กาลครั้งหนึ่งนานมาแล้ว มีหนุ่มสาวคู่หนึ่งที่ชอบพอกันในยุคสมัยใหม่นี้ คนมักจะรู้จักกันผ่านโซเชียล หรือบางคู่ก็ใช้แอปหาคู่ และเราก็หาาาากันจนเจอ 😅😅😅
หนุ่มสาวคู่นี้ ก็เป็นเหมือนหลายๆคู่ที่คุยกันในแอป โดยเริ่มจากคุยหว่านๆ หลายๆคน (ไม่น่าเรียกว่าแอปหาคู่เนอะ) แต่พวกเค้าก็พยายามทักกันทุกวัน อย่างน้อยต้องมีคำว่า “มอร์นิ่ง” จากฝ่ายชายทุกวัน เพราะสาวเจ้าตื่นสาย 555 ก็จะพูดคุยตอบโต้กันแบบคนที่คุยกันปกติ ถามสารทุกข์ สุข ดิบ มีเรื่องเล่าในทุกๆวัน ระบายบ้าง หัวเราะบ้าง ร้องไห้บ้าง ส่วนใหญ่สาวเจ้าจะเล่ามากกว่า ฝ่ายชายจะฟัง เพราะชีวิตเกิดเอ็กซิเดนนิดหน่อย
จนเวลาผ่านไป ฝ่ายชายก็เริ่มนัดฝ่ายหญิงมาเจอกัน หลังจากนั้นก็สานต่อลึกซึ้งขึ้น จนต่อมาฝ่ายชาย เริ่มเล่าปัญหาชีวิต ว่าไม่ได้ทำงานมานาน เงินก็ไม่มีแล้ว รายจ่ายก็ต้องจ่าย ขอหยิบยืมจากฝ่ายหญิงได้มั้ย ฝ่ายหญิงก็อ่ะยังพอมีรายได้เพียงพอให้ยืม แต่ก็เน้นย้ำว่านี้ให้ยืมนะ มีละเอามาคืน แน่นอนฝ่ายชายรีบรับปาก ฝ่ายหญิงก็โอนเลย
วันเวลาผ่านไปเรื่อยๆ ฝ่ายหญิงไปมาหาสู่บ้านฝ่ายชายตลอด พร้อมต้องมีของคิดไม้ติดมือไป หรือไม่ต้องพาฝ่ายชายไปซื้อของที่แม็กโครมาอัดใส่ตู้เย็นบ้านฝ่ายชายให้เต็ม เพราะกลัวแม่ฝ่ายชายไม่พึงพอใจ เพราะแม่เคยพูดว่าตอนแม่เป็นสาวแม่ซื้อของกินอัดใส่ตู้เย็นให้แม่ย่าเต็มตู้ เงินก็ให้ หรือหนูจะโอนเงินให้แม่ทุกเดือนดีนะ (อ่าาาาาช็อก) แต่ก็บอกตรงๆหนูอาจมีรายได้ไม่เยอะเท่าแฟนคนก่อนๆของลูกชายแม่นะคะ มีแค่นี้จริงๆ (เพราะแฟนเก่าๆเค้ามีแต่ระดับหมอ พยาบาล คนที่เค้าทำงานมีเวรมีกะ ) งั้นถ้าจะมาเป็นสะไภ้ต้องทำสวนทำไร่นะ พร้อมสะบัดบ็อบ ด้วยความรักลูกชายเค้า ก็ช่วยทุกอย่าง อะไรที่พ่อแม่เราไม่เคยให้ทำก็ได้ทำ เมื่อเค้าและครอบครัวมีปัญหาอะไรรีบช่วยเค้าอยากไปทำงานต่างประเทศก็หาความรู้ให้ จนได้ไปทำงานที่ประเทศใกล้เคียง
