ยาวหน่อยนะคะแต่เราต้องเล่าความเดิมก่อน ครอบครัวเราเป็นครอบครัวใหญ่ย่าเรามีลูกหลายคน ซึ่งคนที่มีปัญหากับเราคือลูกพี่ลูกน้องเราเอง ขอเรียกแทนว่าน้องน.นะคะ(คนที่เรามีปัญหาด้วย) เขามีน้องสาวอีกนึงคนชื่อน้องว.
ต้องย้อนความไปก่อนสมัยที่ครอบครัวพี่น้องพ่อเรายังดีๆกันอยู่(ซึ่งตอนนี้ผิดใจกันแบ่งฝ่ายกันเป็นกลุ่มๆ)แต่พ่อเราไม่ได้อยู่กลุ่มไหนนะคะไม่ได้มีปัญหากับใคร เราอาศัยอยู่กับอาม่าและอาขอใช้ชื่อย่อว่าอา ก. อาคนที่ปัจจุบันเราอยู่ด้วยเพราะพ่อเราทำงานอยู่ตจว.มาโดยตลอด
กับลูกพี่ลูกน้องคนนี้ในสมัยเด็กเราก็สนิทกันนะคะเพราะได้เจอกันงานรวมญาติต่างๆ ต่อมาช่วงชีวิตวัยรุ่น เราออกมาเรียนและอยู่หอ เราได้ข่าวว่าที่บ้านมีปัญหากัน ตอนนั้นจำไม่ได้ว่าเรารู้ได้ยังไงเเต่เราได้ทักไปถามน้องน.เขาก็เเค่เล่ามุมเขาเรื่องที่พ่อเขากับอา ก.มีปัญหากัน ซึ่งเรามารู้ลายละเอียดทีหลังเมื่อเรากลับมาอยู่บ้านอา ก.อีกรอบ
เรื่องคืออา ก.สมัยวัยรุ่นทำงานเเละซื้อบ้านเป็นของตัวเอง2หลัง โดยหลังที่เราอยู่กับอาม่าคือ1หลัง ส่วนอีกหลังอา ก.ได้ซื้อทิ้งไว้ ต่อมาพ่อของน้องน.(อาเราอีกคน)มีแฟนเเละแฟนกำลังท้องน้องน.อยู่ ด้วยความที่อา ก.เห็นว่าน้องชายพักอยู่หอพักที่แคบมาก อีกทั้งกำลังจะมีลูก อาเลยชวนให้ไปอยู่ที่บ้านหลังที่2 เพราะอาเราซื้อไว้เผื่อนอนตอนกลับจากทำงานซึ่งหลังๆอาเราจะคุ้นชินที่จะกลับมานอนบ้านย่ามากกว่า จึงปล่อยให้ครอบครัวน้องน.อยู่กันไปโดยไม่ได้เก็บค่าเช่าใดๆจนน้องน.และน้องว.โตเเละเรียนจบมหาลัย โดยอาเราเห็นว่าน้องชายมีเงินเดือนไม่มาก ไหนจะค่าเลี้ยงดูลูกเมียอีกอาเราจึงเต็มใจจะให้น้องชายอยู่บ้านหลังนั้นไปก่อน ต่อมาอา ก.ได้แต่งงาน และผ่อนบ้านหมดทั้ง2หลัง จึงได้คุยกับภรรยาว่าควรจะขอค่าเช่าจากพ่อน้องน. ซึ่งค่าเช่าอา ก.ขอเก็บเเค่เดือนล่ะ1พันบาท เพื่อที่จะให้รู้ว่าเป็นบ้านของเขาน่ะผ่อนมาด้วยน้ำพักน้ำแรงของเขาคนเดียว อีกทั้งลูกสาวทั้งสองเรียนจบเเล้วน่าจะไม่มีปัญหาตึงเครียดทางการเงิน แต่ผลที่ได้คือพ่อน้องน.ไม่ยอมจ่าย และเมียของพ่อน้องน.โมโหอาเราหาว่าไปทวงบ้าน โดยให้ลูกสาวโพสต์ลงเฟสบุ๊คเพื่อด่ากระแทก โพสต์แขวะใช้ถ้อยคำหยาบคายด่าภรรยาของอา หาว่าภรรยาอา ก.