ถ้าให้เพื่อน ๆ นึกถึงชื่อศิลปินภาพวาดที่โด่งดังระดับโลก มีชื่อไหนบ้างผุดขึ้นมาในความคิดเป็นชื่อแรก ๆ แน่นอนว่าหนึ่งในนั้นจะต้องมี โมเนต์, ลีโอนาโด ดาวินชี, ปิกัสโซ และอีกหนึ่งชื่อที่ไม่ว่าจะปีไหน ๆ กระแสของเค้าก็ยังวนกลับเข้ามาให้คนได้คิดถึงอยู่เสมอ นั่นก็คือออ จิตรกรชาวดัตช์ Vincent Van Gogh นั่นเองค่ะ แม้ว่าสำเนียงจริง ๆ ในภาษาดัตช์จะอ่านชื่อเค้าว่า ฟินเซนต์ ฟัน โคค หรือ ฟินเซนต์ ฟาน โคค ก็ตาม แต่…ทางเราก็ขออนุญาตเรียกตามสไตล์ไท้ยไทยว่า วินเซนต์ แวนโก๊ะ แล้วกันนะคะ 555 อ่านง่ายเรียกง่ายดี 😂 ที่ต้องเน้นชื่อหลังเป็นพิเศษ เพราะตอนนี้บ้านเรากำลังมี
นิทรรศการศิลปะดิจิทัล Van Gogh Alive Bangkok จัดแสดงผลงานศิลปะของพี่เค้าในรูปแบบดิจิทัลด้วยเทคนิคที่ไม่ธรรมดาเลย (สำหรับเรา เราตื่นเต้นมาก ไม่เคยดูงานศิลปะรูปแบบนี้มาก่อน) แต่ข้างในจะมีอะไรบ้าง ขออุบไว้ก่อน เดี๋ยวเล่าให้ฟัง
กว่า 3,000 ชิ้นงานที่นำมาจัดแสดง มีทั้งระดับมาสเตอร์พีซขึ้นหิ้ง ไปจนกระทั่งระดับที่เรียกได้ว่าเป็นจุดเริ่มต้นของการก้าวเข้าสู่โลกศิลปะของแวนโก๊ะกันเลย บางชิ้นเราเห็นแล้วก็อ๋อ จำได้ บางชิ้นเห็นแล้วก็ เฮ้ย นี่คืองานของแวนโก๊ะจริง ๆ เหรอ เพราะมันเป็นสไตล์ภาพวาดที่ไม่คุ้นเลย ไม่ใช่ภาพที่เป็นลายเซ็นของแวนโก๊ะอย่างที่เรารู้จัก วันนี้เราเลยจะพาไปดูเรื่องราว
กว่าจะมาเป็น “แวนโก๊ะ” ผ่านงานศิลป์และเทคนิคจัดแสดง แสง-สี-เสียง สุดอลังในงานนิทรรศการ
Van Gogh Alive Bangkok กัน
นิทรรศการศิลปะ Van Gogh Alive Bangkok
• จัดแสดงวันที่ 31 มีนาคม - 3 กันยายน 2566
• เวลา 10.30 - 21.00 น.
