นิยายหัดเขียน อ่านแล้วจะชอบหรือป่าว เดชพลังหมัดเทพ

บทที่ 1
 
       ในครั้งกาลก่อนครั้งสมัยยังไม่เกิดสยามประเทศ การศึกสงครามเพื่อรุกราน กินบ้านเมืองผู้อื่นถือเป็นเรื่องของการขยายอณาจักรประกาศศักดาณุภาพนั้น ย่อมเกิดขึ้นอยู่ทั่วไปตามประวัติศาสตร์ของโลกโดยทั่วไป และกรุงศรีอยุทธยาก็เช่นกัน ในการศึกสงครามประกอบยุทธทุกครา เหล่าทหารครั้งสมัยนั้นก็ย่อมมีฝีมือเป็นเอกในแต่ละคนแต่ละเหล่าไป มวยไทยคือวิชาหลักของเหล่าขุนศึกนักสู้ผู้กล้าในสมัยนั้น และด้วยความที่มวยไทยสืบทอดกันมาแต่ครั้นโบราณนานนม ศาสตร์การต่อสู้นี้จึงมีที่มาและจุดเริ่มต้นอยู่หลากหลายทาง 
       เพลงวิชามวยเทวาศาสตราคือศาสตร์มวยไทยอีกทางหนึ่ง ซึ่งที่ผู้ได้เรียนจะต้องเป็นผู้ปรากฏด้วยลักขณา วาสนาบุญญาธิการเท่านั้น จึงจะสามารถได้ร่ำเรียนถึงถ่องแท้จนสำเร็จได้ ในสมัยนั้นผู้สำเร็จมวยแขนงเทวาศาสตราวิชานี้ จึงมักดำรงบรรดาศักดิ์ ได้เป็นนายกองทัพหน้าเพื่อป้องกันกษัตริย์ยามยาตราทำศึกสงคราม โดยแบ่งแยกทำหน้าที่พิทักษ์ เป็นจตุรเทวาพิทักษ์คือ เทวาพิทักษ์ ณ.ทิศาอุดร, เทวาพิทักษ์ ณ.ทิศาทักษิณ, เทวาพิทักษ์ ณ.ทิศาบูรพา, และเทวาพิทักษ์ ณ.ทิศาปะจิม จากเวลานั้นจนล่วงผ่านกาลสมัยมา แม้นศึกสงครามได้สงบลง บ้านเมืองอยู่ในภาวะร่มเย็นเป็นสุข แต่ศาสตรวิชานี้กลับมิได้สูญหายสลายไป ยังคงมีผู้สืบทอด สืบต่อผ่านจากรุ่นสู่รุ่นจวบจนปัจจุบันกาล....

       ณ.กรุงเทพ(ปัจจุบัน) ...
       เสียงวิทยุจากมือตำรวจดังสับสน ในบริเขตเส้นสีเหลืองสลับดำที่ตำรวจล้อมที่เกิดเหตุไว้ หนุ่มร่างกำยำ สมส่วนสัดของนักกีฬาอาชีพ กลับนอนสลบแน่นิ่งบนเปลพยาบาล อันเกิดจากอาการบอบช้ำจากการถูกทำร้ายร่างกาย
               “เคสนี้ เป็นรายที่หกแล้วนะครับ ผู้กอง.” 
               “ผมนับเลขเป็นนะดาบศักดิ์ “ เสียงสนทนากลับของร้อยตำรวจโท เก่งกาจ ตอบดาบตำรวจคู่ใจแบบเซ็งๆ
               “ทำไมมันต้องเป็นเราที่ต้องมาเจอคดีอันธพาลต่อเนื่องแบบนี้ด้วยนะ.!?”
               “คนร้ายมันไม่แตะต้องทรัพย์เจ้าทุกข์ เหมือนทุกครั้งครับ ผู้กอง แถมมันเข้ามาแบบซึ่งๆหน้าอีก”
               “ใช่.! ผมถึงเรียกมันว่าอัธพาลไง เหมือนเจตนาเข้ามาหาเรื่องเลย”
               “แต่มันก็เก่งจริงๆนะครับผู้กอง คนที่มันล้มได้ทั้งหมดนี่ มันนักมวยตัวเจ๋งๆดังๆทั้งนั้น”
               “มันเก่งได้อีกไม่นานหรอกดาบ ผมจะลากคอมันมาเข้าตะรางให้ได้ ดาบกันนักข่าวออกไปก่อนนะ รอกองพิสูจน์หลักฐานมาก่อน ผมไม่อยากให้หลักฐานโดนทำลายเพราะนักข่าวหรือคนที่ไม่เกี่ยวข้อง” เขากำชับเสียงแน่น
               “ครับผม.! “ ดาบศักดิ์ มือขวาคู่ใจวันทยาหัตถ์รับคำสั่งชัดเจน
 
