“กรรมปรามาสธรรมพระเถระ”
“ปลายเดือนมีนาคม ๒๕๔๐ หลวงปู่ท่อนท่านให้มาเฝ้าวัดให้ท่าน พักอยู่กับหลวงปู่ท่อนที่วัดศรีอภัยวัน
หลวงปู่ท่อนเล่าให้ฟังตอนท่านบวชได้สาม-สี่พรรษา ท่านเคยประมาทพระเถระผู้เฒ่าองค์หนึ่ง
ซึ่งตอนนั้นหลวงปู่ท่อนท่านบอกถ้ามองลักษณะภายนอกพระเถระผู้เฒ่าองค์นี้ท่านดูไม่น่าเลื่อมใส
หลวงปู่ท่อนท่านจึงนึกประมาทพระเถระผู้เฒ่าองค์นี้ในใจ..
หลังจากท่านประมาทในภูมิธรรมของพระเถระผู้เฒ่าองค์นี้แล้ว
ต่อมา ปรากฏว่าเวลาท่านภาวนา จิตของท่านจะลงไม่ถึงความสงบเหมือนแต่ก่อน
ทั้งที่แต่ก่อนเวลาภาวนาจิตของท่านจะลงพรวดถึงฐานจิตของสมถะภาวนาได้โดยง่าย
นับแต่วันที่ท่านประมาทในธรรมของพระเถระผู้เฒ่าท่านนี้มา
จิตของท่านก็กระด้างกระเดื่องในธรรมเพราะกรรมประมาทในธรรมของพระอริยะที่ตนไม่รู้
กรรมนี้จึงส่งผลให้ท่านจิตมัวใจหมองเพราะอกุศลกรรม..
ท่านบอก บางครั้งเราต้องเอาสติเข่นบังคับจิตให้ลงสู่ความสงบ
ไม่ต่างอะไรกับเราเอามือข่มลูกฟุตบอลเพื่อให้มันจมลงไปในน้ำ
พอปล่อยมือออกแล้วลูกฟุตบอลนั้นก็จะเด้งขึ้นตามแรงกด
ท่านอุปมาภายนอกเพื่อเทียบภายในให้ฟัง..
ท่านบอก จิตเราตอนนั้นสงบลงไม่จริง จิตอยู่ได้แค่อุปจาระ
เฉียดไปเฉียดมา อยู่อย่างนั้น ครั้นจะลงถึงสว่างสดใสในชั้นสมถะ
ทำอย่างไรมันก็ไปไม่ถึงดั่งที่ตนเองเคยเป็นมา..
ท่านบอกพอท่านภาวนาจิตสงบลงพอวับแวม
จะปรากฏเป็นเงาดำทรงกลมขนาดประมาณเท่ากระด้งหรือถาดพาข้าวมาขวางกั้นจิต
จิตของท่านจะเป็นลักษณะแบบนี้อยู่นานร่วมเดือน
ท่านสงสัยในอาการที่จิตของตนเองเป็นแบบนี้
ท่านเองก็ไม่สามารถหาเหตุผลเพื่อแก้ไขจิตของตนเองได้ในขณะนั้น
หลังจากหลวงปู่ท่อนท่านกลับจากเที่ยววิเวกแถวเขตอำเภอท่าลี่ ท่านจึงนำเรื่องนี้ไปปรึกษากับ
พระคุณเจ้าหลวงปู่คำดี ปภาโส ที่ วัดถ้ำผาปู่ ต.นาอ้อ อ.เมือง จ.เลย
เพื่อให้พ่อแม่ครูบาอาจารย์หลวงปู่คำดีท่านช่วยแก้ไข..
ตอนนั้นหลวงปู่ท่อนท่านบอกหลวงปู่คำดีแค่อาการของจิตที่ตนเองกำลังเป็นอยู่
ท่านยังไม่ได้บอกหลวงปู่คำดีว่าท่านได้นึกประมาทพระเถระผู้เฒ่าองค์หนึ่ง
หลวงปู่คำดีท่านชี้ชัดให้ท่านฟังว่า..
“ ท่านท่อน ที่จิตของท่านเป็นแบบนี้ในเวลาภาวนา มันเกิดจากกรรมที่ท่านได้ไปประมาทท่านผู้รู้ธรรม
กรรมนี้จึงส่งผลบาปรบกวนจิตของท่านในเวลาที่ท่านภาวนา
ให้ท่านระลึกดูซิว่าท่านได้ไปประมาทธรรมท่านผู้หนึ่งผู้ใดไว้หรือไม่
ถ้าท่านหลงไปประมาทพลาดพลั้งท่านผู้รู้ธรรมแล้ว ก็ให้ท่านรีบไปขอขมาท่านเสีย
อย่าทิ้งวันทิ้งคืนไว้นานมันไม่เป็นผลดีกับจิตท่าน จิตท่านมันจะวิบัติมากไปกว่านี้ ”..
