My WINter is warm.
เป็นประโยคที่อาจจะดูแปลกๆ แต่สำหรับผมมันก็หมายความแบบนั้นจริงๆ ผมไม่ชอบอากาศร้อน ผมไม่ชอบความเหนียวเหนอะหนะ ผมชอบอากาศเย็นมากๆ ตอนเด็กๆ นี่ก็มักจะพูดเล่นๆ กับเพื่อนว่า “กูยอมหนาวตายดีกว่าร้อนตาย” ทั้งๆ ที่หนาวตายทรมาณกว่าเยอะเลย
ความจริงก็ไม่มีใครอยากใช้ชีวิตอยู่บนความทรมาณ ไม่มีใครอยากอดทนอยู่ในที่ที่ไม่ก่อให้เกิดความสุข แต่บางทีก็ยอมทนอยู่เพราะไม่กล้าก้าวออกไปที่อื่น เพราะไม่รู้ว่ามันจะดีขึ้นกว่าเดิมมั้ย เรื่องแบบนี้จะมีใครมารับประกันให้ได้ ผมก็ยอมอยู่ไปจนกว่ามันจะแย่จนอยู่ไม่ได้และยอมเดินออกไปเองนั่นแหละ
ผมเชื่อมาตลอดว่าผมเป็นคนเข็มแข็งมาก ใจผมแข็งแกร่งจนไม่มีอะไรมาทำอะไรได้เพราะเมื่อไหร่ที่มีอะไรมารบกวนจิตใจผมก็มักจะปิดสวิทช์ความรู้สึกตัวเองซะ พอมันผ่านไปเด่วก็ไม่มีอะไรน่ารำคาญใจละ แต่แล้วผมก็ชินกับการปิดสวิทช์จนความรู้สึกดีๆ มันก็ถูกปิดไปด้วย จริงๆ เวลาที่เราคิดว่าเราปิดกั้นความรู้สึกไว้มันจะดีสำหรับเราและความรู้สึกไม่ดีมันจะระเหยกลายเป็นไอไป แต่จริงๆ แล้วมันกำลังสะสมเป็นแรงอัดอั้นในใจโดยที่เราไม่รู้ตัว แต่ก็นั่นแหละมันไม่รู้ตัวงัยมันก็อัดอั้นไปเรื่อยๆ
มันก็มาถึงวันนึงที่พื้นที่สะสมความรู้สึกมันเต็ม เวลาที่อะไรมันเก็บไว้จนเต็มมันก็ล้นอกมา บางทีขับรถอยู่ก็อยากร้องไห้ ดูยูทูปแล้วก็อยากหัวเราะดังๆ หรือเรื่องที่ไม่ควรขำก็หัวเราะออกมาซะเลย เพราะก็ไม่รู้อีกนั่นแหละว่ามันคือสิ่งที่อัดอั้นอยู่ข้างในมาตลอดกี่ปีแล้วก็ไม่รู้
ผมโตมากับการเก็บความรู้สึกไม่อยากให้ใครรู้ว่าเราเจ็บ ปวด เศร้า เสียใจ สุข สมหวัง เพราะกลัวว่าความรู้สึกของเราจะไปเป็นภาระในใจคนอื่น กว่าจะรู้ตัวว่าเราไม่ควรคิดแทนคนอื่นผมก็อายุ 40 ละ จุดที่เศร้าที่สุดของผมก็คือชีวิตคู่ที่ผมเลือกจะอดทนสะสมความไม่ชอบไว้จนมันเป็นพิษต่อใจจนผมทนไม่ไหว แต่แล้วมันก็มาถึงจุดเปลี่ยนแหละ
