แชร์ประสบการณ์ไปเที่ยวต่างประเทศ ระหว่างเรียนมหาลัยที่ TNI แบบไม่มีค่าใช้จ่าย!!

ามชื่อกระทู้เลยวันนี้เราจะมาแชร์ประสบการณ์การไปเที่ยวต่างประเทศ ระหว่างเรียนมหาลัยแบบไม่มีค่าใช้จ่าย!! ประเทศที่เราไป คือ สิงคโปร์กับมาเลเซีย เป็นเวลา 5 วัน 4 คืน ก่อนอื่นเราขอแนะนำตัวก่อนนะ เราชื่อจีน่า เพิ่งขึ้น ปี 4 ตอนนี้เราเรียนที่สถาบันเทคโนโลยีไทย-ญี่ปุ่น หรือ TNI สาขาการจัดการธุรกิจระหว่างประเทศ อีก 3 เดือนเราก็จะจบแล้ว สาขาเราสามารถจบภายได้ 3 ปีครึ่งได้ ก็เลยจบเร็วกว่าปกติ จริงๆแล้วเราเคยเขียนกระทู้รีวิวสาขาการจัดการธุรกิจระหว่างประเทศไว้ตอนเราอยู่ปี 1 ไว้ด้วย จะแปะไว้ด้านล่าง เผื่อใครอยากตามไปอ่านกัน
แต่วันนี้ ทุกคนไม่ได้เข้ามาอ่านกระทู้เราตอนปี 1 งั้นเราเรามาเริ่มรีวิวแชร์ประสบการณ์การไปเที่ยวมาเลเซีย-สิงคโปร์ ในช่วงปี 3 ของเรากัน
เราจะยกมาแต่ Highlight ที่เราประทับใจ เรียงตามลำดับความพีคและความประทับใจของเรานะ เลสโก~
 
China Town ในกรุงกัวลาลัมเปอร์ 
เราชอบบรรยากาศที่นั่นตอนกลางคืนมันดูคึกคักดี เราไปเดินเล่นกับเพื่อนที่ตลาดตอนค่ำหลังจากเข้าที่พัก
ถังหูลู่ที่นั้นคือเหนียวมาก แล้วก็ปลาหมึกทอดเสียบไม้ ไม่แน่ใจว่าเป็นของมาเลไหม แต่เค็มมากเหมือนกินก้อนเกลือ
รีวิวขนาดนี้ไม่ใช่อาหารที่มาเลไม่อร่อยนะทุกคน ร้านอาหารหลายร้านก็อร่อยใช่ได้เลย แต่เราว่าสตรีทฟู๊ดที่ไทยอร่อยกว่า
สะพานคนเดิน (Pintasan Saloma Bridge)
ตรงนี้วิวสวยมาก เดินชมวิวเมืองแบบชิลๆ ได้ฟิลเหมือนอยู่เกาหลี ถ่ายรูปสวยทุกรูปเพราะแสงสวย 

 
ที่สุดท้ายในมาเลเซียที่ชอบที่สุดเลย ก็คือ ตึก Petronas towers 
จุด Check in ที่มาเลเซีย ไปตอนกลางคืนสวยมาก ถ่ายจากสวนด้านข้าง ได้ฟิลอยู่ต่างประเทศ

  
ที่ต่อไปเราได้มาตามรอยการ์ตูนตอนเด็กที่ชอบมาก ก็คือโคนัน ที่ Marina Bay ฟินสุด แต่ตอนกลางวันอากาศร้อนมาก

 Garden by the bay
กลิ่นอากาศในโดมแก้วสดชื่นมาก ตอนที่เดินเข้าไปคือลมไอเย็นๆตีหน้า จากที่เดินขาลากมาถึง Garden by the bay 
หายเหนื่อยเลย ครั้งนี้พวกเราโชคดีมากได้ไปช่วงที่มีการจัดธีม Avatar2 พอดี ตอนนั้นเพิ่งดูหนังจบไป 
ก็เลยอินกับการเดินเที่ยวในนั้นมาก อลังการมาก น้องมังกรขยับได้เหมือนของจริงสุดๆ
   