พอหลวงปู่คำดีท่านว่ามาแบบนี้ หลวงปู่ท่อนท่านบอกตอนนั้นเราใจเสียหมดเลย
คิดแวบออกได้ทันทีว่าเราเคยประมาทภูมิข้างในของหลวงพ่อ…ว่าท่านไม่รู้จริง
ตอนนั้นตนเองก็ไม่รู้ว่าจะทำยังไงดีเพราะพระเถระผู้เฒ่าท่านนี้ก็เพิ่งจะมรณะภาพไปได้ไม่นาน
เราจึงกราบเรียนเรื่องนี้กับหลวงปู่คำดีเพื่อให้ท่านช่วยหาหนทางแก้ไขให้ตนเอง..
หลวงปู่คำดีท่านบอกว่า “ เมื่อท่านมรณะภาพไปแล้วก็ให้ท่านท่อนไปกราบขอขมาที่สถูปกองฟอนของท่าน
ให้ท่านท่อนน้อมจิตน้อมใจกราบขมาขออภัยกับท่านพระเถระ
ถ้าท่านทำแบบนี้แล้วกรรมของท่านก็จะพ้นไปได้เอง เพราะกรรมนี้ไม่ใช่เวรจองกรรม ”..
หลวงปู่ท่อนท่านจึงเดินทางไปกราบสถูปธาตุพระเถระผู้เฒ่าที่ท่านเคยประมาทล่วงเกิน
ท่านน้อมกราบขอขมาลาโทษกรรมที่ตนเองได้เคยประมาทพลาดพลั้งต่อพระเถระผู้เฒ่า..
หลวงปู่ท่อนท่านบอก “ พอจิตใจเราเบาแล้ว เราก็นั่งภาวนาอยู่ข้างเชิงตะกอนที่เผาสรีระพระผู้เฒ่าเพื่อน้อมถวายท่าน
เรานั่งภาวนาไม่นานจิตเราก็ลงพรวดสว่างไสวขึ้นมาทันที จิตแต่ก่อนเคยเป็นอย่างไร ทุกอย่างก็กลับมาคืนมาเหมือนเดิม ”..
“ พอจิตอิ่มในความสงบแล้ว เราถอยออกมาพิจารณาในอกุศลธรรม
ปัญญาก็พิจารณาละบาปอกุศลในจิตออกทันที
เวลาพิจารณาปัญญาไหลออกพรวดๆดั่งสายน้ำหลากลงจากภูเขา
จิตปิดบาปอกุศล จิตใจมีความเชื่อมั่นใน พระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์ และกรรมอย่างหนักแน่นไม่เสื่อมถอย
ตั้งแต่นั้นมาจิตเราก็ไม่เคยเสื่อมอีกเลย จิตยืนได้ด้วยกำลังของตนเอง “..
” ธรรมเป็นอกาลิโกกำหนดคาดหมายไม่ได้ พอความสมบูรณ์ของบุญวาสนามาถึงพร้อมกับความเพียรแล้ว
ทุกอย่างมันจะเกิดขึ้นเองคาดหมายเวล่ำเวลาไม่ได้ ”..
หลวงปู่ท่อนท่านบอก
“กรรมประมาทในท่านผู้ทรงธรรมนี้เห็นผลในทันตา
อย่างน้อยจิตใจมัวหมอง มีฤทธิ์ก็เสื่อมฤทธิ์ มีฌานก็เสื่อมฌาน
มุ่งหวังความสงบได้ยาก ตายไปก็ตกอบายภูมิ
ถ้ารู้ตนรู้ตัวว่าตนเองเป็นแบบนี้ก็ให้รีบแก้ในปัจจุบันทันทีอย่าทิ้งไว้นาน
พอตายไปแล้วมันแก้ไขไม่ได้ มันสายไปแล้วต้องรับผลกรรมเพียงอย่างเดียว
หนักหรือเบาขึ้นอยู่กับการกระทำกรรมของตน..”