ไม่กี่ปีที่ผ่านมาใจที่เหมือนแช่อยู่ในฤดูหนาวก็พบความอบอุ่นแผ่วาบเข้ามา แปลกดีนะผมก็พยายามกดมันเอาไว้กลัวว่าจะเสียฟอร์มที่เก็บไว้มาตลอด แล้วใครจะไปรู้ว่าในที่สุดความเย็นยะเยือกหายไปตอนไหนไม่รู้ อยู่ดีๆ มันอบอุ่นขึ้นเรื่อยๆ แล้วหัวใจที่แช่แข็งมานานมันก็เหมือนได้เริ่มเต้นตุ๊บๆ อย่างเป็นธรรมชาติ พอมันเต้นมันก็มีเหมือนมีชีวิตขึ้นมาใหม่ ผมเริ่มรับรู้ถึงความรู้สึกรัก เริ่มเห็นความโกรธที่สะสมไว้ทะลักออกมาจนหมด และเริ่มกล้าแชร์ความรู้สึกตัวเองกับคนรอบตัวมากขึ้นด้วยล่ะ มันก็ไม่ได้แย่เลยนี่หว่า
น่าเสียดายนะที่ผมยอมอยู่มาเกือบครึ่งชีวิตกว่าจะได้รับรู้ว่าการมีชีวิตจริงๆ มันเป็นยังงัย แต่ไม่เป็นไร
“ทุกอย่างมีเวลาของมันแหละมันไม่ได้มาช้าไปแต่มันมาในเวลาที่เหมาะสมสำหรับเราเสมอ”
แม้ช่วงชีวิตตอนนี้ของผมมันจะรายล้อมไปด้วยฤดูหนาวแต่สำหรับใจของผมมันก็อบอุ่นมากๆ ผมใช้ชีวิตอยู่กับคนที่ผมรู้สึกรักและรักผมโดยไม่ได้คาดหวังอะไรเลยจริงๆ
ขอบคุณมากๆ นะที่รักพี่มากขนาดนี้
ขอบคุณมากๆ นะที่เลือกพี่ทั้งๆ มีอีกหลายคนที่พร้อมกว่าในวันที่เราเริ่มต้น
ขอบคุณมากๆ นะที่จับมือพี่ในวันที่ยากที่สุดของชีวิตพี่
ขอบคุณนะที่อ่านมาถึงตรงนี้ จับมือกันไว้แล้ว……….อย่าปล่อยมือนะ
เพราะแบบนี้แหละ My WINter is warm เสมอ ^^
รักที่สุด
My WINter is warm...^^
เป็นประโยคที่อาจจะดูแปลกๆ แต่สำหรับผมมันก็หมายความแบบนั้นจริงๆ ผมไม่ชอบอากาศร้อน ผมไม่ชอบความเหนียวเหนอะหนะ ผมชอบอากาศเย็นมากๆ ตอนเด็กๆ นี่ก็มักจะพูดเล่นๆ กับเพื่อนว่า “กูยอมหนาวตายดีกว่าร้อนตาย” ทั้งๆ ที่หนาวตายทรมาณกว่าเยอะเลย
ความจริงก็ไม่มีใครอยากใช้ชีวิตอยู่บนความทรมาณ ไม่มีใครอยากอดทนอยู่ในที่ที่ไม่ก่อให้เกิดความสุข แต่บางทีก็ยอมทนอยู่เพราะไม่กล้าก้าวออกไปที่อื่น เพราะไม่รู้ว่ามันจะดีขึ้นกว่าเดิมมั้ย เรื่องแบบนี้จะมีใครมารับประกันให้ได้ ผมก็ยอมอยู่ไปจนกว่ามันจะแย่จนอยู่ไม่ได้และยอมเดินออกไปเองนั่นแหละ
ผมเชื่อมาตลอดว่าผมเป็นคนเข็มแข็งมาก ใจผมแข็งแกร่งจนไม่มีอะไรมาทำอะไรได้เพราะเมื่อไหร่ที่มีอะไรมารบกวนจิตใจผมก็มักจะปิดสวิทช์ความรู้สึกตัวเองซะ พอมันผ่านไปเด่วก็ไม่มีอะไรน่ารำคาญใจละ แต่แล้วผมก็ชินกับการปิดสวิทช์จนความรู้สึกดีๆ มันก็ถูกปิดไปด้วย จริงๆ เวลาที่เราคิดว่าเราปิดกั้นความรู้สึกไว้มันจะดีสำหรับเราและความรู้สึกไม่ดีมันจะระเหยกลายเป็นไอไป แต่จริงๆ แล้วมันกำลังสะสมเป็นแรงอัดอั้นในใจโดยที่เราไม่รู้ตัว แต่ก็นั่นแหละมันไม่รู้ตัวงัยมันก็อัดอั้นไปเรื่อยๆ
