หน้าแรก
คอมมูนิตี้
ห้อง
แท็ก
คลับ
ห้อง
แก้ไขปักหมุด
ดูทั้งหมด
เกิดข้อผิดพลาดบางอย่าง
ลองใหม่
แท็ก
แก้ไขปักหมุด
ดูเพิ่มเติม
เกิดข้อผิดพลาดบางอย่าง
ลองใหม่
{room_name}
{name}
{description}
กิจกรรม
แลกพอยต์
อื่นๆ
ตั้งกระทู้
เข้าสู่ระบบ / สมัครสมาชิก
เว็บไซต์ในเครือ
Bloggang
Pantown
PantipMarket
Maggang
ติดตามพันทิป
ดาวน์โหลดได้แล้ววันนี้
เกี่ยวกับเรา
กฎ กติกา และมารยาท
คำแนะนำการโพสต์แสดงความเห็น
นโยบายเกี่ยวกับข้อมูลส่วนบุคคล
สิทธิ์การใช้งานของสมาชิก
ติดต่อทีมงาน Pantip
ติดต่อลงโฆษณา
ร่วมงานกับ Pantip
Download App Pantip
Pantip Certified Developer
เที่ยว Leh (Ladakh) เทให้หมดทั้งใจ (ตอนที่ 2)
กระทู้สนทนา
เลห์ ลาดักห์
สถานที่ท่องเที่ยวต่างประเทศ
บันทึกนักเดินทาง
นักท่องเที่ยว
กลับมาต่อตอนที่ 2 กันค่ะ สำหรับคนที่สนใจตอนแรก ติดตามได้ที่ link นี้ค่ะ
https://pantip.com/topic/42189464
31/7/66 (วันที่ 4) : วันนี้เราจะเดินทางไป Pangong Lake ซึ่งได้ยินมาว่า เป็นทะเลสาบที่สูงที่สุดในโลกและพัก 1 คืน การเดินทางไปที่นี่ Jigmat Gyalpo บอกว่าขอให้เราออกแต่เช้าเพราะถนนไม่ค่อยดี เราก็คิดว่าคงไม่ต่างจากไทยมาก แต่ขุ่นพระ!!! เส้นทางมันไม่ใช่ถนนค่ะ มันคือการขับไต่บนเศษก้อนหินก้อนใหญ่ ๆ ไปทีละนิด ๆ เพื่อเจอทางเรียบประมาณ 300 เมตร และพบก้อนหินอีกที ทรหดมาก ระหว่างทางเขย่าจนเหมือนเรารู้สึกว่าอวัยวะภายในเราเขย่ารวมสลับตำแหน่งกันไปหมดแล้ว 555 แต่ก็ยังมีบางช่วงที่พอเห็นลำธารน้ำสีฟ้าใส ๆ ให้ได้พอสดชื่น และแวะพักคนพักรถ ให้เก็บภาพสวยๆ ได้อยู่บ้าง เรานับถือฝีมือและลีลาการขับรถของ Zangpor มาก ขับไปด้วยแวะจอดเช็คยางไปด้วยตลอดทาง เยี่ยมจริง ๆ
ขับต่อมาอีกสักพักก็ถึงแล้วค่ะ Pangong Lake ภาพแรกที่เห็นมันทำให้ลืมเรื่องการขับไต่เขาอันยากลำบากไปเลย รู้สึกแค่ว่ามันคุ้มค่ามาก ๆ ฟ้าสวย น้ำใส อากาศดี สัมผัสได้ถึงมนต์เสน่ห์ ที่ทุกคนไม่ควรพลาด และต้องมาเห็นกับตาสักครั้งในชีวิต หลังจากนั้นเราก็แยกย้ายถ่ายรูป นั่งเล่นดื่มด่ำกับความสวยใสกันไป (รูป set นี้เพื่อนแซวสี และ ทรงเสื้อคอกระเช้าเด่นตัดกับสีน้ำมาก 555)
