สวัสดีค่ะ เพื่อนสมาชิกทุกท่าน
เรามีปัญหาเรื่องความสัมพันธ์มาปรึกษาค่ะ
อย่างแรกเรากับแฟนคบกันมาได้ 7 เดือนแล้ว เค้าเป็นชาวต่างชาติที่มาอาศัยอยู่ที่ไทยได้ เกือบ 3 ปีแล้วค่ะ ตำแหน่งงานเค้าเป็น creative director ให้กับบริษัทต่างชาติ และ ปัจจุบันก็อัพขึ้นมาเป็นผู้บริหาร บริษัทโฆษณา ของแคนนาดาที่มาเปิดสาขาในไทยค่ะ รายได้ประมาณ 150,000 บาท ตามที่เค้าบอกเรา เราไม่ได้ถามนะคะ
(ที่แจ้งรายรับ เพราะมันจะมีข้อมูลที่เกี่ยวข้อในเรื่องที่จะเล่าต่อจากนี้ค่ะ)
ส่วนเราทำงานบริษัทเอกชน กับทำธุรกิจเล็กเป็นรายได้เสริม รายได้ต่อเดือนประมาณ 100000 บาท
เราอยู่ในประเทศเราก็ปกติ มี รถ 1 คัน ยังไม่มีบ้าน มีแบบ ขออนุญาตแล้ว กำลังจะสร้าง แต่ค่าเหล็ก ค่าไฟ ค่าดอกเบี้ย ค่าทุกอย่างขึ้นกระจุยกระจาย เลยขอรอดูสถาณการณ์โดยรวมก่อนต่ออีกสักระยะ เค้ารับรู้ในส่วนนี้
ตอนเจอกับแฟนคนนี้ตอนแรกเราก็เตรียมใจในระดับนึงว่า นี้ไม่ใช่ประเทศเค้า เค้าอาจจะยังไม่มีทุกอย่าง set up ตามที่คนอายุเท่านี้ควรมี แต่เราคิดว่ามันต้องมีในรูปแบบอื่นแทนตามปกติแหละทำงานมาเป็น 10 ปีเหมือนกัน เรายังมีเลยเค้าก็น่าจะมีมากกว่าเราด้วยซ้ำ ตำแหน่งเค้าสูงกว่าเราเยอะ
เดทแรกเค้าเปิดเหล้าแพงดื่มกัน เราเกรงใจรู้สึกว่ามันแพงเราก็ช่วยออกครึ่งนึง
หลังจากนั้นเราเริ่มคบกัน เราจะเป็นคนขับรถไปหา ไปรับ ไปส่งตลอด ซึ่งเค้าจะบอกว่างานยุ่ง (เค้า work from home ) เราเวลาอิสระ เราก็เป็นคนไปรอที่คอนโดเค้าระหว่างรอเค้าเลิกงานบ้าง การกินก็พลักกันออก แต่หลังๆเหมือนเราจะออกไปเยอะเหมือนกันเดือนละหมื่นได้ขนาดแค่สั่งกินที่ห้อง ออกข้างนอกแค่ครั้งสองครั้ง
เค้าเป็นคนพูดเก่งมากๆๆ และ หลายๆครั้งมันก็จะมีเรื่องที่หลุดออกมาทำให้ต้องแคลงใจบ่อยๆ
เข้าเรื่องค่ะ !!!!