Universal Studios
เราขอยกมาไว้เป็นอันดับเกือบสุดท้าย ด้วยความที่เราก็เป็นเด็กไทยคนหนึ่งที่เคยเที่ยวแต่สวนสนุกดรีมเวิร์ลกับสวนสยาม
ไม่เคยไปเที่ยวต่างประเทศ ก็คิดว่ามันสนุกแล้ว แต่พอเราได้มาเล่นที่สิงคโปร์คือ มันสุดกว่ามาก เราชอบรถไฟเหาะ Transformer เป็นแบบ 3 มิติ
แล้วเครื่องเล่นอะไรก็ตามที่เป็น Roller coaster คือหวาดเสียวมากทุกเครื่อง ขาหลุด!
   .
เราไม่เคยคิดว่าจะได้ไปเที่ยวกับเพื่อนระหว่างที่เรียนมหาลัยได้ ที่สำคัญมันเป็นทริปที่พวกเราจัดขึ้นกันเอง แพลนเองเที่ยวเอง ทริปไปเที่ยวมาเลเซีย-สิงคโปร์ครั้งนี้ทำให้เราได้ไปต่างประเทศครั้งแรก ได้ทำหลายๆอย่างด้วยตัวเอง แล้วระบบการเดินทางที่สิงคโปร์ก็คือสะดวกมาก สามารถนั่งรถเมย์ไปได้ครอบคลุมทั้งเมือง ได้ลองเดินทางด้วยตัวเอง ได้เจอคนที่เขามาจากต่างวัฒนธรรมกับเรา มันก็สนุกดี เหมือนได้เปิดมุมมองใหม่ๆ ได้ลองทำอะไรใหม่ๆ กับเพื่อนๆ ที่สำคัญได้ใช้ภาษาเยอะมาก รู้สึกเป็นการลงทุนที่คุ้มค่ามากกับการที่ได้มาเรียนสาขา IB ช่วยเราได้เยอะเลย เรื่องการสื่อสาร ทริปครั้งนี้ยังสร้างความทรงจำและประสบการณ์ที่ดีมากให้กับเรา การไปเที่ยวครั้งนี้เราไม่ได้ขอเงินจากที่บ้านเลย มันเป็นเงินเก็บที่เราได้จากการทำงานกับเพื่อน
ที่มีเป้าหมายและความเชื่อเหมือนกันคือ  “การเก็บเกี่ยวประสบการณ์การใช้ชีวิตและการทำงานระหว่างเรียน”
.
มาถึงตรงนี้หลายๆ คนอาจจะสงสัยว่าเราทำงานอะไรระหว่างเรียน ทำไมถึงได้ไปเที่ยวต่างประเทศ
ตอนปี 2 เราได้มีโอกาสได้เข้ามาทำงานในสโมสรนักศึกษาหรือว่าสภานิสิตนักศึกษาสถาบันเทคโนโลยีไทย-ญี่ปุ่น ตำแหน่งที่เราได้รับในตอนนั้นคือการเงิน แต่ในการปฎิบัติงานจริงตำแหน่งก็แค่ตำแหน่งจริงๆ เพราะเราต้อง Organize งานทั้งหมด ลงมือทำตั้งแต่การวางแผนงานหลังบ้านไปจนถึงหน้างาน แก้ไขปัญหาเฉพาะหน้า เหมือนเราได้ฝึกการเป็น Project Manager ไปด้วย เราได้เรียนรู้ ‘การทำงานเป็นทีม’ ฝึกการบริหารจัดการ ตั้งแต่ Stuff ไปจนถึงการบริหารทรัพยากรต่างๆ ที่ต้องใช้ในแต่ละโครงการ รายได้ของพวกเราก็จะได้จากการจัดกิจกรรมต่างๆ การส่งโครงการการเข้าประกวด โดยมีอาจารย์ที่ปรึกษาค่อยให้คำแนะนำ อาจารย์บอกเราเสมอว่า “ถ้าลงมือทำอะไรแล้ว ให้ทำให้เต็มที่จนมันสำเร็จ ถ้าไม่เต็มที่ก็อย่าทำ มันเสียเวลา”
ไม่ใช่แค่จำนวนเงิน แต่เป็นเรื่องของประสบการณ์และโอกาส ทำให้ทุกคนได้ลองทำสิ่งใหม่ๆเสมอ กล้าที่จะออกความเห็น หรือแม้แต่ 
‘การทำธุรกิจเพื่อหารายได้ โดยที่ทั้งหมดนี้เราไม่ได้ทำอยู่คนเดียวนะ เรามีเพื่อนๆ พี่ๆ น้องๆ ในสภาค่อยช่วยซับพอร์ตกัน เป็นเหมือนครอบครัว 
“เพราะเรามีความคิดและเป้าหมายที่เหมือนกัน” คือ ‘การไปต่างประเทศเพื่อหาประสบการณ์’
.
นี้คือสิ่งที่เราได้จากทำงานเป็นสภานิสิตที่ TNI ที่นอกจากประสบการณ์ในการทำงานและการไปต่างประเทศ 
ก็คือคอนเนคชันแลมิตรภาพที่แน่นแฟ้น

