ศาสนาคริสต์ได้ถือกำเนิดมาเมื่อประมาณ 2 พันปีที่แล้ว โดยมีต้นกำเนิดมาจากศาสนายิว (ยูดาห์) ของชาวอิสราเอล
ซึ่งได้กำเนิดมาเมื่อประมาณ 4 พันปีที่แล้ว ศาสนายิวนับถือพระเจ้าผู้สูงสุดเพียงองค์เดียว และเชื่อว่าพระองค์เป็นผู้สร้างสรรพสิ่ง
ศาสนายิวไม่มีรูปเคารพ (รูปปั้นหรือภาพวาด) ของพระเจ้าผู้สูงสุด
รวมทั้งไม่กราบไหว้หรือนับถือบูชารูปเคารพใดๆ ทั้งสิ้น
ศาสนายิวมีการนมัสการพระเจ้าสัปดาห์ละครั้ง สถานนมัสการพระเจ้าหรือที่เรียกว่าพระวิหาร จึงไม่มีรูปเคารพใดๆ
ศาสนายิวมีความเชื่อว่าผู้ที่ศรัทธาพระเจ้าผู้สูงสุด เมื่อตายไปแล้วจะได้ไปอยู่ในสวรรค์ชั่วนิรันดร์
ส่วนผู้ที่ไม่ศรัทธาพระเจ้าผู้สูงสุด ถึงแม้ว่าจะทำความดีมากเพียงใดก็ตาม เมื่อตายไปแล้วจะต้องตกนรกชั่วนิรันดร์
เนื่องจากเชื่อว่าภายในจิตใจยังคงมีบาปอยู่
ศาสนายิวรอคอยพระเจ้าผู้สูงสุดที่จะมาเกิดเป็นมนุษย์ เพื่อช่วยให้มนุษย์ได้ไปสวรรค์มากขึ้น
โดยเรียกพระองค์ว่า "พระเมสสิยาห์" ปัจจุบันชาวยิวยังคงรอคอยพระเมสสิยาห์เสด็จมายังโลกอยู่
ส่วนศาสนาคริสต์เชื่อว่าพระเมสสิยาห์ได้เสด็จมาแล้ว
คือพระเยซูคริสต์
ศาสนาคริสต์มีนิกายหลักที่ทั่วโลกยอมรับอยู่ 3 นิกาย
1.
โรมันคาทอลิก (Roman Catholic) หรือเรียกชื่อย่อว่า "คาทอลิก" มีนักบวช สถานประกอบพิธีทางศาสนาเรียกว่าวัด
เช่น วัดพระมหาไถ่ วัดพระแม่มหาการุณย์ วัดพระแม่สกลสงเคราะห์ เป็นต้น มักจะมีโบสถ์ (วิหาร) ที่สวยงาม
ทั้งภายในและภายนอกโบสถ์มีรูปเคารพ เช่น รูปปั้นหรือภาพวาดพระเยซู / พระแม่มารี / นักบุญต่างๆ
นิยมเรียกพระวิญญาณของพระเจ้าว่า "พระจิต" ในเมืองไทยนิยมเรียกผู้ที่นับถือนิกายนี้ว่า "คริสตัง" หรือ "คาทอลิก"
ในบางครั้งจะขอความช่วยเหลือจากพระเจ้าผู้ประเสริฐผ่านทางพระแม่มารีหรือนักบุญต่างๆ
2.
ออร์ทอดอกซ์ (Orthodox) เป็นนิกายที่เก่าแก่เท่ากับนิกายคาทอลิก มีนักบวช และมักจะมีโบสถ์ (วิหาร) ที่สวยงาม
ภายในโบสถ์จะมีรูปเคารพ เช่น ภาพวาดพระเยซู / พระแม่มารี / นักบุญต่างๆ นิกายนี้แพร่หลายในประเทศรัสเซีย
ในเมืองไทยเริ่มมีให้เห็นบ้างแล้ว
3.