เค้าบอกว่าเค้าชอบอยู่ที่ๆบรรยากาศเหมือน โรงแรม เช่นคอนโดก็ต้องตกแต่งแบบโรงแรมดีๆ
เค้ามีรสนิยมสูงนะ เค้าใช้คำว่า i have a very expensive taste เค้าเล่าให้ฟังเองไม่ได้ถามค่ะ (ไม่มีของแบรนด์แม้แต่ชิ้นเดียวนะ บางยี่ห้อไม่รู้จักด้วย)
วันนึงเค้านั่งในรถเราแล้วก็พูดว่า จริงๆตำแหน่งงานระดับผม ผมซื้อ เบนซ์ ก็ได้นะ แต่ว่าคงจะไม่ได้ขับเท่าไรเพราะ work from home
วันนึงคุยวีดีโอกันอยู่เค้าก็บอกว่าอยากซื้อ Rolex เราก็นึกว่าจริงจัง ตั้งใจแนะนำร้านที่ไว้ใจได้ให้กลัวเค้าถูกหลอก แต่ก็ไม่ซื้อ
เวลาบินผมชอบนั่งชั้นธุรกิจนะ นั่งชั้นประหยัดมันอึดอัด เราก็อืมมมมมจร้า
ตอนวันเกิดเค้าเราซื้อของขวัญให้เค้าประมาณ 4 หมื่น เพราะคิดว่ามันสมควรเนื่องจากตำแหน่งงานใหม่เค้าน่าจะต้องใช้มัน
ผ่านมาถึงสงกรานต์ เราพาเค้าไปเล่นน้ำที่ RCA เค้าทำโทสับเปียกหาทางซ่อมแต่ใช้เวลา เรามือถือจอแตกมานานแล้วตั้งใจจะเปลี่ยนเป็นทุนเดิม เลยซื้อเครื่องใหม่และให้เค้าใช้ไปก่อน ระหว่างรอซ่อม จนผ่านไป 3 เดือน ไม่ทวงก็คือไม่รู้จะคืนเมื่อไร
พอถึงวันเกิดเราเค้าเงียบ เราต้องเลือกหาร้านเอง ไม่มีของขวัญ
พอวันนึงเราเริ่มรู้สึกว่า มือถือใหม่เราก็อยู่กับเค้า ของขวัญก็ให้ไป ค่าจอดรถที่คอนโดเค้าก็หมดไปเกือบหมื่นแล้ว เราโกรธมากและขอเลิก เค้าก็รีบไปซื้อของขวัญมาให้ ราคาเท่ากับที่เราซื้อให้เค้าเป๊ะ รีบเอาโทรศัพท์มาคืน ... แต่เราโดนพี่สาวเค้าว่าบอกว่า เพราะเทอ น้องชายฉันไม่มีเงินเหลือพอที่จะจ่ายค่าตั๋วเครื่องบินฉันเลยเนี่ย (ยังไงว่ะ)(เป็นพี่ทำไมไม่ออกค่าตั๋วของตัวเอง เองว่ะ)(ของก็ของๆเราขอคืน กรูผิดตรงไหนว่ะ)(น้องชายแกบอกเอง I'm nowhere near poor = ผมไม่จนนะ ไม่ใกล้กับคำว่าจนด้วย แต่จ่ายแค่นี้หมดบัญชีเลยหรือ).... นี่คือความคิดในต้องน้ันแต่ก็คบกันต่อมา
เค้าขอร้องว่าทุกๆอย่างเค้าไม่ได้ตั้งใจจะให้ผ่านเลยไป แต่เค้าคิดตลอดแค่ยังไม่ได้ทำเลยทำให้เรารอจนหมดความอดทน เค้าขอโทษและสัญญาว่าจะปรับปรุง และ ยอมรับว่าเรื่องหรูหราที่เคยพูดไปตอนรู้จักใหม่ๆ นั้นไม่ใช่เรื่องจริง (ดูออกมานานล่ะว่าโม้ เราก็รอให้เค้ายอมรับมาตรงๆอยู่ จะให้อภัย)
ก็...โอเค เรามาเริ่มทุกอย่างใหม่ดีกว่า
