แบ่งปันประสบการณ์กระแสเรียกการเป็นชีลับ



     พอดีได้หนังสือ 25 ปีแห่งพระพร ของซิสเตอร์อารามราชินีแห่งสันติภาพ (อารามกลาริส กาปูชิน ท่าแร่) มานานมากๆๆ แล้วครับ ว่าจะแบ่งปัน แต่ก็ไม่ได้พิมพ์สักที อ่านแล้วประทับใจมากๆๆ ครับ

     เมื่อพูดถึงกระแสเรียก ความรู้สึกภายใน คือ พระพรที่ได้รับ ไม่ใช่สิทธิ หันกลับไปยังจุดเริ่มต้นของกระแสเรียก ซิสเตอร์ยอมรับว่า เริ่มจากครอบครัว พ่อ-แม่ เป็นตัวอย่างในการช่วยงานวัดทุกครั้ง และซิสเตอร์ยังจำเหตุการณ์ที่ประทับใจ เมื่อตอนเขียนจดหมายมาสมัตรเข้าอารามได้ดี ซิสเตอร์บอกจุดประสงค์และเรียนอธิการให้ทราบว่า ตนเองเป็นชาวเวียดนาม🇻🇳อพยพ บอกอายุ , การศึกษา และครอบครัวประมาณ 5 วันผ่านไป มีจดหมายทางอารมาส่งมา เปิดออกอ่าน มีใจความว่า

     “ฉันขอขอบใจหนูมากๆนะคะ ที่มีน้ำใจดี ฉันในนามหมูคณะที่นี้อ่านจดหมายของหนูแล้ว เห็นว่าเขียนซื่อๆ ดีตรงไปตรงมา สำหรับพระเจ้าของเรานั้น ไม่มีใครเป็นคนต่างชาติ เพราะเราต่างมีความเชื่อเดียวกัน ฉันยินดีรับหนูมาอยู่ด้วย เพราะหนูเป็นลูกของพระ มีวิญญาณที่บริสุทธิ์ พระเยซูได้ไถ่แล้ว พระเยซูรักหนูนะคะ สุดท้าย ขอพระเยซูและแม่มารีอา ได้อวยพรความตั้งใจดีของหนูเสมอ"

ด้วยความรัก

ซิสเตอร์เซราฟีนา บุญชุบ จารย์อุปการะ อธิการิณี

     ซิสเตอร์นั่งอ่านหลายรอบทีเดียวดีใจมากเลย แต่จะบอกพ่อ-แม่ อย่างไรดี เพราะเคยพูดแล้ว แต่ยังไม่ได้รับคำตอบจากท่านทั้งสองเลย จดหมายทางอารามมาแล้ว ดีใจจังเลยๆ

     กระแสเรียกขั้นต้นของซิสเตอร์สำเร็จได้ เพราะได้รับความช่วยเหลือจากคุณพ่อยวง บัปติสตา พรทวีโสรินทร์ ท่านพามาดูตัว และอนุญาตให้ไปอยู่ที่วัด เพื่อรับการอบรมก่อนเข้าอารามที่กาฬสินธุ์ ประมาณ 2 เดือน และพามาส่งเข้าอาราม วันที่ 24 เมษายน ค.ศ.1989 เข้าเวลา 6:45 น. หลังมิสซาเช้า และได้รับชื่อ"เฟเดลิส" ตามนักบุญของคณะที่ฉลองในวันนั้น ท่านเป็นมรณสักขีองค์หนึ่งของคณะกาปูชินชาย ชื่อของท่านแปลว่า "ซื่อสัตย์" มีคุณพ่อพรทวี และคุณพ่อวัชรินทร์ ต้นปรึกษา ส่งเข้าประตูอาราม วันนั้นดูยิ่งใหญ่จริงๆ เสียงปรบมือต้อนรับจากบรรดาซิสเตอร์และมอบดอกไม้ให้ คุณพ่อพรทวี บอกแม่อธิการว่า "ผมขอฝากลูกสาวด้วยนะคับ กระแสเรียกเริ่มแต่เช้าตรู่" เหมือนนางมารีอามักดาลา ที่ออกไปคูหาเพื่อนมัสการพระเยซูเจ้า แต่ได้พบพระเยซูกลับเป็นขึ้นมา นำความยินดีมาสู่เธอมากที่สุด จิตใจของซิสเตอร์เวลานั้นก็เช่นกัน ภาพเหล่านี้ยังอยู่ในความทรงจำเสมอ

