอาละพอยาชาหมด ปวดถ่ายอีกละ ก็นั่งถ่าย มีแต่เลือดออกมา แต่พยาบาลบอกว่าสีเป็นเลือดเก่าที่ค้างอยู่ ในวันนั้นเราถ่ายประมาณ 3 รอบ คือแบบมีแต่เลือดเก่าออกมาตลอด แล้วก็เจ็บแผลมากเหมือนเดิม เหมือนต้องเริ่มนับหนึ่งใหม่ 

วันที่ 14 ก.ย. 66  ก็ยังอยู่ ICU พยาบาลมาถอดสายปัสสาวะ สายน้ำเกลือ คือแบบว่า เจ็บมากๆๆๆๆๆ แล้วเราก็ย้ายไปห้องพิเศษ สรุปค่าใช้จ่ายรอบสอง 90,000 บาท เคลมประกันได้น้อยอีกเพราะเป็นการรักษาต่อเนื่อง จ่ายส่วนต่างเองไป 56,000 บาท หน้ามืดเลยทีเดียว
วันที่ 16 ก.ย.66  กลับมารักษาตัวที่บ้าน เริ่มนับหนึ่งใหม่ ในใจก็คิดว่า เราจะเบ่งถ่ายจนไหมฉีกเลยหรอ แผลก็เจ็บ ใครจะเบ่งได้  มีเลือดออกอะไรนิดหน่อยก็ไป รพ แล้วอะ คือไปจนแพทย์บอกว่า  นายอย่าใช้อารมณ์ตัดสินใจ อย่าระแวง (ในใจคือหมอไม่ได้เจอแบบผมนี่ กลิ่นเลือด ภาพเลือดมันติดตาไม่มีวันลืมเลือน แล้วมันเหนื่อยมากนะ เหนื่อยจนร่างจะไม่ไหว ไม่คิดเลยว่าผ่าริดสีดวงอาการจะมาหนักขนาดนี้) 

จากวันนั้นถึงวันนี้ อาการดีขึ้นตามลำดับ จะครบเดือนแล้วครับ แผลเย็บก็น่าจะติดแล้ว การถ่ายก็ดีขึ้นเจ็บน้อยลง แต่วันนั้นยังคงอยู่ในความทรงจำไม่มีวันลืม 
หวังว่าสิ่งที่ผมเจอกับตัวอาจจะเป็นประโยชน์ในการตัดสินใจ ในการระวัง ในการเลือกช่องทางการรักษา กับเพื่อนๆนะครับ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่