จนวันนึงเค้าทำธุรกรรมมี่ต้องโอนและมันเกิดขัดข้อง เค้าก็พยายามให้เราช่วยดูและค้นพบว่า เค้ามีเงินเก็บแค่ 170,000 เท่านั้น แต่เค้าบอกกับเราตลอดว่าอยากมีครอบครัวกับเรา อยากมีลูกหลายๆคน เราฟังแล้วก็พยายามบอกว่ามันยากนะถ้าคุณยังไม่มีรถ ไม่มีบ้านเลย เด็กเล็กจะเดินทางไปไหนมาไหนยังไง เวลาเราไม่อยู่ แล้วเราจะอยู่กันที่ไหนบ้านก็ยังไม่มี ถ้าจะแต่งงานเงินจัดงานยังไม่มีเลย เค้าบอกขอเข้ามาช่วยทำธุรกิจเราด้วยได้ไหม เราช่วยกันสร้างอนาคตไง แต่มันเป็นไปไม่ได้เลยแค่งานหลักเค้ายังแทบไม่มีเวลาเหลือ และปัจจุบันเค้าขอเอาชื่อเค้าใส่ในประกันรถเราด้วย เพื่อเค้าจะขอยืมไปขับ ครั้งนึงเค้าเคยบอกว่าเธอมาซื้อบ้านข้างๆ บ้านที่แม่เค้าซื้อสิมันราคาดีมากๆ .... 9 ล้าน =.=' สมมุติถ้าเราซื้อเค้าก็จะมาอยู่ด้วยงั้นสิ ดีนะที่ไม่มีปัญญาซื้อ)
ทุกคนว่า ความรักและความจริงใจที่เค้าพยายามจะแสดงออกมา มันใช่จริงๆหรือปล่าวคะ หรือมันจะเป็นเหมือนกันลางสังหรของเรา ที่เอ๊ะขึ้นมาว่ามันเกาะเราอยู่หรือเปล่า เราควรจะหยุดเชื่อและจบกับเค้าไหมค่ะ ทุกครั้งที่เราบอกเลิกเค้าดูเสียใจมากๆ เค้าร้องไห้เลย มันก็ดูว่าเค้าไม่อยากเสียเราไปจริงๆเราก็สงสารไม่อยากทำให้เค้าเสียใจ แต่เราก็ไม่ชอบและรำคาญเอามากๆกับรสนิยมสูงลิปแต่ขัดกับความเป็นจริง (ทำไม่ได้ ไม่มี จะพูดทำไม ไม่พูดยังดูดีกว่า)
ขอขอบคุณทุกความคิดเห็นนะคะ ด่าได้แต่อย่าแรงนะ....เพราะเพื่อนเราด่าเรามาก็เยอะอยู่ เป็นท้อ
คบกับแฟนมา 7 เดือนมีหลายสิ่งที่แฟนพูดแล้วมันย้อนแย้งกับความจริงตลอดเวลา เราควรไปต่อไหมคะ
เรามีปัญหาเรื่องความสัมพันธ์มาปรึกษาค่ะ
อย่างแรกเรากับแฟนคบกันมาได้ 7 เดือนแล้ว เค้าเป็นชาวต่างชาติที่มาอาศัยอยู่ที่ไทยได้ เกือบ 3 ปีแล้วค่ะ ตำแหน่งงานเค้าเป็น creative director ให้กับบริษัทต่างชาติ และ ปัจจุบันก็อัพขึ้นมาเป็นผู้บริหาร บริษัทโฆษณา ของแคนนาดาที่มาเปิดสาขาในไทยค่ะ รายได้ประมาณ 150,000 บาท ตามที่เค้าบอกเรา เราไม่ได้ถามนะคะ
(ที่แจ้งรายรับ เพราะมันจะมีข้อมูลที่เกี่ยวข้อในเรื่องที่จะเล่าต่อจากนี้ค่ะ)
ส่วนเราทำงานบริษัทเอกชน กับทำธุรกิจเล็กเป็นรายได้เสริม รายได้ต่อเดือนประมาณ 100000 บาท
เราอยู่ในประเทศเราก็ปกติ มี รถ 1 คัน ยังไม่มีบ้าน มีแบบ ขออนุญาตแล้ว กำลังจะสร้าง แต่ค่าเหล็ก ค่าไฟ ค่าดอกเบี้ย ค่าทุกอย่างขึ้นกระจุยกระจาย เลยขอรอดูสถาณการณ์โดยรวมก่อนต่ออีกสักระยะ เค้ารับรู้ในส่วนนี้
