เพื่อนที่คิดว่าสนิทแต่....ไม่สนิท

- เรื่องเริ่มเกิดตอนปี4 ช่วงที่กำลังหาที่ฝึกงาน เรามีกันอยู่2คน และเพื่อนอีก2คนที่แค่เป็นเพื่อนร่วมงาน ก่อนหน้าคุยกันว่าจะไปฝึกงานกันที่ไหนพอเราบอกว่าจะฝึกแถวบ้านดันอยากมากับเราแล้วบอกให้เราหาเผื่อเพื่อนอีกสองคน เราเลยคิดว่าถ้าเพื่อนมาฝึกกับเรามันก็ไกลเกินเราเลยหาที่ใหม่ให้จนได้ที่ใหม่เราเลยเข้าไปสอบถามแต่ดูเพื่อนไม่พอใจกับตำแหน่งที่ได้กันดูคำพูดแต่ละคนคือแบบมาว่าเราว่าเธอเป็นคนชอบถามที่เดียวแล้วจะเอาเลยทำไมไม่ลองหาที่อื่นดูก่อนค่อยตัดสินใจ เราไม่ตอบกลับไร (ตอนนั้นก็เริ่มนอยๆแบบนำตาคลอแล้ว แอบคิดในใจกูผิดไรทั้งที่กูเป็นคนหาข้อมูลทั้งสอบถามให้ถ้าไม่ทำก็บอกแค่ไม่ทำจบแยกย้ายกัน ถ้าเป็นคนอื่นไม่รู้สึกแย่เท่ากับเพื่อนคนนี้พูดหรอกนะทั้งที่มีกันแค่2คน) พอผ่านไปอาทิตย์ต่อไปเราเลยตัดสินใจบอกเพื่อนคนนี้ว่าเธอไปกับเพื่อนเลยก็ได้เค้าจะทำที่นี้คนเดียวก็ได้ไม่เป็นไร แต่นางบอกเองว่าทำที่นี้แหละใกล้หอดีจะได้ไม่ต้องย้ายหอ ส่วนเพื่อนอีกสองเขาย้ายไปทำในเมืองกันก็คอยชวนเพื่อนเราไปทำด้วยกันคำพูดก็ดูเน็บๆเรา  เหมือนว่าเราที่ได้ยินชัดสุดตอนชวนกันคือ ไปทำด้วยกันจะได้มีเพื่อนจะได้ไม่เหงา (พอเราได้ยินคำนั้นคือเราไม่ใช้เพื่อนมันหรอ) พักหลังเพื่อนสองคนนั้นก็จะคุยแค่กับเพื่อนเราจะมองข้ามเรา ส่วนเพื่อนเราก็มีอะไรก็จะคุยกับสองคนนั้นขนาดงานก็คุยกันกับสองคนนั้นปล่อยเราไม่ได้ส่งคนเดียวแต่เราก็ไม่ได้ติดใจไรมากหรอก พอนางไม่มาเรียนเราก็มาเรียนคนเดียว นางจะทักถามสองคนนั้นตลอดว่ามีอะไรบ้างถามนั้นนี้แต่ดันมาขอโน๊ตสรุปกับเราเหมือนเดิม หนักสุดก็หลังส่งเอกสารฝึกงานสักพักมาบอกเราว่าจะไม่ไปฝึกกับเราจะย้ายหอจะไปทำในเมืองจะไปทำกับเพื่อนอีกสองคน มาบอกว่าเราไปทำคนเดียวได้ใช่มั้ยถ้าไม่ได้เดียวอยู่ทำด้วย เราก็ได้แต่บอกว่าไปเลยเราทำได้จะได้ใกล้หอเธอ สรุปนางไปจริงก็คิดไว้แล้วแหละต้องเป็นแบบนั้นเพราะนางดูสนิทกับเพื่อนสองคนนั้นมากขึ้นแล้วเวลามีเพื่อนสองคนนั้นเราคืออากาศเลย จะเห็นเราก็แค่ขอสรุปหลังเรียนกับตอนไม่มีเพื่อนสองคนนั้น ตอนนั้นเราเลยตัดสินในหาที่ฝึกใหม่เราเลยบอกนางว่าจะไปทำแถวบ้านนางก็รับรู้ไม่ได้สนใจไรเพราะนางก็รีบจะไปติดต่อที่ฝึกเพราะเพื่อนจำข้อมูลที่อยู่ที่ฝึกไม่ได้นางเลยต้องไปเอง ส่วนเราก็แยกมาหาที่ฝึกใหม่ให้น้าช่วยคุยกับผจก.แต่สรุปคือเขาไม่รับแล้วเพราะหัวหน้าระดับภาคเขาไม่รับ นอกจากจะไม่มีที่ให้ฝึกจริงพจก.ถึงจะไปขอร้องให้ เราเลยรู้สึกเกรงใจผจก.เพราะมันจะดูวุ่นวายเพราะเราคนเดียว แม่เลยไปถาาญาติให้มีที่ฝึกที่อบต.ว่างอยู่แต่อาจารย์บอกฝึกไม่ได้หน่วยงานเล็กเกินไปเป็นเส้าเลย แต่ก็รู้สึกเสียดายมากกลับมาย้อนคิดถ้าตอนนั้นเราไม่เต็มที่กับเพื่อนเกินไปเห็นแก่ตัวขึ้นมาหน่อยคงไม่ต้องไปฝึกไกลบ้านให้เสียเงินคงไม่ต้องรู้สึกแย่แบบนี้ สุดท้ายเราได้ทำที่เดิม ส่วนเพื่อนเราก็ทักมาตอนเย็นทักมาบอกว่าที่ที่นางไปฝึกมันเต็ม แล้วมาถามเราว่าเราได้ที่ฝึกยังหาเผื่อหน่อยจะไปด้วย เราบอกว่าเราก็หาไม่ได้คงได้ทำที่เดิม เราเลยแนะนำนางไปทำกับเพื่อนคนนั้นสิไปที่นี้สิจะได้ใกล้หอเธอ (บอกตามตรงว่าไม่อยากทำกับนางเลย รู้สึกแย่มากกับหลายๆเรื่องอยากแยกจากนาง นางเป็นคนดูลังเลตัดสินใจไม่เด็ดขาดเราเลยหงุดหงิดมากๆ เลยแนะนำไปทำที่อื่น) สรุปนางมาบอกเราว่าจะกลับมาทำกับเรา ไอ้ที่เราแนะนำไปใกล้ๆหอนางนางก็ไม่ไปติดต่อ ส่วนแนะนำให้ไปหาเพื่อนคนนี้ก็ดูลังเลว่าจะไปดีมั้ยจนเพื่อนได้มาถามอีกรอบก็ปฏิเสธเพื่อนอีก นางก็ไปปรึกษาเพื่อนสองคนนั้นก็เห็นเขาชวนไปหาที่ใหม่อยู่นะว่าพวกนางทำที่ไหนก็ได้แต่เพื่อนเรานางก็ดูลังเลอีกบอกเพื่อนอีกว่าก็คงมาทำกับเราแหละ เพื่อนพวกนั้นคงคิดว่าเราเห็นแก่ตัวแหละว่าเพื่อนตัวเองยังหาที่ไม่ได้ทำไมเหมือนพวกนางที่ยอมจะย้ายไปกับเพื่อนเรา แถมพูดแค่กับเพื่อนเรา นั่งอยู่ด้วยกันเมินเราเป็นอากาศหมด

