...ครามก็มีชีวิต ดูแลมันให้ดีมันก็รอด ถ้าปล่อยไว้ไม่สนใจมันก็ตาย...
เอ (ตะวัน จริยาพรรุ่ง) หญิงสาวลูกครึ่ง เข้ามาเรียนต่อมหาวิทยาลัยด้านการออกแบบในกรุงเทพฯ
ด้วยความหวังที่จะมีแบรนด์เสื้อผ้าเป็นของตัวเองโดยต่อยอดกิจการโรงย้อมครามของครอบครัวที่มีอยู่ที่สกลนครบ้านเกิด
แพร (อสมาภรณ์ สมัครพันธ์) สาวน้อยร่าเริงเป็นมิตรกับทุกคน และเป็นเพื่อนคนแรกและคนเดียวของเอ
เธอมีความฝันคล้ายกันกับเอ ด้วยความที่พื้นฐานทางสังคมและครอบครัวที่ไม่ต่างกันมากนัก ทำให้ทั้งสองสนิทสนมกันอย่างรวดเร็ว
Blue Again เป็นผลงานการกำกับและเขียนบทโดยคุณฐา-ฐาปณี หลูสุวรรณ ซึ่งเมื่อตัวผมได้มีโอกาสอ่านบทสัมภาษณ์ของเธอผ่าน
https://adaymagazine.com มันทำให้ผมเข้าใจได้ว่า หนังเรื่องนี้เปรียบเสมือนการถ่ายทอดความเป็นตัวตนของคุณฐาปณีเอง
และสิ่งที่เรากำลังชมอยู่นั้นก็คือชีวิตส่วนนึงของตัวเธอ
ด้วยความยาวของหนัง 3 ชั่วโมง 10 นาที ซึ่งถือว่ายาวมาก หากโดยปกติแล้วถ้าเป็นหนังต่างประเทศดังๆแนวซูเปอร์ฮีโร่ หรือไม่ก็ Action
ผมเชื่อว่าคนดูหนังโดยทั่วไปคงไม่หวั่น หากแต่ Blue Again คือหนังแนว coming-of-age drama ซึ่งหากใครไม่ชอบในแนวนี้
ผมเชื่อเลยว่าหลายท่านคงตั้งธงในใจไปก่อนแล้วว่าต้องน่าเบื่อ ไม่ก็ทนดูไม่ไหวมีหลับแน่นอน... แต่มันไม่ใช่อย่างนั้นจริงๆครับ
การเล่าเรื่องของภาพยนตร์เรื่องนี้ตลอดระยะเวลา 190 นาทีสำหรับผม คือมันผ่านไปไวมาก
เราจะได้เห็นชีวิตของเอในรั้วมหาวิทยาลัยตลอดระยะเวลา 4 ปีที่เธออยู่ที่นั่น
ทุกอย่างที่หนังถ่ายทอดออกมามันก็คือชีวิตของเราหลายๆคน ที่เคยพบเจอเช่นกัน..
โดยเฉพาะเรื่องของความสัมพันธ์ระหว่างเพื่อน เพื่อนคนเดียวที่เอมี นั่นก็คือแพร....
เอ เป็นคนที่ซื่อตรงทางความรู้สึกของตัวเอง ตรงไปตรงมา คิดเห็นอย่างไรพูดออกไปเช่นนั้นไม่มีอ้อมค้อม
ด้วยลักษณะนิสัยเช่นนี้ทำให้เข้ากับคนอื่นได้ยาก แต่เอาจริงๆ คนแบบนี้ล่ะที่น่าคบหา
เพราะความจริงใจแบบไม่ใส่หน้ากากเข้าหา ไม่หน้าไหว้หลังหลอกแบบนี้เป็นสิ่งที่หาได้ยากในปัจจุบัน..