ตอนเจอกับแฟนคนนี้ตอนแรกเราก็เตรียมใจในระดับนึงว่า นี้ไม่ใช่ประเทศเค้า เค้าอาจจะยังไม่มีทุกอย่าง set up ตามที่คนอายุเท่านี้ควรมี แต่เราคิดว่ามันต้องมีในรูปแบบอื่นแทนตามปกติแหละทำงานมาเป็น 10 ปีเหมือนกัน เรายังมีเลยเค้าก็น่าจะมีมากกว่าเราด้วยซ้ำ ตำแหน่งเค้าสูงกว่าเราเยอะ
เดทแรกเค้าเปิดเหล้าแพงดื่มกัน เราเกรงใจรู้สึกว่ามันแพงเราก็ช่วยออกครึ่งนึง
หลังจากนั้นเราเริ่มคบกัน เราจะเป็นคนขับรถไปหา ไปรับ ไปส่งตลอด ซึ่งเค้าจะบอกว่างานยุ่ง (เค้า work from home ) เราเวลาอิสระ เราก็เป็นคนไปรอที่คอนโดเค้าระหว่างรอเค้าเลิกงานบ้าง การกินก็พลักกันออก แต่หลังๆเหมือนเราจะออกไปเยอะเหมือนกันเดือนละหมื่นได้ขนาดแค่สั่งกินที่ห้อง ออกข้างนอกแค่ครั้งสองครั้ง
เค้าเป็นคนพูดเก่งมากๆๆ และ หลายๆครั้งมันก็จะมีเรื่องที่หลุดออกมาทำให้ต้องแคลงใจบ่อยๆ
เข้าเรื่องค่ะ !!!!
เค้าบอกว่าเค้าชอบอยู่ที่ๆบรรยากาศเหมือน โรงแรม เช่นคอนโดก็ต้องตกแต่งแบบโรงแรมดีๆ
เค้ามีรสนิยมสูงนะ เค้าใช้คำว่า i have a very expensive taste เค้าเล่าให้ฟังเองไม่ได้ถามค่ะ (ไม่มีของแบรนด์แม้แต่ชิ้นเดียวนะ บางยี่ห้อไม่รู้จักด้วย)
วันนึงเค้านั่งในรถเราแล้วก็พูดว่า จริงๆตำแหน่งงานระดับผม ผมซื้อ เบนซ์ ก็ได้นะ แต่ว่าคงจะไม่ได้ขับเท่าไรเพราะ work from home
วันนึงคุยวีดีโอกันอยู่เค้าก็บอกว่าอยากซื้อ Rolex เราก็นึกว่าจริงจัง ตั้งใจแนะนำร้านที่ไว้ใจได้ให้กลัวเค้าถูกหลอก แต่ก็ไม่ซื้อ
เวลาบินผมชอบนั่งชั้นธุรกิจนะ นั่งชั้นประหยัดมันอึดอัด เราก็อืมมมมมจร้า
ตอนวันเกิดเค้าเราซื้อของขวัญให้เค้าประมาณ 4 หมื่น เพราะคิดว่ามันสมควรเนื่องจากตำแหน่งงานใหม่เค้าน่าจะต้องใช้มัน
ผ่านมาถึงสงกรานต์ เราพาเค้าไปเล่นน้ำที่ RCA เค้าทำโทสับเปียกหาทางซ่อมแต่ใช้เวลา เรามือถือจอแตกมานานแล้วตั้งใจจะเปลี่ยนเป็นทุนเดิม เลยซื้อเครื่องใหม่และให้เค้าใช้ไปก่อน ระหว่างรอซ่อม จนผ่านไป 3 เดือน ไม่ทวงก็คือไม่รู้จะคืนเมื่อไร
พอถึงวันเกิดเราเค้าเงียบ เราต้องเลือกหาร้านเอง ไม่มีของขวัญ