• ณ Attraction Hall ชั้น 6 ไอคอนสยาม กรุงเทพ ฯ
ขอบอกรายละเอียดงานอีกสักเล็กน้อยให้เพื่อน ๆ ได้รู้จักกับนิทรรศการ Van Gogh Alive Bangkok แบบคร่าว ๆ ก่อนจะพาไปทัวร์ด้านในกัน งานนิทรรศการนี้เป็นงานแบบ Touring Experience หรืองานนิทรรศการสัญจร เดินทางจัดแสดงงานมาแล้วหลายที่ทั่วโลกกว่า 80 เมือง อย่างเช่นที่ปักกิ่ง, เบอร์ลิน, ลอนดอน ฯลฯ ซึ่งเค้าเคลมว่าจำนวนคนเข้าชมรวมแล้วเหยียบ ๆ 8.5 ล้านคน ว้าวมาก ตอนนี้เค้าแวะมาปักหมุดที่ไทย เปิดให้เข้าชมตั้งแต่วันที่ 31 มีนาคม ที่ผ่านมา และด้วยความที่กระแสตอบรับดีมาก เค้าเลยขยายวันจัดแสดงออกไปเรื่อย ๆ จนกระทั่งล่าสุด
จะจัดแสดงถึงวันอาทิตย์ที่ 3 กันยายน 2566 นี้เป็นวันสุดท้ายแล้ว
และที่เราบอกว่างานนี้ดูน่าตื่นตาตื่นใจเป็นพิเศษ เพราะเค้าใช้เทคนิคจัดแสดงในรูปแบบ 4 มิติ (Immersive Multi-Sensory Experience) แสง สี เสียง มาครบ จัดเต็มเพื่อคนรักงานศิลปะและแวนโก๊ะโดยเฉพาะ ส่วนราคาบัตรเข้าชม จะมีแบบ VIP 1,490 บาท (ราคานี้ได้ของที่ระลึกจากงานด้วย) แบบทั่วไป 990 บาท แล้วก็มีบัตรสำหรับน้อง ๆ นักเรียนนักศึกษาในราคา 480 บาทด้วย พอเห็นราคาแล้วหลายคนอาจจะแอบลังเลใจ แต่นาน ๆ จะมีนิทรรศการงานศิลปะอลัง ๆ ระดับโลกแบบนี้มาจัดที่บ้านเรา เราว่าเป็นงานที่ไม่ควรพลาดจริง ๆ และบอกได้เลยว่าประสบการณ์ดี ๆ แบบนี้คุ้มค่าบัตรมาก
จองบัตรล่วงหน้าก่อนเข้าชมได้ที่นี่นะคะ
https://www.thaiticketmajor.com/van-gogh-alive/ ส่วนใครที่อยากไปซื้อบัตรหน้างาน สอบถามเจ้าหน้าที่เพื่อความชัวร์กันได้ที่เพจเลยค่ะ
https://www.facebook.com/VanGoghAliveBangkok/
หลังจากบอกข้อมูลกันพอกรุบกริบ ก็พามาดูกันต่อเลยว่าในงาน
นิทรรศการ Van Gogh Alive Bangkok จะมีโซนไหนน่าสนใจบ้าง ที่ลองแบ่งเอาเองคร่าว ๆ หลัก ๆ ในงานจะมีทั้งหมด 4 โซนด้วยกัน
1. โซน Exhibition : เป็นโซนแนะนำประวัติของแวนโก๊ะผ่านผลงานชิ้นสำคัญ และมีมุมจำลองห้องนอนของแวนโก๊ะ
2. โซน Gallery Hall : เป็นโซนจัดแสดงผลงานศิลปะดิจิทัลของแวนโก๊ะผ่านเทคโนโลยี SENSORY4 โดยใช้โพรเจกเตอร์ 60 เครื่อง ในการฉายภาพวาดด้วยความละเอียดสูง (ใช้เวลา 40 นาทีต่อรอบ)
3. โซน Van Gogh Old Town : เป็นโซนจำลองเมืองขนาดย่อมที่แวนโก๊ะเคยอาศัยอยู่ ใน 4 ธีมหลัก Fields, Starry Night, Countryside และ Garden มีทั้งมุมถ่ายรูปและคาเฟ่ป็อปอัป