ขณะที่แพร สาวน้อยร่างเล็กเธอเป็นเหมือนไผ่ที่ลู่ลม โอนอ่อนและคล้อยตามไปได้ในทุกสถานการณ์ไม่ว่าจะเจอเรื่องร้ายยังไง
แพรจะเป็นเหมือนคนที่พร้อมจะซัพพอร์ตทางความรู้สึกให้กับคนรอบข้างได้เสมอ
และสิ่งนี้เองทำให้โลกใบใหม่ที่เอ เพิ่งก้าวเข้ามา รู้สึกปลอดภัยมากขึ้นเพราะมีแพรอยู่ข้างๆ...
แพรมีความสุขที่ได้เป็นเพื่อนกับเอ และเอ ก็รู้สึกไม่ต่างกัน.. แต่ด้วยอะไรบางอย่าง ก็ทำให้อะไรๆเปลี่ยนไป......
นอกจากในส่วนของชีวิตในมหาวิทยาลัยแล้ว หนังยังมีเส้นเรื่องความสัมพันธ์ในครอบครัวของเอที่บ้านเกิด
รวมถึงเพื่อนเก่าคนเดียวที่เอมีอย่างสุเมธ (ศรัณย์เมศ รัตนพงษ์) เซฟโซนเดียวในโลกใบนี้ของเอ..
ซึ่งเรื่องของเมธเองนั้นก็แตกย่อยออกไปเป็นประเด็นทางศาสนาที่เมื่อเราดูแล้วก็มีอะไรให้ขบคิดตามมาอีกมากมายนัก...
ด้านงานภาพก็โดดเด่นในเรื่องของแสงและสี ซึ่งทำให้ความรู้สึกมันไปกับหนังได้ดั่งใจ..
แถมยังได้คุณชัพวิชญ์ เต็มนิธิกุล นักทำเพลงประกอบมือรางวัล ที่เคยได้รับรางวัลดนตรีประกอบยอดเยี่ยมจากเรื่อง ‘อนธการ’ (The Blue Hour)
ก็มารับหน้าที่ Music Composer ให้อีก...องค์ประกอบต่างๆล้วนทำให้ Blue Again สวยงามมากที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้แล้ว...
สิ่งที่อยากจะบอกก็คือหนังเรื่องนี้แม้ว่าจะดูเป็นหนังนอกกระแส (ก็จริงๆล่ะ มันนอกกระแสจริงๆ)
หลายคนอาจจะคิดว่าดูยากแน่ๆ ต้องปีนบันได ดูจบงงไปอีกหลายวันแน่เลย.. แต่มันไม่ใช่แบบนั้นเลย
อย่างที่ผมบอกไว้ นี่คือหนังชีวิตของวัยรุ่น วัยกำลังเปลี่ยนผ่านทางความคิด วัยที่ค้นหาตัวตนซึ่งเราทุกคนเคยผ่านมากันแล้วทั้งนั้น
หรือน้องๆคนไหนที่กำลังศึกษาอยู่ก็ต้องเจอกับชีวิตแบบนี้สักวัน... ดังนั้นดูง่ายมากครับ
ขอแค่เปิดใจและปล่อยให้หนังได้ทำหน้าที่ของมันตลอดระยะเวลา 190 นาที ซึ่งมันจะผ่านไปเร็วจนน่าเหลือเชื่อแน่นอน
ผมดูหนังเรื่องนี้จบลง บอกตามตรงว่าผมคิดถึงเพื่อน คิดถึงช่วงเวลาเหล่านั้นที่มันผ่านมานานมากแล้ว..
เอาจริงๆ ชีวิตนี้เราไม่ได้ต้องการใครมากมายเลย ขอแค่คนเดียวที่เข้าใจในตัวเรา สามารถพูดบอกเล่าเรื่องราวต่างๆได้อย่างสนิทใจ
คนเดียวที่เราจะหัวเราะ ร้องไห้ เล่าเรื่องบ้าบอคอแตก หรือความฝันที่ดูเกินตัวได้โดยที่เราไม่ต้องมานั่งเกร็ง หรือกลัวว่าอีกฝ่ายจะคิดยังไงกับเรา..