ยุยงให้มาเรียกร้องค่าเช่า เมื่อน้องน.และน้องว.มาบ้านย่าจึงมีปากเสียงกับภรรยาของอา ก.เรื่องนี้จึงเป็นชนวนให้บ้านอา ก.ไม่ถูกกับบ้านพ่อน้องน. ซึ่งเป็นพี่น้องกันแท้ๆ ครอบครัวน้องน.โมโหจึงย้ายออกจากบ้านหลังนั้น เเละไปซื้อบ้านหลังใหม่โดยวีรกรรมที่ทำไว้ก่อนออกจากบ้านคือดึงกระชากฝ้าเพดานลงมาให้บ้านดูเสียหาย ทิ้งข้าวของขยะไว้ในบ้านมากมาย จนอาเราไปดูบ้านตอนรับบ้านคืนแล้วโมโหมาก หลังจากนั้นบ้านน้องน.จึงห่างจากบ้านอา ก.ไปหลายปี และเพิ่งได้กลับเข้ามาเยี่ยมย่าเราตอนท่านป่วยหนัก
ในระหว่างที่ที่บ้านเราเกิดเหตุกัน เราเรียนจบมีครอบครัวมีลูก1คนต่อมาได้เลิกกับสามีเราจึงย้ายกลับมาอยู่ที่บ้านย่า โดยเรากลับมาทำงานกับอา ก. เเละเลี้ยงลูกไปด้วย ต่อมาย่าเราเสีย ตรงนี้จึงเป็นเหตุให้ทั้งสองครอบครัวห่างหายกันอย่างถาวร แต่กับน้องน.ก็ยังไถ่ถามสารทุกข์สุขดิบทางไลน์กันบ้าง มีแวะเอาขนมมาให้ลูกชายเราและนั่งคุยกับเราที่บ้านบ้าง
เข้าประเด็นหลักเเล้วนะคะ เรื่องของเรื่องคือเราเริ่มรู้สึกกับน้องน้องน.แปลกๆมาสักพักใหญ่ๆว่าหลังจากเค้าแต่งงานเเละมีครอบครัวว่าเค้าดูจะเยอะไปนิดนึง ยกตัวอย่างเรื่องฉีดวัคซีนโควิดขณะที่เราฉีดของรัฐที่มีมาให้ เเต่น.ไลน์คุยกับเราว่าเเน่ใจเหรอว่าปลอดภัย นางจะต้องฉีดยี่ห้อที่ดี ใช้คำพูดว่าจะฉีดอะไรหาข้อมูลให้ดีก่อนน่ะ (ทั้งที่เราฉีดไปแล้วเนี้ยน่ะ จะมาพูดให้ตรูกังวลทำไมว่ะ)เราก็ไม่ได้เถียงไปนะคะเเค่รู้สึกแปลกๆนิดนึง ในระหว่างนั้นเราซึ่งอยู่บ้านหลังเดียวกับอา ก. เราเลยเล่าให้ภรรยาอาฟังเพราะเราอยู่บ้านเดียวกันสนิทกันทำให้การนินทามันมีอรรถรส555เพราะภรรยาอาไม่ชอบบ้านน้องน.เป็นทุนเดิมอยู่เเล้ว อันนี้เรานิสัยไม่ดีเรายอมรับ เรื่องต่อมาคือน้องน.ท้องนางจึงไปประกาศในกลุ่มไลน์ครอบครัวซึ่งมีเราอยู่ ขณะนั้นนางน่าจะรู้เพศเด็กแล้วเเหละ เราจึงสอบถามไปว่าได้เพศไหนเพื่อที่เราจะเตรียมของขวัญได้ถูก แต่นางดันส่งตุ๊กตาหมีสีเขียวมาให้เราดูแทนแล้วให้เราทายนางบอกว่าเดี๋ยวจะส่งไปในไลน์กลุ่มเเล้วรอให้ญาติคนอื่นถามก่อนถึงจะบอกว่าเพศไหน สรุปในกลุ่มไม่มีใครถามเลยสักคน อาจจะเพราะคนแก่ไม่ได้อ่านหรือเล่นไลน์ไม่ค่อยเป็นหรือเปล่าอันนี้เราไม่แน่ใจ สรุปผ่านไปสักพักน้องน.จึงมาเฉลยผ่านfb อันนี้อ่ะเราน้อยใจนะว่าไม่เห็นเราเป็นพี่สาวเหรอถึงไม่บอก หรืออีกประเด็นนึงคือทำไมต้องทำตัวเป็นเซเล็บที่ต้องมีการโพสต์เฉลยเพศทางfb