4. โซน Van Gogh Shop : เป็นโซนขายของที่ระลึกพิมพ์ลายผลงานของแวนโก๊ะ ทั้งเครื่องเขียน ของใช้และของตกแต่งบ้าน มีตั้งแต่ราคาหลักสิบ หลักร้อย ไปจนถึงหลักพัน
มาเริ่มกันที่โซนแรกของงานกัน พอยื่นบัตรเข้าชมแบบดิจิทัลในมือถือให้เจ้าหน้าที่ดูเรียบร้อย เดินเข้าไปก็จะเป็นโถงยาวเข้าไปสู่
นิทรรศการย่อม ๆ ที่แนะนำชีวประวัติของแวนโก๊ะผ่านข้อความบรรยายและภาพวาดชิ้นสำคัญที่เป็นไฮไลต์ มีมุมจำลองห้องนอนของแวนโก๊ะให้เราได้ถ่ายรูปเก๋ ๆ ด้วย โซนนี้เราแนะนำให้เดินช้า ๆ ค่อย ๆ อ่านเรื่องราวไปทีละแผ่นป้ายค่ะ ข้อมูลกระชับ เข้าใจง่าย และทำให้เราเข้าถึงตัวตนของแวนโก๊ะในมิติอื่น ๆ มากขึ้น จากแต่เดิมที่รู้แค่ว่าเค้าเป็นจิตรกรชื่อดังเจ้าของผลงาน The Starry Night ตอนนี้ก็รู้แล้วว่ากว่าจะมาเป็นจิตรกรชื่อดังจริง ๆ ชีวิตเค้าเป็นยังไง ผ่านอะไรมาบ้าง
บอกเลยว่าค่อนข้างสะเทือนใจค่ะ พอได้อ่านข้อความแล้วดูภาพตามไปด้วย ก็เริ่มเข้าใจได้หน่อย ๆ แล้วว่าแต่ละสีที่แวนโก๊ะเลือกใช้ แต่ละภาพที่แวนโก๊ะวาดขึ้นมา เค้าตั้งใจจะสื่อสารอะไรด้วยอารมณ์แบบไหน ชีวิตของแวนโก๊ะช่างเข้ากับวลี “สู้ชีวิต แต่ชีวิตสู้กลับ” สุด ๆ
มาต่อกันที่
โซน Gallery Hall ค่ะ จะเป็นโซนที่ฉายผลงานดิจิทัลของแวนโก๊ะด้วยเทคโนโลยี SENSORY4 จาก Grande Experiences โดยจะค่อย ๆ ฉายทั้งภาพเขียนและภาพสเก็ตช์ในช่วงปี 1880-1890 ไปเรื่อย ๆ พร้อมคำบรรยาย เหมือนเป็นการไล่ลำดับไทม์ไลน์ชีวิตของแวนโก๊ะตั้งแต่ช่วงที่อาศัยอยู่ที่บ้านเกิด (ประเทศเนเธอแลนด์) ไปจนถึงช่วงที่ย้ายถิ่นที่อยู่ไปเรื่อย ๆ ซึ่งผนวกรวมไว้ทั้งยุคมืด และยุคสว่างของชีวิต อย่างที่บอกว่าหลายชิ้นงานที่จัดแสดง หลายคนอาจจะร้องอ๋อเพราะเคยเห็น แต่ก็มีอีกหลายชิ้นงานที่ไม่เคยเห็นและดูแปลกตา เพราะไม่ค่อยเหมือนสไตล์ภาพวาดของแวนโก๊ะที่เราจะคุ้นชินกันดีกับลายเส้นฝีแปรงแบบชัด ๆ
โซนนี้เป็นโซนที่เราประทับใจมากที่สุด ความน่าตื่นเต้นที่ทำให้รู้สึกว่าเหมือนหลุดเข้าไปในโลกของแวนโก๊ะจริง ๆ ก็คือ แสง สี เสียง มาครบ ขณะที่เค้าฉายภาพลงบนกำแพงและพื้น ก็ยังมีการเปิดเพลงคลาสสิกผ่านระบบเซอร์ราวด์คลอไปด้วยตลอดการชม เราเลยอินมาก ชอบมากเป็นพิเศษ ใครสนใจอยากลองฟังสกอร์ดูก่อน ลองแวะไปฟังที่นี่ได้ค่ะ
Van Gogh Alive Playlist เราจำไม่ได้ว่ามีเพลงไหนบ้าง แต่คิดว่าเพลย์ลิสต์นี้เก็บได้ครบที่สุด (เปิดคลอระหว่างอ่านกระทู้นี้ก็ได้นะคะ เผื่อจะได้อรรถรสมากขึ้น 555)