ไม่ต้องตัวติดกัน ไม่ต้องไปไหนมาไหนด้วยกันตลอดเวลา... คนที่เราจะรู้เสมอว่า เมื่อไหร่ที่เราต้องการมัน.. มันจะอยู่ที่ไหน
คนคนนั้นล่ะ คือคนที่เราพูดได้เต็มปากเต็มคำเลยว่า .. เพื่อน...
ขอแสดงความยินดีกับ Blue Again อีกครั้งด้วยนะครับที่สามารถคว้า 2 รางวัลจากการประกาศผลรางวัลสุพรรณหงส์ครั้งที่ 31 ประจำปี 2565
ได้แก่ อสมาภรณ์ สมัครพันธ์ ในบทของแพรจากรางวัลนักแสดงสมทบหญิงยอดเยี่ยม (Best Supporting Actress)
และรางวัลบทภาพยนตร์ยอดเยี่ยม (Best Screenplay) ยินดีด้วยนะครับ
ฟังเพลงนี้ระหว่างอ่านกระทู้จะได้อรรถรสขึ้นมากนะครับ
My Life as Ali Thomas – Winter’s Love
1 ในเพลงประกอบหนังเรื่องนี้...
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้ผมไม่เคยบอกว่าผมชอบหนังเรื่องไหนที่สุด แต่สำหรับเรื่องนี้นี่คือ 1 ในหนังที่ผม..รักที่สุด..จริงๆ
=== ทิ้งท้ายครับ หนังที่ดีสำหรับตัวเรา แน่นอนว่าอาจจะไม่ได้ดีและไม่ได้ถูกใจสำหรับใคร
ซึ่งอยู่ที่ความชอบของแต่ละบุคคล ภาพยนตร์ก็เหมือนอาหารล่ะครับ อยู่ที่เราเลือกที่จะอยากชิมรสชาติแบบไหนเท่านั้นเอง ===
== Blue Again (2022) ท่ามกลางคนมากมาย ขอแค่คนเดียวที่เข้าใจเราก็พอแล้ว.. ==
...ครามก็มีชีวิต ดูแลมันให้ดีมันก็รอด ถ้าปล่อยไว้ไม่สนใจมันก็ตาย...
เอ (ตะวัน จริยาพรรุ่ง) หญิงสาวลูกครึ่ง เข้ามาเรียนต่อมหาวิทยาลัยด้านการออกแบบในกรุงเทพฯ
ด้วยความหวังที่จะมีแบรนด์เสื้อผ้าเป็นของตัวเองโดยต่อยอดกิจการโรงย้อมครามของครอบครัวที่มีอยู่ที่สกลนครบ้านเกิด
แพร (อสมาภรณ์ สมัครพันธ์) สาวน้อยร่าเริงเป็นมิตรกับทุกคน และเป็นเพื่อนคนแรกและคนเดียวของเอ
เธอมีความฝันคล้ายกันกับเอ ด้วยความที่พื้นฐานทางสังคมและครอบครัวที่ไม่ต่างกันมากนัก ทำให้ทั้งสองสนิทสนมกันอย่างรวดเร็ว
Blue Again เป็นผลงานการกำกับและเขียนบทโดยคุณฐา-ฐาปณี หลูสุวรรณ ซึ่งเมื่อตัวผมได้มีโอกาสอ่านบทสัมภาษณ์ของเธอผ่าน https://adaymagazine.com มันทำให้ผมเข้าใจได้ว่า หนังเรื่องนี้เปรียบเสมือนการถ่ายทอดความเป็นตัวตนของคุณฐาปณีเอง
