แม่เห็นแก่ตัว ให้เราตามใช้หนี้มาครึ่งชีวิตแล้ว ถ้าเราปล่อยให้บ้านโดนยึดเราจะผิดมั้ย

เมื่อหลายปีก่อน แม่ทำธุรกิจขาดทุน  แอบเอาที่ดินไปจำนอง 3-4 หมื่น ซึ่งเป็นคนละแปลงกับบ้านที่อยู่ เกือบโดนยึด เราก็ไปถ่ายจำนองมาให้ โฉนดมาเก็บไว้เอง กลัวแม่เอาไปจำนองอีก (ที่ดินเป็นชื่อแม่)

ถัดมาอีก 2 ปี แม่แอบเอาบ้านและที่ดิน ซึ่งเป็นที่อยู่ปัจจุบันไปจำนองอีก คราวนี้เกือบล้าน เรามารู้ตัวอีกที ตอนบ้านกำลังจะโดนยึด เราโกรธแม่มาก แต่ต้องจำใจทำงาน เก็บเงิน อดๆอยากๆอยู่ 2 ปีเต็ม ไม่ได้ไปเที่ยว ไม่ได้ซื้อของฟุ่มเฟือยใดๆ เพราะอยากปลดหนี้ไวๆ กลัวแม่ไม่มีที่อยู่ พอถ่ายจำนองมาได้ เราก็ไม่ได้เรียกร้องให้แม่โอนที่ดินให้เรา ขอแค่อย่าทำอีกก็พอ

แล้วก็มีเคสใหม่อีก ลูกของพี่ ซึ่งเป็นหลานหัวโปรดของแม่  เป็นหนี้บัตรเครดิต และรถกำลังจะโดนไฟแนนซ์ยึด แม่โทรมาร้องห่มร้องไห้ จะเป็นจะตาย ขอร้องให้เราช่วยหลานหน่อย เราก็ช่วยไปรวมๆเกือบแสน ไม่มีใครใช้คืนเราสักบาท

ล่าสุดสดๆร้อนๆ ได้รับเอกสารจากธนาคาร ว่าบ้านที่อยู่ปัจจุบันกำลังจะโดนยึด เนื่องจากแม่เอาที่ดินไปจำนอง เพื่อเอาเงินมาใช้หนี้ให้หลานคนเดิม ธนาคารขอให้ชำระหนี้ แต่แม่เราไม่มีเงิน เจ้าหน้าที่แนะนำให้ปรับโครงสร้างหนี้ โดยเปลี่ยนคู่สัญญาเงินกู้ใหม่ แต่ต้องให้ลูกซึ่งอายุต่ำกว่า 60 ปีมาแทน จึงจะสามารถแก้ไขเป็นเงินกู้แบบผ่อนชำระระยะยาวได้ รวมต้นและดอกเบี้ยเกิน 500,000 

เราบอกแม่ไปค่ะ ว่าเราจะไม่ใช้หนี้ให้แล้ว เราไม่มีเงิน เราเคยช่วยมาเยอะแล้ว  ที่ผ่านมาไปสร้างหนี้กันไว้ ทำไมเราต้องคอยตามเช็ดตามล้างให้ตลอด เราต้องสร้างอนาคต เราเหนื่อยมาเยอะแล้ว และเราเบื่อการเอาแต่ใจและเห็นแก่ตัวของแม่มาก

เราบอกแม่ไปว่า ปล่อยให้บ้านโดนยึดไปนั่นแหละ ไม่มีบ้านอยู่ แล้วจะไปเช่าบ้านหลังเล็กๆให้อยู่ ค่าใช้จ่ายรายเดือนจ่ายให้เหมือนเดิม 