- แต่เรื่องนี้ก็สรุปยังไม่ได้ว่าเพื่อนเราจะฝึกที่ไหนเพราะนางลังเลอยู่ซึ่งเราก็ไม่ได้สนใจแล้วด้วยเหนื่อย เหตุผลนางดูย้อนแย้งไปหมด แล้วแต่นางเลยโตแล้วคิดเอาเลย เราก็เต็มที่ด้วยสุดๆแล้ว

ตั้งแต่วันนั้นเราเริ่มปลงกับทุกอย่างเรียนเสร็จคือกลับบ้านเลย ถ้ามีเรียบบ่ายก็จะรีบกินข้าวรีบขึ้นห้องเรียนไปหาที่นอนจะพูดกับนางให้น้อยที่สุด จะคุยมากก็แค่เรื่องงานกลุ่มนอกเหนือจากนี้ก็ต่างคนต่างอยู่ นางไม่มีเรานางก็มีเพื่อนสองคนนั้นอยู่แล้ว สวนเราไม่มีนางเราก็อยู่ได้อยู่แล้วแถมสบายใจขึ้นด้วยไม่ต้องมาคอยแบกใครให้เป็นภาระ งานกลุ่มอะไรก็ไม่รู้คิดอะไรอยู่แค่คนเดียวปรึกษาใครก็ไม่รู้เรื่อง ไม่มีคำตอบ สรุปกูทำข้อมูลเองหมดคนอื่นแค่ตกแต่ง ตัดภาพไปที่กลุ่มอื่นคือช่วยกันคิดหาคำตอบ แสดงความคิดเห็นกัน ดูสภาพกลุ่มตัวเองหัวจะปวด

ได้ข้อคิดมาเยอะเหมือนกันจากเหตุการณ์นี้ว่า
- แค่เพื่อนพบกันเดี๋ยวก็จากกัน ควรให้ใจแค่50 และอย่าไปคาดหวังว่าตัวเองจะได้กลับมาเหมือนที่ทำกับเพื่อน
- เป็นคนดีมันก็ไม่ได้แย่หรอก แต่ก็ควรดีพอประมาณก็พออย่าแสนดีเกินไปเพราะคนที่ได้รับไปไม่รู้ว่าเขาร้บรู้ได้มากน้อยแค่ไหน เพราะคนเราส่วนใหญ่ตอนตัวเองจะลำบากก็จะเห็นแก่ตัวกันทั้งนั้นซึ่งมันเป็นเรื่องธรรมชาติ
- ก็ที่จะห่วงคนอื่นอย่าลืมห่วงตัวเองบ้าง รักตัวเองมากๆ แคร์ตัวเองมากๆ ไม่มีใครแค่เราเท่าเราแคร์ตัวเองแล้ว 

ข้อคิดจากแม่เรา คือบอกเราว่า
สมน้ำหน้า อะไรๆก็ติดที่เพื่อน เพื่อนอย่างนั้นอย่างนี้ บอกหลายรอบแล้วเป็นไงสุดท้ายตัวคนเดียว มีเพื่อนคนไหนมาแคร์บ้างมั้ยนอกจากแม่กับญาติๆ แทนที่จะได้ทำใกล้ๆไม่ต้องขับรถไปไกลอันตรายๆ นี้แหละจำเอาไว้เอาตัวเองให้มันรอด เพื่อนมันไม่ได้อยู่กับตลอด เพื่อนมีไว้เป็นแค่สังคมก็พอ

ฟังแม่จบคือเดินแอบมาร้องไห้คนเดียวเลย ภาพเรื่องราวต่างๆวิ่งเข้ามาในหัวเลยอ่ะ

บทเรียนชีวิตนี่แค่ตอนเรียนยังขาดนี้ ต่อไปในอนาคตโลกของวัยทำงานคงยังมีบทเรียนที่รอเราอยู่อีกสินะ

ตอนนี้ก็แอบหน่วงๆ พยายามจะไม่คิดอะไรแล้ว เวลาเพื่อนทำเราเป็นอากาศแต่มันก็ดูเฟลๆนอยๆอยู่ดีดูซึมไปเลยอ่ะ สามารแนะนำเราได้เลยนะว่าจะต้องยังไงไม่ให้ดูซึมจนแบบคุยกับเพื่อนคนอื่นฉันยังซึมเลยอ่ะทั้งที่เพื่อนเห็นฉันเดินคนเดียวแล้วเข้ามาเดินคุยเป็นเพื่อน
แก้ไขข้อความเมื่อ

แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่