สวัสดีผมชื่อว่า D
ผมจะมาเล่าประสบการณ์ทำงานให้ฟังเป็นประสบการณ์ที่ผมกล้าบอกว่าจริงๆแล้วผมไม่ควรเข้ามาทำงานที่นี่เลย
ผมเดิมทีเคยทำงานที่บริษัทแห่งหนึ่งอยู่ตำแหน่งที่เกี่ยวข้องกับเอกสาร แน่นอนว่าผมไม่ได้ชอบตำแหน่งนี้มากใจอยากจะไปเป็นเซลล์มากกว่าแต่ติดตรงที่ความสามารถไม่มากพอ ผมเลยตั้งใจออกงานจากที่นั้นแล้วไปหาสมัครที่อื่น พอผมได้ไปสมัครที่หนึ่งตอนที่เริ่มเข้ามาทดลองงานเจ็ดวันแรกมันก็ดูเหมือนจะไม่มีปัญหา ผมได้เป็นเซลล์ผมได้เริ่มงานในแบบที่อยากชอบ ได้ขายสินค้าด้วยรอยยิ้มได้พบกับลูกค้าใหม่ๆที่ชอบแบบเดียวกันแล้วพูดคุยกันตอนแนะนำสินค้า พอผ่านไปครึ่งเดือนอาการมันก็เริ่มมานายจ้างเริ่มหัวเสียกับยอดขายที่ตก และเริ่มมีปัญหากับการทำงานที่ไม่เรียบร้อยภายในร้าน แน่นอนว่าส่วนตัวผมก็มองเห็นจุดเดียวกันและคิดว่าการแก้ไขคือเรามีแต่ทีมเซลล์ไม่มีทีมเอกสาร แล้วเซลล์แต่ละคนก็ไม่ใช่พวกเจนงานเอกสารจัดด้วย พอผ่านไปเดือนหนึ่งรุ่นพี่ที่เขาจะออกในเดือนนี้ก็ให้ผมเริ่มทดลองงานต่างๆที่ไม่เคยลอง รวมถึงงานที่ต้องติดต่อกับเซลล์ที่เป็นคอแท็คของบิรษัทภายนอกแน่นอนว่าเราก็ทำไปพร้อมกับปรึกษารุ่นพี่ไปด้วย เดือนนั้นถึงมันจะยากลำบากแต่พวกเราก็ผ่านมาได้แบบฉิวเฉียด พอทำมาสองเดือนเริ่มมีน้องใหม่เข้ามาผมที่เป็นรุ่นพี่ต้องเริ่มสอนน้องใหม่บ้างแต่ผมเองก็ยังไม่ผ่านโปรสามเดือนเลย คงทำได้แค่สอนการขายกับระบบทั่วไป พอครบสามเดือนเขาไม่ได้แจ้งว่าผมผ่านไม่ผ่านแต่ยังให้ผมทำงานต่อ ผมเลยตัดสินใจไปแจ้งขอยุติการทำงานในอีกหนึ่งเดือนข้างหน้า ตอนนั้นเขาก็ดูเหมือนเสียดายเราแต่ใจจริงก็แค่กลัวว่าจะหาคนไม่ทัน ปลายเดือนนั้นเขาก็ได้คนที่เขาต้องการมาแล้วจริงๆเราออกเลยก็ได้แต่ด้วยใจนักสู้เราก็อยากสู้จนวินาทีสุดท้าย แถมอีกเรื่องสินค้าที่หายในร้านทั้งที่ไม่ใช่ฝีมือเราก็โดยหักไปเยอะมากจนเรารู้สึกไม่พอใจ เงินเดือนหมื่นเดียวเหลือแค่ห้าพันได้สามเดือนคงเป็นอะไรที่รู้สึกแย่ บางทียังคิดการที่เขาหาว่าสินค้าหายทั้งๆที่รับเข้าในระบบไม่ครบแต่สินค้ามันก็ยังวางอยู่บนชั้นมันเรียกว่าหายได้ไหม? หรือว่ามันเรียกว่ารับเข้าไม่ครบมากกว่า แต่ถึงอยางนั้นรับเข้าไม่ครบจากคู่ค้าที่เป็นคอนแทกพี่เขาหาวว่ามีความผิดอย่างมากเอาแล้ว พอจะออกงานเราก็หวังว่าเดือนสุดท้ายจะลองสู้ดูก่อนเอาค่าคอมก่อนก็มาโดนไล่ออกเพราะบอกใช้กิริยาไม่เหมาะสมต่อผู้บริหาร