กรณีที่ 1
ด้วยความที่ศึกษาพระวินัยมาใหม่จึงระวังการหยิบของที่ไม่ใช่ของตน เวลาหยิบของส่วนรวมเพื่อนำมาบริโภคหรือใช้สอย ทั้งๆที่รู้ว่าเขาอนุญาติ
ให้ ดื่มกินได้ หรือนำไปใช้งานได้แล้วนำมาคืน หรือ เพียงแต่จะหยิบของที่ขวางทางออกก็พุดแล่บคือมาอีกว่าเราจะเอาไปเป็นของตัวหรือขโมยรึเปล่า
ยิ่งระวังเหมือนจะยิ่งนึกถึงอาการหรือคำในหัวประมาณ เอาใส่กระเป๋า หรือเกิดคำคิดในหัวว่า ขโมย แต่เจตนาจริงๆคือไม่ได้อยากจะเอาด้วยอาการขโมย ลักเอา ใดๆ ค่อนข้างจะเป็นปัญหาครับเพราะต้องหยิบต้องจับอะไรอยู่ตลอด บางครั้งนึกกลัวแขยงที่จะจับจะหยิบอะไร แล้วจำเป็นต้องหยิบจริงๆเกิดวิตกกังวลขึ้นมาอีกบางทีเป็นยันกระทั้งกับของตัวเอง
กรณีที่ 2
หลังจากที่ตั้งข้อสงสัยหลายๆครั้งกับความคิดที่แล่บเขามาว่ามันเรียกว่าไถยจิตรึเปล่าซ้ำๆ
จนเผลอเลอไปนึกคิดจำลองว่า สิ่งที่เราถืออยู่นี้ถ้าถือด้วยอาการแบบนี้จะใช่ไถยจิตรึเปล่าซึ่งไม่สมควรคิดเพราะจิตนึกคิดมันไวมาก
เช่น ถือไม้กวาดที่โกยอยู่แล้วดันไปปล่อยความคิดไปนึกว่าถ้าเก็บเอาไปเลยตอนนี้มันจะเป็นไถยจิตมั้ย
หนักถึงขั้นที่ พยุงหลวงตาเดินอยู่แล้วมันดันนึกไปว่าพยุงหลวงตาเอาไป หรือเกาะรถโดยสารอยู่แล้วมันดันนึกถึงว่าเก็บรถใส่กระเป๋า
สำคัญคือในระหว่างที่นึกคิดแบบนั้นอยู่ ก็พยุงหลวงตาเดินไปด้วย หรือ รถเกิดเคลื่อนไปขณะที่มือเกาะรถอยู่แล้วคิดแบบนั้นเช่นกัน
ทั้งหมดถือเป็นการเคลื่อนจากฐานรึเปล่า เป็นที่สงสัยอยู่ครับ
ไม่รู้ยึดติดอะไรกับกระเป๋านัก ทรมานมากครับ รู้สึกว่าจะหนักขึ้นเรื่อยๆ
ซึ่งต่างการกรณีทั้งสองแตกต่างกัน ตรงที่ไม่ได้ตั้งใจให้คิดแต่มันคิดเอง กับ จงใจคิดถึงอาการจากการสมมติเพราะสงสัยหาคำตอบเองไม่ได้
เเต่เจตนาจริงคือไม่ได้อยากได้ ไม่อยากเอาแล้วไม่ประกอบด้วยความโลภ โดยมิชอบ
จึงอยากถามผู้รู้ว่า อาการที่ยกมานั้นเรียกว่าไถยจิตมั้ยครับ?????
แบบนี้ถืออาการไถยจิตมั้ยครับ
ด้วยความที่ศึกษาพระวินัยมาใหม่จึงระวังการหยิบของที่ไม่ใช่ของตน เวลาหยิบของส่วนรวมเพื่อนำมาบริโภคหรือใช้สอย ทั้งๆที่รู้ว่าเขาอนุญาติ
ให้ ดื่มกินได้ หรือนำไปใช้งานได้แล้วนำมาคืน หรือ เพียงแต่จะหยิบของที่ขวางทางออกก็พุดแล่บคือมาอีกว่าเราจะเอาไปเป็นของตัวหรือขโมยรึเปล่า
ยิ่งระวังเหมือนจะยิ่งนึกถึงอาการหรือคำในหัวประมาณ เอาใส่กระเป๋า หรือเกิดคำคิดในหัวว่า ขโมย แต่เจตนาจริงๆคือไม่ได้อยากจะเอาด้วยอาการขโมย ลักเอา ใดๆ ค่อนข้างจะเป็นปัญหาครับเพราะต้องหยิบต้องจับอะไรอยู่ตลอด บางครั้งนึกกลัวแขยงที่จะจับจะหยิบอะไร แล้วจำเป็นต้องหยิบจริงๆเกิดวิตกกังวลขึ้นมาอีกบางทีเป็นยันกระทั้งกับของตัวเอง
กรณีที่ 2
หลังจากที่ตั้งข้อสงสัยหลายๆครั้งกับความคิดที่แล่บเขามาว่ามันเรียกว่าไถยจิตรึเปล่าซ้ำๆ
จนเผลอเลอไปนึกคิดจำลองว่า สิ่งที่เราถืออยู่นี้ถ้าถือด้วยอาการแบบนี้จะใช่ไถยจิตรึเปล่าซึ่งไม่สมควรคิดเพราะจิตนึกคิดมันไวมาก
เช่น ถือไม้กวาดที่โกยอยู่แล้วดันไปปล่อยความคิดไปนึกว่าถ้าเก็บเอาไปเลยตอนนี้มันจะเป็นไถยจิตมั้ย
หนักถึงขั้นที่ พยุงหลวงตาเดินอยู่แล้วมันดันนึกไปว่าพยุงหลวงตาเอาไป หรือเกาะรถโดยสารอยู่แล้วมันดันนึกถึงว่าเก็บรถใส่กระเป๋า
สำคัญคือในระหว่างที่นึกคิดแบบนั้นอยู่ ก็พยุงหลวงตาเดินไปด้วย หรือ รถเกิดเคลื่อนไปขณะที่มือเกาะรถอยู่แล้วคิดแบบนั้นเช่นกัน
ทั้งหมดถือเป็นการเคลื่อนจากฐานรึเปล่า เป็นที่สงสัยอยู่ครับ
ไม่รู้ยึดติดอะไรกับกระเป๋านัก ทรมานมากครับ รู้สึกว่าจะหนักขึ้นเรื่อยๆ
ซึ่งต่างการกรณีทั้งสองแตกต่างกัน ตรงที่ไม่ได้ตั้งใจให้คิดแต่มันคิดเอง กับ จงใจคิดถึงอาการจากการสมมติเพราะสงสัยหาคำตอบเองไม่ได้
เเต่เจตนาจริงคือไม่ได้อยากได้ ไม่อยากเอาแล้วไม่ประกอบด้วยความโลภ โดยมิชอบ
จึงอยากถามผู้รู้ว่า อาการที่ยกมานั้นเรียกว่าไถยจิตมั้ยครับ?????