มันก็มาถึงวันนึงที่พื้นที่สะสมความรู้สึกมันเต็ม เวลาที่อะไรมันเก็บไว้จนเต็มมันก็ล้นอกมา บางทีขับรถอยู่ก็อยากร้องไห้ ดูยูทูปแล้วก็อยากหัวเราะดังๆ หรือเรื่องที่ไม่ควรขำก็หัวเราะออกมาซะเลย เพราะก็ไม่รู้อีกนั่นแหละว่ามันคือสิ่งที่อัดอั้นอยู่ข้างในมาตลอดกี่ปีแล้วก็ไม่รู้
ผมโตมากับการเก็บความรู้สึกไม่อยากให้ใครรู้ว่าเราเจ็บ ปวด เศร้า เสียใจ สุข สมหวัง เพราะกลัวว่าความรู้สึกของเราจะไปเป็นภาระในใจคนอื่น กว่าจะรู้ตัวว่าเราไม่ควรคิดแทนคนอื่นผมก็อายุ 40 ละ จุดที่เศร้าที่สุดของผมก็คือชีวิตคู่ที่ผมเลือกจะอดทนสะสมความไม่ชอบไว้จนมันเป็นพิษต่อใจจนผมทนไม่ไหว แต่แล้วมันก็มาถึงจุดเปลี่ยนแหละ
ไม่กี่ปีที่ผ่านมาใจที่เหมือนแช่อยู่ในฤดูหนาวก็พบความอบอุ่นแผ่วาบเข้ามา แปลกดีนะผมก็พยายามกดมันเอาไว้กลัวว่าจะเสียฟอร์มที่เก็บไว้มาตลอด แล้วใครจะไปรู้ว่าในที่สุดความเย็นยะเยือกหายไปตอนไหนไม่รู้ อยู่ดีๆ มันอบอุ่นขึ้นเรื่อยๆ แล้วหัวใจที่แช่แข็งมานานมันก็เหมือนได้เริ่มเต้นตุ๊บๆ อย่างเป็นธรรมชาติ พอมันเต้นมันก็มีเหมือนมีชีวิตขึ้นมาใหม่ ผมเริ่มรับรู้ถึงความรู้สึกรัก เริ่มเห็นความโกรธที่สะสมไว้ทะลักออกมาจนหมด และเริ่มกล้าแชร์ความรู้สึกตัวเองกับคนรอบตัวมากขึ้นด้วยล่ะ มันก็ไม่ได้แย่เลยนี่หว่า
น่าเสียดายนะที่ผมยอมอยู่มาเกือบครึ่งชีวิตกว่าจะได้รับรู้ว่าการมีชีวิตจริงๆ มันเป็นยังงัย แต่ไม่เป็นไร
“ทุกอย่างมีเวลาของมันแหละมันไม่ได้มาช้าไปแต่มันมาในเวลาที่เหมาะสมสำหรับเราเสมอ”
แม้ช่วงชีวิตตอนนี้ของผมมันจะรายล้อมไปด้วยฤดูหนาวแต่สำหรับใจของผมมันก็อบอุ่นมากๆ ผมใช้ชีวิตอยู่กับคนที่ผมรู้สึกรักและรักผมโดยไม่ได้คาดหวังอะไรเลยจริงๆ
ขอบคุณมากๆ นะที่รักพี่มากขนาดนี้
ขอบคุณมากๆ นะที่เลือกพี่ทั้งๆ มีอีกหลายคนที่พร้อมกว่าในวันที่เราเริ่มต้น
ขอบคุณมากๆ นะที่จับมือพี่ในวันที่ยากที่สุดของชีวิตพี่
ขอบคุณนะที่อ่านมาถึงตรงนี้ จับมือกันไว้แล้ว……….อย่าปล่อยมือนะ
เพราะแบบนี้แหละ My WINter is warm เสมอ ^^
รักที่สุด