ปล. โซนนี้จะใช้เวลาอย่างน้อย 40 นาที เราแนะนำให้หาที่นั่งเหมาะ ๆ บริเวณโซนตรงกลาง จะได้มองเห็นการจัดแสดงรอบด้าน แล้วก็แนะนำว่าเข้าไปแล้ว อาจจะนั่งดูไปก่อนให้จบรอบนึงก็ได้เพื่อเสพอรรถรสแบบเต็ม ๆ แล้วอีกรอบที่รีรันฉายใหม่ค่อยหาจังหวะหามุมที่แสงสีได้ แชะรูปเก็บไว้เป็นที่ระลึกสักหน่อย (ถ้าเดินออกไปแล้ว จะเดินย้อนกลับเข้ามาถ่ายรูปใหม่ไม่ได้แล้วน้า)
[CR] แวนโก๊ะคืนชีพ! ปลุกไฟศิลป์ให้ลุกโชนกับ Van Gogh Alive Bangkok นิทรรศการที่คนรักศิลปะไม่ควรพลาด (วันนี้ - 3 ก.ย. 66)
กว่า 3,000 ชิ้นงานที่นำมาจัดแสดง มีทั้งระดับมาสเตอร์พีซขึ้นหิ้ง ไปจนกระทั่งระดับที่เรียกได้ว่าเป็นจุดเริ่มต้นของการก้าวเข้าสู่โลกศิลปะของแวนโก๊ะกันเลย บางชิ้นเราเห็นแล้วก็อ๋อ จำได้ บางชิ้นเห็นแล้วก็ เฮ้ย นี่คืองานของแวนโก๊ะจริง ๆ เหรอ เพราะมันเป็นสไตล์ภาพวาดที่ไม่คุ้นเลย ไม่ใช่ภาพที่เป็นลายเซ็นของแวนโก๊ะอย่างที่เรารู้จัก วันนี้เราเลยจะพาไปดูเรื่องราว กว่าจะมาเป็น “แวนโก๊ะ” ผ่านงานศิลป์และเทคนิคจัดแสดง แสง-สี-เสียง สุดอลังในงานนิทรรศการ Van Gogh Alive Bangkok กัน
นิทรรศการศิลปะ Van Gogh Alive Bangkok
• จัดแสดงวันที่ 31 มีนาคม - 3 กันยายน 2566
• เวลา 10.30 - 21.00 น.
• ณ Attraction Hall ชั้น 6 ไอคอนสยาม กรุงเทพ ฯ
และที่เราบอกว่างานนี้ดูน่าตื่นตาตื่นใจเป็นพิเศษ เพราะเค้าใช้เทคนิคจัดแสดงในรูปแบบ 4 มิติ (Immersive Multi-Sensory Experience) แสง สี เสียง มาครบ จัดเต็มเพื่อคนรักงานศิลปะและแวนโก๊ะโดยเฉพาะ ส่วนราคาบัตรเข้าชม จะมีแบบ VIP 1,490 บาท (ราคานี้ได้ของที่ระลึกจากงานด้วย) แบบทั่วไป 990 บาท แล้วก็มีบัตรสำหรับน้อง ๆ นักเรียนนักศึกษาในราคา 480 บาทด้วย พอเห็นราคาแล้วหลายคนอาจจะแอบลังเลใจ แต่นาน ๆ จะมีนิทรรศการงานศิลปะอลัง ๆ ระดับโลกแบบนี้มาจัดที่บ้านเรา เราว่าเป็นงานที่ไม่ควรพลาดจริง ๆ และบอกได้เลยว่าประสบการณ์ดี ๆ แบบนี้คุ้มค่าบัตรมาก
จองบัตรล่วงหน้าก่อนเข้าชมได้ที่นี่นะคะ https://www.thaiticketmajor.com/van-gogh-alive/ ส่วนใครที่อยากไปซื้อบัตรหน้างาน สอบถามเจ้าหน้าที่เพื่อความชัวร์กันได้ที่เพจเลยค่ะ https://www.facebook.com/VanGoghAliveBangkok/
1. โซน Exhibition : เป็นโซนแนะนำประวัติของแวนโก๊ะผ่านผลงานชิ้นสำคัญ และมีมุมจำลองห้องนอนของแวนโก๊ะ
2. โซน Gallery Hall : เป็นโซนจัดแสดงผลงานศิลปะดิจิทัลของแวนโก๊ะผ่านเทคโนโลยี SENSORY4 โดยใช้โพรเจกเตอร์ 60 เครื่อง ในการฉายภาพวาดด้วยความละเอียดสูง (ใช้เวลา 40 นาทีต่อรอบ)