เพราะเราไปยื่นขอเปลี่ยนปลงกำหนดการออกก่อนกำหนดเนื่องจากเหตุผลส่วนตัว หากไม่ได้เราก็ไม่ได้ว่าอะไร เพียงแต่เราที่หยุดไปโดยไม่บอกกล่าวเพียงแค่ 2 วัน กลับโดนไล่ออกแบบนี้เพราะโดนหาว่าไปทำตัวแย่ๆ ทั้งๆที่เราขอโทษไปแล้วก็แอบคิดคำขอโทษสำหรับเขา มันคงไม่มีความหมายถ้าจะให้มีคงต้องไปถือมาลัยแล้วหมอบกราบแทนละมั่ง? สิ่งที่เขามองมีเพียงผลลัพธ์มักจะบอกว่าจะดูว่าใครทำงานได้ดีจากยอดขาย ไม่ว่าอะไรก็ยอดขายเอาแต่ผลลัพธ์แต่เป้าสูงเกินที่จะไปถึงขนาดพยายามแล้วยังไม่ใกล้เลยแม้แต่เดือนเดียว สุดท้ายพอเราโดนไล่ออกด้วยความมีมนุษย์ธรรมเราก็ไม่ไปทวงเงินจากเขาเลย เราคิดว่าอย่างน้อยก็เป็นเงินชดเชยที่เราออกก่อนกำหนดหรือจะเป็นเงินประกันให้เขาไป แต่เขากลับมาขู่เราทั้งจะแจ้งความ ทั้งแจ้งกรมแรงงาน รวมถึงตะโกนด่าทอในที่สาธารณะเอาจริงนะเห็นแล้วอยากจะต่อว่ากลับไป พวกคุณมีความเป้นมนุษย์บ้างไหม? ถึงจะเป็นนักธุรกิจความเป็นมนุษย์ต้องมาก่อนสิ โดยเหตุผลที่เขาจะฟ้องก็บอกว่าเราออกจากงานก่อนทำให้ร้านเสียหาย // เอาจริงถ้าบอกว่าเสียหายเพราะหาคนไม่ทันแล้วน้องใหม่ที่รับมาเมื่อเดือนก่อนได้ป้ายพนักงานแล้วทั้งทีเรายังไม่เคยได้หมายความว่าไง // ถ้าบอกว่าเราทำงานผิดพลาดร้ายแรงก่อให้เกิดความเสียหายอย่างมากแก่ร้าย เอาจริงๆต้นเรื่องมันก็อยู่ที่พวกคุณไม่มากำกับควบคุมสอนเด็กใหม่ทั้งที่คุณชำนาญงานด้านนี้มากกว่าแถมยังเป็นคนบอกเองว่ารุ่นพี่แต่ละคนพลาดมาหมดแต่คุณกลับไม่มาสอนน้องใหม่อย่างเรา แล้วลำเอียงสองมาตรฐานกี่ครั้งแล้วระหว่างเรากับน้องใหม่ที่เข้ามาที่หลังเราทำผิดคล้ายกันแต่เราโดนปรับฝั่งเดียว ใช่สิเราไม่โดนใจพวกคุณเราขายได้อย่างเดียวขายจนครองยอดขายที่หนึ่งในร้านมา 4 เดือนติด แต่น้องใหม่เขาแม่นเอกสารกว่าแม่นข้อมูลกว่าเราก็ยอมให้น้องใหม่ไป สุดท้ายตอนนี้ยังมีหน้ามาโทรขู่แถมตามให้เราไปเช็คของในร้านทั้งๆที่คุณไล่พนักงานออกแล้วคุณก็ควรรู้ว่าการลาออกกับไล่ออกมันต่างกัน ถ้าลาออกเรายังสามารถเข้าไปเช็คของได้เพราะช่วยเคลียร์ในส่วนของที่อาจจะหายได้หรือเกิดจากความผิดพลาดเพราะเรา แต่ไล่ออกคือคุณไม่ต้องการให้เรากลับไปที่ทำงานแล้วอาจจะเพราะด้วยข้อหาร้ายแรง(ใช้วาจากิริยาไม่เหมาะสมต่อผู้บริหารร้ายแรงเท่ากับฆ่าคนจริงๆ) แล้วเราจะหน้าด้านกลับไปได้ไงกุญแจ หรืออื่นๆก็คืนไปหมดแล้วไม่เหลือแล้ว