เราเริ่มรู้สึกหมั่นไส้น้องเพิ่มขึ้นมาในหลายเรื่อง อีกทั้งเรื่องที่โพสต์fb อัพเดตชีวิตต่างๆนานา โพสต์อวยสามี เราเข้าใจนะคะว่ามันอวดได้ แต่ถ้าเป็นเราจะไม่สาธยาย แต่น.จะใช้แคปชั่นแบบสาธยายซึ่งเราอธิบายให้เห็นภาพไม่ได้เเต่แค่เรารู้สึกว่ามันดูเยอะไปนิดนึง ยิ่งพักหลังน.ท้องยังไม่คลอดนะคะ โพสต์หนัก กว่าเดิม คือกินไรต้องโพสต์ตลอด อันนี้เราพยายามคิดว่าคงตื่นเต้นในการมีน้อง บางทีเราคิดว่าน้องน.ต้องการโพสต์อัพเดตชีวิตให้เราไปเล่าให้อาก.กับภรรยาฟังว่าชีวิตเขาไปได้ดีสุขสบายดีหรือเปล่า
ประเด็นคือเมื่อไม่นานมานี้ เราเห็นน้องน.โพสต์ขายของหน้าfbของตนเอง ของมูลค่าแพงซึ่งเรารู้สึกว่าน้องควรไปโพสต์ในกลุ่มมากกว่า มาโพสต์แบบนี้เหมือนอวด ซึ่งปกติเราจะนินทากันโดยตรง แต่วันนั้นอาบน้ำเข้าห้องนอน อะไรดลใจไม่รู้ให้แคปรูปและจะส่งไปนินทากับแฟนอา แต่เจ้ากรรมเราดันส่งไปให้น้องน.แทน ชิบหา…แล้วแหละ แล้วน.ดันอ่านไวมากนาทีนั้นเราลบไม่ทันเเละ ตั้งสติได้พิมพ์ไปหน้าชาไป เราได้เเต่พิมพ์ว่าขอโทษ และขอโทษ โดยไม่ได้อ้างอะไรทั้งนั้น แต่น.พิมพ์กลับมาว่าไม่เป็นไร ไม่ถือ เหมือนจะใช้คำพูดกวนเรากลับมาเบาๆ เเต่เราก็ได้เเต่ขอโทษน่ะ เพราะรู้สึกผิดจริงๆที่เราทำแบบนี้เเละย้อนกลับไปได้เราคงจะไม่ทำ
เรากลับมาทบทวนตัวเองเหตุการณ์ครั้งนี้เราเกินไปจริงๆซึ่งมองในมุมน้อง เขาอาจจะโพสต์เผื่อเพื่อนสนใจ หรือเขาอาจจะไปโพสต์ในกลุ่มอีกทางแล้ว แต่เราดันสาระเเน หาเรื่องนินทา หลังเกิดเรื่องเราเครียดและนอนไม่หลับ ได้เเต่คิดว่าการที่เราเอาน้องมานินทาคือเราเป็นคนขี้อิจฉาไหม ถ้าเป็นคนอื่นเขาจะรู้สึกกับน้องเหมือนเราไหม ในสังคมมันมีกันทั่วไปใช่ไหมคะแค่เราโป๊ะแตก555 เรามานั่งคิดว่าเราก็ไม่ได้อยากได้อยากมีตามน้อง เขามีอะไรเราต้องซื้อตามก็ไม่น่ะ เที่ยวไหนเราต้องโพสต์แข่ง เราไม่ได้สายโพสต์แต่เข้าใจนะคะว่าสไตล์ใครสไตล์มัน เราพอใจกับชีวิตความเป็นอยู่ของเราในตอนนี้ ถึงชีวิตครอบครัวเราจะไม่สมบูรณ์แบบ เรามีความสุขในมุมของเรา