3. โซน Van Gogh Old Town : เป็นโซนจำลองเมืองขนาดย่อมที่แวนโก๊ะเคยอาศัยอยู่ ใน 4 ธีมหลัก Fields, Starry Night, Countryside และ Garden มีทั้งมุมถ่ายรูปและคาเฟ่ป็อปอัป
4. โซน Van Gogh Shop : เป็นโซนขายของที่ระลึกพิมพ์ลายผลงานของแวนโก๊ะ ทั้งเครื่องเขียน ของใช้และของตกแต่งบ้าน มีตั้งแต่ราคาหลักสิบ หลักร้อย ไปจนถึงหลักพัน
มาเริ่มกันที่โซนแรกของงานกัน พอยื่นบัตรเข้าชมแบบดิจิทัลในมือถือให้เจ้าหน้าที่ดูเรียบร้อย เดินเข้าไปก็จะเป็นโถงยาวเข้าไปสู่นิทรรศการย่อม ๆ ที่แนะนำชีวประวัติของแวนโก๊ะผ่านข้อความบรรยายและภาพวาดชิ้นสำคัญที่เป็นไฮไลต์ มีมุมจำลองห้องนอนของแวนโก๊ะให้เราได้ถ่ายรูปเก๋ ๆ ด้วย โซนนี้เราแนะนำให้เดินช้า ๆ ค่อย ๆ อ่านเรื่องราวไปทีละแผ่นป้ายค่ะ ข้อมูลกระชับ เข้าใจง่าย และทำให้เราเข้าถึงตัวตนของแวนโก๊ะในมิติอื่น ๆ มากขึ้น จากแต่เดิมที่รู้แค่ว่าเค้าเป็นจิตรกรชื่อดังเจ้าของผลงาน The Starry Night ตอนนี้ก็รู้แล้วว่ากว่าจะมาเป็นจิตรกรชื่อดังจริง ๆ ชีวิตเค้าเป็นยังไง ผ่านอะไรมาบ้าง
บอกเลยว่าค่อนข้างสะเทือนใจค่ะ พอได้อ่านข้อความแล้วดูภาพตามไปด้วย ก็เริ่มเข้าใจได้หน่อย ๆ แล้วว่าแต่ละสีที่แวนโก๊ะเลือกใช้ แต่ละภาพที่แวนโก๊ะวาดขึ้นมา เค้าตั้งใจจะสื่อสารอะไรด้วยอารมณ์แบบไหน ชีวิตของแวนโก๊ะช่างเข้ากับวลี “สู้ชีวิต แต่ชีวิตสู้กลับ” สุด ๆ
โซนนี้เป็นโซนที่เราประทับใจมากที่สุด ความน่าตื่นเต้นที่ทำให้รู้สึกว่าเหมือนหลุดเข้าไปในโลกของแวนโก๊ะจริง ๆ ก็คือ แสง สี เสียง มาครบ ขณะที่เค้าฉายภาพลงบนกำแพงและพื้น ก็ยังมีการเปิดเพลงคลาสสิกผ่านระบบเซอร์ราวด์คลอไปด้วยตลอดการชม เราเลยอินมาก ชอบมากเป็นพิเศษ ใครสนใจอยากลองฟังสกอร์ดูก่อน ลองแวะไปฟังที่นี่ได้ค่ะ Van Gogh Alive Playlist เราจำไม่ได้ว่ามีเพลงไหนบ้าง แต่คิดว่าเพลย์ลิสต์นี้เก็บได้ครบที่สุด (เปิดคลอระหว่างอ่านกระทู้นี้ก็ได้นะคะ เผื่อจะได้อรรถรสมากขึ้น 555)
ปล. โซนนี้จะใช้เวลาอย่างน้อย 40 นาที เราแนะนำให้หาที่นั่งเหมาะ ๆ บริเวณโซนตรงกลาง จะได้มองเห็นการจัดแสดงรอบด้าน แล้วก็แนะนำว่าเข้าไปแล้ว อาจจะนั่งดูไปก่อนให้จบรอบนึงก็ได้เพื่อเสพอรรถรสแบบเต็ม ๆ แล้วอีกรอบที่รีรันฉายใหม่ค่อยหาจังหวะหามุมที่แสงสีได้ แชะรูปเก็บไว้เป็นที่ระลึกสักหน่อย (ถ้าเดินออกไปแล้ว จะเดินย้อนกลับเข้ามาถ่ายรูปใหม่ไม่ได้แล้วน้า)
CR - Consumer Review : กระทู้รีวิวนี้เป็นกระทู้ CR โดยที่เจ้าของกระทู้
ดูแผนที่ขนาดใหญ่ขึ้น