หลังจากถ่ายรูปกันหนำใจแล้วเราก็เข้าที่พัก เพราะเริ่มมีอาการเพลีย เนื่องจากใช้แรงส่วนมากในการกลั้นหายใจไต่หินระหว่างทาง คืนนี้เราพักที่ Mentsel Cottage เป็นที่พักอยู่ติดกับทะเลสาบ หลังจากนอนพักแล้ว เราตื่นมาและเลือกเดินเล่นแถวหน้าโรงแรม ซึ่งพบว่าลมพัดแรง และอากาศค่อนข้างหนาวเย็นมาก แต่ก็บ่ยั่น หยิบเสื้อและออกไปเดินชมความงามของแสงเย็นกัน (ภาพ set นี้ต้องขออภัยในความหน้าสด เนื่องจากก่อนนอนพักเราอาบน้ำแล้วเลยไม่อยากแต่งหน้าอีก แต่แสงสวยมากเลยอยากลงให้ดู ขอให้เพื่อน ๆ เน้นมองวิวกันเป็นหลักแทนนะคะ 555)
ที่นี่ก็จะเหมือนกับที่ Nubra Valley คือจะตัดกระแสไฟในเวลาประมาณ 22.30 น. จนถึงเช้าเลย เราต้องเตรียมชาร์จอุปกรณ์ไฟฟ้าทุกอย่างให้พร้อมนะคะ หลังอาหารเย็นเรามานั่งเล่นหน้าห้องลมแรงมาก ลุกทีเก้าอี้พลาสติกปลิวเลย เรานั่งเล่นกันจึนถึงประมาณ 23.30 น. ก็กลับเข้านอน และพบว่าเรานอนไม่หลับเพราะอากาศหนาวมาก เราใส่ชุด Heattech แบบ Ultra แล้วแต่ยังเอาไม่อยู่ ต้องตื่นมาตอน 01.00 น. เพื่อใส่เสื้อผ้าเพิ่มความอบอุ่น ไม่แปลกใจที่ช่วงฤดูหนาวเขาไม่อนุญาตให้ค้างคืนที่นี่
1/8/66 (วันที่ 5) : วันนี้เราเดินทางไปที่ Tsomoriri Lake แต่ก่อนจะจาก Pangong Lake เราได้แวะจุดชมวิวที่สวยมาก เป็นการบอกลาที่ยิ่งทำให้เราหลงรักที่นี่มากขึ้น และหวังว่าสักวันเราจะกลับมาสบตากันอีกครั้งนะ Pangong Lake ที่รัก
เส้นทางระหว่างไป Tsomoriri Lake ก็ลำบากไม่ต่างกัน แต่ส่วนมากจะเป็นทางขึ้นเขาที่ค่อนข้างชัน หลายครั้งที่เหมือนรถจะขึ้นไม่ไหว แต่ Zangpor ก็เอาอยู่ ระหว่างทางเราจะผ่านทะเลสาบเล็ก ๆ ประมาณ 3 ที่ก่อน และในที่สุดเราก็มาถึง ส่วนตัวเราอยากมาที่นี่เพราะคิดว่าวิวแตกต่างจาก Pangong Lake ตรงที่นี่เงาภูเขาจะสะท้อนบนผืนน้ำทำให้มีมิติเหมือนผืนน้ำเป็นกระจกสะท้อน ทำให้วิวดูแปลกตาและน่าสนใจมาก บางรูปทำให้นึกถึงภาพพักหน้าจอคอมพิวเตอร์ที่เราคุ้นเคย
หลังจากนั้นเราก็เข้าที่พัก ของคืนนี้ที่ Namkila Tsomoriri Hotel เป็นที่พักที่วิวสวยมาก เราสิงอยู่ในห้องและนั่งมองวิวหายใจทิ้ง เฉย ๆ ก็ยังสุขใจมากมายแล้ว นั่งเล่นจนพบว่าแสงเย็นจากห้องพักสวยมาก ภูเขาสีทองเริ่มประกายขึ้นจากแสงอาทิตย์ที่กระทบเหลี่ยมเขา วุ้ยยยยยย!!!! สวยจับใจจริง ๆ
ที่นี่ก็ไม่ต่างจาก 2 คืนที่ผ่านมา ตัดไฟเวลาเดิม อย่าลืมเตรียมชาร์จไฟให้อุปรกณ์เต็มที่ก่อนนอนนะคะ
2/8/66 (วันที่ 6) : วันนี้เราต้องเดินทางกลับไปในตัวเมือง Leh แล้ว ก่อนไปก็แวะถ่ายรูปบอกลา Tsomoriri Lake อีกสักหน่อย แสงเช้าก็สวยไม่แพ้แสงเย็นเลย สีน้ำ สีท้องฟ้า และคนหน้าตาดีมารวมตัวกันมันก็จะฟีน ๆ หน่อย 555