พระราชญาณวิสุทธิโสภณ(หลวงปู่ท่อน ญาณธโร)
วัดศรีอภัยวงศ์ อ.เมือง จ.เลย
คัดลอกจาก
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้https://www.facebook.com/113021843402613/photos/a.113539880017476/192550618783068/?type=3&eid=ARCMFPM9DENoif0fQAYHhylYmD66R1VaYMqKTTt9iMxueA7mKaIfZEXab88Z04lLFs1vLxJhSqhMA6yg&locale=es_ES
กรรมปรามาสธรรมพระเถระ
“กรรมปรามาสธรรมพระเถระ”
“ปลายเดือนมีนาคม ๒๕๔๐ หลวงปู่ท่อนท่านให้มาเฝ้าวัดให้ท่าน พักอยู่กับหลวงปู่ท่อนที่วัดศรีอภัยวัน
หลวงปู่ท่อนเล่าให้ฟังตอนท่านบวชได้สาม-สี่พรรษา ท่านเคยประมาทพระเถระผู้เฒ่าองค์หนึ่ง
ซึ่งตอนนั้นหลวงปู่ท่อนท่านบอกถ้ามองลักษณะภายนอกพระเถระผู้เฒ่าองค์นี้ท่านดูไม่น่าเลื่อมใส
หลวงปู่ท่อนท่านจึงนึกประมาทพระเถระผู้เฒ่าองค์นี้ในใจ..
หลังจากท่านประมาทในภูมิธรรมของพระเถระผู้เฒ่าองค์นี้แล้ว
ต่อมา ปรากฏว่าเวลาท่านภาวนา จิตของท่านจะลงไม่ถึงความสงบเหมือนแต่ก่อน
ทั้งที่แต่ก่อนเวลาภาวนาจิตของท่านจะลงพรวดถึงฐานจิตของสมถะภาวนาได้โดยง่าย
นับแต่วันที่ท่านประมาทในธรรมของพระเถระผู้เฒ่าท่านนี้มา
จิตของท่านก็กระด้างกระเดื่องในธรรมเพราะกรรมประมาทในธรรมของพระอริยะที่ตนไม่รู้
กรรมนี้จึงส่งผลให้ท่านจิตมัวใจหมองเพราะอกุศลกรรม..
ท่านบอก บางครั้งเราต้องเอาสติเข่นบังคับจิตให้ลงสู่ความสงบ
ไม่ต่างอะไรกับเราเอามือข่มลูกฟุตบอลเพื่อให้มันจมลงไปในน้ำ
พอปล่อยมือออกแล้วลูกฟุตบอลนั้นก็จะเด้งขึ้นตามแรงกด
ท่านอุปมาภายนอกเพื่อเทียบภายในให้ฟัง..
ท่านบอก จิตเราตอนนั้นสงบลงไม่จริง จิตอยู่ได้แค่อุปจาระ
เฉียดไปเฉียดมา อยู่อย่างนั้น ครั้นจะลงถึงสว่างสดใสในชั้นสมถะ
ทำอย่างไรมันก็ไปไม่ถึงดั่งที่ตนเองเคยเป็นมา..
ท่านบอกพอท่านภาวนาจิตสงบลงพอวับแวม
จะปรากฏเป็นเงาดำทรงกลมขนาดประมาณเท่ากระด้งหรือถาดพาข้าวมาขวางกั้นจิต
จิตของท่านจะเป็นลักษณะแบบนี้อยู่นานร่วมเดือน
ท่านสงสัยในอาการที่จิตของตนเองเป็นแบบนี้
ท่านเองก็ไม่สามารถหาเหตุผลเพื่อแก้ไขจิตของตนเองได้ในขณะนั้น
หลังจากหลวงปู่ท่อนท่านกลับจากเที่ยววิเวกแถวเขตอำเภอท่าลี่ ท่านจึงนำเรื่องนี้ไปปรึกษากับ
พระคุณเจ้าหลวงปู่คำดี ปภาโส ที่ วัดถ้ำผาปู่ ต.นาอ้อ อ.เมือง จ.เลย
เพื่อให้พ่อแม่ครูบาอาจารย์หลวงปู่คำดีท่านช่วยแก้ไข..
ตอนนั้นหลวงปู่ท่อนท่านบอกหลวงปู่คำดีแค่อาการของจิตที่ตนเองกำลังเป็นอยู่
ท่านยังไม่ได้บอกหลวงปู่คำดีว่าท่านได้นึกประมาทพระเถระผู้เฒ่าองค์หนึ่ง
หลวงปู่คำดีท่านชี้ชัดให้ท่านฟังว่า..