โปรเตสแตนต์ (Protestant) แยกตัวออกมาจากนิกายคาทอลิก
เป็นนิกายเดียวที่ไม่มีนักบวช (ยกเว้นคณะแองกลิกัน)
เวลาประกอบพิธีทางศาสนา ผู้นำอาจแต่งกายด้วยชุดคลุมสวมทับชุดปกติ สถานประกอบพิธีทางศาสนาเรียกว่าคริสตจักร
เช่น คริสตจักรสะพานเหลือง คริสตจักรสร้างสรรค์กรุงเทพ คริสตจักรใจสมาน เป็นต้น อาคารคริสตจักร (โบสถ์)
มีหลากหลายรูปแบบ ทั้งแบบธรรมดาโดยดัดแปลงจากบ้านพักอาศัย หรือแบบหรูหราสง่างามก็มี
โดยไม่ได้ยึดติดกับรูปแบบอาคาร
ทั้งภายในและภายนอกโบสถ์ไม่มีรูปเคารพ มีเพียงไม้กางเขนเพื่อระลึกถึงพระเยซูคริสต์
นิยมเรียกพระวิญญาณของพระเจ้าว่า "พระวิญญาณบริสุทธิ์" ในเมืองไทยนิยมเรียกผู้ที่นับถือนิกายนี้ว่า "คริสเตียน"
หมายเหตุ
(1) มีหลายคนที่มักเขียนชื่อ "นิกายโปรเตสแตนต์" ผิด โดยเขียนเป็น "นิกายโปรแตสแตนต์"
(2) คณะแองกลิกัน (คริสตจักรไคร้สตเชิช) เดิมสังกัดนิกายคาทอลิก แล้วย้ายออกมาสังกัดนิกายโปรเตสแตนต์ในภายหลัง
จึงยังคงรูปแบบมีนักบวชเหมือนเดิม
ศาสนาคริสต์มีความเชื่อว่าพระเยซูคริสต์ทรงเป็นพระเจ้าผู้ประเสริฐ (พระเจ้าผู้สูงสุด) ที่มาเกิดเป็นมนุษย์ในสถานะพระบุตร
โดยพระบุตรมีความเท่าเทียมกับพระบิดาในสวรรค์ และพระวิญญาณของพระเจ้า และพระเจ้าผู้ประเสริฐทั้ง 3 สถานะ
เป็นพระเจ้าองค์เดียวกัน แต่ดำรงอยู่ต่างสถานะกัน เปรียบเหมือนกับน้ำที่มี 3 สถานะ คือ ของแข็ง ของเหลว และก๊าซ
แต่ก็เป็นน้ำเหมือนกัน ดังนั้นพระเจ้าผู้ประเสริฐทรงมี 3 สถานะ คือ พระบิดา พระบุตร และพระวิญญาณของพระเจ้า
โดยที่พระเจ้าทั้ง 3 สถานะสามารถพูดคุยกันได้ ความเชื่อนี้เรียกว่า "ตรีเอกภาพ" หรือ "ตรีเอกานุภาพ"
โดยพระเยซูคริสต์เป็นผู้ประทานความรอดให้แก่มนุษย์ และจะนำให้มนุษย์ไปอยู่ในสวรรค์
คำสอนของพระเจ้าผู้ประเสริฐจากคัมภีร์ไบเบิล
1.
อิสยาห์ 55:6-7
จงแสวงหาพระเจ้า เพื่อจะพบพระองค์ได้ จงอธิษฐานขอความช่วยเหลือจากพระองค์ในขณะที่พระองค์ทรงอยู่ใกล้
ให้คนบาปเลิกทำบาป และเลิกคิดในสิ่งที่ชั่ว ให้เขากลับมายังพระเจ้าเพื่อพระองค์จะทรงเมตตา และให้อภัยทุกอย่าง
2.