ต่อมาหลังจากที่เกิดเหตุน้องสาวน้องว.โพสต์เรื่องอื่นๆตามมา โพสต์โชว์ว่าซื้อที่นอนมานั่นนี้ ถ้าคนประสาทดีๆคงคิดว่าโพสต์ทั่วไป หรืออีกมุมนึงเค้าไม่ได้แขวะเรา แต่เราประสาทเสียแล้วค่ะ เราเลยคิดว่าเค้ารวมตัวกันแดกดันเราหรือเปล่า เราเลยunfriendน้องสองคนนี้เป็นที่เรียบร้อย555 ระบบป้องกันตัวเอง ซึ่งเราปรึกษาอาก็ได้บอกว่าจริงๆไม่ควรนะ เพราะน้องมันอาจจะไม่โกรธเราจริงๆ แต่ทำไงได้เราทำไปแล้ว
เพื่อนๆว่าเราควรทำยังไงต่อไปดีคะ หรือจริงๆแค่ทำใจอย่างเดียว หรือเราควรไปขอโทษเค้าอีกรอบจริงๆเรามาคิดว่าการที่เราunfriendไปมันน่าจะดีแล้วแหละ เพราะเราคิดว่าน้องคงเสียความรู้สึกกับเราจริงๆ เราไม่ได้จริงใจต่อเขา เราควรมูฟออกจากชีวิตเขา แบบนี้เราควรมาเสียดายในความสัมพันธ์นี้ไหมคะ แต่อีกใจนึงเราก็ฝืนใจไม่ได้ที่ในบางครั้งเรารู้สึกหมั่นไส้เค้าจริงๆ55 ถ้าเราไม่ได้เห็นที่เขาโพสต์เราคงไม่ต้องมารู้สึกใดๆ อีกทั้งเราไม่ได้สนิทกันเหมือนวัยเด็ก ไม่ได้ไปมาหาสู่กัน ไม่ได้มีเหตุการณ์เรื่องราวในชีวิตใดๆที่ทำให้เรารู้สึกรักและผูกพันธ์กันเลย แต่เราไม่เคยมีปัญหาใดๆกันนะคะ ใจเราคิดว่าเราควรห่างๆกันไปก่อน นานๆไปกลับมาเจอกันน้องคงลืมเรื่องนี้ หรือเราควรทำยังไงดีคะ
มีปัญหากับลูกพี่ลูกน้อง เพราะเรื่องนินทา เราควรทำยังไงดีคะ
ต้องย้อนความไปก่อนสมัยที่ครอบครัวพี่น้องพ่อเรายังดีๆกันอยู่(ซึ่งตอนนี้ผิดใจกันแบ่งฝ่ายกันเป็นกลุ่มๆ)แต่พ่อเราไม่ได้อยู่กลุ่มไหนนะคะไม่ได้มีปัญหากับใคร เราอาศัยอยู่กับอาม่าและอาขอใช้ชื่อย่อว่าอา ก. อาคนที่ปัจจุบันเราอยู่ด้วยเพราะพ่อเราทำงานอยู่ตจว.มาโดยตลอด
กับลูกพี่ลูกน้องคนนี้ในสมัยเด็กเราก็สนิทกันนะคะเพราะได้เจอกันงานรวมญาติต่างๆ ต่อมาช่วงชีวิตวัยรุ่น เราออกมาเรียนและอยู่หอ เราได้ข่าวว่าที่บ้านมีปัญหากัน ตอนนั้นจำไม่ได้ว่าเรารู้ได้ยังไงเเต่เราได้ทักไปถามน้องน.เขาก็เเค่เล่ามุมเขาเรื่องที่พ่อเขากับอา ก.มีปัญหากัน ซึ่งเรามารู้ลายละเอียดทีหลังเมื่อเรากลับมาอยู่บ้านอา ก.อีกรอบ