หลังจากเก็บภาพความประทับใจแล้ว ก็พากันบอกลาผืนน้ำ และ ท้องฟ้า หวังว่าสักวันจะได้กลับมาซึมซับบรรยากาศแบบนี้อีกสักครั้ง บ๊ายบาย Tsomoriri Lake
นั่งรถมาประมาณ 1 เหนื่อยก็กลับมาถึงตัวเมือง Leh คืนนี้เราพักที่ Grand Yasmin Hotel เหมือนเดิม ซึ่งเป็นคืนสุดท้ายแล้ว เรายังอาลัยอาวรณ์กับหลาย อย่าง ทั้งบรรยากาศระหว่างทางที่ยึดพื้นที่การเชื่อมต่อ Bluetooth และบังคับให้ Zangpor ฟังเพลงไทยมาตลอดทาง (รู้สึกผิดนะเนี่ย 555) อีกทั้งวิวสวย ๆ ความหนาวเหน็บ ความเหนื่อยล้าระหว่างทาง อาหารทุกมื้อที่สั่งแต่ Maggi แต่ทุก ๆ อย่างโดยรวม ๆ แล้วมีเสน่ห์ที่มิมีวันลืมเลย
ก่อนกลับเราไม่ลืมที่จะร่ำลา Jigmat Gyalpo ที่ดูแลเอาใจใส่เราดีมากไม่มีขาดตกบกพร่อง ตั้งแต่เริ่มคุยเรื่องราคา จนกระทั่งส่งขึ้นเครื่องกลับ เพื่อน ๆ อย่าลืมนะคะ คิดจะเที่ยว Leh แค่คิดถึง Jigmat Gyalpo คุณจะได้รับการบริการที่ดีและประทับใจ โดยไม่ต้องร้องขอใด ๆ
สุดท้ายแล้วขอเล่าเรื่องที่คิดว่าพอจะเป็นสาระบ้าง
1. ใครที่ชอบดื่มเบียร์แบบเราขอบอกว่าสามารถหาได้จากร้านอาหารเป็นส่วนใหญ่ ร้านขายของชำส่วนมากไม่มีเบียร์ขาย เราเดินหาหลายร้านมาก ไม่แน่ใจว่าหาไม่เจอ หรือเธอไม่มีกันแน่
2. การเตรียมปลั๊กพ่วงไปเผื่อเป็นการดี เนื่องจากปลั๊กไฟนอกเมืองค่อนข้างน้อย และอยู่ในจุดที่เราไม่ค่อยสะดวกใช้งาน (เราติดโทรศัพท์เลยสะดวกแบบชาร์จไปด้วยเล่นไปด้วย)
3. แนะนำให้พกยาป้องกันโรคแพ้ความสูงในกระเป๋าที่ล้วงทานง่าย เพราะช่วงที่เรานอนนอกเมืองน้ำค่อนข้างเย็น ที่ Pangong และ Tsomoriri ไม่มีน้ำอุ่น หลังอาบน้ำ หรือ ระหว่างเดินทางอาจทำให้เราเกิดอาการหน้า และ ตัวชามาแบบปุบปั๊บได้ หากหยิบยาทานได้สะดวกจะดีกว่า
4. ฝุ่นระหว่างทางเยอะมาก Mask เอาไม่อยู่ ควรเตรียมน้ำเกลือ หรือ น้ำยาล้างจมูกไปล้างระหว่างทางด้วย
5. คนที่คิดว่าทานยากเตรียมเสบียงไปเยอะ ๆ มันช่วยได้มากจริง ๆ ทีมเราไม่เคยลืมเอากระเป๋าเสบียงลงรถเลย ต่อให้ลืมก็ต้องกลับไปเอา 555
6. สำหรับเราอากาศบนที่สูงไม่ได้น่ากลัวขนาดที่ทำให้เราป่วยได้ แต่ต้องเดินอย่างระมัดระวัง เดิน ๆ หยุด ๆ มันช่วยได้มาก อย่าฝืน (เราอ้วนมากตอนแรกก็กังวลแต่พอไปจริง ๆ ใช้ Trick แบบนี้ก็ช่วยได้เยอะเลย)
7. ขอให้เปิดใจในการเที่ยวให้สนุก Enjoy ไปกับทุกสถานการณ์ที่เกิด มันจะทำให้เราไม่เครียดและไม่ผิดหวังในการมาเยี่ยมที่นี่สักครั้งในชีวิต เที่ยว Leh (Ladakh) เทให้หมดทั้งใจ...