แต่ก็นั่นแหละไปได้ไม่นาน ทั้งภาวะความเครียดจากหัวหน้างาน สาวเจ้าก็ยิ่งเป็นห่วง ทั้งสุขภาพฝ่ายชายไม่ค่อยจะดี แถมงานก็ไม่ได้ไปหน้ามาหลัง โดนหัวหน้างานทำร้ายบ้าง ฝ่ายหญิงก็เครียดตาม พยายามช่วยเรื่องงานฝ่ายชายช่วยแปล จับโทรศัพท์ตลอด เพราะกลัวเค้าพลาดตรงไหน จนเพื่อนร่วมงานฝ่ายหญิงเริ่มเป็นห่วง ว่าไหวมั้ย ได้แค่ตอบไปว่า ไหว แต่เหนื่อยจังจนจะร้องแย้ว
และคำว่าเหนื่อยคำเดียวในวันนั้นแหละเนาะ ที่เป็นจุดเปลี่ยน หลังจากนั้นฝ่ายชายก็ห่างหายไป แต่ก็มีติดต่อกันบ้าง ฝ่ายหญิงก็รู้สึกผิด คิดตลอดว่าเราว่าเค้าแรงไปรึป่าว
จนอีก 1 เดือนถัดมาเค้ากลับมาไทยแบบถาวร และแจ้งกับฝ่ายหญิง นางก็ดีใจที่จะได้เจอ แต่ตอนนั้นเงินก็ไม่ค่อยจะมี จึงไปเจอช้าหน่อย แต่พอบอกเค้าว่าจะไปหา เค้าตกใจมากว่าจะมาหรอ ฝ่ายชายก็เริ่มไม่เหมือนเดิมมากๆ จริงๆก็แสดงเหมือนผลักไสเราเลยหล่ะ ทั้งการปฏิบัติตัว ทั้งคำพูด ที่ตกใจคือ จู่ๆก็พูดขึ้นมาว่า
“เค้าอยากไปเที่ยวบ้านเพื่อน บ้านเพื่อนเค้าอบอุ่นนะ เค้าเคยพาแฟนเก่าไปให้เพื่อนรุมโซม ทั้งๆที่รู้ว่าไปละจะโดนยังอยากไป สงสัยอยากโดน แล้วเสียงหัวเราะในลำคอที่เลือดเย็นก็ออกมาแบบไม่อยากเชื่อหู “
ทีนี้ในหัวคือฉันต้องหนีค่ะ ละสายตาที่ไร้ความรู้สึกก็หันกลับมาละบอกต่อว่า “ตัวเองต้องพาเค้าไปบ้านเพื่อนนะ”
หูวววววว นี้คืออะไรอ่ะ โรคจิตป่ะเนี้ย ในวันนั้นรีบเดินทางกลับเลย คิดแค่ว่าให้ฉันรอด
แล้วพอกลับมาถึงที่พัก ทางฝ่ายชายยังทักมาปกติ ก็คุยนะ น่านสาวววว เทอมันท้าทายอำนาจมืด
จนเวลาผ่านไปไม่นานจริงๆ เห็นเฟซบุ๊คฝ่ายชายมีผู้หญิงที่ไม่เคยเห็นมากดหัวใจ เลยเค้าไปดู ช็อก!!!! ตั้งสติใหม่สาว ละทักฝ่ายชายไป
เค้าก็ยอมรับว่า ยังไม่ทันอะไรเลย ยังไงอ่ะ ไปถึงบ้านผู้หญิงนี่นะ นางเลยว่ายังมีแบบนี้อีก 3 คน ช็อกมั้ยหล่ะ ผึ้งหนีไป!!!!