พอวันนึงเราเริ่มรู้สึกว่า มือถือใหม่เราก็อยู่กับเค้า ของขวัญก็ให้ไป ค่าจอดรถที่คอนโดเค้าก็หมดไปเกือบหมื่นแล้ว เราโกรธมากและขอเลิก เค้าก็รีบไปซื้อของขวัญมาให้ ราคาเท่ากับที่เราซื้อให้เค้าเป๊ะ รีบเอาโทรศัพท์มาคืน ... แต่เราโดนพี่สาวเค้าว่าบอกว่า เพราะเทอ น้องชายฉันไม่มีเงินเหลือพอที่จะจ่ายค่าตั๋วเครื่องบินฉันเลยเนี่ย (ยังไงว่ะ)(เป็นพี่ทำไมไม่ออกค่าตั๋วของตัวเอง เองว่ะ)(ของก็ของๆเราขอคืน กรูผิดตรงไหนว่ะ)(น้องชายแกบอกเอง I'm nowhere near poor = ผมไม่จนนะ ไม่ใกล้กับคำว่าจนด้วย แต่จ่ายแค่นี้หมดบัญชีเลยหรือ).... นี่คือความคิดในต้องน้ันแต่ก็คบกันต่อมา
เค้าขอร้องว่าทุกๆอย่างเค้าไม่ได้ตั้งใจจะให้ผ่านเลยไป แต่เค้าคิดตลอดแค่ยังไม่ได้ทำเลยทำให้เรารอจนหมดความอดทน เค้าขอโทษและสัญญาว่าจะปรับปรุง และ ยอมรับว่าเรื่องหรูหราที่เคยพูดไปตอนรู้จักใหม่ๆ นั้นไม่ใช่เรื่องจริง (ดูออกมานานล่ะว่าโม้ เราก็รอให้เค้ายอมรับมาตรงๆอยู่ จะให้อภัย)
ก็...โอเค เรามาเริ่มทุกอย่างใหม่ดีกว่า
จนวันนึงเค้าทำธุรกรรมมี่ต้องโอนและมันเกิดขัดข้อง เค้าก็พยายามให้เราช่วยดูและค้นพบว่า เค้ามีเงินเก็บแค่ 170,000 เท่านั้น แต่เค้าบอกกับเราตลอดว่าอยากมีครอบครัวกับเรา อยากมีลูกหลายๆคน เราฟังแล้วก็พยายามบอกว่ามันยากนะถ้าคุณยังไม่มีรถ ไม่มีบ้านเลย เด็กเล็กจะเดินทางไปไหนมาไหนยังไง เวลาเราไม่อยู่ แล้วเราจะอยู่กันที่ไหนบ้านก็ยังไม่มี ถ้าจะแต่งงานเงินจัดงานยังไม่มีเลย เค้าบอกขอเข้ามาช่วยทำธุรกิจเราด้วยได้ไหม เราช่วยกันสร้างอนาคตไง แต่มันเป็นไปไม่ได้เลยแค่งานหลักเค้ายังแทบไม่มีเวลาเหลือ และปัจจุบันเค้าขอเอาชื่อเค้าใส่ในประกันรถเราด้วย เพื่อเค้าจะขอยืมไปขับ ครั้งนึงเค้าเคยบอกว่าเธอมาซื้อบ้านข้างๆ บ้านที่แม่เค้าซื้อสิมันราคาดีมากๆ .... 9 ล้าน =.=' สมมุติถ้าเราซื้อเค้าก็จะมาอยู่ด้วยงั้นสิ ดีนะที่ไม่มีปัญญาซื้อ)
ทุกคนว่า ความรักและความจริงใจที่เค้าพยายามจะแสดงออกมา มันใช่จริงๆหรือปล่าวคะ หรือมันจะเป็นเหมือนกันลางสังหรของเรา ที่เอ๊ะขึ้นมาว่ามันเกาะเราอยู่หรือเปล่า เราควรจะหยุดเชื่อและจบกับเค้าไหมค่ะ ทุกครั้งที่เราบอกเลิกเค้าดูเสียใจมากๆ เค้าร้องไห้เลย มันก็ดูว่าเค้าไม่อยากเสียเราไปจริงๆเราก็สงสารไม่อยากทำให้เค้าเสียใจ แต่เราก็ไม่ชอบและรำคาญเอามากๆกับรสนิยมสูงลิปแต่ขัดกับความเป็นจริง (ทำไม่ได้ ไม่มี จะพูดทำไม ไม่พูดยังดูดีกว่า)
ขอขอบคุณทุกความคิดเห็นนะคะ ด่าได้แต่อย่าแรงนะ....เพราะเพื่อนเราด่าเรามาก็เยอะอยู่ เป็นท้อ