งานของสโมสรหรือสภานิสิตมีอะไรบ้าง
 หน้าที่ของสโมสรนักศึกษาก็คือการส่งเสริมให้นักศึกษามีส่วนร่วมกับกิจกรรมของมหาวิทยาลัย
เพื่อให้ทุกคนเห็นภาพเราจพบอยกตัวอย่างโครงการที่เรารู้สึกประทับใจ

โครงการแรกก็คือ โครงการ TNI ร่วมใจต้านภัยหนาว
โครงการนี้สโมสรนักศึกษาได้ไปบริจาคผ้าห่มและอุปกรณ์การเรียนที่ จ.เชียงใหม่ เหตุผลที่เราประทับใจโครงการนี้ เพราะมันเป็นโครงการที่ทำให้เรารู้สึกอบอุ่นใจมาก ไม่ใช่เพราะผ้าห่มที่พวกเรานำไปบริจาค แต่เพราะรอยยิ้มของเด็กๆและชาวบ้านที่ อ.สะเมิง ที่มอบให้พวกเราและการต้อนรับอย่างอบอุ่น คืนก่อนที่พวกเราจะกลับ พวกเด็กๆและแม่ๆ ก็จัดเตรียมการแสดงรำรอบกองไฟ เพื่อเป็นการขอบคุณและการส่งพวกเรากลับ ทุกคนตั้งใจจัดการแสดงมาก
คืนนั้นทำให้เรารู้สึกว่า “ตัวเรามีคุณค่ามากขึ้น จากการที่เราได้ช่วยเหลือผู้อื่น” โครงการนี้มันก็เปลี่ยนมุมมองการทำอาสาของเราไปเลย
  