     เวลาที่มีความท้อถอย ซิสเตอร์ได้คิดถึงวันแรกที่ก้าวเข้าอาราม มีความยินดีภายในลึกๆ บอกตรงๆ ว่าในชีวิตนักบวชของซิสเตอร์ คลื่นลูกท้อ กับคลื่นลูกรัก ยินดีจะมีจังหวะในชีวิตเสมอ มีหลายครั้งหลายคราขอลากลับ เพราะไม่อยากเดินต่อข้างหน้า แต่ทุกครั้ง อธิการบอกว่าไปสวดก่อน แล้วค่อยกลับมาหาใหม่ไปสวดก้ไป และการทดลองก็ผ่านไป อีกไม่นานก็ผ่านมา จนถึงอยู่ได้ทุกวันนี้ล่ะนะ

     การทดลองที่หนักสำหรับซิสเตอร์ คือ เป็นคนที่รักพ่อ-แม่มาก อยู่ข้างนอกก็ติดพ่อติดแม่นั้นแหละ เวลาจะไปไหนต้องไปด้วยเสมอ มีน้อยครั้งที่ไม่ได้ไป และเมื่อ 5 ปีที่ผ่านมา เมื่อทราบว่าพ่อมีเนื้องอกแกนกลางสมอง ทางครอบครัว แม่ และพี่น้องพยายามช่วยชีวิตพ่อสุดความสามารถล่ะคะ ตัดสินใจให้พ่อผ่าตัดกันแต่ตัวซิสเตอร์เองรู้ว่า จะสูญเสียพ่อที่รักอย่างแน่นอน เวลาที่พ่อป่วย ครอบครัวเราต้องกระโจนลงสู่ความลำบากอีกครั้ง แม่โทรมาขอคำภาวนาเสมอ แม่บอกโรคของพ่อ ไม่ใช้กินเงิน แต่สูบเงินเลยละ แถมต้องเฝ้าทั้งกลางวันกลางคืน เพราะต้องช่วยพ่อ ช่วงแรกๆ ของปีที่ผ่าตัด พ่อมีภาวะไข้ขึ้นๆลงๆ ซิสเตอร์ยอมรับว่าปีเหล่านี้ลำบากใจจริงๆ ปีแห่งน้ำตาก็ว่าได้ ใจหนึ่งอยากออกจากนักบวช ไปช่วยดูแลพ่อแทนแม่
ได้เขียนจดหมายบอกแม่ว่า ถ้าไม่ไหวให้บอก ลูกจะลาออกไปดูแลพ่อเอง

     แต่แม่สุดจะดีจริงๆ พอได้รับจดหมายโทรมาบอกว่า ซิสเตอร์ไม่ต้องออกมาหรอก แม่และพี่ลำบากพอแล้ว แม่ไม่อยากให้ซิสเตอร์ออกมาลำบากอีกคน แม่ถวายซิสเตอร์แด่พระแล้ว ขอให้สวดให้แม่และพี่จะได้มีสุขภาพดีดูแลพ่อในเวลานี้ และขอให้ซิสเตอร์เป็นลูกที่ดีของพระเสมอนะ

     ซิสเตอร์ก็ตอบ คะ ทุกวันจิตใจซิสเตอร์อยู่ที่ครอบครัว แม้ตัวอยู่ในอาราม ช่วงนั้นสิ่งเดียวที่พยายามทำใจได้คือ "สวดภาวนา" และนิ่งๆ ทุกครั้งที่มีความคิดถึงครอบครัว สิ่งที่ทำมอบถวายแด่พระเยซูเจ้าและแม่พระ ณ ที่นี้ อยากจะขอบพระคุณพระองค์ที่ประทานหมู่คณะที่นี้ ให้กับชีวิตซิสเตอร์ ช่วงที่ซิสเตอร์ยากลำบากพี่น้องและคุณแม่อธิการให้กำลังใจและสวดให้เสมอ ตรงจุดนี้เองที่ทำให้กระแสเรียกมั่นคง จนถึงวันนี้ และที่สำคัญคือ พระวาจา ทุกๆวัน ซิสเตอร์ไม่เคยที่จะไม่อ่าน ซิสเตอร์ผ่านความทุกข์ได้เพราะพระวาจา

     ช่วงที่อ่านบ่อยที่สุด คือ ยอห์น บทที่ 18 เป็นต้นไปจนถึงบทที่ 20 ทำไมต้องอ่านบทมหาทรมาน เพราะตรงกับภาวะจิตใจของซิสเตอร์ที่ต้องการคำตอบนะคะ

     ซิสเตอร์ได้ประสบการณ์ฝ่ายจิตใจมากมาย และทำให้เข้าใจถึงชีวิตตัวเองได้ดี สิ่งที่เล่านี้ไม่ได้ต้องการอวดตัวเองหรือครอบครัว แต่เพื่อจะประกาศถึงพระศิริมงคลของพระเจ้าให้โลกรู้ว่า
เมื่อเราเชื่อในพระองค์เต็มที่ พระก็จะทำงานสร้างสรรค์ของพระองค์ ในชีวิตได้ 100 เปอร์เซ็นต์ และเมื่อผ่านเหตุการณ์ต่างๆ เหล่านี้มา การมองและการเข้าใจชีวิตจะเติมโตและกว้างขึ้น

