ขอเกริ่นก่อนนะคะว่าเราเรียนสายศิลปะ ม.เอกชนที่นึง ซึ่งเรื่องนี้เรายอมรับค่ะว่าเราผิดเองที่ไม่เช็คดูม.อื่นก่อน แล้วเลือกเข้าที่นี่ ทุกอย่างของม.นี้ทำเรารู้สึกแย่ในหลายๆ ด้านและเสียความรู้สึกมากค่ะ ค่าเทอมแพงแต่เรากลับรู้สึกว่าไม่ได้ benefits ตามค่าเทอมเลย ม.รับคนเยอะรับจนเราไม่มีห้องจะเรียนแล้ว เราสงสารพ่อแม่ที่จ่ายเงินให้กับคนเห็นแก่ตัวอย่างเรา แล้วมันก็จะมีแต่คำว่าถ้าหากตอนนั้นเลือกอีกม. นึง หรือไปสู้Tcas และเข้าม. รัฐอะไรงี้น่ะค่ะ จบมาก็กลัวจะไม่มีงานทำ เพราะพอคนเยอะในการลงเสรีหรือโทมันก็ไม่พอจนเราต้องไปเลือกเสรีที่เราไม่ได้สนใจ
เราเรียนสายศิลปะเลยค่ะ แต่ก็มีที่เกี่ยวกับเทคบ้าง แต่ว่าเทคที่เขานำมาสอนเราเรารู้สึกว่ามันไร้สาระเอามากๆ เลยค่ะ ตามความจริงแล้วสิ่งนี้มันน่าจะไม่ควรมาอยู่ในการสอนเลย ซึ่งนั้นแหละค่ะมันทำเราเสียความรู้สึกอีกแล้ว พอมองไปยังอีกม. หนึ่งมันทำให้แบบบางทีที่นั่นอาจจะตอบโจทย์เรามากกว่า บางทีอาจจะด้วยความที่ว่าเราเป็นนักเรียนเกรดบีด้วย เราไม่ได้ต้องการเป็นดาราหรือคนที่ดัง เราแค่อยากมีงานทำเรื่อยๆ มีเงิน ชีวิตเรียบง่าย แต่การมาสายนี้มันเหมือนว่าเราต้องเป็นดารา คนดังซึ่งมันทำให้เราเครียดกว่าเดิม
เราเคยร้องไห้บอกพ่อกับแม่แล้ว แม่บอกว่าแล้วมันจะจบพร้อมเพื่อนไหม ทุกครั้งที่จะมีความคิดอยากจะดรอปอะไรแบบนี้ แม่ก็จะบอกว่าจะจบพร้อมเพื่อนไหม แล้วเงินที่เสียไปจะทำยังไง อะไรงี้น่ะค่ะ แล้วช่วงนั้นก็ผ่านมาได้ถ้าหากว่าไม่มีใครสะกิดเรื่องมหาลัยหรือคณะที่ตัวเองเลือก แต่ว่ามันก็ยังคงมีความกังวลในทุกๆ ครั้ง พอไปดูหลักสูตรของม. ที่อยู่ใกล้บ้านที่ค่าเทอมถูกกว่าและกว้างขวางกว่าเหมือนกับเอาคณะของม.ที่เราเรียนมาจับเป็นสาขาเดียว มันก็ยิ่งรู้สึกแย่กว่าเดิมที่เราโง่มาเลือกที่นี่ เราพยายามที่จะอยู่ในปัจจุบันแล้ว แต่ว่าสมองมันให้เราติดอยู่กับอดีตไม่ก็อนาคตตลอดเวลา
เรามองเพื่อนที่อยู่ในม.ตัวเอง และที่อื่นเราเห็นเขามีความสุขในทางเลือกนี่มากแต่เรานั่งคิดตลอดว่าทำไมเราถึงมีความสุขแบบนั้นไม่ได้ บางครั้งถึงเราจะยิ้มอยู่แต่รู้สึกว่าใจเราไม่ได้ยิ้มไปด้วย เมื่อวานก็คิดถึงการกินยาให้เยอะๆ จะได้หายฟุ้งซ่านไปเลย
เราไม่รู้ว่าจะทำยังไงดีแล้วค่ะ เรามันโง่และเห็นแก่ตัวจริงๆ ขอบคุณที่รับฟังนะคะ
ป.ล. ณ ปัจจุบันเราอยู่ปี 2 แล้วค่ะ
กังวลเกี่ยวกับทุกอย่าง
เราเรียนสายศิลปะเลยค่ะ แต่ก็มีที่เกี่ยวกับเทคบ้าง แต่ว่าเทคที่เขานำมาสอนเราเรารู้สึกว่ามันไร้สาระเอามากๆ เลยค่ะ ตามความจริงแล้วสิ่งนี้มันน่าจะไม่ควรมาอยู่ในการสอนเลย ซึ่งนั้นแหละค่ะมันทำเราเสียความรู้สึกอีกแล้ว พอมองไปยังอีกม. หนึ่งมันทำให้แบบบางทีที่นั่นอาจจะตอบโจทย์เรามากกว่า บางทีอาจจะด้วยความที่ว่าเราเป็นนักเรียนเกรดบีด้วย เราไม่ได้ต้องการเป็นดาราหรือคนที่ดัง เราแค่อยากมีงานทำเรื่อยๆ มีเงิน ชีวิตเรียบง่าย แต่การมาสายนี้มันเหมือนว่าเราต้องเป็นดารา คนดังซึ่งมันทำให้เราเครียดกว่าเดิม
เราเคยร้องไห้บอกพ่อกับแม่แล้ว แม่บอกว่าแล้วมันจะจบพร้อมเพื่อนไหม ทุกครั้งที่จะมีความคิดอยากจะดรอปอะไรแบบนี้ แม่ก็จะบอกว่าจะจบพร้อมเพื่อนไหม แล้วเงินที่เสียไปจะทำยังไง อะไรงี้น่ะค่ะ แล้วช่วงนั้นก็ผ่านมาได้ถ้าหากว่าไม่มีใครสะกิดเรื่องมหาลัยหรือคณะที่ตัวเองเลือก แต่ว่ามันก็ยังคงมีความกังวลในทุกๆ ครั้ง พอไปดูหลักสูตรของม. ที่อยู่ใกล้บ้านที่ค่าเทอมถูกกว่าและกว้างขวางกว่าเหมือนกับเอาคณะของม.ที่เราเรียนมาจับเป็นสาขาเดียว มันก็ยิ่งรู้สึกแย่กว่าเดิมที่เราโง่มาเลือกที่นี่ เราพยายามที่จะอยู่ในปัจจุบันแล้ว แต่ว่าสมองมันให้เราติดอยู่กับอดีตไม่ก็อนาคตตลอดเวลา
เรามองเพื่อนที่อยู่ในม.ตัวเอง และที่อื่นเราเห็นเขามีความสุขในทางเลือกนี่มากแต่เรานั่งคิดตลอดว่าทำไมเราถึงมีความสุขแบบนั้นไม่ได้ บางครั้งถึงเราจะยิ้มอยู่แต่รู้สึกว่าใจเราไม่ได้ยิ้มไปด้วย เมื่อวานก็คิดถึงการกินยาให้เยอะๆ จะได้หายฟุ้งซ่านไปเลย
เราไม่รู้ว่าจะทำยังไงดีแล้วค่ะ เรามันโง่และเห็นแก่ตัวจริงๆ ขอบคุณที่รับฟังนะคะ
ป.ล. ณ ปัจจุบันเราอยู่ปี 2 แล้วค่ะ