 โครงการการวันเด็ก ปี 2566 ที่โรงเรียนบ้านชะวากยาวและโรงเรียนวัดโบสถ์การ้อง จ.นครนายก
อีกโครงการที่เราชอบก็คือ ‘โครงการจัดทริปพาคนญี่ปุ่นไปเที่ยวอยุธยา’ 
เราวางแพลนเยอะมาก เพราะงบประมาณและเวลามีจำกัด แต่เราต้องทำให้เขาประใจให้ได้ โครงการนี้เราได้ใช้ทั้งสกิลภาษาอังกฤษและญี่ปุ่น
แล้วคนญี่ปุ่นก็น่ารักมาก ไม่ใช่แค่เขาประทับใจเรา เราเองก็รู้สึกประทับใจคนญี่ปุ่น 
นอกจากพาคนญี่ปุ่นไปเที่ยว ก็มีโครงการพานักศึกษาต่างชาติไปเที่ยวเรียนรู้วัฒนธรรมในต่างจังหวัดด้วย 
ที่มหาลัยเราค่อนข้างให้ความสำคัญด้านวัฒนธรรมและภาษา เพราะสถาบันเทคโนโลยีไทย-ญี่ปุ่นเป็นมหาวิทยาลัยที่มีหลักสูตรการเรียนภาษาญี่ปุ่น
ทุกสาขา จึงทำให้ที่นี่มีคอนเนคชั่นกับมหาวิทยาลัยญี่ปุ่นและบริษัทญี่ปุ่น เป็น Benefit ให้กับนักศึกษา TNI มีโอกาสได้ไปเรียนที่ญี่ปุ่น รวมถึงทุนสนับสนุนต่างๆในการไปเรียนต่อ ที่ TNI มีทุนการศึกษาเยอะมาก ทั้งโอกาสในการไปเรียนที่ญี่ปุ่นและการไปทำงานที่ประเทศญี่ปุ่นอีกด้วย
ส่วนตัวคิดว่าเราได้เปรียบในด้านการทำงานตรงที่เราเรียนสาขาการจัดการธุรกิจระหว่างประเทศ นอกจากเรื่องภาษาอังกฤษแล้ว หลักสูตรการทำธุรกิจจำลองหรือ Project House ที่สาขาให้โอกาสนักศึกษาได้ลงทำธุรกิจจริงระหว่างเรียน ทำการตลาดเอง แบบขายจริง ได้กำไรจริง แล้วก็ขาดทุนจริง! อธิบายให้เห็นภาพก็คือ จะมีการแบ่งเป็นบ้านเหมือนในแฮร์รี่พอตเตอร์ แต่ละบ้านก็จะมีธุรกิจที่แตกต่างกัน โดยที่การทำธุรกิจตรงนี้ เราไม่ได้มาเริ่มจากศูนย์นะ แต่เป็น Project ที่นักศึกษาตั้งแต่ปี 1-4 มาทำธุรกิจด้วยกัน 

พอเรามาทำงานในสภานิสิต ประสบการณ์และสกิลที่เราได้ติดตัวมาจาก IB ทำให้เวลาเราlสามารถทำงานร่วมกับคนอื่นได้ แถมเรายังสกิลในด้านอื่นๆ เช่น การตัดต่อ การออกแบบ การสร้างคอนเทนท์ ในยุคนี้เราต้องทำได้หลายๆ ต้องเก่งหลายด้าน ปรับตัวอยู่ตลอดเวลาเพื่อแข่งขันกับ AI เราเลยมองว่าสาขา IB ตอบโจทย์กับการเรียนในยุคนี้มาก เพราะที่ IB มีสโลแกนว่า “เรียนในสิ่งที่ Google ไม่ได้สอน ทำในสิ่งที่ AI ตามไม่ทัน” จาก 3 ปีที่เราเรียน IB มาเราเหมือนได้มาเหลาสกิลตัวเองในทุกด้าน ทั้ง Soft skill และ Hard skill นอกจากการทำกิจกรรมของสาขาแล้ว อาจารย์ทุกคนของสาขาคือเข้าถึงง่ายมาก มีคำถามหรือมีปัญหาอะไรสามารถไปปรึกษาได้เลย ทำให้เราได้แนวทางไปต่อยอดเสมอ “นักศึกษาที่จบไปมีงานทำ 100%” ไม่เกินจริงเลย
สถาบันเทคโนโลยีไทย-ญี่ปุ่น เป็นมหาลัยที่มอบโอกาสให้เราหลายอย่าง นอกจากทุนการศึกษาแล้ว ยังให้พื้นที่เราในการทดลองทำสิ่งต่างๆ
เราได้พัฒนาตัวเองทั้งด้านภาษาและประสบการณ์ในการทำงานช่วงมหาลัย
.
 “ลองมองหาคนที่มีความเชื่อคล้ายๆกัน แล้วคนหรือสถานที่เหล่านั้นจะพาเราไปหาโอกาสที่ดีและให้โอกาสกับเราได้พัฒนาตัวเอง”
แก้ไขข้อความเมื่อ

แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่