     ขอเพียงอย่าหนี แต่ยอมกระโจนลงสู่ภาวะลำบากด้วยความวางใจ และรักเท่านั้น ทุกสิ่งจะอุบัติขึ้นมาใหม่ อยากทิ้งบทเพลงนี้ ไว้ในใจ คือ "ความยินดีเปี่ยมล้นในใจฉัน ดังดอกไม้ผลิบานแย้มกลีบออก เหตุเพราะความขื่นข่มเมื่อวันก่อน พระบันดาลเปลี่ยนเป็นพระคุณ พระพร"

ด้วยความเคารพและภาวนาให้

จากหนังสืออนุสรณ์ 25 ปี แห่งพระพร คณะซิสเตอร์กลาริส กาปูชิน อารามราชินีแห่งสันติภาพ 1986-2011

⛪️ อารามกลาริส กาปูชิน ราชินีแห่งสันติภาพ
🏠 ที่อยู่
อารามกลาริส กาปูชิน ราชินีแห่งสันติภาพ 47 หมู่ 8 ถนนนิตโย ตำบลท่าแร่ อำเภอเมืองสกลนคร จังหวัดสกลนคร 47230

📍 พิกัด
https://maps.app.goo.gl/JVXGTWzjfdxGMgLm9?g_st=ic

📞 เบอร์โทร
042-751-198

📖 ยอห์น บทที่ 18
http://www.thaicatholicbible.com/main/index.php/new-john/7206-new-john-18

📖 ยอห์น บทที่ 19
http://www.thaicatholicbible.com/main/new-testament-menu/new-john/7207-new-john-19

📖 ยอห์น บทที่ 20
http://www.thaicatholicbible.com/main/new-testament-menu/new-john/7208-new-john-20

+++ 

พระจิตเจ้าดลใจและเรียก
พระบิดาเจ้าเป็นผู้กำหนดชีวิตต้องการให้เป็นเช่นนี้
พระแม่มารีอาเป็นผู้ชี้นำอบรมสั่งสอนอยู่เคียงข้าง
พระเยซูเจ้าเป็นผู้กระทำให้สำเร็จสมบูรณ์

     "เสียงเรียกจากภายในพระเจ้าทรงใช้ภาษาของมนุษย์เพื่อผูดกับมนุษย์ ดิฉันรู้สึกถึงการได้รับพระพรพระคุณแห่งกระแสเรียกให้ปรารถนาอยากเป็นนักบวชอยู่ในอาราม ใช้ชีวิตรำพึงภาวนาสนิทสัมพันธ์กับพระเป็นเจ้าในความสงบเงียบ ขณะที่ดิฉันได้อ่านหนังสือชีวประวัติของท่านนักบุญเทเรซาแห่งพระกุมารเยซู (Saint Therese of the Child Jesus) ดิฉันมีอายุได้ 14 ปี จากการที่พระสงฆ์คณะมิสซังต่างประเทศแห่งกรุงปารีส (Missions Étrangères de Paris) ท่านหนึ่งได้ยื่นหนังสือเล่มนี้ให้ดิฉันเอาไปอ่าน พระจิตเจ้าได้ทรงเริ่มทำงานภายในจิตใจของดิฉันทันที ทำให้ดิฉันปรารถนาอยากเป็นนักบวชอย่างท่านนักบุญเทเรซา ซึ่งเป็นนักบุญองค์อุปถัมภ์ของดิฉันตอนรับศีลล้างบาป และดิฉันปรารถนาอยากเจริญชีวิตในการรำพึงภาวนาสำหรับมนุษย์ทุกคนทั่วโลกเหมือนท่านนักบุญเทเรซา"

     ตอนค่ำก่อนเข้านอนวันเดียวกันนั่นเอง ซิสเตอร์ท่านหนึ่งคณะภคินีรักกางเขนแห่งอุบลฯ(Lovers of The Cross of Ubon) เวลานี้เสียชีวิตแล้ว ซิสเตอร์ท่านนี้ได้พาพวกเราเด็กๆ สวดสายประคำร่วมกันทุกคืนต่อหน้ารูปปั้นพระแม่ผู้ปฏิสนธินิรมล ซิสเตอร์ท่านนี้บอกว่า ใครอยากได้อะไรให้สวดภาวนาขอพระพรจากพระแม่มารีอา พระแม่จะประทานให้อย่างแน่นอน ทันทีที่ได้ยินภายในใจของดิฉันปรารถนาเต็มที่และเชื่อในคำพูดที่ซิสเตอร์สอนไว้ ตั้งแต่คืนนั้นมาเวลาที่สวดสายประคำกับเพื่อน สวดจบแล้วดิฉันจะภาวนาอธิษฐานในใจขอให้พระแม่มารีอาช่วยดิฉันให้ดิฉันได้บวชเป็นนักบวช