มัทธิว 11:28-30 พระเยซูคริสต์ตรัสดังนี้
บรรดาผู้ที่ทำงานเหน็ดเหนื่อยและมีภาระหนักจงมาหาเรา
แล้วเราจะทำให้ท่านหายเหนื่อยและเป็นสุข
จงมอบภาระทุกอย่างไว้กับเรา แล้วเรียนรู้จากเรา เพราะว่าเราสุภาพและใจอ่อนน้อม แล้วจิตใจของท่านจะได้พัก
เพราะว่าเรารับภาระของท่านได้ทุกอย่าง และภาระของเราก็เบา
ดังนั้น ทุกคนไม่ว่าจะนับถือศาสนาใดหรือไม่นับถือศาสนา ก็สามารถขอความช่วยเหลือจากพระเจ้าผู้ประเสริฐได้
แต่จะต้องไม่ขอเพื่อสนองกิเลสตัณหา โดยสิ่งที่ขอนั้นจะต้องเป็นสิ่งที่ดี เป็นสิ่งจำเป็น และเป็นสิ่งที่เหมาะสม
หากสิ่งที่ขอสอดคล้องกับน้ำพระทัยของพระองค์ พระองค์ก็จะช่วยเหลือด้วยการอัศจรรย์
โดยพระองค์จะช่วยเหลือแบบให้เปล่า
ผู้ใดแสวงหาพระเจ้าผู้ประเสริฐ ผู้นั้นจะพบพระองค์
หากท่านสนใจการพิสูจน์ว่าพระเจ้าผู้ประเสริฐมีจริงหรือไม่
สามารถศึกษาได้จากลิงค์นี้ครับ
https://pantip.com/topic/36323199/comment34 และ 34-2
หากท่านสนใจที่จะศึกษาทางของพระเยซูคริสต์ในเบื้องต้น ซึ่งพระองค์มีความรักที่ยิ่งใหญ่ที่สุด
โดยพระองค์รักมนุษย์ทุกคนมาก และผมเชื่อว่าเป็นทางที่มีความสุขอย่างแท้จริง
สามารถศึกษาได้จากลิงค์นี้ครับ
https://pantip.com/topic/36545170/comment1 และ 2
ขอพระเจ้าผู้ประเสริฐประทานสันติสุขให้แก่ท่าน
ในความรักของพระเยซูคริสต์ ผู้เป็นพระเจ้าผู้ประเสริฐ
นิกายโปรเตสแตนต์ ไม่ใช่โปรแตสแตนต์
ซึ่งได้กำเนิดมาเมื่อประมาณ 4 พันปีที่แล้ว ศาสนายิวนับถือพระเจ้าผู้สูงสุดเพียงองค์เดียว และเชื่อว่าพระองค์เป็นผู้สร้างสรรพสิ่ง
ศาสนายิวไม่มีรูปเคารพ (รูปปั้นหรือภาพวาด) ของพระเจ้าผู้สูงสุด รวมทั้งไม่กราบไหว้หรือนับถือบูชารูปเคารพใดๆ ทั้งสิ้น
ศาสนายิวมีการนมัสการพระเจ้าสัปดาห์ละครั้ง สถานนมัสการพระเจ้าหรือที่เรียกว่าพระวิหาร จึงไม่มีรูปเคารพใดๆ
ศาสนายิวมีความเชื่อว่าผู้ที่ศรัทธาพระเจ้าผู้สูงสุด เมื่อตายไปแล้วจะได้ไปอยู่ในสวรรค์ชั่วนิรันดร์
ส่วนผู้ที่ไม่ศรัทธาพระเจ้าผู้สูงสุด ถึงแม้ว่าจะทำความดีมากเพียงใดก็ตาม เมื่อตายไปแล้วจะต้องตกนรกชั่วนิรันดร์
เนื่องจากเชื่อว่าภายในจิตใจยังคงมีบาปอยู่
ศาสนายิวรอคอยพระเจ้าผู้สูงสุดที่จะมาเกิดเป็นมนุษย์ เพื่อช่วยให้มนุษย์ได้ไปสวรรค์มากขึ้น