“ ท่านท่อน ที่จิตของท่านเป็นแบบนี้ในเวลาภาวนา มันเกิดจากกรรมที่ท่านได้ไปประมาทท่านผู้รู้ธรรม
กรรมนี้จึงส่งผลบาปรบกวนจิตของท่านในเวลาที่ท่านภาวนา
ให้ท่านระลึกดูซิว่าท่านได้ไปประมาทธรรมท่านผู้หนึ่งผู้ใดไว้หรือไม่
ถ้าท่านหลงไปประมาทพลาดพลั้งท่านผู้รู้ธรรมแล้ว ก็ให้ท่านรีบไปขอขมาท่านเสีย
อย่าทิ้งวันทิ้งคืนไว้นานมันไม่เป็นผลดีกับจิตท่าน จิตท่านมันจะวิบัติมากไปกว่านี้ ”..
พอหลวงปู่คำดีท่านว่ามาแบบนี้ หลวงปู่ท่อนท่านบอกตอนนั้นเราใจเสียหมดเลย
คิดแวบออกได้ทันทีว่าเราเคยประมาทภูมิข้างในของหลวงพ่อ…ว่าท่านไม่รู้จริง
ตอนนั้นตนเองก็ไม่รู้ว่าจะทำยังไงดีเพราะพระเถระผู้เฒ่าท่านนี้ก็เพิ่งจะมรณะภาพไปได้ไม่นาน
เราจึงกราบเรียนเรื่องนี้กับหลวงปู่คำดีเพื่อให้ท่านช่วยหาหนทางแก้ไขให้ตนเอง..
หลวงปู่คำดีท่านบอกว่า “ เมื่อท่านมรณะภาพไปแล้วก็ให้ท่านท่อนไปกราบขอขมาที่สถูปกองฟอนของท่าน
ให้ท่านท่อนน้อมจิตน้อมใจกราบขมาขออภัยกับท่านพระเถระ
ถ้าท่านทำแบบนี้แล้วกรรมของท่านก็จะพ้นไปได้เอง เพราะกรรมนี้ไม่ใช่เวรจองกรรม ”..
หลวงปู่ท่อนท่านจึงเดินทางไปกราบสถูปธาตุพระเถระผู้เฒ่าที่ท่านเคยประมาทล่วงเกิน
ท่านน้อมกราบขอขมาลาโทษกรรมที่ตนเองได้เคยประมาทพลาดพลั้งต่อพระเถระผู้เฒ่า..
หลวงปู่ท่อนท่านบอก “ พอจิตใจเราเบาแล้ว เราก็นั่งภาวนาอยู่ข้างเชิงตะกอนที่เผาสรีระพระผู้เฒ่าเพื่อน้อมถวายท่าน
เรานั่งภาวนาไม่นานจิตเราก็ลงพรวดสว่างไสวขึ้นมาทันที จิตแต่ก่อนเคยเป็นอย่างไร ทุกอย่างก็กลับมาคืนมาเหมือนเดิม ”..
“ พอจิตอิ่มในความสงบแล้ว เราถอยออกมาพิจารณาในอกุศลธรรม
ปัญญาก็พิจารณาละบาปอกุศลในจิตออกทันที
เวลาพิจารณาปัญญาไหลออกพรวดๆดั่งสายน้ำหลากลงจากภูเขา
จิตปิดบาปอกุศล จิตใจมีความเชื่อมั่นใน พระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์ และกรรมอย่างหนักแน่นไม่เสื่อมถอย
ตั้งแต่นั้นมาจิตเราก็ไม่เคยเสื่อมอีกเลย จิตยืนได้ด้วยกำลังของตนเอง “..
” ธรรมเป็นอกาลิโกกำหนดคาดหมายไม่ได้ พอความสมบูรณ์ของบุญวาสนามาถึงพร้อมกับความเพียรแล้ว
ทุกอย่างมันจะเกิดขึ้นเองคาดหมายเวล่ำเวลาไม่ได้ ”..
หลวงปู่ท่อนท่านบอก
“กรรมประมาทในท่านผู้ทรงธรรมนี้เห็นผลในทันตา
อย่างน้อยจิตใจมัวหมอง มีฤทธิ์ก็เสื่อมฤทธิ์ มีฌานก็เสื่อมฌาน
มุ่งหวังความสงบได้ยาก ตายไปก็ตกอบายภูมิ
ถ้ารู้ตนรู้ตัวว่าตนเองเป็นแบบนี้ก็ให้รีบแก้ในปัจจุบันทันทีอย่าทิ้งไว้นาน
พอตายไปแล้วมันแก้ไขไม่ได้ มันสายไปแล้วต้องรับผลกรรมเพียงอย่างเดียว
หนักหรือเบาขึ้นอยู่กับการกระทำกรรมของตน..”
พระราชญาณวิสุทธิโสภณ(หลวงปู่ท่อน ญาณธโร)
วัดศรีอภัยวงศ์ อ.เมือง จ.เลย
คัดลอกจาก
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้