และสิ่งที่เรากำลังชมอยู่นั้นก็คือชีวิตส่วนนึงของตัวเธอ
ด้วยความยาวของหนัง 3 ชั่วโมง 10 นาที ซึ่งถือว่ายาวมาก หากโดยปกติแล้วถ้าเป็นหนังต่างประเทศดังๆแนวซูเปอร์ฮีโร่ หรือไม่ก็ Action
ผมเชื่อว่าคนดูหนังโดยทั่วไปคงไม่หวั่น หากแต่ Blue Again คือหนังแนว coming-of-age drama ซึ่งหากใครไม่ชอบในแนวนี้
ผมเชื่อเลยว่าหลายท่านคงตั้งธงในใจไปก่อนแล้วว่าต้องน่าเบื่อ ไม่ก็ทนดูไม่ไหวมีหลับแน่นอน... แต่มันไม่ใช่อย่างนั้นจริงๆครับ
การเล่าเรื่องของภาพยนตร์เรื่องนี้ตลอดระยะเวลา 190 นาทีสำหรับผม คือมันผ่านไปไวมาก
เราจะได้เห็นชีวิตของเอในรั้วมหาวิทยาลัยตลอดระยะเวลา 4 ปีที่เธออยู่ที่นั่น
ทุกอย่างที่หนังถ่ายทอดออกมามันก็คือชีวิตของเราหลายๆคน ที่เคยพบเจอเช่นกัน..
โดยเฉพาะเรื่องของความสัมพันธ์ระหว่างเพื่อน เพื่อนคนเดียวที่เอมี นั่นก็คือแพร....
เอ เป็นคนที่ซื่อตรงทางความรู้สึกของตัวเอง ตรงไปตรงมา คิดเห็นอย่างไรพูดออกไปเช่นนั้นไม่มีอ้อมค้อม
ด้วยลักษณะนิสัยเช่นนี้ทำให้เข้ากับคนอื่นได้ยาก แต่เอาจริงๆ คนแบบนี้ล่ะที่น่าคบหา
เพราะความจริงใจแบบไม่ใส่หน้ากากเข้าหา ไม่หน้าไหว้หลังหลอกแบบนี้เป็นสิ่งที่หาได้ยากในปัจจุบัน..
ขณะที่แพร สาวน้อยร่างเล็กเธอเป็นเหมือนไผ่ที่ลู่ลม โอนอ่อนและคล้อยตามไปได้ในทุกสถานการณ์ไม่ว่าจะเจอเรื่องร้ายยังไง
แพรจะเป็นเหมือนคนที่พร้อมจะซัพพอร์ตทางความรู้สึกให้กับคนรอบข้างได้เสมอ
และสิ่งนี้เองทำให้โลกใบใหม่ที่เอ เพิ่งก้าวเข้ามา รู้สึกปลอดภัยมากขึ้นเพราะมีแพรอยู่ข้างๆ...
แพรมีความสุขที่ได้เป็นเพื่อนกับเอ และเอ ก็รู้สึกไม่ต่างกัน.. แต่ด้วยอะไรบางอย่าง ก็ทำให้อะไรๆเปลี่ยนไป......
นอกจากในส่วนของชีวิตในมหาวิทยาลัยแล้ว หนังยังมีเส้นเรื่องความสัมพันธ์ในครอบครัวของเอที่บ้านเกิด
รวมถึงเพื่อนเก่าคนเดียวที่เอมีอย่างสุเมธ (ศรัณย์เมศ รัตนพงษ์) เซฟโซนเดียวในโลกใบนี้ของเอ..
ซึ่งเรื่องของเมธเองนั้นก็แตกย่อยออกไปเป็นประเด็นทางศาสนาที่เมื่อเราดูแล้วก็มีอะไรให้ขบคิดตามมาอีกมากมายนัก...
ด้านงานภาพก็โดดเด่นในเรื่องของแสงและสี ซึ่งทำให้ความรู้สึกมันไปกับหนังได้ดั่งใจ..