เรื่องคืออา ก.สมัยวัยรุ่นทำงานเเละซื้อบ้านเป็นของตัวเอง2หลัง โดยหลังที่เราอยู่กับอาม่าคือ1หลัง ส่วนอีกหลังอา ก.ได้ซื้อทิ้งไว้ ต่อมาพ่อของน้องน.(อาเราอีกคน)มีแฟนเเละแฟนกำลังท้องน้องน.อยู่ ด้วยความที่อา ก.เห็นว่าน้องชายพักอยู่หอพักที่แคบมาก อีกทั้งกำลังจะมีลูก อาเลยชวนให้ไปอยู่ที่บ้านหลังที่2 เพราะอาเราซื้อไว้เผื่อนอนตอนกลับจากทำงานซึ่งหลังๆอาเราจะคุ้นชินที่จะกลับมานอนบ้านย่ามากกว่า จึงปล่อยให้ครอบครัวน้องน.อยู่กันไปโดยไม่ได้เก็บค่าเช่าใดๆจนน้องน.และน้องว.โตเเละเรียนจบมหาลัย โดยอาเราเห็นว่าน้องชายมีเงินเดือนไม่มาก ไหนจะค่าเลี้ยงดูลูกเมียอีกอาเราจึงเต็มใจจะให้น้องชายอยู่บ้านหลังนั้นไปก่อน ต่อมาอา ก.ได้แต่งงาน และผ่อนบ้านหมดทั้ง2หลัง จึงได้คุยกับภรรยาว่าควรจะขอค่าเช่าจากพ่อน้องน. ซึ่งค่าเช่าอา ก.ขอเก็บเเค่เดือนล่ะ1พันบาท เพื่อที่จะให้รู้ว่าเป็นบ้านของเขาน่ะผ่อนมาด้วยน้ำพักน้ำแรงของเขาคนเดียว อีกทั้งลูกสาวทั้งสองเรียนจบเเล้วน่าจะไม่มีปัญหาตึงเครียดทางการเงิน แต่ผลที่ได้คือพ่อน้องน.ไม่ยอมจ่าย และเมียของพ่อน้องน.โมโหอาเราหาว่าไปทวงบ้าน โดยให้ลูกสาวโพสต์ลงเฟสบุ๊คเพื่อด่ากระแทก โพสต์แขวะใช้ถ้อยคำหยาบคายด่าภรรยาของอา หาว่าภรรยาอา ก.ยุยงให้มาเรียกร้องค่าเช่า เมื่อน้องน.และน้องว.มาบ้านย่าจึงมีปากเสียงกับภรรยาของอา ก.เรื่องนี้จึงเป็นชนวนให้บ้านอา ก.ไม่ถูกกับบ้านพ่อน้องน. ซึ่งเป็นพี่น้องกันแท้ๆ ครอบครัวน้องน.โมโหจึงย้ายออกจากบ้านหลังนั้น เเละไปซื้อบ้านหลังใหม่โดยวีรกรรมที่ทำไว้ก่อนออกจากบ้านคือดึงกระชากฝ้าเพดานลงมาให้บ้านดูเสียหาย ทิ้งข้าวของขยะไว้ในบ้านมากมาย จนอาเราไปดูบ้านตอนรับบ้านคืนแล้วโมโหมาก หลังจากนั้นบ้านน้องน.จึงห่างจากบ้านอา ก.ไปหลายปี และเพิ่งได้กลับเข้ามาเยี่ยมย่าเราตอนท่านป่วยหนัก
ในระหว่างที่ที่บ้านเราเกิดเหตุกัน เราเรียนจบมีครอบครัวมีลูก1คนต่อมาได้เลิกกับสามีเราจึงย้ายกลับมาอยู่ที่บ้านย่า โดยเรากลับมาทำงานกับอา ก. เเละเลี้ยงลูกไปด้วย ต่อมาย่าเราเสีย ตรงนี้จึงเป็นเหตุให้ทั้งสองครอบครัวห่างหายกันอย่างถาวร แต่กับน้องน.ก็ยังไถ่ถามสารทุกข์สุขดิบทางไลน์กันบ้าง มีแวะเอาขนมมาให้ลูกชายเราและนั่งคุยกับเราที่บ้านบ้าง