     ดิฉันได้สวดภาวนาขอต่อพระแม่เป็นเวลาเกือบ 4 ปี เต็มคะ วันและเวลาผ่านไปจนกระทั่งดิฉันอายุได้17 ปี ดิฉันได้ยินเสียงจากภายในตัวเอง ขณะนั้นใจอยู่นิ่งไม่ได้จนทำให้ดิฉันรีบวิ่งไปหาแม่พระที่ถ้ำหลังวัดคุกเข่า ต่อหน้ารูปปั้นพระแม่ผู้ปฏิสนธินิรมล ดิฉันมองหน้าพระแม่ ดิฉันมีความรู้สึกว่าได้ยินเสียงภายในบอกว่า ให้ไปเป็นนักบวชใช้ชีวิตอยู่ในอาราม แต่แล้วแสงสีภายนอก เสียงของโลก กระแสสังคมสิ่งของของโลกวัตถุนิยม ความอนิจจัง ความสุขชั่วคราวไม่ยั่งยืน ได้ดึงดูดใจของดิฉันให้คล้อยตามไปกับมัน

     เป็นเวลาเกือบ 2 ปี ที่ดิฉันได้ใช้ชีวิตอยู่กับความสนุกสนานกับการไปเที่ยว เต้นรำ แต่งตัว ฟังเพลง ดูหนัง ฟังละคร ในเมื่อพระเจ้าได้ทรงเรียกและเลือกประทับตรา ต้องการใครคนหนึ่งเพื่อร่วมงานกับพระองค์ พระองค์ทรงมีวิธีการ พากเพียรรอคอยมั่นคงไม่เปลี่ยนพระทัยเช่นกัน แล้ววันหนึ่ง ขณะที่ดิฉันกำลังฟังวิทยุ ดีเจ ประกาศบอกว่า "วันนี้จะมีการแข่งแตะฟุตบอล สถานที่ข้างข้างใกล้กับอารามชีลับกาปูชิน"

     พอดิฉันได้ยินคำว่า "กาปูชิน " ก็รู้สึกชอบ อยากรู้ อยากเห็น อยากดู อยากไป ดิฉันได้มีโอกาสถามพ่อเจ้าวัดของตน คุณพ่อได้ให้คำปรึกษาว่า กาปูชิน คือ คณะนักบวชที่เจริญชีวิตในอารามถือเขตพรต มีชีวิตกับการรำพึงภาวนาใช้โทษบาป เจริญชีวิตตัดขาดจากสิ่งภายนอกอยู่ด้วยกันแบบพี่แบบน้อง สนิทสัมพันธ์กับพระเจ้าทั้งวันทั้งคืน พอดิฉันได้ฟังคุณพ่อพูด ดิฉันได้บอกความในใจที่เก็นไว้มานานไม่กล้าพูดกับใครว่า อยากเข้าอาราม อยากจะไปบวช ในคณะกาปูชิน ท่าแร่ ตอนนั้น ดิฉันยังไม่รู้จักอารามกาปูชินที่ไหน นอกจากที่ท่าแร่คะ

     วันแรก กับก้าวแรกในการติดตามพระเยซูเจ้า ในอารามดิฉันรู้สึกประทับใจในรอบยิ้มกับความร่าเริงยินดีกับการต้อนรับของบรรดาซิสเตอร์ที่อยู่ในอารามที่มารับน้องใหม่ จากประสบการณ์ที่ดิฉันได้ติดตามสัมผัสกับพระเยซูเจ้า พระองค์ทรงหลั่งพระหรรษทานมากมาย ได้ให้ดิฉันเข้าใจถึงความรักที่พระองค์ทรงมีต่อดิฉัน ทำให้ดิฉันมีความเชื่อ ความไว้ใจ ความรัก และดิฉันก็ได้สัมผัสว่าพระองค์ทรงเป็นความสว่างแห่งจิตใจ พระองค์ทรงเป็นพระมหาไถ่ของดิฉัน

     เมื่อดิฉันขาดแคลนพระองค์ คือ ผู้ดูแลที่ซื่อสัตย์ ทรงเลี้ยงดูด้วยพระปรีชาญาณ จากพระบิดา ผู้ทรงสร้างดิฉันขึ้นมาก็เพราะความรักอันยิ่งใหญ่คะ

CR. : https://newmana.com/phpbb/viewtopic.php?t=17394
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่