จะให้แอบอ้างเข้าไปช่วยงานก็ผิดกฏหมายแล้วไหม? ใครมีความเห็นยังไงช่วยบอกหน่อยนะ ตรงนี้อยากระบายจริงๆ ทุกวันนี้ออกงานมาแล้วยังต้องมานั่งเครียดเพราะคำขู่ของร้านที่พยายามจะขู่ให้เรากลับไปเซ็นใบยอมรับสภาพหนี้เพราะความผิดพลาดของเราที่ไม่ทันเซลล์แล้วก็ไม่เข้าใจงานที่ได้ทำครั้งแรกจากนั้นทำให้เซลล์ที่เป็นคู่คอนแท็กเขาทำการคล้ายยักยอกไป บรษัทคู่ค้าก็รับทราบเรื่องแล้วแต่ไล่เซลล์ออกตั้งแต่เราทำงานได้สองเดือนแล้ว แต่พอบริษัทไม่ชดใช้คุณจะเอาส่วนต่างมาให้พนักงานยอมรับ ซึ่งพนักงานที่ต้องหาเช้ากินค่ำ ทำงานเก้าชั่วโมงต่อวันมันจะเอาเงินไหนไปใช้หนี้ ให้แดกเกลือกินทุกวันไม่ต้องมีแรงทำงานเลยไหม มันทุเรศว่ะ พอเจอปัญหานี้แล้วน้องใหม่ที่เจอปัญหาเดียวกันไม่โดนปรับแล้วมีหน้ามาบอกเดียวเดือนหน้าพี่จะลงมาคุมพร้อมสอน ขอโทษเถอะแล้วเดือนผมเป็นอะไรเป็นเดือนเสี่ยงตายส่งพนักงานหน้าใหม่ไปรับหนี้หรอ? ตลกดีนะทำแบบนี้ เหมือนโดนวางแผนมาแล้วว่าจะออกต้องเป็นหนี้ แล้วตลอดการทำงานขู่เก่งจังอ้างทุกคนตั้งแต่คนรู้จักยันนายทุนธุรกิจสี...เลย ตำรวจยังไม่เว้น เอาจริงจะขู่ขนาดนี้ก็ไม่ไหวจะใ้เป็นบ้าตายก่อนรึไงที่นี่
เคยเจอเรื่องบ้าๆตอนทำงานมามากแค่ไหน ที่อยากบอกให้ใครรับรู้
ผมจะมาเล่าประสบการณ์ทำงานให้ฟังเป็นประสบการณ์ที่ผมกล้าบอกว่าจริงๆแล้วผมไม่ควรเข้ามาทำงานที่นี่เลย
ผมเดิมทีเคยทำงานที่บริษัทแห่งหนึ่งอยู่ตำแหน่งที่เกี่ยวข้องกับเอกสาร แน่นอนว่าผมไม่ได้ชอบตำแหน่งนี้มากใจอยากจะไปเป็นเซลล์มากกว่าแต่ติดตรงที่ความสามารถไม่มากพอ ผมเลยตั้งใจออกงานจากที่นั้นแล้วไปหาสมัครที่อื่น พอผมได้ไปสมัครที่หนึ่งตอนที่เริ่มเข้ามาทดลองงานเจ็ดวันแรกมันก็ดูเหมือนจะไม่มีปัญหา ผมได้เป็นเซลล์ผมได้เริ่มงานในแบบที่อยากชอบ ได้ขายสินค้าด้วยรอยยิ้มได้พบกับลูกค้าใหม่ๆที่ชอบแบบเดียวกันแล้วพูดคุยกันตอนแนะนำสินค้า พอผ่านไปครึ่งเดือนอาการมันก็เริ่มมานายจ้างเริ่มหัวเสียกับยอดขายที่ตก และเริ่มมีปัญหากับการทำงานที่ไม่เรียบร้อยภายในร้าน แน่นอนว่าส่วนตัวผมก็มองเห็นจุดเดียวกันและคิดว่าการแก้ไขคือเรามีแต่ทีมเซลล์ไม่มีทีมเอกสาร แล้วเซลล์แต่ละคนก็ไม่ใช่พวกเจนงานเอกสารจัดด้วย พอผ่านไปเดือนหนึ่งรุ่นพี่ที่เขาจะออกในเดือนนี้ก็ให้ผมเริ่มทดลองงานต่างๆที่ไม่เคยลอง รวมถึงงานที่ต้องติดต่อกับเซลล์ที่เป็นคอแท็คของบิรษัทภายนอกแน่นอนว่าเราก็ทำไปพร้อมกับปรึกษารุ่นพี่ไปด้วย