ขอบคุณเพื่อน ๆ ที่อ่านกันจนจบนะคะ หากต้องการหาสาระทักมาหลังไมค์ได้เลยนะคะ แล้วเจอกันกระทู้ต่อไปสำหรับการเดินทางไป ทัชมาฮาล ค่ะ ^^
แก้ไขข้อความเมื่อ
▼
กำลังโหลดข้อมูล...
▼
แสดงความคิดเห็น
อ่านกระทู้อื่นที่พูดคุยเกี่ยวกับ
เลห์ ลาดักห์
สถานที่ท่องเที่ยวต่างประเทศ
บันทึกนักเดินทาง
นักท่องเที่ยว
บนสุด
ล่างสุด
อ่านเฉพาะข้อความเจ้าของกระทู้
หน้า:
หน้า
จาก
แชร์ : 38
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน
อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่
ยอมรับ
เที่ยว Leh (Ladakh) เทให้หมดทั้งใจ (ตอนที่ 2)
31/7/66 (วันที่ 4) : วันนี้เราจะเดินทางไป Pangong Lake ซึ่งได้ยินมาว่า เป็นทะเลสาบที่สูงที่สุดในโลกและพัก 1 คืน การเดินทางไปที่นี่ Jigmat Gyalpo บอกว่าขอให้เราออกแต่เช้าเพราะถนนไม่ค่อยดี เราก็คิดว่าคงไม่ต่างจากไทยมาก แต่ขุ่นพระ!!! เส้นทางมันไม่ใช่ถนนค่ะ มันคือการขับไต่บนเศษก้อนหินก้อนใหญ่ ๆ ไปทีละนิด ๆ เพื่อเจอทางเรียบประมาณ 300 เมตร และพบก้อนหินอีกที ทรหดมาก ระหว่างทางเขย่าจนเหมือนเรารู้สึกว่าอวัยวะภายในเราเขย่ารวมสลับตำแหน่งกันไปหมดแล้ว 555 แต่ก็ยังมีบางช่วงที่พอเห็นลำธารน้ำสีฟ้าใส ๆ ให้ได้พอสดชื่น และแวะพักคนพักรถ ให้เก็บภาพสวยๆ ได้อยู่บ้าง เรานับถือฝีมือและลีลาการขับรถของ Zangpor มาก ขับไปด้วยแวะจอดเช็คยางไปด้วยตลอดทาง เยี่ยมจริง ๆ
ขับต่อมาอีกสักพักก็ถึงแล้วค่ะ Pangong Lake ภาพแรกที่เห็นมันทำให้ลืมเรื่องการขับไต่เขาอันยากลำบากไปเลย รู้สึกแค่ว่ามันคุ้มค่ามาก ๆ ฟ้าสวย น้ำใส อากาศดี สัมผัสได้ถึงมนต์เสน่ห์ ที่ทุกคนไม่ควรพลาด และต้องมาเห็นกับตาสักครั้งในชีวิต หลังจากนั้นเราก็แยกย้ายถ่ายรูป นั่งเล่นดื่มด่ำกับความสวยใสกันไป (รูป set นี้เพื่อนแซวสี และ ทรงเสื้อคอกระเช้าเด่นตัดกับสีน้ำมาก 555)
หลังจากถ่ายรูปกันหนำใจแล้วเราก็เข้าที่พัก เพราะเริ่มมีอาการเพลีย เนื่องจากใช้แรงส่วนมากในการกลั้นหายใจไต่หินระหว่างทาง คืนนี้เราพักที่ Mentsel Cottage เป็นที่พักอยู่ติดกับทะเลสาบ หลังจากนอนพักแล้ว เราตื่นมาและเลือกเดินเล่นแถวหน้าโรงแรม ซึ่งพบว่าลมพัดแรง และอากาศค่อนข้างหนาวเย็นมาก แต่ก็บ่ยั่น หยิบเสื้อและออกไปเดินชมความงามของแสงเย็นกัน (ภาพ set นี้ต้องขออภัยในความหน้าสด เนื่องจากก่อนนอนพักเราอาบน้ำแล้วเลยไม่อยากแต่งหน้าอีก แต่แสงสวยมากเลยอยากลงให้ดู ขอให้เพื่อน ๆ เน้นมองวิวกันเป็นหลักแทนนะคะ 555)