       คดีนี้ได้แพร่ กระจายออกตามสื่อต่างๆมากมาย และได้รับความสนใจจากประชาชนเป็นจำนวนมาก โดยพากันเรียกติดปากกันว่า คดี”ไฟท์คลับ” เพราะนักมวยผู้ที่ถูกทำร้ายนั้น ทุกคนล้วนให้ปากคำไปในแนวทางเดียวกันว่า ได้มีโอกาสสู้ป้องกันตนเองเหมือนกัน แต่สู้อีกฝ่ายไม่ได้ และก่อนที่จะโดนอัดจนสลบไปนั้น ทุกคนให้การตรงกันว่า เห็นแสงสว่างจ้าแวบนึงก่อนที่จะสลบไป
       จอโทรศัพท์มือถือถูกดับลง หลังอ่านข่าวนี้จบ เจ้าของมือถือถอนหายใจอย่างคนมีวิตกขณะเดินเข้าสู่โถงใหญ่ทางด้านหน้า ของโรงพยาบาลเอกชนแห่งหนึ่ง พร้อมกันนั้นเสียงทักทายมากมายของผู้คนในบริเวณนั้น ได้กล่าวขึ้นอย่างเคารพและให้เกียรติอย่างอื้ออึง.. 
              “สวัสดีครับ” นายแพทย์ รักษ์ กล่าวตอบทุกคนอย่างเป็นกันเอง 
       ด้วยบุคลิกสุภาพและเป็นกันเองของเขานี้ นายแพทย์ รักษ์จึงเป็นที่รักใคร่ของทุกๆคนในโรงพยาบาลแห่งนี้ ไม่มีใครที่รู้จักเขาแล้วจะไม่ประทับใจ  จากบุคลิกที่สุภาพ การพูดจาโดยให้เกียรติกับทุกคนที่เขาพบ และด้วยอาชีพของเขาด้วยแล้ว นายแพทย์ท่านนี้จึงเป็นที่รักของผู้คนทั้งหลายที่ได้รู้จักเขาโดยไม่ยากเย็นเลย 
        “สวัสดีค่ะหมอรักษ์”
        “สวัสดีครับป้านุช” เขาทักตอบนางพยาบาลรุ่นแม่กลับด้วยน้ำเสียงน้อมน้อม 
        “วันนี้มีเคสผู้ป่วยเพิ่มอะไรไหมครับ?” 
        “ไม่มีค่ะหมอ มีเคสเก่าๆที่นอนป่วยบนวอร์ดเท่านั้นค่ะ วันนี้หมอมีเวรบนวอร์ดนี้เท่านั้นค่ะ”
        “ออ..ครับ งั้นวันนี้ผมลงไปอยู่ช่วยที่แผนกฉุกเฉินช่วงเย็นดีกว่า” เขาตอบไปอย่างอารมณ์ดี
        “ว๊าย..!? อะไรกัน คุณหมอนี่ก็ แทนที่จะพัก กลับไปทำงานเพิ่มแถมไม่เอาเงินเขาอีก”
        “ผมแค่อยากทำให้เต็มที่ สมที่เรียนหมอมา ป้ารู้ไหมครับที่โรงพยาบาลจังหวัด แพทย์ที่นั่น เขาทำงานกันแทบไม่ทันเลย”
        “ก็ที่นั่นคนป่วยเขามากนี่คะ โรงพยาบาลเรามันเป็นเอกชน คนไม่มีเงิน เขามาไม่ไหวกันหรอกค่ะ”
        “เสียดายที่ผมไม่สามารถไปทำงานให้กับโรงพยาบาลรัฐฯได้ในตอนนี้”
        “ก็ใช่น่ะสิคะ เพราะหมอต้องใช้หนี้โรงพยาบาลนี้ที่เขาให้ทุนคุณหมอเรียนนี่คะ”
        “ครับ หากท่านประธานไม่ให้ทุนการศึกษาผม ผมก็คงไม่มีวันนี้หรอกครับ”
        “หมอเป็นคนดีค่ะ ดิฉันเชื่อว่าหมอจะพบแต่สิ่งดีงาม” พยาบาลรุ่นแม่พูดอย่างเข้าใจ
        “ขอบคุณครับป้า” เขายิ้มตอบ 
       ในช่วงเวลาเดียวกันนั้นบนรถลีมูซีนหรูหราสีดำเงาวาววับ จอทีวีในรถกำลังเสนอภาพนักข่าวช่องดังช่องหนึ่งกำลังคุยข่าวถึงเรื่องคดี “ไฟท์คลับ”นี้ อย่างออกรสชาติ โดยพาดพิงไปถึงการทำงานที่ไร้ประสิทธิภาพของเจ้าหน้าที่ตำรวจ ที่จนบัดนี้ก้ยังจับคนร้ายมาดำเนินคดีไม่ได้สักที สายตาคู่หนึ่งที่จับจ้องอยู่นั้น บัดนี้เบือนออกไปนอกรถพร้อมรอยยิ้มเล็กๆที่มุมปากแบบสาสะใจ พลันกระจกเบื้องหน้าสีดำสนิทที่กั้นระหว่างคนขับกับห้องผู้โดยสารได้เลื่อนลง
          “วันนี้ท่านมีประชุมที่สำนักงานใหญ่นะครับ” 
          “วันนี้ชั้นไม่เข้า ให้เลขาเอารายงานการประชุมมาส่งภายหลังก็แล้วกัน”
          “ท่านคงเพลีย..จากงานรื่นเริงเมื่อเช้าตรู่วันนี้กระมัง?”
          “เปล่าเลย..หึๆเมื่อเช้ามันไม่ทำชั้นเหนื่อยเลยสักนิด แค่...มันยังไม่พอ ชั้นยังไม่สงบ”
          “เช่นนั้นแล้ว ผมว่าท่านคงอยากไปที่..”ส่วนตัว” ของท่าน..!?”
          “ใช่..” เขาตอบพร้อมหลับตา และขำในลำคอเบาๆแบบสาแก่ใจ
        ลีมูซีนดำคลับคันงามวิ่งไปตามทางต่อไป มันบ่ายหน้าเพื่อมุ่งสู่จุดหมายตามกำหนด คงมีเพียงคนในรถเท่านั้นที่ทราบปลายทางของรถคันนี้....
............................................................
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่