แล้วเราก็ไม่รับสายแม่อีกเลย บอกไปว่าถ้าไม่มีใครเจ็บป่วยล้มตาย ก็ไม่ต้องโทรหาเรา เราพูดแบบนี้ ดูแย่เกินไปมั้ยคะ
เม่าเหม่อ
สุดยอดความคิดเห็น
ความคิดเห็นที่ 3
แนะนำว่าอย่าเพิ่งใช้อารมณ์ ให้ลองสอบถามข้อมูลกะแบงค์ดูก่อน

เพราะการเปลี่ยนคู่สัญญาจำนองใหม่
ปกติแบงค์จะต้องให้แม่โอนที่ดินพร้อมบ้าน ที่ติดจำนองนั้นให้ จขกท ก่อน
แล้วถึงจะเปลี่ยนคู่สัญญาได้
ลองสอบถามแบงค์ดู ถ้าเป็นตามนี้ และ จขกท มีกำลังจ่ายหนี้ได้ แนะนำให้ จขกท ทำ
เพราะถ้าโฉนดที่ดินเป็นชื่อ จขกท แล้ว แม่ก็จะเอาไปจำนองอีกไม่ได้

แต่ถ้าแบงค์เปลี่ยนสัญญาโดยเพิ่มชื่อ จขกท เข้าไปในสัญญาเป็นผู้กู้ร่วมอีก 1 คน
โดยมีชื่อในโฉนดร่วมกะแม่ (แม่โอนที่ดินให้ครึ่งเดียว)
หรือ ไม่ได้มีชื่อเป็นเจ้าของโฉนดที่ดินเลย (รับหนี้สินอย่างเดียว)
แบบนี้ ไม่สมควรทำ
ควรปล่อยให้แบงค์ยึด
แล้วไปเจรจาขอซื้อต่อ หรือไปประมูลภายหลังให้เป็นชื่อ จขกท เอง

แต่ถ้า จขกท มีบ้านเป็นของตัวเองอยู่แล้ว
และไม่เดือดร้อนหากปล่อยให้แบงค์ยึด ก็ปล่อยให้แบงค์ยึดไป
เพราะหากอนาคตแม่ไม่มีที่อยู่ ก็ยังมาอยู่กะ จขกท ได้

เพี้ยนหืม
ความคิดเห็นที่ 2
คนเราจะมีค่าก็ต่อเมื่อทำประโยชน์ ช่วยเหลือคนอื่นได้ ยิ่งเป็นแม่ ยิ่งจำเป็นต้องช่วย แต่เนื่องจากแม่สร้างปัญหามาหลายครั้ง ปกติถ้าเป็นผมก็จะยอมให้มีได้ไม่เกิน 3 ครั้ง พอถึงตะติยัมปิ ก็ถือว่าพอ แก้ไขไม่ได้แล้ว จขกท.ลองนับดูแล้วกันว่าครบหรือยัง

ผมสงสัยว่าธนาคารยอมให้กู้ได้ยังไงซ้ำๆ ทั้งที่ผู้กู้มีประวัติขาดการชำระจนเกือบถูกยึดหลายครั้ง มองได้อย่างเดียวคือหลักทรัพย์ค้ำประกันมีมูลค่ามากกว่าหนี้มาก และธนาคารมีเจตนาจะยึดทรัพย์มากกว่า นี่มันเล่ห์เหลี่ยมเจ้าหนี้สมัยนี้

ถ้าเรามีกำลังพอจะช่วยได้ ก็ควรจะช่วย แต่ครั้งนี้ต้องบอกแม่ว่าแม่โดนยึดบ้านแล้ว แล้วแม่ก็กู้ไม่ได้แล้ว เราจะช่วย แต่ให้เรากู้เอง แม่ต้องโอนบ้านมาให้เราเพื่อเป็นหลักประกัน เราก็เป็นหนี้แทน และเป็นเจ้าของที่ แม่ก็อยู่บ้านได้ต่อไป แล้วก็เอาไปกู้ที่ไหนไม่ได้แล้ว

การทดแทนบุญคุณพ่อแม่เป็นสิ่งประเสริฐ ขอเป็นกำลังใจให้เจ้าของกระทู้ครับ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่