แถมยังได้คุณชัพวิชญ์ เต็มนิธิกุล นักทำเพลงประกอบมือรางวัล ที่เคยได้รับรางวัลดนตรีประกอบยอดเยี่ยมจากเรื่อง ‘อนธการ’ (The Blue Hour)
ก็มารับหน้าที่ Music Composer ให้อีก...องค์ประกอบต่างๆล้วนทำให้ Blue Again สวยงามมากที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้แล้ว...
สิ่งที่อยากจะบอกก็คือหนังเรื่องนี้แม้ว่าจะดูเป็นหนังนอกกระแส (ก็จริงๆล่ะ มันนอกกระแสจริงๆ)
หลายคนอาจจะคิดว่าดูยากแน่ๆ ต้องปีนบันได ดูจบงงไปอีกหลายวันแน่เลย.. แต่มันไม่ใช่แบบนั้นเลย
อย่างที่ผมบอกไว้ นี่คือหนังชีวิตของวัยรุ่น วัยกำลังเปลี่ยนผ่านทางความคิด วัยที่ค้นหาตัวตนซึ่งเราทุกคนเคยผ่านมากันแล้วทั้งนั้น
หรือน้องๆคนไหนที่กำลังศึกษาอยู่ก็ต้องเจอกับชีวิตแบบนี้สักวัน... ดังนั้นดูง่ายมากครับ
ขอแค่เปิดใจและปล่อยให้หนังได้ทำหน้าที่ของมันตลอดระยะเวลา 190 นาที ซึ่งมันจะผ่านไปเร็วจนน่าเหลือเชื่อแน่นอน
ผมดูหนังเรื่องนี้จบลง บอกตามตรงว่าผมคิดถึงเพื่อน คิดถึงช่วงเวลาเหล่านั้นที่มันผ่านมานานมากแล้ว..
เอาจริงๆ ชีวิตนี้เราไม่ได้ต้องการใครมากมายเลย ขอแค่คนเดียวที่เข้าใจในตัวเรา สามารถพูดบอกเล่าเรื่องราวต่างๆได้อย่างสนิทใจ
คนเดียวที่เราจะหัวเราะ ร้องไห้ เล่าเรื่องบ้าบอคอแตก หรือความฝันที่ดูเกินตัวได้โดยที่เราไม่ต้องมานั่งเกร็ง หรือกลัวว่าอีกฝ่ายจะคิดยังไงกับเรา..
ไม่ต้องตัวติดกัน ไม่ต้องไปไหนมาไหนด้วยกันตลอดเวลา... คนที่เราจะรู้เสมอว่า เมื่อไหร่ที่เราต้องการมัน.. มันจะอยู่ที่ไหน
คนคนนั้นล่ะ คือคนที่เราพูดได้เต็มปากเต็มคำเลยว่า .. เพื่อน...
ขอแสดงความยินดีกับ Blue Again อีกครั้งด้วยนะครับที่สามารถคว้า 2 รางวัลจากการประกาศผลรางวัลสุพรรณหงส์ครั้งที่ 31 ประจำปี 2565
ได้แก่ อสมาภรณ์ สมัครพันธ์ ในบทของแพรจากรางวัลนักแสดงสมทบหญิงยอดเยี่ยม (Best Supporting Actress)
และรางวัลบทภาพยนตร์ยอดเยี่ยม (Best Screenplay) ยินดีด้วยนะครับ
ฟังเพลงนี้ระหว่างอ่านกระทู้จะได้อรรถรสขึ้นมากนะครับ
My Life as Ali Thomas – Winter’s Love
1 ในเพลงประกอบหนังเรื่องนี้...
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้
=== ทิ้งท้ายครับ หนังที่ดีสำหรับตัวเรา แน่นอนว่าอาจจะไม่ได้ดีและไม่ได้ถูกใจสำหรับใคร
ซึ่งอยู่ที่ความชอบของแต่ละบุคคล ภาพยนตร์ก็เหมือนอาหารล่ะครับ อยู่ที่เราเลือกที่จะอยากชิมรสชาติแบบไหนเท่านั้นเอง ===