เข้าประเด็นหลักเเล้วนะคะ เรื่องของเรื่องคือเราเริ่มรู้สึกกับน้องน้องน.แปลกๆมาสักพักใหญ่ๆว่าหลังจากเค้าแต่งงานเเละมีครอบครัวว่าเค้าดูจะเยอะไปนิดนึง ยกตัวอย่างเรื่องฉีดวัคซีนโควิดขณะที่เราฉีดของรัฐที่มีมาให้ เเต่น.ไลน์คุยกับเราว่าเเน่ใจเหรอว่าปลอดภัย นางจะต้องฉีดยี่ห้อที่ดี ใช้คำพูดว่าจะฉีดอะไรหาข้อมูลให้ดีก่อนน่ะ (ทั้งที่เราฉีดไปแล้วเนี้ยน่ะ จะมาพูดให้ตรูกังวลทำไมว่ะ)เราก็ไม่ได้เถียงไปนะคะเเค่รู้สึกแปลกๆนิดนึง ในระหว่างนั้นเราซึ่งอยู่บ้านหลังเดียวกับอา ก. เราเลยเล่าให้ภรรยาอาฟังเพราะเราอยู่บ้านเดียวกันสนิทกันทำให้การนินทามันมีอรรถรส555เพราะภรรยาอาไม่ชอบบ้านน้องน.เป็นทุนเดิมอยู่เเล้ว อันนี้เรานิสัยไม่ดีเรายอมรับ เรื่องต่อมาคือน้องน.ท้องนางจึงไปประกาศในกลุ่มไลน์ครอบครัวซึ่งมีเราอยู่ ขณะนั้นนางน่าจะรู้เพศเด็กแล้วเเหละ เราจึงสอบถามไปว่าได้เพศไหนเพื่อที่เราจะเตรียมของขวัญได้ถูก แต่นางดันส่งตุ๊กตาหมีสีเขียวมาให้เราดูแทนแล้วให้เราทายนางบอกว่าเดี๋ยวจะส่งไปในไลน์กลุ่มเเล้วรอให้ญาติคนอื่นถามก่อนถึงจะบอกว่าเพศไหน สรุปในกลุ่มไม่มีใครถามเลยสักคน อาจจะเพราะคนแก่ไม่ได้อ่านหรือเล่นไลน์ไม่ค่อยเป็นหรือเปล่าอันนี้เราไม่แน่ใจ สรุปผ่านไปสักพักน้องน.จึงมาเฉลยผ่านfb อันนี้อ่ะเราน้อยใจนะว่าไม่เห็นเราเป็นพี่สาวเหรอถึงไม่บอก หรืออีกประเด็นนึงคือทำไมต้องทำตัวเป็นเซเล็บที่ต้องมีการโพสต์เฉลยเพศทางfb
เราเริ่มรู้สึกหมั่นไส้น้องเพิ่มขึ้นมาในหลายเรื่อง อีกทั้งเรื่องที่โพสต์fb อัพเดตชีวิตต่างๆนานา โพสต์อวยสามี เราเข้าใจนะคะว่ามันอวดได้ แต่ถ้าเป็นเราจะไม่สาธยาย แต่น.จะใช้แคปชั่นแบบสาธยายซึ่งเราอธิบายให้เห็นภาพไม่ได้เเต่แค่เรารู้สึกว่ามันดูเยอะไปนิดนึง ยิ่งพักหลังน.ท้องยังไม่คลอดนะคะ โพสต์หนัก กว่าเดิม คือกินไรต้องโพสต์ตลอด อันนี้เราพยายามคิดว่าคงตื่นเต้นในการมีน้อง บางทีเราคิดว่าน้องน.ต้องการโพสต์อัพเดตชีวิตให้เราไปเล่าให้อาก.กับภรรยาฟังว่าชีวิตเขาไปได้ดีสุขสบายดีหรือเปล่า
ประเด็นคือเมื่อไม่นานมานี้ เราเห็นน้องน.โพสต์ขายของหน้าfbของตนเอง ของมูลค่าแพงซึ่งเรารู้สึกว่าน้องควรไปโพสต์ในกลุ่มมากกว่า มาโพสต์แบบนี้เหมือนอวด ซึ่งปกติเราจะนินทากันโดยตรง แต่วันนั้นอาบน้ำเข้าห้องนอน อะไรดลใจไม่รู้ให้แคปรูปและจะส่งไปนินทากับแฟนอา แต่เจ้ากรรมเราดันส่งไปให้น้องน.แทน ชิบหา…แล้วแหละ แล้วน.ดันอ่านไวมากนาทีนั้นเราลบไม่ทันเเละ ตั้งสติได้พิมพ์ไปหน้าชาไป เราได้เเต่พิมพ์ว่าขอโทษ และขอโทษ โดยไม่ได้อ้างอะไรทั้งนั้น แต่น.พิมพ์กลับมาว่าไม่เป็นไร ไม่ถือ เหมือนจะใช้คำพูดกวนเรากลับมาเบาๆ เเต่เราก็ได้เเต่ขอโทษน่ะ เพราะรู้สึกผิดจริงๆที่เราทำแบบนี้เเละย้อนกลับไปได้เราคงจะไม่ทำ