นั่นหล่ะค่ะฝ่ายหญิงก็รับไม่ได้ขอจบความสัมพันธ์ แต่ก็บอกว่าจะไม่บล็อก แต่พออีกวันไปดู ก็ยิ่งเหมือนฝ่ายชายได้ใจ สบายใจกดไลค์กดหัวใจกันใหญ่ คนมันรักเนอะ ไม่มีใครรับได้หลอก เลยบล็อก ขอเวลาทำใจ
พอทำใจได้ สาวจึงทักไปทวงเงิน ทีนี้ฝ่ายชาย อ้างนั่นอ้างนี่ ว่าเราก็รู้อยู่ว่ายังไม่ได้งานทำ คือที่คอยสมัครงานช่วย คือไรอ่า ขนาดแจ้งว่าเดือดร้อน ยังไม่ได้เกิดการเห็นใจกันเลย จึงตัดสินใจ ทักไปหาคนใหม่ของฝ่ายชาย ละนางก็หายไปซักพัก ละมาแจ้งกับเราว่าจะแจ้งฝ่ายชายให้นะคะ นางก็ถามว่า
"ละเป็นไรกันคะ เลยบอกเคยคบกัน " นางคนใหม่เลยว่า "อ๋อหราคะ งั้นเดี๋ยวจะบอกว่าเจ้าหนี้ทักมานะคะ "
เราก็สบายใจหน่อย เพราะคิดว่าฝ่ายหญิงใหม่เป็นคนขยัน ครอบครัวมีธุรกิจ น่าจะเป็นคนซื่อตรง และก็เห็นทั้งคู่ช่วยกันทำมาหากินดิบดี หาสัตว์มาเลี้ยงด้วยกัน เพราะฝ่ายชายชอบสัตว์ทุกอย่าง ฝ่ายหญิงใหม่ก็ตามใจทุกอย่าง ฝ่ายชายอยากกินอะไรย่อมได้กินจนอิ่ม แต่เวลาก็ล่วงเลยมา จนถึงเดี๋ยวนี้ก็ไม่มีการพูดถึงเงินที่ยืมจะคืนยังไงตอนไหน และฝ่ายชายก็บล็อกเฟซบุ๊คฝ่ายหญิงหนีหนี้ไปดื้อๆเลยนะนี่
เชื่อว่า สรุปนิทานเรื่องนี้สอนใครๆได้หลายคน ไม่ว่าจะชายหรือหญิง ว่าซักวันหนึ่ง เราอาจพบมิจ ในรูปแบบของคนที่มาแกล้งรักเรา เพื่อหวังผลประโยชน์ เพราะฉะนั้นควรมีสติ เอ็นดูและเมตตาเขา เอ็นเราขาดจนเสียเส้นค้าบ 😅😅😅😅
นิทานสอนใคร?
หนุ่มสาวคู่นี้ ก็เป็นเหมือนหลายๆคู่ที่คุยกันในแอป โดยเริ่มจากคุยหว่านๆ หลายๆคน (ไม่น่าเรียกว่าแอปหาคู่เนอะ) แต่พวกเค้าก็พยายามทักกันทุกวัน อย่างน้อยต้องมีคำว่า “มอร์นิ่ง” จากฝ่ายชายทุกวัน เพราะสาวเจ้าตื่นสาย 555 ก็จะพูดคุยตอบโต้กันแบบคนที่คุยกันปกติ ถามสารทุกข์ สุข ดิบ มีเรื่องเล่าในทุกๆวัน ระบายบ้าง หัวเราะบ้าง ร้องไห้บ้าง ส่วนใหญ่สาวเจ้าจะเล่ามากกว่า ฝ่ายชายจะฟัง เพราะชีวิตเกิดเอ็กซิเดนนิดหน่อย
จนเวลาผ่านไป ฝ่ายชายก็เริ่มนัดฝ่ายหญิงมาเจอกัน หลังจากนั้นก็สานต่อลึกซึ้งขึ้น จนต่อมาฝ่ายชาย เริ่มเล่าปัญหาชีวิต ว่าไม่ได้ทำงานมานาน เงินก็ไม่มีแล้ว รายจ่ายก็ต้องจ่าย ขอหยิบยืมจากฝ่ายหญิงได้มั้ย ฝ่ายหญิงก็อ่ะยังพอมีรายได้เพียงพอให้ยืม แต่ก็เน้นย้ำว่านี้ให้ยืมนะ มีละเอามาคืน แน่นอนฝ่ายชายรีบรับปาก ฝ่ายหญิงก็โอนเลย