ที่นี่ก็จะเหมือนกับที่ Nubra Valley คือจะตัดกระแสไฟในเวลาประมาณ 22.30 น. จนถึงเช้าเลย เราต้องเตรียมชาร์จอุปกรณ์ไฟฟ้าทุกอย่างให้พร้อมนะคะ หลังอาหารเย็นเรามานั่งเล่นหน้าห้องลมแรงมาก ลุกทีเก้าอี้พลาสติกปลิวเลย เรานั่งเล่นกันจึนถึงประมาณ 23.30 น. ก็กลับเข้านอน และพบว่าเรานอนไม่หลับเพราะอากาศหนาวมาก เราใส่ชุด Heattech แบบ Ultra แล้วแต่ยังเอาไม่อยู่ ต้องตื่นมาตอน 01.00 น. เพื่อใส่เสื้อผ้าเพิ่มความอบอุ่น ไม่แปลกใจที่ช่วงฤดูหนาวเขาไม่อนุญาตให้ค้างคืนที่นี่
1/8/66 (วันที่ 5) : วันนี้เราเดินทางไปที่ Tsomoriri Lake แต่ก่อนจะจาก Pangong Lake เราได้แวะจุดชมวิวที่สวยมาก เป็นการบอกลาที่ยิ่งทำให้เราหลงรักที่นี่มากขึ้น และหวังว่าสักวันเราจะกลับมาสบตากันอีกครั้งนะ Pangong Lake ที่รัก
เส้นทางระหว่างไป Tsomoriri Lake ก็ลำบากไม่ต่างกัน แต่ส่วนมากจะเป็นทางขึ้นเขาที่ค่อนข้างชัน หลายครั้งที่เหมือนรถจะขึ้นไม่ไหว แต่ Zangpor ก็เอาอยู่ ระหว่างทางเราจะผ่านทะเลสาบเล็ก ๆ ประมาณ 3 ที่ก่อน และในที่สุดเราก็มาถึง ส่วนตัวเราอยากมาที่นี่เพราะคิดว่าวิวแตกต่างจาก Pangong Lake ตรงที่นี่เงาภูเขาจะสะท้อนบนผืนน้ำทำให้มีมิติเหมือนผืนน้ำเป็นกระจกสะท้อน ทำให้วิวดูแปลกตาและน่าสนใจมาก บางรูปทำให้นึกถึงภาพพักหน้าจอคอมพิวเตอร์ที่เราคุ้นเคย
หลังจากนั้นเราก็เข้าที่พัก ของคืนนี้ที่ Namkila Tsomoriri Hotel เป็นที่พักที่วิวสวยมาก เราสิงอยู่ในห้องและนั่งมองวิวหายใจทิ้ง เฉย ๆ ก็ยังสุขใจมากมายแล้ว นั่งเล่นจนพบว่าแสงเย็นจากห้องพักสวยมาก ภูเขาสีทองเริ่มประกายขึ้นจากแสงอาทิตย์ที่กระทบเหลี่ยมเขา วุ้ยยยยยย!!!! สวยจับใจจริง ๆ
ที่นี่ก็ไม่ต่างจาก 2 คืนที่ผ่านมา ตัดไฟเวลาเดิม อย่าลืมเตรียมชาร์จไฟให้อุปรกณ์เต็มที่ก่อนนอนนะคะ
2/8/66 (วันที่ 6) : วันนี้เราต้องเดินทางกลับไปในตัวเมือง Leh แล้ว ก่อนไปก็แวะถ่ายรูปบอกลา Tsomoriri Lake อีกสักหน่อย แสงเช้าก็สวยไม่แพ้แสงเย็นเลย สีน้ำ สีท้องฟ้า และคนหน้าตาดีมารวมตัวกันมันก็จะฟีน ๆ หน่อย 555
หลังจากเก็บภาพความประทับใจแล้ว ก็พากันบอกลาผืนน้ำ และ ท้องฟ้า หวังว่าสักวันจะได้กลับมาซึมซับบรรยากาศแบบนี้อีกสักครั้ง บ๊ายบาย Tsomoriri Lake