เรากลับมาทบทวนตัวเองเหตุการณ์ครั้งนี้เราเกินไปจริงๆซึ่งมองในมุมน้อง เขาอาจจะโพสต์เผื่อเพื่อนสนใจ หรือเขาอาจจะไปโพสต์ในกลุ่มอีกทางแล้ว แต่เราดันสาระเเน หาเรื่องนินทา หลังเกิดเรื่องเราเครียดและนอนไม่หลับ ได้เเต่คิดว่าการที่เราเอาน้องมานินทาคือเราเป็นคนขี้อิจฉาไหม ถ้าเป็นคนอื่นเขาจะรู้สึกกับน้องเหมือนเราไหม ในสังคมมันมีกันทั่วไปใช่ไหมคะแค่เราโป๊ะแตก555 เรามานั่งคิดว่าเราก็ไม่ได้อยากได้อยากมีตามน้อง เขามีอะไรเราต้องซื้อตามก็ไม่น่ะ เที่ยวไหนเราต้องโพสต์แข่ง เราไม่ได้สายโพสต์แต่เข้าใจนะคะว่าสไตล์ใครสไตล์มัน เราพอใจกับชีวิตความเป็นอยู่ของเราในตอนนี้ ถึงชีวิตครอบครัวเราจะไม่สมบูรณ์แบบ เรามีความสุขในมุมของเรา
ต่อมาหลังจากที่เกิดเหตุน้องสาวน้องว.โพสต์เรื่องอื่นๆตามมา โพสต์โชว์ว่าซื้อที่นอนมานั่นนี้ ถ้าคนประสาทดีๆคงคิดว่าโพสต์ทั่วไป หรืออีกมุมนึงเค้าไม่ได้แขวะเรา แต่เราประสาทเสียแล้วค่ะ เราเลยคิดว่าเค้ารวมตัวกันแดกดันเราหรือเปล่า เราเลยunfriendน้องสองคนนี้เป็นที่เรียบร้อย555 ระบบป้องกันตัวเอง ซึ่งเราปรึกษาอาก็ได้บอกว่าจริงๆไม่ควรนะ เพราะน้องมันอาจจะไม่โกรธเราจริงๆ แต่ทำไงได้เราทำไปแล้ว
เพื่อนๆว่าเราควรทำยังไงต่อไปดีคะ หรือจริงๆแค่ทำใจอย่างเดียว หรือเราควรไปขอโทษเค้าอีกรอบจริงๆเรามาคิดว่าการที่เราunfriendไปมันน่าจะดีแล้วแหละ เพราะเราคิดว่าน้องคงเสียความรู้สึกกับเราจริงๆ เราไม่ได้จริงใจต่อเขา เราควรมูฟออกจากชีวิตเขา แบบนี้เราควรมาเสียดายในความสัมพันธ์นี้ไหมคะ แต่อีกใจนึงเราก็ฝืนใจไม่ได้ที่ในบางครั้งเรารู้สึกหมั่นไส้เค้าจริงๆ55 ถ้าเราไม่ได้เห็นที่เขาโพสต์เราคงไม่ต้องมารู้สึกใดๆ อีกทั้งเราไม่ได้สนิทกันเหมือนวัยเด็ก ไม่ได้ไปมาหาสู่กัน ไม่ได้มีเหตุการณ์เรื่องราวในชีวิตใดๆที่ทำให้เรารู้สึกรักและผูกพันธ์กันเลย แต่เราไม่เคยมีปัญหาใดๆกันนะคะ ใจเราคิดว่าเราควรห่างๆกันไปก่อน นานๆไปกลับมาเจอกันน้องคงลืมเรื่องนี้ หรือเราควรทำยังไงดีคะ