วันเวลาผ่านไปเรื่อยๆ ฝ่ายหญิงไปมาหาสู่บ้านฝ่ายชายตลอด พร้อมต้องมีของคิดไม้ติดมือไป หรือไม่ต้องพาฝ่ายชายไปซื้อของที่แม็กโครมาอัดใส่ตู้เย็นบ้านฝ่ายชายให้เต็ม เพราะกลัวแม่ฝ่ายชายไม่พึงพอใจ เพราะแม่เคยพูดว่าตอนแม่เป็นสาวแม่ซื้อของกินอัดใส่ตู้เย็นให้แม่ย่าเต็มตู้ เงินก็ให้ หรือหนูจะโอนเงินให้แม่ทุกเดือนดีนะ (อ่าาาาาช็อก) แต่ก็บอกตรงๆหนูอาจมีรายได้ไม่เยอะเท่าแฟนคนก่อนๆของลูกชายแม่นะคะ มีแค่นี้จริงๆ (เพราะแฟนเก่าๆเค้ามีแต่ระดับหมอ พยาบาล คนที่เค้าทำงานมีเวรมีกะ ) งั้นถ้าจะมาเป็นสะไภ้ต้องทำสวนทำไร่นะ พร้อมสะบัดบ็อบ ด้วยความรักลูกชายเค้า ก็ช่วยทุกอย่าง อะไรที่พ่อแม่เราไม่เคยให้ทำก็ได้ทำ เมื่อเค้าและครอบครัวมีปัญหาอะไรรีบช่วยเค้าอยากไปทำงานต่างประเทศก็หาความรู้ให้ จนได้ไปทำงานที่ประเทศใกล้เคียง
แต่ก็นั่นแหละไปได้ไม่นาน ทั้งภาวะความเครียดจากหัวหน้างาน สาวเจ้าก็ยิ่งเป็นห่วง ทั้งสุขภาพฝ่ายชายไม่ค่อยจะดี แถมงานก็ไม่ได้ไปหน้ามาหลัง โดนหัวหน้างานทำร้ายบ้าง ฝ่ายหญิงก็เครียดตาม พยายามช่วยเรื่องงานฝ่ายชายช่วยแปล จับโทรศัพท์ตลอด เพราะกลัวเค้าพลาดตรงไหน จนเพื่อนร่วมงานฝ่ายหญิงเริ่มเป็นห่วง ว่าไหวมั้ย ได้แค่ตอบไปว่า ไหว แต่เหนื่อยจังจนจะร้องแย้ว
และคำว่าเหนื่อยคำเดียวในวันนั้นแหละเนาะ ที่เป็นจุดเปลี่ยน หลังจากนั้นฝ่ายชายก็ห่างหายไป แต่ก็มีติดต่อกันบ้าง ฝ่ายหญิงก็รู้สึกผิด คิดตลอดว่าเราว่าเค้าแรงไปรึป่าว
จนอีก 1 เดือนถัดมาเค้ากลับมาไทยแบบถาวร และแจ้งกับฝ่ายหญิง นางก็ดีใจที่จะได้เจอ แต่ตอนนั้นเงินก็ไม่ค่อยจะมี จึงไปเจอช้าหน่อย แต่พอบอกเค้าว่าจะไปหา เค้าตกใจมากว่าจะมาหรอ ฝ่ายชายก็เริ่มไม่เหมือนเดิมมากๆ จริงๆก็แสดงเหมือนผลักไสเราเลยหล่ะ ทั้งการปฏิบัติตัว ทั้งคำพูด ที่ตกใจคือ จู่ๆก็พูดขึ้นมาว่า
“เค้าอยากไปเที่ยวบ้านเพื่อน บ้านเพื่อนเค้าอบอุ่นนะ เค้าเคยพาแฟนเก่าไปให้เพื่อนรุมโซม ทั้งๆที่รู้ว่าไปละจะโดนยังอยากไป สงสัยอยากโดน แล้วเสียงหัวเราะในลำคอที่เลือดเย็นก็ออกมาแบบไม่อยากเชื่อหู “