โดยเรียกพระองค์ว่า "พระเมสสิยาห์" ปัจจุบันชาวยิวยังคงรอคอยพระเมสสิยาห์เสด็จมายังโลกอยู่
ส่วนศาสนาคริสต์เชื่อว่าพระเมสสิยาห์ได้เสด็จมาแล้ว คือพระเยซูคริสต์
ศาสนาคริสต์มีนิกายหลักที่ทั่วโลกยอมรับอยู่ 3 นิกาย
1. โรมันคาทอลิก (Roman Catholic) หรือเรียกชื่อย่อว่า "คาทอลิก" มีนักบวช สถานประกอบพิธีทางศาสนาเรียกว่าวัด
เช่น วัดพระมหาไถ่ วัดพระแม่มหาการุณย์ วัดพระแม่สกลสงเคราะห์ เป็นต้น มักจะมีโบสถ์ (วิหาร) ที่สวยงาม
ทั้งภายในและภายนอกโบสถ์มีรูปเคารพ เช่น รูปปั้นหรือภาพวาดพระเยซู / พระแม่มารี / นักบุญต่างๆ
นิยมเรียกพระวิญญาณของพระเจ้าว่า "พระจิต" ในเมืองไทยนิยมเรียกผู้ที่นับถือนิกายนี้ว่า "คริสตัง" หรือ "คาทอลิก"
ในบางครั้งจะขอความช่วยเหลือจากพระเจ้าผู้ประเสริฐผ่านทางพระแม่มารีหรือนักบุญต่างๆ
2. ออร์ทอดอกซ์ (Orthodox) เป็นนิกายที่เก่าแก่เท่ากับนิกายคาทอลิก มีนักบวช และมักจะมีโบสถ์ (วิหาร) ที่สวยงาม
ภายในโบสถ์จะมีรูปเคารพ เช่น ภาพวาดพระเยซู / พระแม่มารี / นักบุญต่างๆ นิกายนี้แพร่หลายในประเทศรัสเซีย
ในเมืองไทยเริ่มมีให้เห็นบ้างแล้ว
3. โปรเตสแตนต์ (Protestant) แยกตัวออกมาจากนิกายคาทอลิก เป็นนิกายเดียวที่ไม่มีนักบวช (ยกเว้นคณะแองกลิกัน)
เวลาประกอบพิธีทางศาสนา ผู้นำอาจแต่งกายด้วยชุดคลุมสวมทับชุดปกติ สถานประกอบพิธีทางศาสนาเรียกว่าคริสตจักร
เช่น คริสตจักรสะพานเหลือง คริสตจักรสร้างสรรค์กรุงเทพ คริสตจักรใจสมาน เป็นต้น อาคารคริสตจักร (โบสถ์)
มีหลากหลายรูปแบบ ทั้งแบบธรรมดาโดยดัดแปลงจากบ้านพักอาศัย หรือแบบหรูหราสง่างามก็มี
โดยไม่ได้ยึดติดกับรูปแบบอาคาร ทั้งภายในและภายนอกโบสถ์ไม่มีรูปเคารพ มีเพียงไม้กางเขนเพื่อระลึกถึงพระเยซูคริสต์
นิยมเรียกพระวิญญาณของพระเจ้าว่า "พระวิญญาณบริสุทธิ์" ในเมืองไทยนิยมเรียกผู้ที่นับถือนิกายนี้ว่า "คริสเตียน"
หมายเหตุ
(1) มีหลายคนที่มักเขียนชื่อ "นิกายโปรเตสแตนต์" ผิด โดยเขียนเป็น "นิกายโปรแตสแตนต์"
(2) คณะแองกลิกัน (คริสตจักรไคร้สตเชิช) เดิมสังกัดนิกายคาทอลิก แล้วย้ายออกมาสังกัดนิกายโปรเตสแตนต์ในภายหลัง
จึงยังคงรูปแบบมีนักบวชเหมือนเดิม
ศาสนาคริสต์มีความเชื่อว่าพระเยซูคริสต์ทรงเป็นพระเจ้าผู้ประเสริฐ (พระเจ้าผู้สูงสุด) ที่มาเกิดเป็นมนุษย์ในสถานะพระบุตร