นั่งรถมาประมาณ 1 เหนื่อยก็กลับมาถึงตัวเมือง Leh คืนนี้เราพักที่ Grand Yasmin Hotel เหมือนเดิม ซึ่งเป็นคืนสุดท้ายแล้ว เรายังอาลัยอาวรณ์กับหลาย อย่าง ทั้งบรรยากาศระหว่างทางที่ยึดพื้นที่การเชื่อมต่อ Bluetooth และบังคับให้ Zangpor ฟังเพลงไทยมาตลอดทาง (รู้สึกผิดนะเนี่ย 555) อีกทั้งวิวสวย ๆ ความหนาวเหน็บ ความเหนื่อยล้าระหว่างทาง อาหารทุกมื้อที่สั่งแต่ Maggi แต่ทุก ๆ อย่างโดยรวม ๆ แล้วมีเสน่ห์ที่มิมีวันลืมเลย
ก่อนกลับเราไม่ลืมที่จะร่ำลา Jigmat Gyalpo ที่ดูแลเอาใจใส่เราดีมากไม่มีขาดตกบกพร่อง ตั้งแต่เริ่มคุยเรื่องราคา จนกระทั่งส่งขึ้นเครื่องกลับ เพื่อน ๆ อย่าลืมนะคะ คิดจะเที่ยว Leh แค่คิดถึง Jigmat Gyalpo คุณจะได้รับการบริการที่ดีและประทับใจ โดยไม่ต้องร้องขอใด ๆ
สุดท้ายแล้วขอเล่าเรื่องที่คิดว่าพอจะเป็นสาระบ้าง
1. ใครที่ชอบดื่มเบียร์แบบเราขอบอกว่าสามารถหาได้จากร้านอาหารเป็นส่วนใหญ่ ร้านขายของชำส่วนมากไม่มีเบียร์ขาย เราเดินหาหลายร้านมาก ไม่แน่ใจว่าหาไม่เจอ หรือเธอไม่มีกันแน่
2. การเตรียมปลั๊กพ่วงไปเผื่อเป็นการดี เนื่องจากปลั๊กไฟนอกเมืองค่อนข้างน้อย และอยู่ในจุดที่เราไม่ค่อยสะดวกใช้งาน (เราติดโทรศัพท์เลยสะดวกแบบชาร์จไปด้วยเล่นไปด้วย)
3. แนะนำให้พกยาป้องกันโรคแพ้ความสูงในกระเป๋าที่ล้วงทานง่าย เพราะช่วงที่เรานอนนอกเมืองน้ำค่อนข้างเย็น ที่ Pangong และ Tsomoriri ไม่มีน้ำอุ่น หลังอาบน้ำ หรือ ระหว่างเดินทางอาจทำให้เราเกิดอาการหน้า และ ตัวชามาแบบปุบปั๊บได้ หากหยิบยาทานได้สะดวกจะดีกว่า
4. ฝุ่นระหว่างทางเยอะมาก Mask เอาไม่อยู่ ควรเตรียมน้ำเกลือ หรือ น้ำยาล้างจมูกไปล้างระหว่างทางด้วย
5. คนที่คิดว่าทานยากเตรียมเสบียงไปเยอะ ๆ มันช่วยได้มากจริง ๆ ทีมเราไม่เคยลืมเอากระเป๋าเสบียงลงรถเลย ต่อให้ลืมก็ต้องกลับไปเอา 555
6. สำหรับเราอากาศบนที่สูงไม่ได้น่ากลัวขนาดที่ทำให้เราป่วยได้ แต่ต้องเดินอย่างระมัดระวัง เดิน ๆ หยุด ๆ มันช่วยได้มาก อย่าฝืน (เราอ้วนมากตอนแรกก็กังวลแต่พอไปจริง ๆ ใช้ Trick แบบนี้ก็ช่วยได้เยอะเลย)
7. ขอให้เปิดใจในการเที่ยวให้สนุก Enjoy ไปกับทุกสถานการณ์ที่เกิด มันจะทำให้เราไม่เครียดและไม่ผิดหวังในการมาเยี่ยมที่นี่สักครั้งในชีวิต เที่ยว Leh (Ladakh) เทให้หมดทั้งใจ...
ขอบคุณเพื่อน ๆ ที่อ่านกันจนจบนะคะ หากต้องการหาสาระทักมาหลังไมค์ได้เลยนะคะ แล้วเจอกันกระทู้ต่อไปสำหรับการเดินทางไป ทัชมาฮาล ค่ะ ^^