เดือนนั้นถึงมันจะยากลำบากแต่พวกเราก็ผ่านมาได้แบบฉิวเฉียด พอทำมาสองเดือนเริ่มมีน้องใหม่เข้ามาผมที่เป็นรุ่นพี่ต้องเริ่มสอนน้องใหม่บ้างแต่ผมเองก็ยังไม่ผ่านโปรสามเดือนเลย คงทำได้แค่สอนการขายกับระบบทั่วไป พอครบสามเดือนเขาไม่ได้แจ้งว่าผมผ่านไม่ผ่านแต่ยังให้ผมทำงานต่อ ผมเลยตัดสินใจไปแจ้งขอยุติการทำงานในอีกหนึ่งเดือนข้างหน้า ตอนนั้นเขาก็ดูเหมือนเสียดายเราแต่ใจจริงก็แค่กลัวว่าจะหาคนไม่ทัน ปลายเดือนนั้นเขาก็ได้คนที่เขาต้องการมาแล้วจริงๆเราออกเลยก็ได้แต่ด้วยใจนักสู้เราก็อยากสู้จนวินาทีสุดท้าย แถมอีกเรื่องสินค้าที่หายในร้านทั้งที่ไม่ใช่ฝีมือเราก็โดยหักไปเยอะมากจนเรารู้สึกไม่พอใจ เงินเดือนหมื่นเดียวเหลือแค่ห้าพันได้สามเดือนคงเป็นอะไรที่รู้สึกแย่ บางทียังคิดการที่เขาหาว่าสินค้าหายทั้งๆที่รับเข้าในระบบไม่ครบแต่สินค้ามันก็ยังวางอยู่บนชั้นมันเรียกว่าหายได้ไหม? หรือว่ามันเรียกว่ารับเข้าไม่ครบมากกว่า แต่ถึงอยางนั้นรับเข้าไม่ครบจากคู่ค้าที่เป็นคอนแทกพี่เขาหาวว่ามีความผิดอย่างมากเอาแล้ว พอจะออกงานเราก็หวังว่าเดือนสุดท้ายจะลองสู้ดูก่อนเอาค่าคอมก่อนก็มาโดนไล่ออกเพราะบอกใช้กิริยาไม่เหมาะสมต่อผู้บริหาร เพราะเราไปยื่นขอเปลี่ยนปลงกำหนดการออกก่อนกำหนดเนื่องจากเหตุผลส่วนตัว หากไม่ได้เราก็ไม่ได้ว่าอะไร เพียงแต่เราที่หยุดไปโดยไม่บอกกล่าวเพียงแค่ 2 วัน กลับโดนไล่ออกแบบนี้เพราะโดนหาว่าไปทำตัวแย่ๆ ทั้งๆที่เราขอโทษไปแล้วก็แอบคิดคำขอโทษสำหรับเขา มันคงไม่มีความหมายถ้าจะให้มีคงต้องไปถือมาลัยแล้วหมอบกราบแทนละมั่ง? สิ่งที่เขามองมีเพียงผลลัพธ์มักจะบอกว่าจะดูว่าใครทำงานได้ดีจากยอดขาย ไม่ว่าอะไรก็ยอดขายเอาแต่ผลลัพธ์แต่เป้าสูงเกินที่จะไปถึงขนาดพยายามแล้วยังไม่ใกล้เลยแม้แต่เดือนเดียว สุดท้ายพอเราโดนไล่ออกด้วยความมีมนุษย์ธรรมเราก็ไม่ไปทวงเงินจากเขาเลย เราคิดว่าอย่างน้อยก็เป็นเงินชดเชยที่เราออกก่อนกำหนดหรือจะเป็นเงินประกันให้เขาไป แต่เขากลับมาขู่เราทั้งจะแจ้งความ ทั้งแจ้งกรมแรงงาน รวมถึงตะโกนด่าทอในที่สาธารณะเอาจริงนะเห็นแล้วอยากจะต่อว่ากลับไป พวกคุณมีความเป้นมนุษย์บ้างไหม? ถึงจะเป็นนักธุรกิจความเป็นมนุษย์ต้องมาก่อนสิ โดยเหตุผลที่เขาจะฟ้องก็บอกว่าเราออกจากงานก่อนทำให้ร้านเสียหาย // เอาจริงถ้าบอกว่าเสียหายเพราะหาคนไม่ทันแล้วน้องใหม่ที่รับมาเมื่อเดือนก่อนได้ป้ายพนักงานแล้วทั้งทีเรายังไม่เคยได้หมายความว่าไง // ถ้าบอกว่าเราทำงานผิดพลาดร้ายแรงก่อให้เกิดความเสียหายอย่างมากแก่ร้าย เอาจริงๆต้นเรื่องมันก็อยู่ที่พวกคุณไม่มากำกับควบคุมสอนเด็กใหม่ทั้งที่คุณชำนาญงานด้านนี้มากกว่าแถมยังเป็นคนบอกเองว่ารุ่นพี่แต่ละคนพลาดมาหมดแต่คุณกลับไม่มาสอนน้องใหม่อย่างเรา แล้วลำเอียงสองมาตรฐานกี่ครั้งแล้วระหว่างเรากับน้องใหม่ที่เข้ามาที่หลังเราทำผิดคล้ายกันแต่เราโดนปรับฝั่งเดียว ใช่สิเราไม่โดนใจพวกคุณเราขายได้อย่างเดียวขายจนครองยอดขายที่หนึ่งในร้านมา 4 เดือนติด แต่น้องใหม่เขาแม่นเอกสารกว่าแม่นข้อมูลกว่าเราก็ยอมให้น้องใหม่ไป สุดท้ายตอนนี้ยังมีหน้ามาโทรขู่แถมตามให้เราไปเช็คของในร้านทั้งๆที่คุณไล่พนักงานออกแล้วคุณก็ควรรู้ว่าการลาออกกับไล่ออกมันต่างกัน ถ้าลาออกเรายังสามารถเข้าไปเช็คของได้เพราะช่วยเคลียร์ในส่วนของที่อาจจะหายได้หรือเกิดจากความผิดพลาดเพราะเรา แต่ไล่ออกคือคุณไม่ต้องการให้เรากลับไปที่ทำงานแล้วอาจจะเพราะด้วยข้อหาร้ายแรง(ใช้วาจากิริยาไม่เหมาะสมต่อผู้บริหารร้ายแรงเท่ากับฆ่าคนจริงๆ) แล้วเราจะหน้าด้านกลับไปได้ไงกุญแจ หรืออื่นๆก็คืนไปหมดแล้วไม่เหลือแล้ว จะให้แอบอ้างเข้าไปช่วยงานก็ผิดกฏหมายแล้วไหม? ใครมีความเห็นยังไงช่วยบอกหน่อยนะ ตรงนี้อยากระบายจริงๆ ทุกวันนี้ออกงานมาแล้วยังต้องมานั่งเครียดเพราะคำขู่ของร้านที่พยายามจะขู่ให้เรากลับไปเซ็นใบยอมรับสภาพหนี้เพราะความผิดพลาดของเราที่ไม่ทันเซลล์แล้วก็ไม่เข้าใจงานที่ได้ทำครั้งแรกจากนั้นทำให้เซลล์ที่เป็นคู่คอนแท็กเขาทำการคล้ายยักยอกไป บรษัทคู่ค้าก็รับทราบเรื่องแล้วแต่ไล่เซลล์ออกตั้งแต่เราทำงานได้สองเดือนแล้ว แต่พอบริษัทไม่ชดใช้คุณจะเอาส่วนต่างมาให้พนักงานยอมรับ ซึ่งพนักงานที่ต้องหาเช้ากินค่ำ ทำงานเก้าชั่วโมงต่อวันมันจะเอาเงินไหนไปใช้หนี้ ให้แดกเกลือกินทุกวันไม่ต้องมีแรงทำงานเลยไหม มันทุเรศว่ะ พอเจอปัญหานี้แล้วน้องใหม่ที่เจอปัญหาเดียวกันไม่โดนปรับแล้วมีหน้ามาบอกเดียวเดือนหน้าพี่จะลงมาคุมพร้อมสอน ขอโทษเถอะแล้วเดือนผมเป็นอะไรเป็นเดือนเสี่ยงตายส่งพนักงานหน้าใหม่ไปรับหนี้หรอ? ตลกดีนะทำแบบนี้ เหมือนโดนวางแผนมาแล้วว่าจะออกต้องเป็นหนี้ แล้วตลอดการทำงานขู่เก่งจังอ้างทุกคนตั้งแต่คนรู้จักยันนายทุนธุรกิจสี...เลย ตำรวจยังไม่เว้น เอาจริงจะขู่ขนาดนี้ก็ไม่ไหวจะใ้เป็นบ้าตายก่อนรึไงที่นี่