โดยพระบุตรมีความเท่าเทียมกับพระบิดาในสวรรค์ และพระวิญญาณของพระเจ้า และพระเจ้าผู้ประเสริฐทั้ง 3 สถานะ
เป็นพระเจ้าองค์เดียวกัน แต่ดำรงอยู่ต่างสถานะกัน เปรียบเหมือนกับน้ำที่มี 3 สถานะ คือ ของแข็ง ของเหลว และก๊าซ
แต่ก็เป็นน้ำเหมือนกัน ดังนั้นพระเจ้าผู้ประเสริฐทรงมี 3 สถานะ คือ พระบิดา พระบุตร และพระวิญญาณของพระเจ้า
โดยที่พระเจ้าทั้ง 3 สถานะสามารถพูดคุยกันได้ ความเชื่อนี้เรียกว่า "ตรีเอกภาพ" หรือ "ตรีเอกานุภาพ"
โดยพระเยซูคริสต์เป็นผู้ประทานความรอดให้แก่มนุษย์ และจะนำให้มนุษย์ไปอยู่ในสวรรค์
คำสอนของพระเจ้าผู้ประเสริฐจากคัมภีร์ไบเบิล
1. อิสยาห์ 55:6-7
จงแสวงหาพระเจ้า เพื่อจะพบพระองค์ได้ จงอธิษฐานขอความช่วยเหลือจากพระองค์ในขณะที่พระองค์ทรงอยู่ใกล้
ให้คนบาปเลิกทำบาป และเลิกคิดในสิ่งที่ชั่ว ให้เขากลับมายังพระเจ้าเพื่อพระองค์จะทรงเมตตา และให้อภัยทุกอย่าง
2. มัทธิว 11:28-30 พระเยซูคริสต์ตรัสดังนี้
บรรดาผู้ที่ทำงานเหน็ดเหนื่อยและมีภาระหนักจงมาหาเรา แล้วเราจะทำให้ท่านหายเหนื่อยและเป็นสุข
จงมอบภาระทุกอย่างไว้กับเรา แล้วเรียนรู้จากเรา เพราะว่าเราสุภาพและใจอ่อนน้อม แล้วจิตใจของท่านจะได้พัก
เพราะว่าเรารับภาระของท่านได้ทุกอย่าง และภาระของเราก็เบา
ดังนั้น ทุกคนไม่ว่าจะนับถือศาสนาใดหรือไม่นับถือศาสนา ก็สามารถขอความช่วยเหลือจากพระเจ้าผู้ประเสริฐได้
แต่จะต้องไม่ขอเพื่อสนองกิเลสตัณหา โดยสิ่งที่ขอนั้นจะต้องเป็นสิ่งที่ดี เป็นสิ่งจำเป็น และเป็นสิ่งที่เหมาะสม
หากสิ่งที่ขอสอดคล้องกับน้ำพระทัยของพระองค์ พระองค์ก็จะช่วยเหลือด้วยการอัศจรรย์
โดยพระองค์จะช่วยเหลือแบบให้เปล่า
ผู้ใดแสวงหาพระเจ้าผู้ประเสริฐ ผู้นั้นจะพบพระองค์
หากท่านสนใจการพิสูจน์ว่าพระเจ้าผู้ประเสริฐมีจริงหรือไม่
สามารถศึกษาได้จากลิงค์นี้ครับ https://pantip.com/topic/36323199/comment34 และ 34-2
หากท่านสนใจที่จะศึกษาทางของพระเยซูคริสต์ในเบื้องต้น ซึ่งพระองค์มีความรักที่ยิ่งใหญ่ที่สุด
โดยพระองค์รักมนุษย์ทุกคนมาก และผมเชื่อว่าเป็นทางที่มีความสุขอย่างแท้จริง
สามารถศึกษาได้จากลิงค์นี้ครับ https://pantip.com/topic/36545170/comment1 และ 2
ขอพระเจ้าผู้ประเสริฐประทานสันติสุขให้แก่ท่าน
ในความรักของพระเยซูคริสต์ ผู้เป็นพระเจ้าผู้ประเสริฐ