ทีนี้ในหัวคือฉันต้องหนีค่ะ ละสายตาที่ไร้ความรู้สึกก็หันกลับมาละบอกต่อว่า “ตัวเองต้องพาเค้าไปบ้านเพื่อนนะ”
หูวววววว นี้คืออะไรอ่ะ โรคจิตป่ะเนี้ย ในวันนั้นรีบเดินทางกลับเลย คิดแค่ว่าให้ฉันรอด
แล้วพอกลับมาถึงที่พัก ทางฝ่ายชายยังทักมาปกติ ก็คุยนะ น่านสาวววว เทอมันท้าทายอำนาจมืด
จนเวลาผ่านไปไม่นานจริงๆ เห็นเฟซบุ๊คฝ่ายชายมีผู้หญิงที่ไม่เคยเห็นมากดหัวใจ เลยเค้าไปดู ช็อก!!!! ตั้งสติใหม่สาว ละทักฝ่ายชายไป
เค้าก็ยอมรับว่า ยังไม่ทันอะไรเลย ยังไงอ่ะ ไปถึงบ้านผู้หญิงนี่นะ นางเลยว่ายังมีแบบนี้อีก 3 คน ช็อกมั้ยหล่ะ ผึ้งหนีไป!!!!
นั่นหล่ะค่ะฝ่ายหญิงก็รับไม่ได้ขอจบความสัมพันธ์ แต่ก็บอกว่าจะไม่บล็อก แต่พออีกวันไปดู ก็ยิ่งเหมือนฝ่ายชายได้ใจ สบายใจกดไลค์กดหัวใจกันใหญ่ คนมันรักเนอะ ไม่มีใครรับได้หลอก เลยบล็อก ขอเวลาทำใจ
พอทำใจได้ สาวจึงทักไปทวงเงิน ทีนี้ฝ่ายชาย อ้างนั่นอ้างนี่ ว่าเราก็รู้อยู่ว่ายังไม่ได้งานทำ คือที่คอยสมัครงานช่วย คือไรอ่า ขนาดแจ้งว่าเดือดร้อน ยังไม่ได้เกิดการเห็นใจกันเลย จึงตัดสินใจ ทักไปหาคนใหม่ของฝ่ายชาย ละนางก็หายไปซักพัก ละมาแจ้งกับเราว่าจะแจ้งฝ่ายชายให้นะคะ นางก็ถามว่า
"ละเป็นไรกันคะ เลยบอกเคยคบกัน " นางคนใหม่เลยว่า "อ๋อหราคะ งั้นเดี๋ยวจะบอกว่าเจ้าหนี้ทักมานะคะ "
เราก็สบายใจหน่อย เพราะคิดว่าฝ่ายหญิงใหม่เป็นคนขยัน ครอบครัวมีธุรกิจ น่าจะเป็นคนซื่อตรง และก็เห็นทั้งคู่ช่วยกันทำมาหากินดิบดี หาสัตว์มาเลี้ยงด้วยกัน เพราะฝ่ายชายชอบสัตว์ทุกอย่าง ฝ่ายหญิงใหม่ก็ตามใจทุกอย่าง ฝ่ายชายอยากกินอะไรย่อมได้กินจนอิ่ม แต่เวลาก็ล่วงเลยมา จนถึงเดี๋ยวนี้ก็ไม่มีการพูดถึงเงินที่ยืมจะคืนยังไงตอนไหน และฝ่ายชายก็บล็อกเฟซบุ๊คฝ่ายหญิงหนีหนี้ไปดื้อๆเลยนะนี่
เชื่อว่า สรุปนิทานเรื่องนี้สอนใครๆได้หลายคน ไม่ว่าจะชายหรือหญิง ว่าซักวันหนึ่ง เราอาจพบมิจ ในรูปแบบของคนที่มาแกล้งรักเรา เพื่อหวังผลประโยชน์ เพราะฉะนั้นควรมีสติ เอ็นดูและเมตตาเขา เอ็นเราขาดจนเสียเส้นค้าบ 😅😅😅😅